การสอนดูจิตที่เข้าใจผิดไปจากความเป็นจริงว่าจิตเกิดดับ

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย ธรรมภูต, 5 มิถุนายน 2010.

  1. wattanadist

    wattanadist เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    162
    ค่าพลัง:
    +1,134
    ตามจริงแล้วผมไม่รุ้อะไรมากนอกจาก นิยามสั้น ๆ ของผมคือ ผมนั่งสมาธิเพื่อ ให้เิกิด สติ มีปัญญา แล้วนึกถึงคำสอนของพระพุทธองค์ ไม่ว่าจะเป็นใน สื่อต่าง ๆ หรือในบทสวดมนต์ แล้วนำมาพิจารณาว่า เป็นจริงทุกประการมั้ย กรรมที่เราก่อนั้นมีอะไรบ้าง หากนึกได้แค่ชาตินี้ก็ให้นึกตั้งแต่ตั้งแต่ เด็กถึงปัจจุบันในขณะรำลึก...แล้วกรรมต่อไปที่อาจจะเกิดล่ะ ทำยังไงไม่ให้เกิด ให้ทำการวางแผนเสียใหม่ในการปฏิบัติตน...ในขณะเดียวกัน ในการทำงานของผมนั้นสับสนวุ่นวายมาก ผมมีลูกน้อง 70 กว่าคนได้(ผมไม่เคยคิดเลยว่าชาตินี้ต้องมามีบริวารอะไรเยอะแยะขนาดนี้) หัวหน้าก็คนต่างชาติกดดัน ทั้งที่ปัญหาชีวิตด้านอื่นก็ยังทำให้ผมเป็นทุกข์อยู่...เวลามีเท่ากัน 24 ชั่วโมงทุก ๆ คน แต่ภาระแต่ละคนไม่เท่ากัน หากแต่ว่า...ผมขอให้ได้นั่งสมาธิในวันที่ผมกำหนดให้ได้ เพื่อให้จิตใจสงบ ปล่อยวาง ระลึกชอบได้ ตัดความหลง ความเป็นตัวตนได้ ระลึกถึงสังขารตัวเองได้ สามารถรู้อารมณ์และจิตของผมที่กลับกลอก เดี๋ยวบางครั้งก็วิ่งดิ่งลงต่ำ เมื่อ กิเลสเข้ามากระทบได้ก็พอ เดี๋ยวบางครั้งก็พุ่งขึ้นสูงในระดับที่เรียกว่า เกิดความดับได้หมด(แต่เพียงชัวขณะนะ)....แล้วก็หมั่นทำบุญอุทิศให้เจ้ากรรมนายเวรให้ตัวเรา ให้ทุกสรรพสิ่ง...หากตัวเราจะบรรลุได้จริงก็คงมีโอกาสได้เจอครูบาอาจารย์ดี ๆ ที่เหมาะแก่่ บารมีในด้านที่เราสั่งสมมา เพื่อให้พัฒนาขึ้นไปในระดับการแยกแยะจิต หรือใช้จิตนั้นตัด ประหัดประหารกิเลสได้หมดสิ้นได้ภายในเวลาอันสั้นของทุกครั้งที่เกิด

    "ความรู้ทางธรรมหรือการปฏิบัติผมยังน้อย แต่ผมก็ได้เริ่มทำแล้ว เห็นความสงบที่เกิดข
     
  2. เต้าเจี้ยว

    เต้าเจี้ยว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 เมษายน 2008
    โพสต์:
    956
    ค่าพลัง:
    +1,697

    สัมมาสมาธิตามหลักอริยมรรคมีองค์8 นี่เขาเป็นไงเหรอ
    เขายิ่งใหญ่กว่าองค์อื่นรึอย่างไร องค์อื่นต้องอาศัยเขาเกิดหรือ
    หรือเขาเป็นเพียงองค์หนึ่ง
    สมาธิคุณไปถึงไหนกันแล้วล่ะ ถ้าคุณจะเริ่มจากสมาธิ

