เรื่องเด่น การคุกคามของมาร

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย นโมพุทธายะ๕, 7 กันยายน 2020.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,668
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,135
    ค่าพลัง:
    +70,509
    g4gb4whh6kx_tqy-_nc_ohc-1f09walneosax8jzqwl-tn-ntkx8_79axljp9cm-_nc_ht-scontent-fbkk22-4-jpg-jpg.jpg


    เมื่อวานนี้ต้องบอกว่ากระผม/อาตมภาพโดนขันธมารแกล้ง ตั้งใจจะบอกจะกล่าวเรื่องราวที่เป็นประโยชน์ต่อการปฏิบัติธรรม ปรากฏว่าอยู่ ๆ ก็น้ำมูกไหลโจ๊กเลย ไหลชนิดกระดาษทิชชู่เปียกเป็นก้อน แต่กระผม/อาตมภาพก็ตัดสินใจแล้วว่า "อย่างดีก็แค่ตาย" จึงตั้งใจว่าไปเรื่อย ปรากฏว่าพอบันทึกเสียงธรรมจากวัดท่าขนุนเสร็จ ไม่รู้ว่าน้ำมูกหายไปไหน ? ไม่มีเอาดื้อ ๆ ก็คือลักษณะเหมือนกับว่าจะตายลงไปเดี๋ยวนั้น แต่พอเราพร้อมที่จะตายก็ถอยไปเอง

    นี่คือลักษณะของมารที่ทดสอบพวกเรา มารจะใช้คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว ในการทดสอบกำลังใจของเรา มาทุกเวลา ทุกนาที ทุกวินาที ทั้งหลับ ทั้งตื่น ทั้งยืน ทั้งนั่ง ไม่เคยเว้น เผลอเมื่อไรโดนสอบเมื่อนั้น แล้วพวกเราก็สอบตกกันเป็นประจำ..!

    ข้อสอบใหญ่ ๆ ก็แค่ รัก โลภ โกรธ หลง ๔ ข้อเท่านั้นเอง แต่แตกแขนงไปเป็นล้าน ๆ ข้อย่อย ข้อไหนเราเคยชนะแล้ว เคยทำได้แล้วจะไม่มาอีก แต่ถ้าหากว่าเผลอเมื่อไรก็ตะแบงข้างมา คำตอบเดียวกันแต่มาคนละแนว

    ถ้าอยู่ในลักษณะอย่างนี้ จะต้องตั้งสติรับให้ทัน โดยเฉพาะคนที่เรารักที่สุด จะสร้างความสะเทือนใจให้เราได้มากที่สุด บางทีเขาก็ไม่รู้ว่าสิ่งที่เขาพูด สิ่งที่เขาทำนั้น ทำให้เราเสียใจ ทำให้เราน้อยใจ ทำให้เราโกรธ เพราะว่าตัวเขาเองถูกมารดลใจให้ทำอย่างนั้น

    แม้กระทั่งข้าวของที่ไม่มีชีวิตจิตใจ มารก็เอามาทดสอบได้ ทำงานเหนื่อย ๆ เดินเข้าบ้านมา เจอข้าวของเกะกะไปทั้งบ้าน โมโห..เตะโครมเข้าให้..! โกรธทั้ง ๆ ที่ของไม่มีชีวิตจิตใจ ก็กองอยู่ตามปกติอย่างนั้นแหละ แต่มารดลใจให้คนในบ้านเอามาวางทิ้งกองไว้ตรงนั้น

    ในเมื่อเป็นไปในลักษณะอย่างนี้ ขอให้ระวังให้มาก แต่อย่าเห็นมารเป็นศัตรู มารเป็นครูที่ขยันที่สุด ทดสอบเราอยู่ตลอดเวลา ถ้าใครได้รับการทดสอบ ขอให้รู้ว่าท่านมีคุณค่าเพียงพอที่เขาจะสอบ ถ้าไม่มีราคาพอ เขาไม่สอบให้เสียเวลาหรอก เพราะว่าสอบไปก็ตก..เสียเวลาเปล่า ๆ

