ให้บูชา/พูดคุย วัตถุมงคลสายจีน ท่านอาจารย์โพธิ์แจ้ง วัดโพธิ์แมน

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย ศิลป์พระ9, 11 พฤษภาคม 2018.

  1. ศิลป์พระ9

    ศิลป์พระ9 Active Member สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2010
    โพสต์:
    644
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +487
    52.jpg
    สวัสดีครับ กระทู้นี้จะเป็นพระเครื่องสายจีน สายมหายาน วัชรยาน มนตรยาน สายท่านอาจารย์โพธิ์แจ้ง วัดโพธิ์แมนคุณาราม เอาไว้ในกระทู้นี้ โดยผมขอแยกออกมาจากกระทู้หลัก เพื่อให้ง่ายแก่การค้นหาข้อมูล และ ลงพระในสายนี้โดยเฉพาะเอาไว้ที่เดียวกระทู้นี้สะดวกแก่ผู้ตามหาตามเก็บในการเปิดเข้ามาชมน่ะครับ

    เลขบัญชีสำหรับโอนเงินบูชาพระเครื่อง
    ธนาคาร ไทยพานิชณ์
    ชื่อ ประมุข ชูสงค์
    เลขบัญชี 044-2929-666
    ประเภท ออมทรัพย์


    ไม่เป็นสมาชิกจะบูชา หรือ จองพระ

    ช่องทาง App line สามรถ เอดไลน์ไอดี(Line Id) ค้นหาชื่อ "petchyop"(ช่องทางนี้รวดเร็วที่สุด)
    0863035677 - เพชร พัทลุง



    เมล์คุยกัน หรือ สอบถาม ตามนี้เลยครับ petch595@hotmail.com ผมจะเช๊คทุกวันครับ...

    ขอเน้นย้ำ ว่าพระเครื่องทุกองค์รับประกันความแท้ ครับ

    **** งดเช๊ค/ตรวจสอบพระทุกกรณี เพื่อป้องกันการขัดแย้งทะเลาะวิวาท ****

    กฎกติกา การจอง พระเครื่อง จองแล้ว ชำระภายใน 7 วัน หลังจากพ้นกำหนด หากขาดการติดต่อ หรือ ไม่ได้ตกลงเป็นอย่างอื่น ขออนุญาต ยกเลิก การจอง โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้าน่ะครับ

    2.jpg
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 403.jpg
      403.jpg
      ขนาดไฟล์:
      149.4 KB
      เปิดดู:
      6,504
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 ธันวาคม 2023
  2. ศิลป์พระ9

    ศิลป์พระ9 Active Member สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2010
    โพสต์:
    644
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +487
    1.พระสมเด็จสัพพัญญู ท่านเจ้าคุณโพธิ์แจ้ง วัดโพธิ์แมนคุณาราม ปี 2502



    25.jpg


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 36.jpg
      36.jpg
      ขนาดไฟล์:
      88.6 KB
      เปิดดู:
      3,977
    • 37.jpg
      37.jpg
      ขนาดไฟล์:
      88 KB
      เปิดดู:
      3,964
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 ธันวาคม 2020
  3. ศิลป์พระ9

    ศิลป์พระ9 Active Member สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2010
    โพสต์:
    644
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +487
    1.พระสมเด็จสัพพัญญู ท่านเจ้าคุณโพธิ์แจ้ง วัดโพธิ์แมนคุณาราม ปี 2502 ((( PM )))



    794.jpg
    795.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 ธันวาคม 2020
  4. HMMAmulet626

    HMMAmulet626 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2010
    โพสต์:
    8,311
    ค่าพลัง:
    +468
    ราคาองค์แรก ครับ
     
  5. Red pcx

    Red pcx ติดต่อ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤศจิกายน 2016
    โพสต์:
    43
    ค่าพลัง:
    +76
    ขอราคาสมเด็จสัพพัญญููด้วยครับ
     
  6. ศิลป์พระ9

    ศิลป์พระ9 Active Member สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2010
    โพสต์:
    644
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +487
    2.เหรียญท่านอาจารย์นอร่าริมโปเช ท่านเจ้าคุณโพธิ์แจ้ง วัดโพธิ์แมนฯ รุ่นแรก >>>เปลี่ยนมือแล้ว

    หากจะกล่าวถึงท่านอาจารย์โพธิ์แจ้งแล้ว ไม่กล่าวถึงเหรียญนี้เห็นทีจะไม่ได้ เหรียญท่านอาจารย์นอร่าริมโปเช (หนึ่งในอาจารย์ที่มีอิทธิพลที่ทำให้ท่านอาจารย์โพธิ์แจ้งสำเร็จมนตรยาน วัชรยาน)เหรียญนี้ สร้างชื่อให้ท่านอาจารย์อย่างหนัก ในช่วงปี 2480-2495 ในโซนจังหวัดกาญจนบุรี และ ราชบุรี เป็นเหรียญที่มีประสบการณ์มากมายเมื่อเปรียบเทียบกับปริมาณการจัดสร้าง เหรียญรุ่นนี้ถ้าวัดกันเรื่องราคา ในเนื้อทองแดงด้วยกัน เหรียญรุ่นนี้น่าจะมีราคาแพงสุดในบรรดาเหรียญทั้งหมดของท่าน ว่ากันว่าเหรียญรุ่นแรกหายาก สร้างน้อย บ้างบอกว่าหลักร้อยต้นๆ บ้ เหรียญนี้คนในตลาดลูกแก หรือ คนกาญ รู้จักในนามว่า เหรียญซือหู ผมไม่ทราบว่าเค้าแทนคำว่าซือหูแทนอาจารย์โพธิ์แจ้ง หรือ แทนท่านอาจารย์นอร่า แต่ก็เป็นเหรียญยอดนิยมของจังหวัดกาญจนบุรีไปแล้ว

