การฆ่าคนในสนามรบ เป็นบาปผิดศีลหรือไม่

ในห้อง 'Black Hole' ตั้งกระทู้โดย telwada, 13 ธันวาคม 2007.

  1. phitsanulok-pityakom

    phitsanulok-pityakom เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    180
    ค่าพลัง:
    +212
    คุณเกิดบนสวรรค์ พรหม ในตอนนี้เหรอครับ หรือจำความได้ว่ามีเพื่อนที่เป็นทหารเกิดบนสวรรค์หรือพรหม?

    หรือว่า คิดเอาเองครับ?


    ไม่ได้กวนหรือกวนตีนนะครับพี่
    แต่ว่า ฝากไว้ให้คิดจริงๆ ว่าที่พูด รู้เห็นจริงๆ หรือว่า เดา หรือ อ่านเจอเอา?
     
  2. phitsanulok-pityakom

    phitsanulok-pityakom เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    180
    ค่าพลัง:
    +212
    จะรับศีลหรือไม่รับศีล ยังไงกฎแห่งกรรมก็เป็นไปตามธรรมดาโลกของมัน ไม่มียกเว้น ไม่ว่าเราจะรับหรือไม่รับศีล


    ไม่ว่าคุณจะรับศีลหรือไม่รับ ถ้าคุณฆ่าผม(สมมตินะ) ผมตายปุบ แต่จิตผมยังไม่ดับไปนิพพาน ผมก็จะมาเกิดใหม่ ไม่ว่าจะเป็นคน สัตว์ หรืออะไรก็ตาม จิตผมจะฝังความแค้นที่มีต่อคุณ พอชาติถัดๆไปไม่ว่าชาติไหนก็ตาม ผมเกิดวนมาเจอคุณที่เกิดมาพร้อมกัน จิตผมย่อมระลึกถึงความพยาบาทได้ไม่ว่าโดยตั้งใจไม่ตั้งใจ ผมก็ฆ่าคุณกลับ ทำนองเนี้ยอะครับ ดังนั้นก็ถึงคิวคุณตาย

    แต่ถ้าคุณมีกรรมดี แล้วกรรมดีนั้นมาช่วยทัน เช่น ปล่อยปลา ช่วยชีวิตสัตว์ไว้เยอะ กรรมดีนั้นจะเข้าขวางผม เข้าแทรกผม เช่น ที่องคุลีมาลจะฆ่าแม่ และพระพุทธองค์เข้าขวางนั้นแล แม่เขาเลยรอด

    นี่คือกรณีที่เรามีกรรมดีสะสมอยู่นะ มันจะขวางกรรมร้ายให้ไม่แสดงผล(แต่ไม่หายไป) หรือ ตัดทอนให้การให้ผลร้ายทุเลาลงไป

    แต่ก็นั่นละ นั่นหมายถึง กรรมดีต้องมาช่วยทันนะ ถ้ามาช่วยไม่ทันแม้มีสะสมคุณก็ลงหลุมกันล่ะ ทำนองเนี้ยครับ:boo:
     
  3. phitsanulok-pityakom

    phitsanulok-pityakom เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    180
    ค่าพลัง:
    +212
    คุณ megaFM และคุุณ siratsapon
    ตอบถุกนะสำหรับกระทู้นี้

    เชื่อว่าเป็นเพราะบุญเก่าช่วยด้วย
    บุญเก่าช่วยในที่นี้ ก็เช่นว่า ทำให้เกิดมามีปัญญา อ่านธรรมะที่ถูกต้องแล้วเข้าใจ วิจารณญาณออกว่าถูก อันไหนผิด วิจารณญาณก็บอกว่าผิด

    แถม มีจิตใจฝักใฝ่ที่จะรู้ ก็เลยได้รู้ ทำนองนี้ละครับ

    อีกทั้งมีสัมมาทิฐิอยู่ ก็เลยมีความเชื่อที่ถูกต้อง ทำนองนั้นเลย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 กุมภาพันธ์ 2011
  4. phitsanulok-pityakom

    phitsanulok-pityakom เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    180
    ค่าพลัง:
    +212
    ช่วงแรกๆผมมีความเห็นว่าถูกต้อง
    และช่วงหลังๆผมว่า ถูกแบบทำให้คนอ่านบางทีเข้าใจผิด


