สิ่งทุกสิ่งไม่คงตัวอยู่อย่างถาวร. ดังนั้นสิ่งทั้งปวงจึงตกอยู่ใต้อำนาจของธรรมที่เป็นความเกิดขึ้นและความแตกดับ(กล่าวคือสังขตธรรมหรือธรรมอันปรุงแต่ง)...
จิตปุถุชนทั้งหลายมีรอบปัญญาไม่เท่ากันพระพุทธองค์ทรงตรัสธรรมใว้หลายๆลักษณะเพื่อให้เข้าใจตามรอบปัญญาของแต่ล่ะดวงจิต
ปฏิบัติธรรมโดยที่ไม่ต้องทำอะไรเลย หากไปศึกษาในพระสูตรต่างๆในพระสุตันตปิฏกไล่เรียงตั้งแต่ธรรมจักรกัปปวัฏตนสูตร อนัตลักขณะสูตร อาทิตยสูตร เป็นต้น...
จริงๆแล้วมีแต่ อนัตตา เพียงอย่างเดียวครับ พระพุทธองค์ทรงตรัสใว้เองครับ ว่า สรรพเภธรรมาอนัตตา ครับ....แต่ในไตรลักษณ์...
เล่นเพื่ออะไรครับ แล้วพ้นทุกข์ได้เหรอ ทำไมไม่ปฏิบัติธรรมล่ะเดี๋ยวสอนให้เอาไหม ยิ่งกว่า ญาณ4 ซะอีก ไม่แน่อาจได้ ตาทิพย์หูทิพย์ หรือเจโต...
ธรรมะต่างๆและทุกสรรพสิ่งล้วนตกอยู่ภายใต้กฎของ อนัตตา คือ โดยเนื้อหาแล้ว...
นิพพาน วิชชาแปลว่าความรู้แจ้งทั้งปวง วิมุตติแปลว่าความหลุดพ้น วิชาและวิมุตติจึงเป็นความหมายของคำว่า “นิพพาน” นั่นเอง...
จิตพุทธะและนิพพานล้วนมีอยู่ในเราทุกคน...
คือ... ไม่มีปรากฎแห่งการเปลี่ยนแปลงหรือเกิดดับนั้น....เป็นการดับสนิทไม่มีเหลือปราศจากอวิชชาตัณหาอุปาทาน.... การเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป....นั้น...
มหาปรินิรวาณสูต ว่าด้วยเรื่อง พระนิพพาน สิ่งทุกสิ่งไม่คงตัวอยู่อย่างถาวร. ดังนั้น...
โสดาบัน มีพระอริยเจ้าทั้งหลายเคยกล่าวไว้ว่า ธรรมอันแท้จริงนั้น "ไม่มีจุดเริ่มต้นและไม่มีจุดจบ ไม่มีการบรรลุและผู้บรรลุ"...
การที่เราเข้าไปวางหลักเกณฑ์ในธรรมซะเอง โดยไม่เข้าใจว่าเส้นทางหลุดพ้นนั้นเป็นเส้นทางแห่งธรรมชาติ มันเป็นวิธีและเครื่องมือโดยตัวมันเอง.........
แยกชื่อด้วยเครื่องหมายจุลภาค เช่น พลังจิต, พุทธศาสนา