การสอนดูจิตที่เข้าใจผิดไปจากความเป็นจริงว่าจิตเกิดดับ

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย ธรรมภูต, 5 มิถุนายน 2010.

  1. บุญพิชิต

    บุญพิชิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    686
    ค่าพลัง:
    +418
    จะไม่ให้บอกว่าซ้ำซากจำเจได้อย่างไรครับ ก็ไอ้เรื่องบุหรี่นี้น่ะ
    เราเคยคุยกันตั้งแต่ปีมะโว้แล้ว และยิ่งทำให้ผมเซ็งมากที่สุดคือ
    การเอาคหของผมไปแตกประเด็นใหม่ ผมไม่ได้เป็นวัยรุ่นที่มีเวลามานั่งจิ้ม
    แป้นทั้งวัน มีภารกิจการงานที่ต้องทำ มันทำให้ผมวุ่นวายใจมั้ยครับที่ต้องมา
    คอยตอบคำถามในลักษณะไม่เลิกลา พยายามขยายความให้มันไกลออกไปจากประเด็นหลักเรื่อยๆ

    ไอ้ผมจะหยุดไปเฉยๆไม่ตอบ ท่านก็จะมาเซ้าซี้ว่าตอบมาๆๆๆเหมือนเด็กๆ
    สู้อุตสาห์จั่วหัวไว้ก่อนแล้วก็ยังเจอจนได้

    เอาละผมจะตอบแบบรวบรัดจะได้ไปตอบ คำถามอื่นที่ท่านขยายไปไกล
    จนตามแทบไม่ทัน

    มันก็แค่ อารมณ์(อยาก) - ตัวรู้(จิต) - ระลึกรู้(สติ) - จำ(สัญญา)-
    อารมณ์(อยาก) มันวนเวียนอยู่อย่างนี้ ในขบวนการนี้เรารู้ได้ก็ต่อเมื่อ
    จิตเป็นตัวรู้ครับ
    ถ้าเรา ไม่ปรุงแต่งจนกายทำตามจิต
    บ่อยครั้งเขา จิตก็หน่ายไปเอง(ขอความกรุณาอย่าขยายความมาอีกนะ)

    แล้วเรื่องผู้ร้ายผมก็ว่าเราคุยกันรู้เรื่องกันไปแล้ว มันก็แค่เอาประโยคสั้นๆมา
    ขยายความ ผมเคยบอกว่า...
    จิตและกาย มโนทุจริตกับศีล ต่างกันอย่างไร
    แถมเรื่องสติแล้วการระลึกรู้เรื่องศีล เรื่องต่างๆเหล่านี้
    ท่านเอาไปหมกไว้ที่ไหนครับ
     
  2. บุญพิชิต

    บุญพิชิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    686
    ค่าพลัง:
    +418
    ท่านครับคุยกันดีๆครับอย่าพยายามยัดเยียดข้อหา
    การอ้างครูบาอาจารย์โดยการบอกว่า ท่านทำได้
    มันแตกต่างโดยสิ้นเชิงกับการอ้างว่า ท่านบอกนะครับ

    ผมแค่ อธิบายความว่า เพราะจิตอย่างพวกเราไปยึดกับการกระทำเก่าไว้เป็น
    สัญญา จิตมันก็จะแปลเปลี่ยนเกิดดับไปตามสัญญานั้นๆ

    ส่วนเรื่องมาเกิดในกายใหม่ มันไม่เกี่ยวกับกายครับ
    กายมันของใหม่แต่จิตเป็นตัวเดิม ที่ยึดเอาสัญญาเดิมเอาไว้
    กรรมดีชั่ว มันแสดงผลที่จิตไม่ใช่ที่กายครับ

    ที่กล่าวถึงท่านองคุลีมาล ก็เพื่อสนับสนุนคำอธิบายผมว่า
    มีคนที่จิตไม่ยึดติด ก็ไม่ต้องไปชดใช้กรรมในชาติหน้า ไม่เกิดดับอีก

    ท่านลองคิดดูถ้าเอาทัศนคติแบบท่านว่า กรรมต้องชดใช้ ท่านองคุลีมาล
    ต้องชดใช้กรรมอีกกี่ชาติครับ