    การแก้กรรมน่ะมีนะครับ แต่ไม่มีแบบที่ทำให้กรรมที่สะสมมา หมดไปเลยหรือทำเหมือนไม่เคยทำ(ไม่มีแบบยกเลิกกรรมที่มา เหมือนกับเราไม่เคยทำมัน)

    แต่สามารถทำให้ลดลงได้ หรือ ผลัด เลื่อนมันออกไปได้ หรือ หนีให้ทัน ให้มันตามไม่ทันจนไม่อาจส่งผลได้

    แต่ยังไงมันก็ตามอะ หนีไม่ทันเมื่อไรก็โด๊นโดนเลยทีเดียว


    ดังนั้นการแก้กรรม มันมี ทำให้มันไม่อาจทำร้ายเราได้
    แต่มันไม่หายไปนะ แค่ตามไม่ทัน ทำร้ายเราไม่ทัน ทำร้ายเราไม่ได้ในระยะนึงๆเท่านั้น(คำว่าระยะนึงอาจจะนานหลายชาติภพ หรือ สั้นๆไม่กี่ปี ก็ได้)
     
  5. yavoiii

    yavoiii Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    158
    ค่าพลัง:
    +65
    คิดถึงท่าน telwada กับท่าน OB1. จังเล้ยยยยยยยยยยยยย
     
  6. boontar

    boontar เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    2,717
    ค่าพลัง:
    +5,514
    กระทู้เก่าดีนะครับ--------------
     
  7. phitsanulok-pityakom

    phitsanulok-pityakom เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    180
    ค่าพลัง:
    +212
    ^
    ^
    ^
    555555555555555555555555555555 เป็นการจิกกัดชะปะครับ 55555555555
     
  8. Sarikanon

    Sarikanon สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    36
    ค่าพลัง:
    +22
    1) ฆ่าคนเป็นบาปครับ ตอบตามหัวกระทู้
    2) ผิดศีลครับ ศีลข้อที่ 1 ไม่ว่าคุณจะรับหรือไม่รับศีล

    ในตัวของศีลคุณจะทำไม่ทำก็เรื่องของคุณ มันไม่ได้เป็นข้อห้ามแต่มันเป็นข้อควรทำ เหมือนเครื่องป้องกันไม่ให้คุณทำบาป

    เช่นถ้าคุณผิดศีลเช่นฆ่าคน ในตัวบทของศีลไม่ได้มีไว้ให้คุณให้โทษ
    แต่คุณจะได้รับบาปเพราะคุณ ได้ทำกรรมเลวอันมีเจตนาจะฆ่าหรือการกระทำ
    โน่นครับ

    ไม่ว่าจะเหตุผลใด จะปกป้องใครก็ตาม ถ้าคุณเข้าล๊อคของกฏของกรรมคือมี
    เจตนาและการกระทำเต็มที่ละก็ เกิดผลกรรมเต็มๆ ซึ่งเป็นของใครของมันถ่ายทอดไม่ได้ ใครทำคนนั้นก็รับ

    เหมือนคนฆ่าหมู ฆ่าหมูให้คนกินแท้ๆ เป็นหน้าที่แต่บาปตกที่คนฆ่าหมู
    เพราะมีเจตนาหรือการกระทำเต็ม ขณะฆ่าหมู
    คนซื้อถ้าไม่รู้เห็นเป็นใจด้วยก็ไม่เป็นบาป

    อย่างทหารปกป้องชาติต้องยิงฆ่าศึกยิงคน ถ้ามีเจตนาและการกระทำเต็มละก็
    ได้บาปเต็มๆ ทั้งคนสั่งคนรู้เห็นเป็นใจ

    ผมถึงบอกว่าอาชีพทหารคือผู้กล้าที่เสียสละเพื่อชาติ ผมทราบซึ้งในบุญคุณของทหารกล้าเป็นอย่างยิ่ง เพราะมีพวกท่านเราถึงมีประเทศได้อยู่อย่างสงบสุข

    แต่กฏของกรรมก็คือกฏของกรรม ไม่มีใครหลีกเลี่ยงมันได้ มันไม่มีความรู้สึก
    ว่าใครดีไม่ดีใครควรผ่อนปรน แต่มันจะทำงานก็ต่อเมื่อองค์ประกอบมันครบเท่านั้น ตราบใดหากไม่บรรลุอรหันต์เราก็ต้องรอรับกรรมทั้งนั้น 555
     
  9. boontar

    boontar เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    2,717
    ค่าพลัง:
    +5,514
    การฆ่าคนในสนามรบ เป็นบาปผิดศีลหรือไม่
    .......................................................




