การสอนดูจิตที่เข้าใจผิดไปจากความเป็นจริงว่าจิตเกิดดับ

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย ธรรมภูต, 5 มิถุนายน 2010.

  1. ฐาณัฏฐ์

    ฐาณัฏฐ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2008
    โพสต์:
    6,197
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,075
    เราเข้าใจคำถามใบไม้ แต่ไม่เข้าว่าจะถามทำไม

    คำตอบ มันก็ตอบเบ็จเสร็จในอ้างอิงที่ใบไม้ยกมาแล้ว

    อย่างนี้เรียก ตีกินรึเปล่า
     
  2. เต้าเจี้ยว

    เต้าเจี้ยว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 เมษายน 2008
    โพสต์:
    956
    ค่าพลัง:
    +1,697
    ใบไม้
    เขาคนนั้น ความรู้กว้างไกลตัวมาก
    ไม่วนแคบแบบนี้นะ อาหลง
     
  3. ฐาณัฏฐ์

    ฐาณัฏฐ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2008
    โพสต์:
    6,197
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,075
    เอาหน่า เซนต์มันบอก

    ว่าแต่เต้าเจี้ยว เล่าเรื่องหลวงปู่ดู่หน่อยสิ
     
  4. เตชพโล

    เตชพโล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    267
    ค่าพลัง:
    +1,431
    <TABLE id=post3503520 class=tborder border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center><TBODY><TR><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid" class=thead>[​IMG] 05-07-2010, 11:05 AM </TD><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=thead align=right>#[​IMG]


    แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าคุณจะรู้ทุกเรื่องถูกต้องไปซะหมดนี่ครับ


    บางทีมันก็ต้องฟังเหตุผลซึ่งกันและกัน


    เรามีผิดมีพลาดมั้ย​



    ส่วนเค้าพลาดน่ะเราจ้องอยู่แล้ว


    แต่ความผิดความพลาดของตนเองนี่สิไม่ยอมมอง​



    ลองพิจารณาดูนะครับ....


    </TD></TR></TBODY></TABLE>


    ก็ขอบใจที่เตือนสติเรา และเราก็น้อมฟังด้วยความสงบ


    ในเมื่อท่านเตือนเราเพราะเข้าใจเราอย่างนั้น


    เราก็จะเตือนท่านบ้าง[/LEFT]




    ดูจากในรูป คุณเป็นคนตัวสูงแต่ปากห้อยแต่กำเนิด ถูกไหม


    คงเข้าใจแล้วนะ กรรมอะไรที่ทำให้ปากห้อย


    คุณไม่จำเป็นต้องพูดปกป้องใครเพื่อให้ตัวเองดูดี


    เพราะบางครั้ง มันก็ไม่ได้ทำให้คุณดูดีเสมอไป​



    เลือกเอานะ จะเป็นแค่เด็กใส่สูทปากห้อย พูดสิ่งที่ตนเห็น


    หรือ จะเป็นปากห้อยเม้มปาก สงบ เห็นแต่สิ่งที่ตนพูด​



    ส่วนเค้าพลาดน่ะเราจ้องอยู่แล้ว


    แต่ความผิดความพลาดของตนเองนี่สิไม่ยอมมอง



    เราพิจารณาแล้วนะ หุหุ


    ไม่ต้องมาตอบอะไรเพิ่มแล้วนะ เบื่อโต้เถียง​



    :cool:<!-- google_ad_section_end -->


    __________________


    <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->
    หากทนสิ่งที่เห็นไม่ได้ จงควักนัยตาทั้งสองออกเสีย



    <!-- google_ad_section_end -->


    </TD></TR><TR><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=alt2>[​IMG] [​IMG]<SCRIPT type=text/javascript> vbrep_register("3505386")</SCRIPT> [​IMG] </TD><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=alt1 align=right>[​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>[/LEFT]


    [/LEFT]



    คุณเต้าเจี้ยว
    คุณดูคนที่คุณบอกว่าเป็นพวกเดียวกับคุณสิครับ

    ดูการแสดงออกของเค้าสิ

    นักปฏิบัติเค้าแสดงออกอย่างนี้เหรอ

    อเสวนา จ พาลานัง นักปราชญ์ท่านว่าอย่างนี้นะครับ
     
  5. เต้าเจี้ยว

    เต้าเจี้ยว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 เมษายน 2008
    โพสต์:
    956
    ค่าพลัง:
    +1,697
    ไปดูหนังผีมา

