ถาม : เมื่อรับศีลจากพระไปแล้ว ไปกระทำผิดศีลเข้า มีทั้งเจตนาบ้าง และไม่เจตนาบ้าง อย่างนี้จะเป็นบาปกรรมมากกว่าการที่ไม่ได้มารับศีลจากพระไปแล้วกระทำผิดศีลหรือไม่ หลวงพ่อพุธ : การรับศีลไปแล้ว ทำผิดบ้าง ถูกบ้าง แต่ว่าไม่ได้เจตนา เป็นแต่เพียงขาดการสำรวม ขาดสติ ทำให้ศีลเศร้าหมองนิดหน่อย ทีนี้การที่มารับศีลแล้วรักษาให้บริสุทธิ์ บริบูรณ์ไม่ได้ มีขาดตกบกพร่องบ้าง ถ้าข้อเปรียบเทียบก็เหมือนกันกับว่า ผู้ที่มีเสื้อใส่แต่เป็นเสื้อขาด ก็ยังดีกว่าผู้ที่ไม่มีเสื้อจะใส่เสียเลย การสมาทานศีลนี้ ถึงแม้ว่าจะขาดตกบกพร่องบ้างก็ยังดี อันนั้นเป็นเรื่องวิสัยธรรมดาของปุถุชน ก็ย่อมมีการบกพร่องบ้าง ในเมื่อฝึกไปจนคล่องตัวแล้วมันก็สมบูรณ์ไปเอง ดีกว่าไม่ทำเลย ---->>> สวัสดีครับ คุณพี สุขสดชื่นในวัน X-mas ครับ
อนึ่งใน ทานานิสังสสูตร อัง. ปัญจก. ข้อ ๓๕ พระพุทธองค์ทรงแสดงอานิสงส์ของทานไว้ ๕ อย่างคือ ๑. ผู้ให้ทาน ย่อมเป็นที่รักที่ชอบใจของชนหมู่มาก ๒. สัปบุรุษ ผู้สงบ มีพระพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า และสาวกของพระพุทธเจ้า ย่อมคบหาผู้ให้ทาน ๓. กิตติศัพท์อันงามของผู้ให้ทาน ย่อมขจรขจายไปทั่ว ๔. ผู้ให้ทาน ย่อมไม่เหินห่างจากธรรมของคฤหัสถ์ คือมีศีล ๕ ไม่ขาด ๕. ผู้ให้ทาน เมื่อตายไปแล้ว ย่อมเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ สวัสดีครับคุณพี ... สุขสดชื่นจงมี[IMG]
สวัสดีเช้าวันอังคารค่ะ สดชื่นและอารมณ์ดีทั้งวันนะคะ ขอให้มีความสุขกับการทำงานนะคะ สู้ สู้ ค่ะ [IMG] เจ้าหัวหอมน้อยมาให้กำลังใจค่ะ ^__^
สวัสดีครับ...คุณพี ไม่รู้ว่าผมจะไปเมืองจันทร์เมื่อไหร่... ไงก็..คุณพีอย่าเพิ่งลืมนะครับ....... ปีใหม่คุณพี..มีโปรแกรมไปทำบุญที่ไหนครับ... ขออนุโมทนาล่วงหน้าเลยนะครับ...สาธุ
วิธีที่ 2 หลับด้วยการผ่อนคลายเชิงลึกในแบบโยคะ 1. นำใจไปจดจ่ออยู่กับการผ่อนคลายส่วนต่างๆ ของร่างกายโดยเริ่มตั้งแต่ศรีษะ 2. ผ่อนคลายทุกส่วนของอวัยวะที่ใจจดจ่ออยู่ จนกระทั่งไม่รู้สึกถึงความตึงเครียดใดๆ ที่อวัยวะนั้น แล้วจึงเลื่อนใจไปยังอวัยวะข้างเคียง 3. หากไม่แน่ใจว่าอวัยวะนั้นผ่อนคลายพอแล้วหรือยังให้หายใจออกเต็มที่พร้อมกับผ่อนคลาย 4. ค่อยๆ ผ่อนคลายไล่ไปทีละอวัยวะ จนกระทั่งถึงปลายเท้าแล้วจึงวนกลับขึ้นมาจนถึงศรีษะอีกครั้ง 5. ทำเช่นนี้จนกว่าจะหลับไปอย่างผ่อนคลายและมีสติ จาก Feature 2: นิตยสารซีเครต 10 ธ.ค.51