    ส่วนมหาจัตตารีสกะ
    สัมมาสมาธิของพระอริยะ ที่ประกอบด้วยองค์7 ที่เหลือในอริยมรรค
    ถ้าคุณแก้โจทย์ออก คุณจะเข้าเอง ว่าเป็นเพราะอะไร
    จะได้ไม่หลงป่า

    ยกมาแสดงเลยก็ได้

    [๒๕๓] พระผู้มีพระภาคจึงได้ตรัสดังนี้ว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็สัมมาสมาธิ ของพระอริยะ อันมีเหตุ มีองค์ประกอบ คือสัมมาทิฐิ สัมมาสังกัปปะ สัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ สัมมาอาชีวะ สัมมาวายามะ สัมมาสติ เป็นไฉน ดูกรภิกษุทั้งหลาย ความที่จิตมีอารมณ์เป็นหนึ่ง ประกอบแล้วด้วยองค์ ๗ เหล่านี้แล เรียกว่า สัมมาสมาธิของพระอริยะ อันมีเหตุบ้าง มีองค์ประกอบบ้าง ฯ
    [๒๕๔] ดูกรภิกษุทั้งหลาย บรรดาองค์ทั้ง ๗ นั้น สัมมาทิฐิย่อมเป็น ประธาน(ตัวนำ,เป็นใหญ่) ก็สัมมาทิฐิย่อมเป็นประธานอย่างไร คือ ภิกษุรู้จักมิจฉาทิฐิว่ามิจฉาทิฐิ รู้จักสัมมาทิฐิว่าสัมมาทิฐิ ความรู้ของเธอนั้น เป็นสัมมาทิฐิ ฯ

    �. ��Ҩѵ����ʡ�ٵ�

    :boo:
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 กรกฎาคม 2010
  3. บุญพิชิต

    บุญพิชิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    686
    ค่าพลัง:
    +418
    ท่านครับ ผมก็บอกแล้วไงครับว่า ทิฏฐิของผม จิตเป็นอนิจังไม่เที่ยงเกิดดับ
    แต่ท่านมาแย้งว่า จิตไม่เกิดดับ เป็นธาตุรู้ รู้อย่างเดียว ซึ่งผมอ่านดูแล้วใช้
    วิจารณญานประกอบ จิตผมเกิดดับ ของท่านไม่เกิดดับ
    จิตของท่านเป็นธาตุรู้ รู้อย่างเดียว จิตผมเป็นตัวรู้และอารมณ์อื่นๆด้วย

    ฉะนั้นผมก็แปลไปตาม ความหมายที่มัน ตรงข้ามกับผมอย่างสิ้นเชิงว่า
    จิตที่ท่านว่า มันเที่ยง

    เอาว่าไม่เป็นไรครับ ทิฏฐิใครทิฏฐิมัน แต่ผมแปลกใจอยู่อย่างครับว่า.....
    จิตที่ไม่เกิดดับ เป็นธาตุรู้ รู้อย่างเดียว ลักษณะความหมายนี้....
    มันไม่แปลเปลี่ยนหรือสูญสลาย ถ้าเราไม่แปลว่า เที่ยงแล้วเราจะแปล
    เป็นอะไรกันครับ???(งง)

    ท่านจำได้มั้ยครับที่ผมเคยบอกว่า ที่ท่านเข้าใจว่า จิตมีอาการ ก็เพราะ
    จิตท่านไปยึดเอารูปหรือกายมาร่วมด้วย ทั้งหลายทั้งปวงเลยเข้าใจว่า
    อารมณ์เป็นอาการ จิตเป็นอารมณ์ใด กายจะแสดงอาการตามอารมณ์ครับ
    คำนี้ขออธิบายพอเป็น กษัย คำว่าเที่ยงในที่นี้ ตามความเข้าใจของผมเองนะครับ
    มันเป็นสัญญา แต่ไม่ใช่การปรุงแต่งต่อ แต่เป็นสัญญาที่จำได้อย่างแม่นยำ
    สัญญาท่านว่าเกิดดับมั้ยครับ
    ฉะนั้นคำว่าเที่ยงตรงต่อนิพพาน ไม่ได้หมายความว่า ไม่เกิดดับ แต่มัน
    หมายถึง สัญญาที่ไม่ลืมเลือน เมื่อมันผ่านไปแล้วมันก็มาอีก เกิดดับ
    อยู่ตลอดเวลาครับ
    ผมจะอธิบายเพื่อความเข้าใจนะครับ....
    จิตปุถุชน เมื่อเกิดอารมณ์ขึ้น ก็เกิดการปรุงแต่งต่อ สภาวะที่เรียกว่า
    อารมณ์มันดับไปแล้ว เกิดเป็นสังขารต่างๆมาแทนที่ครับ