    นักปฏิบัติ ดูได้เฉพาะกิเลสตน

    ส่วนใครจะเอาขนาดไหน เขาก็ต้องยอมรับในสิ่งที่เขาทำ
    (หมายถึงคนที่รู้ตัวคือเห็นตัวเองได้ ไม่ใช่เห็นแต่คนอื่นแล้วคิดว่าเห็นตนแต่ไม่เห็นตนจริง)
    เราเองก็เช่นกันค่ะ

    *
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 กรกฎาคม 2010
  6. เต้าเจี้ยว

    เต้าเจี้ยว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 เมษายน 2008
    โพสต์:
    956
    ค่าพลัง:
    +1,697
    เล่ายังไง ในกระทู้นี้เหรอ
    ขอบอกว่า บารมีของพระมหาโพธิสัตว์ สุดหยั่ง สุดประมาณ

    เราไม่ค่อยมีศรัทธาน่ะ (หมายถึงรู้ ศรัทธาแต่ไม่สนใจนัก)
    ท่านรู้ใจเลยแสดงในวันแรก แสดงว่าท่านเป็นใคร
    จากนั้น ท่านก็ไม่แสดงอะไรมาก

    คือที่เหลือถ้าเราไม่ทำ ก็ขึ้นอยู่ที่ตัวเราแล้วล่ะ

    :cool:
     
  7. เตชพโล

    เตชพโล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    267
    ค่าพลัง:
    +1,431
    ก็คงทำนองนั้นล่ะครับ
    ถึงไม่เหมือนนักปฏิบัติ

    กิเลสของเค้าเลยเอามาเปื้อนมาเปรอะคนอื่นไปหมด

    ว่าแต่ว่าดูหนังผีน่ากลัวมั้ยครับ
     
  8. เต้าเจี้ยว

    เต้าเจี้ยว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 เมษายน 2008
    โพสต์:
    956
    ค่าพลัง:
    +1,697
    อันนี้แล้วแต่จะคิด
    เพราะปัจจุบัน ย่อมมาจากอดีต เหตุของเขาเราคงไม่อาจเข้าไปรู้ได้หมด
    อีกทั้งเราหายไปนาน
    เราว่าพวกเขาพัฒนาไปมากในด้านความรู้ ส่วนเรื่องกิเลสก็ขึ้นอยู่กับเขาจะเอายังไงกับตัวเอง

    หนังผีช่อง 7 สี่แพร่ง เปลี่ยนมาดูข่าวแล้ว ดูกับคนอื่นค่ะ
    คงจะลาไปนอนแล้ว
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 กรกฎาคม 2010
  9. เตชพโล

    เตชพโล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    267
    ค่าพลัง:
    +1,431
    ผมว่าจะหลับซักนิดหนึ่งแล้วตื่นมาดูฟุตบอล
    ขอตัวพักผ่อนก่อนนะครับ
     
  10. ฐาณัฏฐ์

    ฐาณัฏฐ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2008
    โพสต์:
    6,197
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,075
    ไม่มีอะไร เห็นเต้าเจี้ยวพูดถึงบทสวดจักรพรรดิ์ จัดโต๊ะหมู่อยู่นานแล้ว

    ทุกอย่างมันมีเหตุถูกไหมล่ะ

    ดูหนังผีหรอ
    O Exorcismo de Emily Rose เรื่องนี้ดูรึยัง มีหลอน!
    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=xUaHHETq3KI"]http://www.youtube.com/watch?v=xUaHHETq3KI[/ame]
     
  11. ฐาณัฏฐ์

    ฐาณัฏฐ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2008
    โพสต์:
    6,197
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,075
    มันก็ต้องทำความรู้กันหน่อยสิ คุณเตชพโล

    กระแทกธรรมไปจะได้รู้ ฝอยทำ หรือ ถึงธรรม

    ดูเองนะ วางจิตอย่างไร หุหุ

    :cool:
     