    ที่ท่านบอกว่า"พระพุทธเจ้ากล่าว ปุถุชนย่อมเป็นไปตามกรรม
    การกระทำที่กำหนด"
    ก็ใช่ไงครับ เพราะปุถุชนจิตยังยึดติดสิ่งต่างๆไว้
    แต่สิ่งที่ผมยกมา เป็นผู้ที่ไม่ยึดจะเรียกท่านว่าอะไรก็ตามที
    ท่านก็ไม่ต้องชดใช้กรรม

    ซึ่งจะกรรมดีกรรมชั่ว มันก็เกิดที่จิตทั้งนั้น มันขึ้นอยู่กับว่าจิตไปยึดอะไร

    ท่านว่าคนที่เกิดมาเพรียบพร้อมทุกอย่าง ทั้งเงินทอง ครอบครัว
    แต่ยังอยากได้อำนาจ ยังไม่ได้ก็เป็นทุกข์
    สิ่งนี้ท่านว่า มันเป็นการชดใช้กรรมหรือการที่จิต
    ไปยึดติดกับกรรมครับ
     
  3. บุญพิชิต

    บุญพิชิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    686
    ค่าพลัง:
    +418
    ใจในที่นี้ เป็นภาษาชาวบ้าน ถ้าเป็นกายก็คือสมองครับ
    คำถามนี้ตลกดีครับ ท่านเข้าใจเรื่องรูปนาม จิตกับกายแค่ไหนครับ
    ถ้ากายเราปราศจากจิตที่มาอาศัย กายก็เป็นเพียงดิน น้ำ ลม ไฟที่แยกตัว
    เพื่อกลับคืนสู่ธรรมชาติ

    ไม่เพียงแต่สมองที่เป็นส่วนหนึ่งของกาย ส่วนอื่นก็ไม่ทำงานด้วย
    แต่จิตที่แยกออกมายังทำงานอยู่ จิตในที่นี้คือนามไม่ใช่รูป
     
  4. บุญพิชิต

    บุญพิชิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    686
    ค่าพลัง:
    +418
    ฮะ ฮะ ฮะ ท่านนี้ไม่รู้จักแยกแยะ บัญญัติคำไหนควรใช้กับเหตุใดเลยนะครับ
    ท่านเล่นเอาบัญญัติที่ใช้กับการปฏิบัติ มาใช้ปนกับบัญญัติที่ใช้อธิบายเรื่อง
    วัฏฏะสงสารของนามรูป มันเลยดูมั่วครับ
    การปฏิบัติก็เพื่อให้หลุดพ้นจาก วัฏฏะสงสาร ถ้าเราจะให้อีกอย่างพ้นจากสิ่งที่
    เป็นธรรมชาติ เราต้องเรียกบังคับ

    แล้วคำว่าบังคับในที่นี้ ไม่ได้บังคับวัฏฏะสงสาร เกิด แก่ เจ็บ ตาย
    แต่เราบังคับกายให้ทำ เพื่อให้พ้นจากวัฏฏะฯ
     
  5. บุญพิชิต

    บุญพิชิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    686
    ค่าพลัง:
    +418
    อันนี้มันน่าจะจบตั้งแต่ผมเอาเรื่อง วัฏฏะสงสารมาอธิบายแล้วนะครับ
    เอาง่ายๆแบบนี้ครับ การถือครองหรือครองครองของท่าน ถ้าท่านใช้แบบนี้
    มันเป็นสิทธิที่ท่านจะอยู่ไปหรือจะเป็น แต่เวลาวัฏฏะสงสารมาทวงท่านห้าม
    ได้หรือ

    แต่ถ้าเป็นอาศัย จะอยู่จะไปหรือว่าเป็นมันไม่แน่นอน สิทธิมันอยู่ที่
    วัฏฏะสงสาร ถ้ามาทวงหรือมาให้เป็น เราก็ต้องคืนหรือต้องเป็นตามนั้น

    ผมว่าประเด็นอาศัยหรือถือครองพอเสียที่นะครับ
     
  6. ธรรมะสวนัง

    ธรรมะสวนัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,305
    ค่าพลัง:
    +1,255
    นั่นสินะคะ ชอบกล่าวร้ายผู้ที่มีความเห็นไม่ลงกับที่ตัวเองคิดว่าเป็นมิจฉาทิฐิ
    ก็คงต้องเป็นมิจฉาทิฐิไปอีกนาน ติดตัวข้ามภพข้ามชาติกันทีเดียวเชียวล่ะ

    เพราะพระพุทธพจน์ก็มีกล่าวไว้อย่างชัดเจนว่า เอกจรํ ดวงเดียวเที่ยวไป
    และครูบาอาจารย์ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ
    ล้วนกล่าวตรงกันว่า จิตไำม่เกิดดับ ที่เกิดดับคืออาการของจิต