    บางทีแม้กระทั่งผม ก็โดนใช้เป็นสิ่งของที่มารเอาไปทดสอบคนอื่น ผมเดินมาจากโรงครัว ปกติก็ต้องเลี้ยงหมา เจอหน้าหมาก็ทักทายตามปกติ "เป็นอย่างไรบ้างจ๊ะที่รัก ? กินอะไรมาบ้างหรือยัง ?" ปรากฏว่าดันมีแม่ชีอยู่ใกล้ ๆ แถวนั้น ฟุ้งซ่านไปหลายวันเลย คิดว่าหลวงพ่อพูดกับตัวเอง อยากจะบอกว่าเอ็งลดตัวลงไปราคาเท่ากับหมาก็ใช่ที่..! ก็ปล่อยฟุ้งซ่านไป..!

    เพราะฉะนั้น..เรื่องแบบนี้ถ้าเราไม่ระวัง รัก โลภ โกรธ หลงจะเข้ามาง่ายมาก มาร ๕ อย่างไม่เคยเว้นในการทดสอบเรา ฉวยโอกาสใช้ทั้งวาระบุญและวาระกรรม ในการขัดขวางเราทุกวิถีทาง วาระบุญเข้ามา ก็กอบโกย ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข มาให้อย่างเต็มที่ เพื่อให้เราติดอยู่แค่นั้น วาระกรรมเข้ามา ก็กระหน่ำซ้ำเติมเรา ให้ทุกข์จนกระทั่งหาทางออกไม่เจอ

    พูดง่าย ๆ ว่าโดนทั้งขึ้นทั้งล่อง ในเมื่อเป็นในลักษณะอย่างนี้ ถ้าหากว่าเราไม่ตั้งสติระมัดระวัง โอกาสที่สอบตกก็จะมีสูงมาก คนรักกันปานจะกลืน พูดผิดหูหน่อยเดียว..โกรธ ไม่พูดไม่คุยกันไปเป็นอาทิตย์ก็มี

    ในเรื่องของมารนั้น ประกอบไปด้วยกิเลสมาร ก็คือ รัก โลภ โกรธ หลง ในใจของเราเอง ชักนำให้เราคิด ให้เราพูด ให้เราทำแต่ในสิ่งที่ผิด

    ขันธมาร คือร่างกายนี้เป็นมาร ถึงเวลาจะทำความดีก็เจ็บไข้ได้ป่วยเสียอย่างนั้น บางรายสมัยเป็นฆราวาสเมาหัวราน้ำ นอนตากน้ำค้างเป็นวันเป็นคืน ไม่เห็นเป็นอะไร พอบวชเข้ามาก็ป่วยเช้าป่วยเย็น มีหลายท่านที่ตั้งใจสึกไปเพื่อรักษาตัว พอมาลาสึก ผมบอกว่า "ท่านเชื่อไหม ? ถ้าท่านสึกนี่ ไม่ต้องรักษาหรอก จะหายดีทันทีเลย" ปรากฏว่าไม่เชื่อ สึกไปแล้วก็หายจริง ๆ ไม่ต้องรักษา เพราะว่าโดนขันธมารทดสอบ

    เทวปุตตมาร เป็นเรื่องของเทวดาหรือครูบาอาจารย์มาทดสอบ บางทีก็มาพยากรณ์มรรคผลให้บ้าง บางทีก็มาทำให้หวาดกลัวบ้าง ทำให้โกรธบ้าง แล้วแต่สถานการณ์ตอนนั้น ถ้าเราก้าวข้ามไปได้ ท่านก็เท่ากับเป็นครูมาสอบเรา ถ้าเราก้าวข้ามไปไม่ได้ ท่านก็กลายเป็นมารมาขวางเราจากความดี