    จิตไม่ยึดอารมณ์ ไม่ได้หมายความว่า จิตส่วนจิตอารมณ์ส่วนอารมณ์

    แต่หมายความดังนี้ เมื่อเกิดสภาวะอารมณ์ เกิดจิตตัวรู้หลังจากสภาวะ
    จิตที่เป็นอารมณ์ดับไปแล้ว เมื่อรู้แล้วเกิดจิตที่เป็นสติมาแทนที่ ไม่ได้มี
    การปรุงแต่งต่อครับ
     
  4. namotussa

    namotussa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    341
    ค่าพลัง:
    +1,470
    คำสอนที่องค์หลวงปู่มั่นเคยพูดอยู่เสมอๆ<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>
    " ....ท่านทั้งหลายจงอย่าทำตัวเป็นตัวบุ้งตัวหนอนคอยกัดแทะกระดาษแห่งคัมภีร์ ใบลานเปล่าๆ โดยไม่สนใจพิจารณาสัจธรรมอันประเสริฐที่มีอยู่กับตัว แต่มัวไปยึดธรรมที่ศึกษามาฝ่ายเดียว ซึ่งเป็นสมบัติของพระพุทธเจ้า มาเป็นสมบัติของตน ด้วยความเข้าใจผิด ว่าตนเรียนรู้และฉลาดพอตัวแล้ว ทั้งที่กิเลสยังกองเต็มหัวใจ...ยิ่งกว่าภูเขาไฟ มิได้ลดน้อยลงบ้างเลย จงพากันมีสติคอยระวังตัว อย่าให้เป็นคนประเภทใบลานเปล่าๆ เรียนเปล่าและตายทิ้งเปล่า ไม่มีธรรมอันเป็นสมบัติของตัวอย่างแท้จริงติดตัวบ้างเลย"

    <o:p></o:p>
    ขออานิสงส์ในธรรมทานครั้งนี้ ดลบันดาลจิตให้พุทศาสนิกชนและผู้ใฝ่ในธรรมะทั้งหลาย ได้ระลึกถึงธรรมะสติปัฏฐาน สาธุการทุกท่าน<o:p></o:p>
    <!-- google_ad_section_end -->
     
  5. เต้าเจี้ยว

    เต้าเจี้ยว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 เมษายน 2008
    โพสต์:
    956
    ค่าพลัง:
    +1,697
    ในอภิธรรมกล่าวว่า
    นิพพาน เป็น นิจจัง สุขัง แต่เป็นอนัตตา

    ถ้าจะพูดถึงจิตในแง่นิพพานธาตุ(อสังขตะธาคุ) ไม่ใช่ขันธ์ห้าไม่เกิดดับ ก็ไม่แปลก ในอภิธรรมใช้คำว่านิพพานธาตุ
    ถ้าจะพูดถึงจิตในแง่จิตสังขาร(สังขตธาตุหรือขันธฺสี่) ที่เกิดดับ ก็ไม่แปลก ซึ่งในอภิธรรมจะแจกแจงเรื่องจิตไว้ละเอียด เรื่องจิตนี้ไม่ใช่ง่ายถ้าจะสนใจในรายละเอียดต่างๆ

    หากไม่เอารายละเอียดในการศึกษา ไม่ต้องศึกษาอภิธรรม
    เรื่องนี้ก็ไม่ยากเกินเข้าใจ