    จิตไม่ใช่กองทุกข์ ไม่ใช่กองขันธ์
    ที่จิตเป็นทุกข์เพราะไปยึดอารมณ์และปรุงแต่งไปตามอารมณ์


    ทรงสอนให้ปฏิบัีติอริยมรรค ๘ หรือสติปัฏฐาน ๔ ซึ่งเป็นการปฏิบัติทางจิต
    เพื่อให้จิตปล่อยวางการยึดถือขันธ์ ๕
    ซึ่งต้องเริ่มต้นด้วยการปฏิบัติสัมมาสมาธิ จิตตั้งมั่นชอบ
    จึงจะเกิดปัญญารู้เห็นตามความเป็นจริง หรือ เกิดสัมมาทิฐิ ขึ้น


    (smile)
     
  7. วจีทุจริต

    วจีทุจริต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2010
    โพสต์:
    46
    ค่าพลัง:
    +263
    กายส่วน ทุกข์ส่วน จิตสักว่ารู้ส่วน แยกจากกันได้ลองดู .....

    เริ่มจากปฏิบัติสัมมาสมาธิ ...

    แยกกายจากตัวหนังสือคงไม่ประจักษ์ใจ
    หาทุกข์จากตำราคงไม่พบไม่เจอ
    หาจิตจากตำราก็คงไม่สามารถอธิบายความอัศจรรย์ของธาตุรู้ได้ลึกซึ้ง ว่าสักว่ารู้เป็นเช่นไร

    เจอจิตแล้วก็รู้เองว่า ปฏิบัติเพื่อสิ่งใด ...


    ปฏิบัติสัมมาสมาธิกับจิตนี้ อย่าไปปฏิบัติที่ตัวหนังสือเลย ...
    เอ้าเริ่มกันเลยเนาะ พุทโธ่ พุทโธ พุทโธ่ พุทโธ
     
  8. บุญพิชิต

    บุญพิชิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    686
    ค่าพลัง:
    +418
    ท่านนี้ออกแนวเพี้ยนๆปนเห็นแก่ตัวนะครับ ท่านไปดูซิครับว่า
    ใครเป็นผู้ถามใครเป็นผู้ตอบ

    เห็นมีแต่ท่านเท่านั้นแหล่ะถามลูกเดียว ถามมาหนึ่ง
    ตอบกลับไปหนึ่ง ขยายคำตอบไปเป็นคำถามอีกสิบ
    ทำอะไรอย่าเห็นแก่ตัวซิครับ

    ผมแค่ถามไม่กี่คำถาม รู้สึกจะมีสักสอง สามคำถามเองมั้ง
    ถามไปก็ไม่สนใจ มุ่งแต่จะเอาอีกฝ่ายให้จน

    ท่านไปดูซิว่ามันจริงมั้ย แล้วย้อนไปดูด้วยว่าเรื่องพุทธพจน์
    ที่ผมถามไปท่านพึ่งมาตอบใช่มั้ย
     
  9. บุญพิชิต

    บุญพิชิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    686
    ค่าพลัง:
    +418
    จิตที่เป็นสภาวะเกิดดับมันก็รู้ครับ แต่มันเป็นการรู้ตามหลัง
    มันเป็นสภาวะหนึ่งไปรู้สภาวะหนึ่งที่ดับไปแล้ว ผมว่าตอบแบบนี้
    มันเก็ทกว่าเยอะ เห็นชัดเลย

    คหนี้ผมตอบแค่นี้หวังว่าคงเข้าใจนะว่าทำไมท่านตอบแบบหนึ่ง ผมตอบแบบ
    หนึ่ง ได้อธิบายไว้ตอนต้นแล้ว
     
  10. บุญพิชิต

    บุญพิชิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    686
    ค่าพลัง:
    +418
    มันไปขัดแย้งตรงไหนครับ ที่พวกเราปฏิบัติกันอยู่นี้ ไม่ใช่ให้ได้นิพพานหรือ

    ส่วนความหมายคำว่านิพพานของผม มันคือการไม่เกิดดับของจิตครับ

    แต่ของท่านไม่ต้องบอกผมก็รู้ครับ เพราะจิตท่านเที่ยงไม่เกิดดับ
    จิตของท่านเป็นผู้รู้อย่างเดียว รอไปรู้นิพพาน รอไปรู้สิ่งที่เป็นบรมสุข