    [​IMG]<center>พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๘ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๐
    สังยุตตนิกาย สฬายตนวรรค</center> <table width="90%" align="center" background="" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr><td>[​IMG]</td> </tr><tr><td vspace="0" hspace="0" width="100%" bgcolor="darkblue">[​IMG]</td></tr></tbody></table>
    <center>โยธาชีวสูตร
    </center> [๕๙๓] ครั้งนั้นแล นายบ้านนักรบอาชีพเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่
    ประทับ ฯลฯ ครั้นแล้วได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้า-
    *พระองค์ได้สดับคำของนักรบอาชีพทั้งอาจารย์และปาจารย์ก่อนๆ กล่าวกันอย่างนี้
    ว่า นักรบอาชีพคนใดอุตสาหะพยายามในสงคราม คนอื่นฆ่าผู้นั้นซึ่งกำลังอุตสาหะ
    พยายามให้ถึงความตาย ผู้นั้นเมื่อตายไป ย่อมเข้าถึงความเป็นสหายของเทวดา
    เหล่าสรชิต ในข้อนี้พระผู้มีพระภาคตรัสว่าอย่างไร พระผู้มีพระภาคตรัสว่า อย่าเลย
    นายบ้าน ขอพักข้อนี้เสียเถิด อย่าถามข้อนี้กะเราเลย แม้ครั้งที่ ๒ ฯลฯ แม้
    ครั้งที่ ๓ นายบ้านนักรบอาชีพได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ
    ข้าพระองค์ได้สดับคำของนักรบอาชีพทั้งอาจารย์และปาจารย์ก่อนๆ กล่าวกัน
    อย่างนี้ว่า นักรบอาชีพคนใดอุตสาหะพยายามในสงคราม คนอื่นฆ่าผู้นั้นซึ่งกำลัง
    อุตสาหะพยายามให้ถึงความตาย ผู้นั้นเมื่อตายไป ย่อมเข้าถึงความเป็นสหายของ
    เทวดาเหล่าสรชิต ในข้อนี้พระผู้มีพระภาคจะตรัสว่ากระไร พระผู้มีพระภาคตรัสว่า
    ดูกรนายบ้าน เราห้ามท่านไม่ได้แล้วว่า อย่าเลยนายบ้าน ของดข้อนี้เสียเถิด
    อย่าถามเราถึงข้อนี้เลย แต่เราจักพยากรณ์ให้ท่าน ดูกรนายบ้าน นักรบอาชีพ
    คนใดอุตสาหะพยายามในสงคราม ผู้นั้นยึดหน่วงจิตกระทำไว้ไม่ดี ตั้งจิตไว้ไม่ดี
    ก่อนว่า สัตว์เหล่านี้จงถูกฆ่า จงถูกแทง จงขาดสูญ จงพินาศ หรือว่าอย่าได้มี
    คนอื่นฆ่าผู้นั้นซึ่งกำลังอุตสาหะพยายามให้ถึงความตาย ผู้นั้นเมื่อตายไป ย่อมเกิด
    ในนรกชื่อสรชิต ก็ถ้าเขามีความเห็นอย่างนี้ว่า นักรบอาชีพคนใดอุตสาหะพยายาม
    ในสงคราม คนอื่นฆ่าผู้นั้นซึ่งกำลังอุตสาหะพยายามให้ถึงความตาย ผู้นั้นเมื่อ
    ตายไป ย่อมเข้าถึงความเป็นสหายของเทวดาเหล่าสรชิต ดังนี้ไซร้ ความเห็นของ
    ผู้นั้นเป็นความเห็นผิด ดูกรนายบ้าน ก็เราย่อมกล่าวคติ ๒ อย่าง อย่างใดอย่างหนึ่ง
    คือ นรกหรือกำเนิดสัตว์เดียรัจฉานของบุคคลผู้มีความเห็นผิด ฯ
    [๕๙๔] เมื่อพระผู้มีพระภาคตรัสอย่างนี้แล้ว นายบ้านนักรบอาชีพร้องไห้
    สอื้น น้ำตาไหล พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรนายบ้าน เราได้ห้ามท่านแล้วมิใช่
    หรือว่า อย่าเลยนายบ้าน ของดข้อนี้เสียเถิด อย่าถามเราถึงข้อนี้เลย เขาทูลว่า
    ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์ไม่ได้ร้องไห้ถึงข้อที่พระผู้มีพระภาคตรัสอย่างนี้
    กะข้าพระองค์หรอก แต่ว่าข้าพระองค์ถูกนักรบอาชีพทั้งอาจารย์และปาจารย์ก่อนๆ
    ล่อลวงให้หลงสิ้นกาลนานว่า นักรบอาชีพคนใดอุตสาหะพยายามในสงคราม
    คนอื่นฆ่าผู้นั้นซึ่งกำลังอุตสาหะพยายามให้ถึงความตาย นักรบอาชีพคนนั้นเมื่อตาย
    ไป ย่อมเข้าถึงความเป็นสหายของเทวดาเหล่าสรชิต ดังนี้ ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ
    พระธรรมเทศนาของพระองค์แจ่มแจ้งนัก ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ พระธรรมเทศนา
    ของพระองค์แจ่มแจ้งนัก พระผู้มีพระภาคทรงประกาศธรรมโดยอเนกปริยาย ดุจ
    หงายของที่คว่ำ เปิดของที่ปิด บอกทางให้แก่คนหลงทาง หรือส่องไฟในที่มืด
    ด้วยหวังว่า คนมีจักษุจักได้เห็นรูป ฉะนั้น ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์ขอถึง
    พระผู้มีพระภาค กับทั้งพระธรรมและพระภิกษุสงฆ์ว่าเป็นสรณะ ขอพระผู้มี-
    *พระภาคโปรดทรงจำข้าพระองค์ว่าเป็นอุบาสกผู้ถึงพระรัตนตรัยเป็นสรณะจนตลอด-
    *ชีวิต ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ฯ
    <center>จบสูตรที่ ๓
    </center>
    เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๘ บรรทัดที่ ๗๘๒๓ - ๗๘๖๑. หน้าที่ ๓๓๘ - ๓๔๐.
    http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=18&A=7823&Z=7861&pagebreak=0
    ศึกษาอรรถกถานี้ ได้ที่ :-
    http://www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=18&i=593
    สารบัญพระไตรปิฎกเล่มที่ ๑๘
    http://www.84000.org/tipitaka/read/?สารบัญพระไตรปิฎกเล่มที่_๑๘
    http://www.84000.org/tipitaka/read/?index_18