    มัจจุมาร ความตายมาขวาง บางคนถ้าหากว่าทำความดีแล้ว จะเข้าถึงธรรมได้อย่างรวดเร็ว มารไม่รู้ว่าจะขวางอย่างไร พอดีมีกรรมปาณาติบาตใหญ่เข้ามา ก็ช่วยตัดให้ตายไปเลย

    อภิสังขารมาร บุญบาปมาขวาง ติดอยู่ในสุข ติดอยู่ในบุญ ติดอยู่ในความดี ติดอยู่ในรูปฌาน ติดอยู่ในอรูปฌาน หลุดพ้นไม่ได้ทั้งนั้น

    ส่วนในเรื่องของบาป ไม่ต้องสงสัย ไม่ว่าจะผิดศีลผิดธรรมอะไร ก็มีอบายภูมิเป็นที่ไป เป็นสัตว์นรกแล้ว ก็ต้องมาชดใช้ที่แดนเปรต ต้องชดใช้ที่แดนอสุรกาย ต้องชดใช้ที่แดนสัตว์เดรัจฉาน เวียนว่ายตายเกิดเป็นระยะเวลายาวนานจนนับไม่ถ้วน ห่างไกลความดีไปได้นานขนาดนั้น เขาถึงได้เรียกว่ามาร ทั้ง ๆ ที่เป็นความดีก็เป็นมารได้ เพราะว่าเราไปยึดติด ส่วนในด้านความชั่วนั้น เป็นมารก็ถือว่าเป็นปกติอยู่แล้ว เรารู้..เราเข้าใจได้

    ดังนั้น...ในแต่ละวันให้พวกเราระมัดระวังให้มากเอาไว้ คิดทุกอย่างที่จะพูด คิดทุกอย่างที่จะทำ ไม่อย่างนั้นแล้วมีโอกาสโดน "สอย" สูงมาก พูดผิดหู หรือโพสต์ผิดตาหน่อยเดียว โกรธจนไม่มองหน้ากันไปเลย ถ้ารู้ตัวก็ขอขมากันได้ อีกไม่กี่วันออกพรรษา ก็มีปวารณาตัวต่อกัน ถึงเวลาก็ขอขมากัน ว่ากล่าวตักเตือนกัน ท่านทั้งหลายต้องปวารณากันในวันออกพรรษา ส่วนตัวผมเองต้องไปในวันตักบาตรเทโว ออกจากกรรมฐานมาค่อยมาปวารณากับท่านทั้งหลาย
    .........................................
    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    ผู้ก่อตั้งสำนักสงฆ์เกาะพระฤๅษี
    ........................................
    #รู้ว่าดีก็ทำ #รู้ว่าชั่วก็ละ #ไม่เกาะทั้งดีทั้งชั่ว
     
  2. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,668
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,135
    ค่าพลัง:
    +70,509
    ถาม : อยากมาทำบุญ แต่เกิดอาการป่วยปัจจุบันทันด่วน ?
    ตอบ : เขาเรียกว่าขันธมาร ร่างกายของตนเองคอยขวางไม่ให้ทำความดี

    ถาม : ต้องแก้อย่างไรคะ ?
    ตอบ : ต้องดื้อไป ถึงตายก็จะไป ถ้าอย่างนั้นบ่อย ๆ พอเขารู้ว่าขวางไม่ได้ก็จะเลิก เจ้าพวกนี้กลัวคนหน้าด้าน ถ้าหน้าด้านตื๊อเข้าไป เมื่อรู้ว่าขวางไม่อยู่เขาก็เลิก ไม่รู้จะขวางทำไม เสียเวลา เขาก็ไปหาทางอื่นแทน