  12. บุญพิชิต

    บุญพิชิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    686
    ค่าพลัง:
    +418
    ก็นี้ไง ถึงได้บอกว่า เอากายมามั่วด้วย สิ่งที่เกิดที่จิต เลยโมเมไปว่า
    เป็นอาการ เพราะทิฐิตัวเองว่าจิตมีดวงเดียวไม่เกิดดับ เป็นธาตุรู้
    รู้อย่างเดียว ถ้าอธิบายเฉพาะจิต ไม่เกี่ยวกับกาย มันไปไม่ได้ มันตัน
    ท่านครับผม อยากจะโกรธท่านใจจะขาดก็โกรธไม่ลง ตำหนิอะไรท่านไป
    พอเวลาท่านย้อนกลับมา ดูมันน่ารักน่าชังเสียนี้กระไร ทำอะไรไม่ลงทุนเลย
    เล่นเอาคำของอีกฝ่าย ย้อนกลับมาทั้งดุ้น น่าจะเพิ่มคำใหม่ๆลงไปด้วย
    แบบนี้เรียก เอาเปรียบกันนะครับ ฮา ฮา ฮา
    .....บอกแล้ว เด็กๆไม่เรียนหนังสือ พอจะแปลความอะไรก็แปลลงไปตรง
    แปลทื่อๆตรงๆไม่ว่า แทนที่เขาจะได้อธิบายความ ดันใส่ความคิดตัวเองลง
    ไป แบบนี้เรียกว่าดูไม่จืดเลย ฮะ ฮะ ฮะ

    ......ปุถุชนมีกิเลศมั้ยครับ ปุถุชนมีโลภ โกรธ หลง มั้ยครับ
    ปุถุชนมเดี๋ยวสุข เดี๋ยวทุกข์มั้ยครับ บรรดาครูบาอาจารย์ก็พร่ำสอนว่า
    เพราะเราไปยีดมันถึงได้มี แล้วผมปฏิบัติเพื่อไม่ให้มันมี
    มันผิดหลักพุทธศาสนาตรงไหน ปรามาสตรงไหน
    .....ก็นิสัยแบบนี้ ชอบตั้งศาลเตี้ย เลี่ยงแล้วยังโดนจนได้
     
  13. บุญพิชิต

    บุญพิชิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    686
    ค่าพลัง:
    +418
    " ตกลงคุณให้จิตเป็นอะไรกันแน่ครับ"คำนี้ของท่านผมว่ากลับไปถามตัวเองดีกว่า
    หรือไม่ก็ผมจะถามกลับไปว่า...
    "แล้วตกลงท่านจะให้ผมบอกว่า จิตเป็นอะไรล่ะ
    จะได้เลิกเซ้าซี้ซะที่"

    ท่านกลับไปดูที่ผมตอบท่านไว้ แล้วท่านก็คิดในใจไปตามความคิด
    เห็นท่านแล้วกัน ผมอนุญาติ ฮา ฮา ฮา

    แบบนี้ไม่เรียกแย้งแล้วละครับ แบบนี้เรียกว่า..ไม่ย้อม ไม่ยอม
     
  14. apichai53

    apichai53 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    630
    ค่าพลัง:
    +2,261
    ไม่มีใครรู้ตัวเราดีเท่าตัวเราอีกแล้ว
    แต่ยังมีบางคนที่ไม่รู้ตัวเอง เลย
    เหมือนอยู่ในพะยับแดด ในม่านหมอก
    กรรมของใคร ของมัน ก็แล้วกัน
    สัตว์โลกย่อมมีกรรมเป็นของตนเอง
    เอวังก็มี ก็ประการฉะนี้.......
     
  15. บุญพิชิต

    บุญพิชิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    686
    ค่าพลัง:
    +418
    ผมจะบอกให้ครับ หลักสนทนาธรรม เน้นเรื่องธรรมนะครับ ไม่ใช่เรื่องบัญญัติ
    หรือเรื่องทั่วๆไป เราน่าจะเข้าใจตรงกันดังนี้

    เรื่องธรรมเรื่องการปฏิบัติ เราหรือหลายๆท่าน กำลังค้นหาเพื่อไปให้ถึง
    แสดงว่า จุดหมายปลายทาง เรายังไม่รู้ว่าเป็นอย่างไร
    ดังนั้น มันไม่มีใครถูกใครผิดหรอกครับ เขาดูกันที่เหตุและผล
    ของการให้ความเห็น ว่าสอดคล้องกันมั้ย สามารถหาคำมาอธิบาย
    ในส่วนของตัวเองที่ได้แสดงความเห็นไว้ก่อนหน้าหรือไม่