    <table width="90%" align="center" background="" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr><td vspace="0" hspace="0" align="right">[​IMG]</td></tr></tbody></table>
     
  10. Sarikanon

    Sarikanon สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    36
    ค่าพลัง:
    +22
    คนละเรื่องกับหัวข้อเลยครับ
    การฆ่าคนในสนามรบ เป็นบาปผิดศีลหรือไม่


    โยธาชีวสูตร
    ในหมวดนี้ เค้าพูดถึงคนนักรบกำลังที่โดนฆ่ า
    แล้วจิตก่อนตายของนักรบหรือบุคคลที่กำลังที่โดนฆ่ า

    ถ้าจิตหมอง ก็ลงนรก
    ถ้าจิตดีก็ขึ้นสววรค์

    และมันก็ไม่มี พระไตรปิฎก ตอนใดเลยที่บอกว่าถ้าขึ้นสวรรค์แล้ว
    บาปที่กระทำจะหมดไป นอกจากเป็นพระอรหันต์
     
  11. เหมยฮวา

    เหมยฮวา สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2011
    โพสต์:
    2
    ค่าพลัง:
    +2
    เ ราเป็นทหารสู้รบปกป้องประเทศชาติ(ไม่ใช่ไปรุกรานเขา)รักษาบ้านเมืองไม่ให้เกิดความเสียหายวุ่นวายฆ่าคนที่มารุกรานประเทศหรืออื่นๆยามศึกเรารบยามสงบเราบำเพ็ญไปด้วยคุณธรรมไม่ผิดหรอกครับ
    ยกตัวอย่างง่ายๆท่านกวนอูก็เป็นทหารฆ่าคนมากมายยังเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ได้ ท่าน เปาบุ้นจิ้นสั้งฆ่าคนชั้วก็เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์แต่สิ่งที่ทำไปไม่ผิดต่อหลักคุณธรรมสามัญก็ถือว่าไม่ผิดครับ
     