    แต่ถ้าเอาจิตนิพพานเป็นจิตสังขาร ไม่เกิดดับ
    แล้วไปยืมอาการจากขันธ์ห้ามาจากฟากฟ้าที่ไหนก็ไม่รู้
    ยึดว่าจิตเป็นเรา
    ก็คงไปไหนไม่รอด ซ้ำซากวนเวียน

    แล้วก็เลิกกล่าวตู่สักที ว่าถามแล้วไม่มีใครยอมตอบ
    เขาตอบกันจนระอาแล้ว

    :boo:
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 กรกฎาคม 2010
  6. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,787
    ค่าพลัง:
    +7,918
    แล้ว ไอ้ที่ยกมากล่าว คำสองคำก็ อริยมรรคมีองค์8 นี่ คุณไปเอามาแต่ไหน

    เอามาจากตำราหรือเปล่า อ้างตำราเข้าฟาดฟันคนอื่นอยู่เหรือเปล่า เอาตำรา
    ตั้งเอาตัวเองสอดแทรกเพื่อปรักปรำคนอื่นเป็น มิจฉาทิฏฐิ อยู่หรือเปล่า หาก
    ทำอยู่ แล้วจะไปมารยาทำท่าเขวี้ยงงูอยู่ทำไม

    [music]http://palungjit.org/attachments/a.1030434/[/music]

    [music]http://palungjit.org/attachments/a.1030402/[/music]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 ธันวาคม 2012
  7. บุญพิชิต

    บุญพิชิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    686
    ค่าพลัง:
    +418
    คหนี้ของท่าน ผมไม่เข้าใจว่าท่านต้องการสื่ออะไรนะครับ
    แต่มันมีประโยคที่ผมได้กล่าวเอาไว้"การแสดงคำตอบให้จบเร็วๆคือ
    การอ้างพุทธพจน์"

    ผมขอขยายความครับไม่แน่ใจว่าท่านสับสนหรือเปล่า
    ประโยคนั้นของผมเป็นการกระทบกระเทียบท่านครับ
    มันเป็นการย้อนคำพูดท่านที่ว่า "ผมตอบแบบให้พ้นตัวไปที"

    ฉะนั้นการที่จะให้จบๆพ้นตัว ในทัศน์คติของผมคือ การอ้างพุทธพจน์
    เพราะทำให้อีกฝ่ายไม่อยากเถียงด้วย เพราะเกรงใจผู้มีความศรัทธา
    ต่อคำว่าพุทธพจน์
    แล้วท่านคงเข้าใจนะว่า ผมชอบว่าท่าน ชอบอ้างพุทธพจน์

    ดังนั้นปัญหามันอยู่ที่ว่าเรา ได้ฟังพุทธพจน์จากพระพุทธเจ้าโดยตรงหรือไม่
    ฉะนั้นการอธิบายความ จึงอธิบายไปตามความเข้าใจของเรา ผิดถูกมันก็อีก
    เรื่อง สมาชิกที่อ่านเขาคงใช้วิจารณญานเอง ผมว่าเขาไปปฏิบัติถ้าไม่ใช่
    เขาคงรู้เอง
     
  8. บุญพิชิต

    บุญพิชิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    686
    ค่าพลัง:
    +418
    ผมขออธิบายไปที่ละอย่างครับ การยึดติดกายว่าเป็นของตน คือการที่จิตไป
    ยึดว่ากายเป็นของจิตนั้นๆ แท้จริงไม่ใช่ เพราะกายจะต้องตายเน่าเปือยไป
    มันไม่ได้อยู่กับจิตตลอดไป