    ส่วนคู่สนทนาอีกฝ่าย ก็มีหน้าที่แค่พิจารณา คหหรือคำตอบว่าตรงหรือไม่ตรง
    กับของตน ไม่มีหน้าที่ชี้ผิดชี้ถูกและมันไม่เหมาะไม่สมอย่างยิ่งกับการเซ้าซี้
    ให้อีกฝ่ายผิดและยอมรับว่าตัวเองถูก

    แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ไม่ได้หมายถึงบัญญัติต่างๆ เพราะบัญญัติมีกฎมีเกณท์
    ที่ผู้บัญญัติคำได้ตั้งไว้แล้ว ทุกความเห็นจะต้องให้ความหมายที่ตรงกับ
    ผู้ที่บัญญัติคำนั้นขึ้นมาครับ


    เอ่อ! พูดถึงเรื่องบัญญัติแล้ว มันรู้สึกยังไงๆกับคำแปล...
    อรรถกถาจารย์ ของท่านอยู่นะครับ


    เอางี้นะครับ ง่ายๆสั้น สมองของท่านมีหน้าที่อะไรครับ
    หรือท่านมีไว้เพื่อให้มันหนักกระโหลกเล่น

    คำนี้ผมย้อนนะครับ"แล้วจะให้ คนเป็นโรคหู ตา จมูก ลิ้น กาย ไปหาจิตแพทย์
    หรืองัยครับ"??
    ก็เห็นอยู่ว่า อายตนะภายในมันเป็นเรื่องของรูป จับต้องได้ แต่มีอยู่อันพี่เล่น
    เอาไปเป็นนามเฉยเลย บอกแล้วเป็นคนไทย ต้องเรียนภาษาของเราให้เก่ง
    ก่อน

    อ๋อ! แน่นอนครับ พุทธศาสนาเป็นวิทยาสตร์ทางจิตแน่นอน
    แล้วการที่ท่านบอกจิตคนเราเป็น ดวง
    ผมว่าไอสไตย์ มันไม่หัวเราะเยาะท่านหรือครับ
     
  16. บุญพิชิต

    บุญพิชิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    686
    ค่าพลัง:
    +418
    ท่านเจ้าของกระทู้ธรรมภูติครับ เหตุใดท่านถึงเรียก สมาชิกที่เข้ามาใน
    กระทู้ท่านว่าเป็นหางเครื่องครับ แบบนี้มีเหตุผลหรือเปล่าครับ
    ท่านอย่าลืมนะว่า กระทู้นี้เป็นของท่าน ทุกคนมีสิทธิเข้ามาถกโต้แย้งท่านได้
    ท่านเอาเหตุอะไร กับคนที่ไม่เห็นด้วยเป็น หางเครื่องของใครต่อใคร
    ตรงกันข้าม ท่านเป็นจขกทแล้วมีคนเข้ามาสนับสนุนท่าน ผมว่าน่าจะเรียก
    หางเครื่อง อย่างนี้ซิครับเหมาะที่สุด

    ผมจบอกให้ครับ ลักษณะการตั้งกระทู้มีหลายอย่างครับ เช่น
    ...ตั้งเพื่อถามปัญหาทางธรรม อันนี้ดีครับ เราต้องให้ความเมตตาและสุภาพ
    ...ตั้งเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็น อันนี้ต่างคนต่างเมตตาซึ่งกันและกัน

    แต่ไอ้ประเภทตั้งกระทู้แล้ว สาธยายธรรมที่เป็นความเห็นหรือทิฐิตัว
    นี้ซิครับ ทุกคนที่เป็นพุทธ ย่อมมีที่จะเข้ามาโต้แย้งท่านได้ เพราะ
    การกระทำของท่านเหมือนกับที่ใครบางคน บอกว่า...
    ท่านตั้งตัวเป็นเจ้าสำนัก

    ฉะนั้นอย่าว่าคนที่มีความเห็นในแนวเดียวกัน เป็นหางเครื่อง
    พวกผมเป็นแค่คนดูครับ ส่วนท่านเป็นคนแสดง
    การโต้แย้ง เป็นเพียงการติชมผลงานการแสดงของท่านครับ

    แต่ไอ้ประเภท ที่เข้ามาสนับสนุนท่านซิครับ เต็มๆเลย
    ท่านกำลังร้องกำลังเต้น พวกที่ยื่นดีดดิ้น ส่ายสะโพกอยู่หลังท่าน
    เหล่านั้นไม่เรียก หางเครื่อง แล้วจะให้เรียกอะไรครับ
    หรือเป็นพวกขี้เมาครับ
     
  17. โป

    โป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    183
    ค่าพลัง:
    +256
    คุณบุญพิชิตกล่าวได้ขอบ......แล้วครับ

    ชาวพุทธทุกท่านย่อมมีสิทธิเข้ามาโต้แย้งและแสดงความเห็นได้ทุกคนครับ...
     