    จะบอกให้นะครับ แม้กระทั้งความหมายของนิพพานเราก็ต่างกัน

    สภาวะจิตมันเปลี่ยนแปลง ตามเหตุปัจจัยผัสสะ

    ความไม่อยากเป็นอารมณ์หรือเปล่าละ ถ้าเป็นก็ตามนั้น ฮิ ฮิ ฮิถามลากยาวเลย
     
  11. บุญพิชิต

    บุญพิชิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    686
    ค่าพลัง:
    +418
    แปลกหรือไม่แปลก มันอยู่ที่ยอมรับเหตุผลกันมั้ย ถ้าไม่ยอมมันก็ต้อง
    แปลกอยู่แล้วครับ

    อายตนะภายในของผมมันเป็น รูปธรรมครับ เช่น ตา หู จมูก ลิ้น กายและใจ

    ใจในที่นี้มีหน้าที่ นึกคิด จินตนาการ หรือเรียกอีกอย่างว่า มโน
    แต่ถ้าเป็นภาษาปกติมันคือสมองครับ สัญญาต่างๆก็เกิดจากมันครับ
    [​IMG]อันนี้ไงครับ อายตนภายในที่เรียกว่าใจหรือสมองครับ
    ใจหรือสมอง ในที่นี้ไม่ได้มีหน้าที่รับรู้อารมณ์ แต่เป็นผู้ทำให้เกิดอารมณ์ครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 กรกฎาคม 2010
  12. บุญพิชิต

    บุญพิชิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    686
    ค่าพลัง:
    +418
    อันนี้อธิบายไปแล้ว คหก่อนหน้านี้ แบบนี้ไงที่เรียกซ้ำซาก
     
  13. บุญพิชิต

    บุญพิชิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    686
    ค่าพลัง:
    +418
    ถ้าคุยกันถึงพระอรหันต์ ผมเห็นจะต้องขอตัวครับ
    ผมกลัวเจอยัดเยียดข้อหาครับ

    ผมก็ไม่ได้บอกว่า สิ่งที่ผมคุยผมบอกเป็นความจริง
    แค่เป็นความเห็นของปุถุชนคนหนึ่งเท่านั้น
     
  14. namotussa

    namotussa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    341
    ค่าพลัง:
    +1,470
    คุณบุญพิชิตครับ เชื่อผมเถอะ อย่าไปถกเถียงกับ คุณธรรมภูตเลยนะ ไม่มีประโยชน์อันใดเลย เชื่อทางคุณ apichai53 ที่กล่าวไว้ว่า
    เป็นมิจฉาทิฏฐิ ที่ติดตัวข้ามภพข้ามชาติ มานานแล้ว
    ทั้งๆ ที่พระอภิธรรม และการเรียนการสอนปริยัติธรรม
    ก็ได้ระบุเรื่องของจิตไว้อย่างชัดเจนแล้ว ละเอียดแล้ว
    แต่ก็ยังตีความ และเข้าใจเป็นอย่างอื่นอีก.....
    คงต้องเป็นมิจฉาทิฎฐิไปอีกนาน....
    ปล่อยให้คุณธรรมภูตเช็ดฝุ่นที่เกาะบนกระจกต่อไปดีกว่า ส่วนพวกเราก็พยามทำให้ไม่มีกระจกและไม่ต้องคอยกังวลว่าจะมีฝุ่นไปเกาะ อย่างอื่นพอแก้ไขได้ครับ แต่มิจฉาทิฏฐิ นี่ยากครับ<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>
    <!-- google_ad_section_end -->
     
  15. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    คุณnamotussaครับ

    คุณอย่ามัวแต่หลงตัวเองอยู่เลยครับ

    คุณเองนั่นแหละที่เป็นมิจฉาทิฐิ ฝ่ายนัตถิกะทิฐิ

    อะไรก็ไม่มี อะไรก็ไม่ใช่ ที่ใช่ก็ไม่มี ที่มีก็ไม่ใช่

    คุณพูดเองว่า "พวกเราก็พยามทำให้ไม่มีกระจกและไม่ต้องคอยกังวล"

    เราหนะใครครับ??? อย่าบอกนะว่า "ไม่มีเรา"

    ถ้าเราไม่มีแล้วใครครับ ที่รับผลไม่ต้องคอยกังวล???

    ถ้าไมมีอีก ก็แสดงว่า ที่พูดมาทั้งหมดเดาๆเอาเองใช่มั้ยครับ???