    ถาม : ใจเผลอคิดปรามาสครูบาอาจารย์อยู่บ่อย ๆ เป็นโทษไหมคะ ?
    ตอบ : นั่นเป็นใจคิด เราก็ขอขมาไปเรื่อย ๆ เจ้าพวกนี้ต้องการจะกวนเราให้ขุ่น ก็คือถ้าใจเราไปพะวักพะวนตรงนั้น การปฏิบัติก็จะไม่ก้าวหน้า เพราะฉะนั้น..เราไม่ต้องไปใส่ใจหรอก คิดว่าถ้าสติสัมปชัญญะสมบูรณ์ เราไม่ทำเรื่องแบบนี้อยู่แล้ว แต่ในเมื่อโดนชักนำด้วยกิเลส ตัณหา อุปาทานและอกุศลกรรม ถึงได้คิดอย่างนี้ พูดอย่างนี้ ทำอย่างนี้ เราก็ตั้งใจขอขมาพระ ขอบ่อย ๆ พวกนี้พอรู้ว่าทำให้เราสะเทือนไม่ได้ก็เลิก เขาต้องการจะกวนน้ำให้ขุ่น ในเมื่อกวนแล้วไม่ขุ่นก็ไม่รู้ว่าจะกวนไปทำไม ?

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    (หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน)

    เก็บตกบ้านวิริยบารมี ต้นเดือนเมษายน ๒๕๕๖
     
  3. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,668
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,135
    ค่าพลัง:
    +70,509
    upload_2021-11-19_19-34-1.png
     
  4. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,668
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,135
    ค่าพลัง:
    +70,509
    [​IMG]


    เสนามาร ๑๐ กอง
    **********
    [๔๓๙] กิเลสกามทั้งหลาย เราเรียกว่าเสนากองที่ ๑ ของท่าน
    ความไม่ยินดี เราเรียกว่าเสนากองที่ ๒ ของท่าน
    ความหิวกระหาย เราเรียกว่าเสนากองที่ ๓ ของท่าน
    ตัณหา(ความทะยานอยาก) เราเรียกว่าเสนากองที่ ๔ ของท่าน

    [๔๔๐] ถีนมิทธะ(ความหดหู่และเซื่องซึม)
    เราเรียกว่าเสนากองที่ ๕ ของท่าน
    ความกลัว เราเรียกว่าเสนากองที่ ๖ ของท่าน
    วิจิกิจฉา(ความลังเลสงสัย) เราเรียกว่าเสนากองที่ ๗ ของท่าน
    มักขะ(ความลบหลู่คุณท่าน) และถัมภะ(ความหัวดื้อ)
    เราเรียกว่าเสนากองที่ ๘ ของท่าน

    [๔๔๑] ลาภ ความสรรเสริญ สักการะ และยศที่ได้มาที่ผิดๆ
    เราเรียกว่าเสนากองที่ ๙ ของท่าน
    การยกตนและข่มผู้อื่น เราเรียกว่าเสนากองที่ ๑๐ ของท่าน
    ...............
    ข้อความบางตอนใน ปธานสูตร ว่าด้วยความเพียรอย่างเด็ดเดี่ยว ขุททกนิกาย สุตตนิบาต พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๕
    http://www.84000.org/tipitaka/read/m_siri.php?B=25&siri=255

    หมายเหตุ
    เสนามาร ๑๐ กอง ได้แก่
    กองที่ ๑ กิเลสกามทั้งหลาย
    กองที่ ๒ ความไม่ยินดี
    กองที่ ๓ ความหิวกระหาย
    กองที่ ๔ ตัณหา(ความทะยานอยาก)
    กองที่ ๕ ถีนมิทธะ(ความหดหู่และเซื่องซึม)
    กองที่ ๖ ความกลัว
    กองที่ ๗ วิจิกิจฉา(ความลังเลสงสัย)
    กองที่ ๘ มักขะ(ความลบหลู่คุณท่าน) และถัมภะ(ความหัวดื้อ)
    กองที่ ๙ ลาภ ความสรรเสริญ สักการะ และยศที่ได้มาที่ผิดๆ
    กองที่ ๑๐ การยกตนและข่มผู้อื่น
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...