  18. โลกุตตระ

    โลกุตตระ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    448
    ค่าพลัง:
    +2,624
    พระสัทธรรมปฏิรูป

    แปลว่า “ สัทธรรมเทียม ” หรือ “ ธรรมปลอม ”

    พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๖ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๘สังยุตตนิกาย นิทานวรรค


    ๑๓. สัทธรรมปฏิรูปกสูตร
    [๕๓๑] สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระเชตวัน อารามของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี เขตพระนครสาวัตถี ครั้งนั้น ท่านพระมหากัสสปเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ ครั้นเข้าไปเฝ้าแล้ว ถวายอภิวาทแล้วนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นพระมหากัสสปนั่งเรียบร้อยแล้วได้กราบทูลถามว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ อะไรหนอแล เป็นเหตุ เป็นปัจจัย ให้เมื่อก่อนสิกขาบทมีน้อย และภิกษุตั้งอยู่ในพระอรหัตผลมีมาก และอะไรเป็นเหตุ เป็นปัจจัย ให้บัดนี้ สิกขาบทมีมาก และภิกษุตั้งอยู่ในพระอรหัตผลมีน้อย ฯ

    [๕๓๒] พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรกัสสป ข้อนั้นเป็นอย่างนี้คือ เมื่อหมู่สัตว์เลวลง พระสัทธรรมกำลังเลือนหายไป สิกขาบทจึงมีมากขึ้น ภิกษุที่ตั้งอยู่ในพระอรหัตผลจึงน้อยเข้า สัทธรรมปฏิรูปยังไม่เกิดขึ้นในโลกตราบใด ตราบนั้นพระสัทธรรมก็ยังไม่เลือนหายไป และสัทธรรมปฏิรูปเกิดขึ้นในโลกเมื่อใด เมื่อนั้นพระสัทธรรมจึงเลือนหายไป ทองเทียมยังไม่เกิดขึ้นในโลก ตราบใด ตราบนั้นทองคำธรรมชาติก็ยังไม่หายไป และเมื่อทองเทียมเกิดขึ้น ทองคำธรรมชาติจึงหายไป ฉันใด พระสัทธรรมก็ฉันนั้น สัทธรรมปฏิรูปยังไม่เกิดขึ้นในโลก ตราบใด ตราบนั้นพระสัทธรรมก็ยังไม่เลือนหายไป เมื่อสัทธรรมปฏิรูปเกิดขึ้นเมื่อใด เมื่อนั้นพระสัทธรรมจึงเลือนหายไป ฯ

    [๕๓๓] ดูกรกัสสป ธาตุดินยังพระสัทธรรมให้เลือนหายไปไม่ได้ ธาตุน้ำ ธาตุไฟ ธาตุลม ก็ยังพระสัทธรรมให้เลือนหายไปไม่ได้ ที่แท้โมฆบุรุษในโลกนี้ต่างหาก เกิดขึ้นมาก็ทำให้พระสัทธรรมเลือนหายไป เปรียบเหมือนเรือจะอัปปาง ก็เพราะต้นหนเท่านั้น พระสัทธรรมยังไม่เลือนหายไปด้วยประการฉะนี้ ฯ

    [๕๓๔] ดูกรกัสสป เหตุฝ่ายต่ำ ๕ ประการเหล่านี้ ย่อมเป็นไปพร้อมเพื่อความฟั่นเฟือน เพื่อความเลือนหายแห่งพระสัทธรรม เหตุฝ่ายต่ำ ๕ ประการเป็นไฉน คือ ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา ในธรรมวินัยนี้ ไม่เคารพยำเกรงในพระศาสดา ๑ ในพระธรรม ๑ ในพระสงฆ์ ๑ ในสิกขา ๑ ในสมาธิ ๑ เหตุฝ่ายต่ำ ๕ ประการเหล่านี้แล ย่อมเป็นไปพร้อมเพื่อความฟั่นเฟือน เพื่อความเลือนหายแห่งพระสัทธรรม ฯ