    พวกนัตถิกะทิฐิแอบแฝงในพระพุทธศาสนาดีๆนั่นเองใช่มั้ยครับ???

    ;aa24
     
  16. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    คุณบุญฯครับ

    ผมว่าคุณกำลังเริ่มเครียดแล้วนะครับ ยิ่งพยายามจะตอบคำถามให้ได้ยิ่งออกทะเลนะครับ

    ร่างกายและอวัยวะทั้งหลายทั้งภายในและภายนอก

    ล้วนเป็นรูปธรรมจับต้องได้ทั้งสิ้นครับ ตัองถามพวกสายวิชาชีพดูก็ได้นะครับ

    ส่วนอะไรที่เป็นนามธรรมนั้น รู้ได้ แต่จับต้องไม่ได้ใช่มั้ยครับ???

    ไม่ได้ถามนะครับ อยากตอบก็ตอบนะครับ

    แต่อย่าพยายามตอบเพื่อเอาชนะสิครับ ยิ่งตอบยิ่งออกทะเลไปใหญ๋ครับ

    ผมว่าผมตั้งใจว่าจะตอบคุณอีกคคหเดียวเท่านั้น

    แต่พอมาเห็นคคห.นี้เข้า ก็อดที่จะตอบไม่ได้.

    เพราะเกรงว่าถ้าไม่ตอบไป คุณจะอาจต้องไปอายเขาในกาลข้างหน้าครับ...

    ;aa
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 กรกฎาคม 2010
  17. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    คุณบุญฯครับ

    ผมคิดว่าจะตอบคุณแค่คคห.นี้ก็พอนะครับ เพราะเห็นว่าคุณยังหัวเราะฮะ ฮะ ฮะได้

    แต่แค่หัวเราะได้เท่านั้นนะครับ แต่จะตอบแบบมั่วๆไม่ได้นะครับ

    ผมจะไม่ถามมากแล้วนะครับ ไม่อย่างงั้นจะแลดูว่าเครียดจนเกินไปแล้วครับ

    ในส่วนที่เหลือ ผมขอยกผลประโยชน์ให้กับคู่สนทนาก็แล้วกันนะครับ

    อย่าคิดมาก ว่างจริงๆค่อยมาว่ากันใหม่ เป็นการเสริมความรู้ให้กับตนเองครับ

    ใครกันแน่ครับที่ไม่รู้จักแยกแยะความถูกต้องให้ชัดเจน

    มีพระพุทธพจน์กล่าวบัญญัติไว้ชัดเจนว่า

    "เราเวียนว่ายเข้าไปภพน้อยใหญ่อันยาวนานนับไม่ถ้วนนั้น เพราะเราไม่รู้จักอริยสัจ๔ตามความเป็นจริง"

    เราในที่นี้คือใครครับ??? จิตหรือขันธ์๕(รูป-นาม)???

    คุณพูดเองว่า "เราบังคับกายให้ทำ" เราในที่นี้ใครครับ???จิตหรือขันธ์๕(รูป-นาม)???

    ในอนัตตลักขณะสูตรกล่าวไว้ชัดเจนแล้วนะครับว่า

    ขันธ์๕ไม่ใช่เรา เราไม่ใช่ขันธ์๕ ขันธ์๕ไม่ใช่ตนของเรา หาอ่านเอาเองนะครับ เพราะพระนี้ค้นง่ายครับ

    ที่คุณเคยพูดเองไว้ว่า "จิตเป็นผู้อาศัย มันมีผู้ที่จะมาไล่จิตก็คือ..วัฏฏะสงสาร" ไม่ใช่เลยครับ

    ผู้ที่ไล่จิตให้ไปเกิดใหม่คือ พระยามัจจุราชครับ

    เพราะจิตยังมีอวิชชาอยู่จึงหลงเวียนว่ายเข้าไปในวัฏฏะสงสารครับ...เพราะไม่รู้อริยสัจ๔ตามความเป็นจริงครับ


    ;aa24
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 กรกฎาคม 2010
  18. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    คุณapichai53ครับ