    ส่วนที่บอกว่าเราไปยึดจิตเป็นของเรา เราในที่นี้คือจิต ที่เกิดมาแทนจิตเก่าที่
    ดับไป แล้วหลงไปว่า ยังเป็นจิตเดิมไม่เกิดดับ
    แท้จริงแล้ว มันไม่ใช่เราแล้ว เพราะมันแปรเปลี่ยนไปเรื่อยๆ
    อันนี้เป็นทิฏฐิของท่านครับ แต่สำหรับผม จิตเป็นสภาวะที่แปรเปลี่ยนเกิดดับ
    ตลอดเวลา
    แล้วสภาวะที่เรียกว่าจิต มันก็เหมือนกันทุกคน จะต่างกันที่คุณภาพ
    หมายถึงการทำให้เกิดสถาวะที่ เป็นกุศลได้มากหรือน้อยแค่นั้น (อันนี้ผมว่ามัน
    เลยไปมาก ถ้าจะคุยไว้คุยกระทู้อื่นครับ)
    อันนี้สนับสนุนคหผมที่ว่า จิตเหมือนกัน แต่ต่างกันที่คุณภาพ
    จิตที่มีคุณภาพ คือการเข้าถึงปัจจุบันธรรม

    แต่ขอแย้งครับว่าจิตที่เข้าถึงปัจจุบันธรรมที่แท้จริงได้ ย่อมเห็นสิ่งนั้น
    ไม่ใช่ตนชัดเจนที่สุดครับ

    ผมไม่แน่ใจว่าประโยคนี้ ประชดผมหรือเปล่า
    ผมขอบอกเลยครับ ผมจะตอบทุกคำถามครับ
    แต่ต้องเป็นคำถาม ที่มีคำตอบ ไม่ใช่คำถามที่
    มาจากจินตนาการของท่านเองครับ
     
  9. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192

    คุณบุญฯครับ

    ถ้าคุณพร้อมแล้วนะครับ ผมเองก็ไม่คิดว่าจะได้ยินคำตอบลักษณนี้อีกนะครับ

    คุณถามมาผมตอบไปโดยหน้าที่ พอผมถามกลับ คุณก็เลือกตอบเฉพาะที่ต้องการตอบเท่านั้น???

    อย่าทำตัวเป็นเด็กเกเรที่ไม่รู้จักโตสิครับ การสนทนาธรรมนั้น ต้องเคารพคู่สนทนาใช่มั้ยครับ???

    ที่คุณพูดๆมานั้นแสดงความเห็นแก่ตัวหรือเปล่าครับ???

    อย่าบอกนะครับว่าผมทำอะไรไม่เห็นแก่ตัวทั้งนั้น ส่วนคนอื่นทำพูดอะไรเห็นแก่ตัวหมดใช่มั้ยครับ???





    คุณก็คงคิดเองได้นะครับว่า ประโยคที่เขียนไปนั้นเพื่ออะไร???

    อะไรหละครับที่เรียกว่าจินตนาการเองครับ???

    คำถามทั้งหมดของคุณ คุณคิดขึ้นเองหรือเปล่าครับ???

    อย่าหาช่องทางในการที่จะเลี่ยงคำตอบสิครับ ไม่งามนะครับ

    เอาคำถามที่ค้างตอบจนจะเน่าอยู่แล้วเพียงคำถามเดียวก่อนนะครับ ที่เหลือจะจัดให้นะครับ

    ตอนนี้งานเข้า โดนรุมนัวเนียไปหมด ของคุณต้องใจ(สมอง)เย็นๆครับบบบ....



    ตอบสั้นๆก่อนก็ได้นะครับ คนเป็นก็มีสมอง คนตายก็มีสมอง เช่นกันใช่มั้ยครับ???

    ส่วนใครใช้ผิดใช้ถูก คุณก็ไปหาคนรับผิดชอบกันเอาเองนะครับ

    โดยเฉพาะท่านอรรถกถาจารย์ ที่กล่าวไว้ว่า ใจคือหทัยวัตถุครับ

    ในเมื่อใจคือสมอง ทำไมคนตายจึงรู้สึกนึกคิด จินตนาการไม่ได้หละครับ???

    ;aa24
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 กรกฎาคม 2010
  10. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    คุณnamotussaครับ

    คคห.คุณ ผมถามสั้นนะครับ

    ใครครับที่เป็นผู้โปรแกรมให้รถวิ่งได้เองโดยอัตโนมัติครับ???