  12. chang938

    chang938 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    468
    ค่าพลัง:
    +451
    ขอฟันธงครับ......บาปทั้งคู่ทั้งผู้ฆ่าและผู้ถูกฆ่า

    1.ผู้ฆ่าบาปเนื่องจากฆ่าสิ่งมีชีวิตตามหลักพระพุทธศาสนาตาย

    2.ผู้ถูกฆ่าบาปเนื่องจากมาให้เขาฆ่า (ถ้าผู้ถูกฆ่าไม่มาให้ฆ่าผู้ฆ่าก็ไม่มีคนให้ฆ่า ผู้ฆ่าก็จะไม่บาป)
    (เป็นความเห็นส่วนตัวนะครบ)
     
  13. Anuruk Buranon

    Anuruk Buranon สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    1
    ค่าพลัง:
    +0
    (ความคิดเห็นส่วนตัว)

    แต่ถ้าถึงยามจำเป็นจริง ๆ

    ควรนึงถึงความจำเป็น มากกว่า บุญบาปนะครับ
     
  14. นักเดินธรรม

    นักเดินธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มกราคม 2009
    โพสต์:
    998
    ค่าพลัง:
    +2,393
    ศีลมักซื่อตรงเสมอ...ฆ่าก็คือผิดศีล ไม่ฆ่าก็คือไม่ผิดศีล

    ที่เหลือ...เหตุผลทางโลกล้วนๆ ที่เอามาแก้ต่างว่า...ฆ่า เพื่ออะไร

    ศีลไม่ยึดโลก และไม่ได้เป็นจุดศูนย์กลางของโลก

    ...เช่นกัน..กามโลกแห่งนี้ ก็ไม่ได้มีศีลเป็นจุดศูนย์กลาง

    ดังนั้น...อย่าเอาเหตุผลทางโลกมาเป็นข้อละเมิดศีล

    ดังนั้น...อย่าเอาเหตุผลทางโลกมาทำให้ผิดเป็นชอบ

    ...มันฟังไม่ขึ้น...
     
  15. นักเดินธรรม

    นักเดินธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มกราคม 2009
    โพสต์:
    998
    ค่าพลัง:
    +2,393
    <CENTER>พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๘ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๐
    สังยุตตนิกาย สฬายตนวรรค</CENTER><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="90%" background="" align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD bgColor=darkblue width="100%" hspace="0" vspace="0">[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>

    <CENTER>เราจักพยากรณ์ให้ท่าน ดูกรนายบ้าน นักรบอาชีพ</CENTER>คนใดอุตสาหะพยายามในสงคราม ผู้นั้นยึดหน่วงจิตกระทำไว้ไม่ดี ตั้งจิตไว้ไม่ดี
    ก่อนว่า สัตว์เหล่านี้จงถูกฆ่า จงถูกแทง จงขาดสูญ จงพินาศ หรือว่าอย่าได้มี
    คนอื่นฆ่าผู้นั้นซึ่งกำลังอุตสาหะพยายามให้ถึงความตาย ผู้นั้นเมื่อตายไป ย่อมเกิดในนรกชื่อสรชิต


    คำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ถือเป็นฎีกาทางกฎหมายธรรม อันมีศีลเป็นพุทธบัญญัติ...ได้เฉลยความไว้อย่างชัดเจนแล้ว จงพินิจพิจารณาและจดจำลงในจิตของพวกท่านเสีย...เว้นเสียแต่ท่านเป็นบัวที่ไม่อาจรับรู้ได้ เช่นนั้นแม้พระพุทธองค์มาโปรดตรงหน้า ก็จำต้องหลีกไป หลบไป เช่นนั้นเอง
     
  16. WPD

    WPD สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3
    ค่าพลัง:
    +3
    ศีล คือแนวทางที่จะไม่ทำบาป
    ซึ่งคนทั่วไปมี5คน(รู้ๆกันอยู่)
    ต้องเข้าใจว่ามันเป็นแค่แนวทางครับ
    เพราะดังนั้นบางที่ก็จำเป็นจะต้องผิดศีลบ้างเพื่อไม่ให้เกิดสิ่งที่ไม่ควรเกิด
    เช่นการพูดปด
    ซึ่งการฆ่าคนในสงครามก็เหมือนกันครับ
    แต่ยังไงมันก็ยังเป้นบาปอยู่แต่ถือว่าบาปน้อย
    เพราะการฆ่าคนในสงครามมันเป้นสิ่งที่จำเป็นเพื่อป้องกันชาติศาสนาและพระมหากษัตริย์ครับ