    คุณควรระวังตัวคุณเองมากกว่าครับว่า

    จะเป็นมิจฉาทิฏฐิ ที่ติดตัวข้ามภพข้ามชาติ ไปอีกนานนะครับ

    การศึกษาพระพุทธศาสนานั้น ควรยืนอยู่บนของหลักเหตุผลที่เป็นไปได้เท่านั้น

    และเทียบเคียงกับพระพุทธพจน์(พระธรรมและพระวินัย)ว่าลงกันได้หรือเปล่าครับ

    ไม่ใช่เลือกจะเชื่อแบบตามๆกันมาโดยไม่มีการใช้วิจารณ์ไตร่ตรองดีก่อนว่า

    สิ่งที่คุณรู้มาหรือฟังมานั้น มีเหตุมีผลเป็นไปได้มั้ย? ที่สำคัญต้องไม่ขัดกับพระพุทธพจน์ครับ

    คุณควรทำตนเป็นชาวพุทธที่ดีสิครับ

    เมื่อเห็นว่าข้อความส่วนไหนที่คุณคิดว่าผมตีความไปเอง

    คุณก็ควรนำส่วนที่คิดว่าถูกมานำเสนอเทียบเคียงให้คนอื่นได้อ่านสิครับ

    ไม่ใช่เที่ยวมากล่าวร้ายคนอื่นไว้ก่อนตามนิสัยถาวร ว่าเป็นมิจฉาทิฐิไปอีกนาน

    อาจเป็นตัวคุณเองก็ได้นะครับ ที่ต้องเป็นมิจฉาทิฐิไปอีกนานเท่านานติดกาลเวลาอยู่ก็ได้นะครับ


    ;aa24
     
  19. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    คุณเล่าปังครับ
    เมื่อไหร่คุณจะทำตัวเป็นผู้เป็นคนกับเค้าบ้างครับ กลับมาเป็นผู้เป็นคนได้แล้วนะครับ

    คุณควรกระทำตนให้เป้นที่พึ่งกับน้องๆที่ศึกษาใหม่ ให้เข้าใจความจริง ไม่ใช่ยิ่งทำให้สับสนนะครับ

    ท่านพระอาจารย์หลวงพ่อสงบท่านกล่าวชัดเจนแล้วนะครับว่า

    จิตมันทุกข์เพราะมันออกไปรู้รับอารมณ์ ไม่ใช่อย่างที่คุณพยายามใส่ความว่า "จิตเป็นตัวทุกข์"

    คุณควรเลิกนิสัยถาวร กบฏไม่เลิกลาได้แล้วนะครับ

    ที่ท่านพระอาจารย์หลวงพ่อสงบท่านกล่าวว่า

    จิตปล่อยวางอารมณ์ได้ในขณะทำสมาธิอยู่นั้น เมื่อออกจากสมาธิแล้วมันก็ยังทุกข์อยู่ดี

    เพราะเป็นการปล่อยอารมณ์ได้ชั่วคราวเท่านั้น ยังต้องฝึกฝนให้ปล่อยวางอารมณ์ได้แบบถาวรครับ

    การเจริญสติปัฏฐานโดยไม่มีพื้นฐานกำลังสัมมาสมาธิแล้ว จิตคุณไม่หายโง่ได้หรอกครับ

    จิตคุณเองยิ่งโง่หนักเข้าไปใหญ่เพราะ ติดอยู่แค่เรื่องสติตัวปลอมหรือสติตัวจริงจนวุ่นวายไปหมดแล้วครับ

    ;aa24
     
  20. บุญพิชิต

    บุญพิชิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    686
    ค่าพลัง:
    +418
    ไม่เอาน่า! ท่านธรรมภูติ ผมว่าท่านเข้าใจดีว่า ผมพิมพ์คำว่า นามธรรมผิด
    แท้จริงผมต้องการสื่อถึงรูปธรรม
    ท่านนี้เหลือเกินจริงๆ แทนที่จะได้รับการขอบคุณ กลับทำให้เป็นคำตำหนิ
    แทน ใครๆก็รู้ หู ตา จมูก ลิ้น กายและใจ(สมอง)เป็นรูปจับต้องได้

    ท่านธรรมภูติครับ อย่าหาว่าผมย้อนท่านเลยนะครับ ที่กล่าวหาผมว่า..
    "พยายามตอบเพื่อเอาชนะ" ไม่เลยครับ ผมก็ตอบไปตามที่ผมรู้ ไม่ต้องใช้
    ความพยายามอะไรเลย แต่ต้องตอบเพราะ เป็นตัวท่านใช่มั้ยล่ะครับ
    ที่ชอบถามๆๆๆ ก็ตอบมาๆๆๆ แล้วก็ ยังไม่ตอบๆๆ
     

แชร์หน้านี้

Loading...