    ใช่อัตตาที่หมายถึงขันธ์๕ เป็นคนขับใช่มั้ยครับ???

    แล้วมนุษย์กับอัตตาที่หมายถึงขันธ์๕ต่างกันตรงไหนครับ???

    ถ้าเป็นสิ่งเดียวกัน แล้วคนขับมาจากไหนหละครับ???

    อนัตตา แปลว่า ไม่ใช่ตัวตนใช่มั้ยครับ??? แล้วที่ใช่ตัวตนมีมั้ยครับ???

    นั่นไม่ใช่เรา เราไม่เป็นนั่น นั่นไม่ใช่ตัวตนของเรา เราคือใครครับ???

    เช่นนาย ก.ไม่ใช่พ่อนาย ข. ไม่ได้หมายถึงว่า นาย ข.ไม่มีพ่อใช่มั้ยครับ???

    คุณตอบแล้วคุณก็จะรู้เองหละครับ ว่าใครกันแน่ที่เป็นมิจฉาทิฐิแบบไม่รู้ตัวครับ

    ;aa24
     
  11. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    อันปุถุชนมิได้สดับ รวบรัดถือไว้ด้วยตัณหา ยึดถือด้วยทิฐิว่า

    นั่นของเรา นั่นเป็นเรา นั่นเป็นตัวตนของเราดังนี้ ตลอดกาลช้านานฉะนั้น

    ปุถุชนผู้มิได้สดับ จึงไม่อาจจะเบื่อหน่าย คลายกำหนัด หลุดพ้นในจิตเป็นต้นนั้นได้เลย ฯ


    ดูกรภิกษุทั้งหลาย อริยสาวกผู้สดับแล้วเห็นอยู่อย่างนี้

    ย่อมเบื่อหน่าย แม้ในรูป แม้ในเวทนา แม้ในสัญญา แม้ในสังขาร แม้ในวิญญาณ

    เมื่อเบื่อหน่าย ย่อมคลายกำหนัด เพราะคลายกำหนัด

    จิตย่อมหลุดพ้น เมื่อจิตหลุดพ้นแล้ว ย่อมมีญาณรู้ว่า หลุดพ้นแล้ว

    รู้ชัดว่า ชาติสิ้นแล้ว พรหมจรรย์อยู่จบแล้ว กิจที่ควรทำ ได้ทำเสร็จแล้ว กิจอื่น
    เพื่อความเป็นอย่างนี้มิได้มี ฯ

    ;aa24
     
  12. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    ดูกรภิกษุทั้งหลาย อริยสาวกผู้สดับแล้วเห็นอยู่อย่างนี้

    ย่อมเบื่อหน่าย แม้ในรูป แม้ในเวทนา แม้ในสัญญา แม้ในสังขาร แม้ในวิญญาณ

    เมื่อเบื่อหน่าย ย่อมคลายกำหนัด เพราะคลายกำหนัด

    จิตย่อมหลุดพ้น เมื่อจิตหลุดพ้นแล้ว ย่อมมีญาณรู้ว่า หลุดพ้นแล้ว

    รู้ชัดว่า ชาติสิ้นแล้ว พรหมจรรย์อยู่จบแล้ว กิจที่ควรทำ ได้ทำเสร็จแล้ว กิจอื่น
    เพื่อความเป็นอย่างนี้มิได้มี ฯ

    อ่านเต็มๆที่นี่

    ;aa24
     
  13. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    จิตมีรูปเป็นอารมณ์(มีรูปเป็นอารมณ์ใช่มั้ยครับ???)

    เกิดขึ้นแล้วย่อมแตกไป(รูปที่เป็นอารมณ์ เกิดขึ้นแล้วแตกไปใช่มั้ยครับ???)

    พระโยคาวจรพิจารณาอารมณ์นั้นแล้ว
    (ใช่จิตของพระโยคาวจรพิจารณาอารมณ์(รูป)นั้นแล้วมั้ยครับ???)