    การฆ่าที่เป็นบาปมากที่สุดคือฆ่าด้วยความโกรธความอยากหรืออกุลต่างๆ
    แต่คนที่ฆ่าแล้วเป็นบาปมากที่สุดคือคนที่เลี้ยงดูเรามาหรือพ่อแม่ครับ

    สำหรับคนที่ถามว่าระหว่างอาณาจักรกับศาสนจักรอันไหนสำคัญกว่ากัน
    คำตอบมันง่ายมากครับ
    คุณก็ลองคิดง่ายๆนะครับ
    ว่าถ้าไทยตกเป็นเมืองขึ้นของอังกฤษ
    อังกฤษซึ่งเป็นคริส
    ย่อมต้องเปลี่ยนศาสนาให้ไทยแน่นอนครับ
    แล้วชาติเราก็จะค่อยๆเปลี่ยนไปจากพุทธสุดท้ายก็จบลงที่ครืสต์ทั้งประเทศครับ
    แล้วเมื่อเราเปลี่ยนศาสนาใหม่ก็ย่อมมีหลักคำสอนใหม่แล้วมีศาสนาที่เราเปลี่ยนไปมันจะมีหลักคำสอนห้ามทำสงครามไหมละครับ(คิดง่ายๆเลยครับ)

    ยกตัวอย่างเช่นอินเดีย แต่เดิมเป็นฮินดูต่อมาเปลี่ยนเป็นพุทธแต่แล้วก็ถูกฮินดูไล่ล่าทำลายจนเกือบหมดพวกที่เหลือก็เลยต้องแยกออกมาเช่นเนปาลศลีลังกา
    ภูฎาณซึ่งเป็นสิ่งที่น่าเศร้ามากโดยเฉพาะในปากีสถานกับอินโดนีเซียที่พวกอิสลามเข้ามาเรารู้ว่าอิสลามสอนห้ามนับถือกราบไหว้ศาสนาอื่นแต่พวกอิสลามซึ่งมาจากตะวันออกกลางกลับเข้ามาทำลายพระพุทธรูปพระธรรมพระสงฆ์ในหลายๆที่เช่นปากีสถานที่แต่ก่อนเป็นเมืองพุทธเช่นอินโดนีเซีย(แต่น้อยหน่อยโชคดีที่ชาวบ้านยังไม่ยอมทำลายเพราะเขาถือว่าบรรพบุรษเขานับถือมาอย่างงั้นแล้วไอพวกอิสลามที่มาใหม่จะมาทำลายมิได้)


    ดังนั้นการไม่ตกเป็นเมืองขึ้นของชาติใดจึงสำคัญกว่าครับ
    เพราะหากชาติดำรงอยู่ได้ศาสนาก็ยังดำรงอยู่ได้เช่นกัน
    แต่หากไร้ซึ่งชาติศาสนาก็ย่อมดำรงอยู่ได้ยากและต้องดับไป

    นอกเสียจากคนในชาติจะมาเปลี่ยนศาสนากันเอง

    สำหรับการทำสงครามถ้าเราทำสงครามเพราะความจำเป็นเช่นพระนเศวรต้องการกอบกู้เอกราชจากพม่า(ถ้าเราตกเป็นเมืองขึ้นพม่าแล้วต่อมาพม่าตกเป็นเมืองของอังกฤษเราก็ตกเป็นขึ้นของอังกฤษด้วยเช่นกันครับ)
    คงเข้าใจนะครัยว่าจะเกิดอะไรขึ้น

    แต่โลกนี้ผมบอกได้ตรงๆเลยนะครับว่าโลกนี้หาสันติภาพได้ยาก
    เพราะทุกคนต่างมีกิเลสถ้าคนในโลกเราเข้าใจถึงพระพุทธศาสนาแล้วโลกนี้จะมีสันติภาพเกิดขึ้นครับ
    แต่กว่าจะถึงตอนนั้นคงอีกนาน
     

แชร์หน้านี้

Loading...