5. จัดระเบียบการนอน มีกำหนดเวลานอนและตื่นที่ชัดเจนเพื่อสร้างวินัยให้ร่างกาย 6. นอนในที่เย็น เงียบ และมืด ปราศจากแสง เสียง และสิ่งรบกวนที่จะทำลายสมาธิในการนอน 7. หลับไปด้วยจิตอันนิ่ง สงบ และเป็นกุศล แทนที่จะหลับไปอย่างเหนื่อยอ่อนเพราะคิดปรุงแต่งสารพัน ลองหันมาสงบสติอารมณ์ก่อนนอนด้วยกุศโลบายง่ายๆ 2 วิธี ดังนี้ วิธีที่ 1 นอนสมาธิตามหลักสติปัฏฐาน 1.นอนหงาย มือวางข้างลำตัว 2.นำใจไปจดจ่ออยู่ที่หน้าท้อง 3.หายใจเข้าให้รู้ว่าหน้าท้องพอง หายใจออกให้รู้ว่าหน้าท้องยุบ 4.มีสติจดจ่ออยู่ที่การเคลื่อนไหวของหน้าท้องจนกว่าจะหลับไป 5.พยายามสังเกตให้ได้ว่าหลับไปในขณะที่หน้าท้องพองหรือยุบ มีต่อ ข้อที่ 2
7 ขั้นตอนสู่การนอนอย่างพระอรหันต์ 1.ลุกขึ้นอย่างกระฉับกระเฉงทันทีที่ตื่น อย่ามัวโอ้เอ้ งัวเงียพ่ายแพ้ให้ความขี้เกียจ เพราะการตื่นขึ้นเองโดยไม่มีใครปลุกเป็นการส่งสัญญาณให้คุณรู้ว่าสมองได้พักผ่อนเพียงพอแล้ว การนอนนานกว่านั้นจึงถือเป็นความขึ้เกียจ 2.หมั่นเจริญสติและฝึกสมาธิระหว่างวัน เพื่อจัดระเบียบสมองและลดการปรุงแต่งอารมณ์ 3. หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ทำให้สมองและร่างกายตื่นตัวก่อนนอน เช่น การดูหนังแอ๊คชั่น การออกกำลังกาย การดื่มเครื่องดื่มที่มีกาเฟอีน การคิดเรื่องงาน ฯลฯ เพื่อให้ร่างกายพร้อมเข้าสู่การนอนอย่างสงบและมีสติ 4. นอนอย่างปล่อยวาง ทำจิตให้ว่างก่อนเข้านอน ด้วยการสะสางงาน และวางแผนสิ่งที่สิ่งที่จะต้องทำในวันรุ่งขึ้นให้เรียบร้อย อาจวางกระดาษและดินสอไว้ข้างเตียง เพื่อจดสิ่งที่นึกขึ้นได้ จะได้ไม่ต้องคิดวนไปเวียนมาเพราะความกังวล มีต่อ ข้อ 5...
ขอบคุณครับ หายไปซะนานเลยนะครับ ขอให้กลับมาพร้อมกับความสุขนะครับ จะได้นำธรรมะกับสิ่งดีๆมาฝากเรื่อยๆนะครับ
สวัสดีครับ คุณพี...รอทุกวันเลยครับ ^^ พักผ่อนให้เยอะ ๆ นะครับ ดื่มน้ำอุ่น ... อย่าเครียดด้วย ขอบคุณครับ ภาษิตจีน ดีดี