    ย่อมพิจารณาเห็นความแตกไปแห่งจิตนั้น ย่อมพิจารณาเห็น
    (ความแตกไปของรูปที่เป็นอารมณ์แห่งจิตนั้นใช่มั้ยครับ???)

    ;aa24
     
  14. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    คุณapichai53ครับ

    คุณอย่ามาแอบทำเนียนเลยครับว่า ไม่ใช่ผม มันน่าอายนะครับ

    เพราะนี่กระทู้ผมนะครับ ถ้าไม่ใช่ผมก็แปลกไปแล้ว ถามเด็กๆมันยังรู้เลยครับ

    ไม่น่าเชื่อว่าขนาดคุณยังกล้าโกหกตัวเองได้ลงคอ ผมก็หมดคำพูดแล้วครับ

    คนปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ กล้าพูดกล้ารับนะครับ ไม่ใช่แอบเนียนเป็นอีแอบอยู่แบบนี้หรอกครับ

    คุณอย่าคิดเองเออเองสิครับ ถ้าคุณจะติติง คุณก็ชี้ชัดลงไปสิครับว่าติติงตรงไหน

    ไม่ใช่พูดลอยแบบอีแอบว่า เหมือนบางคนที่เป็นมิจฉาทิฐิ แบบนี้หรือครับที่เรียกว่าติติง

    เป็นนี้ชาวบ้านชาวช่องเค้าเรียกว่า การกล่าวร้ายกันชัดๆครับ

    ใครกันแน่ครับที่มีความเชื่อแบบผิดๆ แล้วแพร่ไปในวงกว้าง ซึ่งเป็นผลร้ายต่อศาสนาพุทธ

    อย่าหลงตัวเองสิครับ คุณรู้ได้ยังไงหละครับ ว่าคุณรู้ถูกต้องแล้ว แสดงสิครับ???

    มีพ่อแม่ครูบาอาจารย์ฝ่ายปฏิบัติสมาธิกรรมฐานภาวนาที่ไหนครับ???

    ที่สอนว่าจิตเกิดดับ มีแต่สอนว่า ที่เกิดดับไปนั้นเป็นอาการของจิตที่เนื่องด้วยอารมณ์นั้นๆครับ

    ผมเองก็พูดเสมอครับว่าเอาไว้เรียนกัน เอาไว้เรียนก็คือเอาไว้เรียนครับ

    ส่วนปฏิบัติ และปฏิเวชนั้นอีกเรื่องหนึ่ง ต้องเทียบเคียงว่าลงกับพระสูตรและพระวินัยครับ...

    ;aa24
     
  15. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    คุณเต้าเจี้ยวครับ

    คุณไม่ต้องแอบเนียนก็ได้นะครับ ในเมื่อคุณบอกว่าตอบแล้ว ผมถามต่อเลยนะครับ

    ในอนัตตลักขณะสูตร พระสูตรที่ว่าด้วยเรื่องอนัตตาล้วนๆ มีตรงไหนครับที่กล่าวว่า

    นิพพาน เป็น นิจจัง สุขัง แต่เป็นอนัตตา ที่ไหนครับเอามายืนยันด้วยครับ???

    คุณพูดว่า "ถ้าจะพูดถึงจิตในแง่นิพพานธาตุ(อสังขตะธาคุ)
    ไม่ใช่ขันธ์ห้าไม่เกิดดับ ก็ไม่แปลก ในอภิธรรมใช้คำว่านิพพานธาตุ"

    เอาหลักฐานมายืนยันด้วยครับ ที่อรรถกถาจารย์ท่านกล่าวว่า "จิตในแง่พระนิพพานธาตุหรือจิตเป็นพระนิพพานธาตุ"

    อย่าคิดเองเออเองสิครับ ของแบบนี้คิดเองเออเองไม่ได้นะครับ

    คุณพูดว่า "ถ้าจะพูดถึงจิตในแง่จิตสังขาร(สังขตธาตุหรือขันธฺสี่) ที่เกิดดับ ก็ไม่แปลก
    ซึ่งในอภิธรรมจะแจกแจงเรื่องจิตไว้ละเอียด เรื่องจิตนี้ไม่ใช่ง่ายถ้าจะสนใจในรายละเอียดต่างๆ"

    ตกลงขันธ์๔ หรือขันธ์๕ครับ ที่ทำให้เกิดจิตสังขาร(อาการของจิต)???