    [๕๓๕] ดูกรกัสสป เหตุ ๕ ประการเหล่านี้แล ย่อมเป็นไปพร้อมเพื่อความตั้งมั่น ไม่ฟั่นเฟือน ไม่เลือนหายแห่งพระสัทธรรม เหตุ ๕ ประการเป็นไฉน คือ ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา ในธรรมวินัยนี้ มีความเคารพยำเกรงในพระศาสดา ๑ ในพระธรรม ๑ ในพระสงฆ์ ๑ ในสิกขา ๑ ในสมาธิ ๑ เหตุ ๕ ประการเหล่านี้แล ย่อมเป็นไปพร้อมเพื่อความตั้งมั่น ไม่ฟั่นเฟือนไม่เลือนหายแห่งพระสัทธรรม ฯ

    จบสูตรที่ ๑๓

    จบกัสสปสังยุตต์ที่ ๔

    ----------------------------------------------------------
    หมายเหตุ
    ๑. โมฆบุรุษ หมายถึง บุรุษเปล่า, คนเปล่า, คนที่ใช้การไม่ได้, คนโง่เขลา, คนที่พลาดจากประโยชน์อันพึงได้พึงถึง
    ๒. สงฆ์ หมายถึง หมู่, ชุมนุม
    1. หมู่สาวกของพระพุทธเจ้า เรียกว่า สาวกสงฆ์ ดังคำสวดในสังฆคุณ ประกอบด้วยคู่บุรุษ ๔ บุรุษบุคคล ๘ เริ่มแต่ท่านผู้ตั้งอยู่ในโสดาปัตติมรรค จนถึงพระอรหันต์ ต่างจาก ภิกขุสงฆ์ คือ หมู่แห่งภิกษุหรือชุมนุมภิกษุ (ดูความหมาย ๒),
    ต่อมา บางทีเรียกอย่างแรกว่า อริยสงฆ์ อย่างหลังว่า สมมติสงฆ์
    2. ชุมนุมภิกษุหมู่หนึ่งตั้งแต่ ๔ รูปขึ้นไป ซึ่งสามารถประกอบสังฆกรรมได้ตามกำหนดทางพระวินัย ต่างโดยเป็นสงฆ์จตุรวรรคบ้าง ปัญจวรรคบ้าง ทศวรรคบ้าง วีสติวรรคบ้าง


    (ความหมายตาม พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์ พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต) พระธรรมปิฎก (ประยุทธ์ ปยุตฺโต))

    <O:p</O:p
    ***********************************************

    สัทธรรมปฏิรูป หมายถึงสัทธรรมเทียมสัทธรรมปลอม ไม่ใช่สัทธรรมแท้ คือคำสอนที่ผิดเพี้ยนไปจากสัทธรรมจริงคำสอนนอกลู่นอกทาง แต่อ้างว่าเป็นสัทธรรมแท้

    สัทธรรมปฏิรูป เป็นเหตุให้เกิดความเข้าใจผิดและหลงผิด เมื่อปฏิบัติตามย่อมผิดทางทำให้เสียเวลา ไม่ได้รับผลจริง และเป็นชนวนให้เกิดวิวาทะถกเถียงกัน ทะเลาะกัน แล้วแตกแยกกันในที่สุด
    สัทธรรมจริงย่อมพิสูจน์ได้ด้วยผลของการปฏิบัติ มิใช่ด้วยการตรึกนึกนึกคิดหรือการศึกษาตามตำรา เป็นต้น …..
    <O:p</O:p
    <O:p</O:p
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 กรกฎาคม 2010
  19. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846
    <TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 4 คน ( เป็นสมาชิก 3 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) </TD><TD class=thead width="14%"><CENTER">[ แนะนำเรื่องเด่น ] </TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>ปราบเทวดา*, สับสน!, โลกุตตระ


    แช๊ะ แช๊ แช๊ะ เจอ แจ๋วแหว๋ว...
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  20. สับสน!

    สับสน! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2010
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +3,984
    หางเครื่อง...เต็มไปหมด
    ท่านธรรมภูติ เดี๋ยวนี้เขาเรียกคนพวกนี้ เป็นมนุษย์พันธ์ใหม่แล้วครับ นสพ.ลงวันนี้ที่กรุงเทพธุรกิจ เขาเรียกว่าพวก spin-doctor ครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...