    ก็เพราะเรื่องจิตไม่ใช่เรื่องง่ายๆที่จะรู้จักหรือเข้าถึงจิตที่แท้จริงใช่มั้ยครับ???

    คนจึงเข้าใจจิตผิดไปจากความเป็นจริง เมื่อเห็นอาการของจิตเกิดดับไปก็เข้าใจว่าเป็นจิตที่เกิดดับำปใช่มั้ยครับ???

    เมื่อเห็น ใครเห็นครับ??? ใช่จิตเห็นมั้ยครับ???

    ที่เห็นอาการของจิตที่เนื่องด้วยอารมณ์นั้นๆเกิดดับไปใช่มั้ยครับ???

    คุณเต้าเจี้ยวครับ ใครกันแน่ครับที่ควรจะระอา???

    ;aa24
     
  16. เต้าเจี้ยว

    เต้าเจี้ยว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 เมษายน 2008
    โพสต์:
    956
    ค่าพลัง:
    +1,697
    คุณอ่านคำว่าในร่างกายและจิตออกหรือเปล่า
    อันอื่นๆ ก็เช่นกัน

    ถ้าไม่ออก คงช่วยอะไรไม่ได้

    *
     
  17. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    คุณเล่าปังครับ

    อย่าเอานิสัยถาวรที่ชอบกล่าวร้ายคนอื่นไว้ก่อนจนฝังแน่นเป็นกมลสันดานมาใช้เลยครับ

    ตรงไหนครับที่คุณธรรมะสวนัง กล่าวร้ายคนอื่นว่าเป็นมิจฉาทิฐิครับ

    มีแต่คุณเท่านั้นที่ผมเห็นว่าชอบกล่าวหาให้ร้ายพ่อแม่ครูบอาจารย์และคนอื่นเป็นประจำนะครับ

    ;aa24
     
  18. เต้าเจี้ยว

    เต้าเจี้ยว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 เมษายน 2008
    โพสต์:
    956
    ค่าพลัง:
    +1,697

    อ่านให้หมดนะ
    อย่ายกมาแต่รูป

    *
     
  19. namotussa

    namotussa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    341
    ค่าพลัง:
    +1,470
    แต่ที่วิ่งได้อย่างอัตโนมัติเพราะมีโปรแกรมเหมือนโปรแกรมคอมพิวเตอร์คอยกำกับอยู่ ซึ่งโปรแกรมควบคุมมนุษย์ก็คือปฏิจจสมุปบาทนั่นเอง
    อ่านสะให้เข้าใจ โปรแกรมควบคุมมนุษย์ก็คือปฎจจสมุปบาทนั่นเอง ดังนั้นจึงได้มนุษย์ติดอยู่ในเรื่องอัตตาซึ่งนำมาซึ่งความทุกข์ยากที่จะสลัดออกได้ จนกระทั่งพระพุทธเจ้าได้ตรัสรู้ความจริงที่ว่า อัตตาเป็นเรื่องความเข้าใจผิดของมนุษย์ แท้ที่จริงสังขารทั้งปวงเป็นอนัตตา
     
  20. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    ใครกันแน่ครับที่อ่านไม่เข้าใจ จิตที่ยังไม่รู้จักกายที่แท้จริง ล้วนเป็นจิตสังขารทั้งสิ้นครับ

    เมื่อรู้จักกายที่แท้จริงแล้ว ย่อมเกิดความเบื่อหน่าย เมื่อเบื่อหน่าย ก็คลายกำหนัด

    จิตย่อมหลุดพ้น เมื่อจิตหลุดพ้นแล้ว ย่อมมีญาณรู้ว่า หลุดพ้นแล้ว

    ;aa24
     

แชร์หน้านี้

Loading...