    ***วิธีการพิจารณาเหรียญรุ่นนี้ ถ้าเป็นรุ่นแรก เป็นเหรียญสองเหรียญหน้าหลังประกบบัตกรีเท่านั้น***

    28.jpg
    264.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 ธันวาคม 2020
  7. ศิลป์พระ9

    ศิลป์พระ9 Active Member สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2010
    โพสต์:
    644
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +487
    ประสบการณ์พระสมเด็จสัพพัญญู กับบุคคลไกล้ชิดที่ทำให้เข้ามานับถือท่านอาจารย์โพธิ์แจ้งอย่างจริงจังครับ

    ประสบการณ์พระสมเด็จสัพพัญญูที่ใกล้ตัวผม รุ่นพี่ท่านหนึ่ง ที่ผมสนิท ซึ่งตามปกติผมจะขอติดรถพี่ท่านนี้ไปเดินหาพระเครื่องที่ จ.ปทุมธานี เป็นประจำ สัปดาห์ละ 2 วัน วันพฤหัส และ วันเสาร์ ซึ่งเป็นเวลานัดของนัดพระเครื่องที่นี่ โดยออกเดินทางประมาณ ตี 3.45 น. ทุกครั้ง วันเกิดเหตุผมมีเหตุที่ไม่ได้ไป(เป็นโชคดีของผมด้วย) พี่ท่านนี้จึงไปคนเดียว โดยขับไปถึงทางขึ้นทางด่วน ทางขึ้นค่อนข้างตีโค้งมาก บวกกับฝนพึ่งตกลงไปทำให้ถนนลื่น รถพี่ท่านนี้ขับมาจึงทำให้เสียหลักพลิกคว่ำหลายตลบลงข้างทาง รถพังยับทั้งคัน เวลานั้นพี่ท่านนี้ได้ออกมาจากซากรถด้วยตัวเอง พร้อมกับตรวจร่างกายไม่ได้รับอันตรายเลย มีเพียงแผลถลอกเท่าหนามข่วนเล็กน้อย พี่ท่านนี้จึงโบกแทกซี่กลับบ้าน รุ่งเช้าจึงโทรให้รถยกมายกรถกลับไป ผลจากการเกิดอุบัติเหตุในครั้งนี้ รถคันดังกล่าว ขายซาก และ ไม่สามารถใช้ง่านต่อได้ ใครเห็นต่างก็คิดว่า พี่ท่านนี้รอดมาได้อย่างไร ถึงแม้ไม่ถึงชีวิต ก็น่าจะสาหัสอยู่บ้าง เพราะรถพังทั้งคัน แถมพลิกคว่ำอีกด้วย พี่ท่านนี้ก็ได้แต่กล่าวว่า น่าจะเป็นเพราะปฎิหาริย์จากพระสมเด็จสัพพัญญู ที่ห้อยเพียงองค์เดียวในคอ ที่ช่วยให้รอดจากอุบัติเหตุในครั้งนั้นมาได้

    12.jpg
    13.jpg
    14.jpg
    15.jpg 16.jpg
    17.jpg
     
  8. tanakorn_n

    tanakorn_n เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มกราคม 2012
    โพสต์:
    532
    ค่าพลัง:
    +849
    ขอราคาสมเด็จพระสัพพัญญูครับ
     
  9. ศิลป์พระ9

    ศิลป์พระ9 Active Member สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2010
    โพสต์:
    644
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +487
    สาระน่ารู้



    ทำไม นิกายจีนมหายาน ในไทย ถึงรุ่งเรืองเฟื่องฟูที่สุดในยุคของท่าน "อาจารย์โพธิ์แจ้ง วัดโพธิ์แมนฯ"


    จากแผนภาพนี้น่ะครับ จะเห็นได้ว่า รากฐานสำคัญ ที่มำให้นิกายจีน มหายานในเมืองไทย มีความมั่นคง เพราะ ท่านอาจารย์โพธิ์แจ้ง ได้ศึกษา วางรากฐาน มหายาน ในเมืองไทย ให้ได้รับความยอมรับ โดยท่านอุทิศตัวท่านเอง ศึกษาหลักธรรม ขั้นต้นศึกษาในประเทศไทย โดยอันที่จริงตั้งแต่มีนิกายจีน มาตั้งแต่ยุคอาจารย์สกเห็ง เป็นปฐมเจ้าคณะใหญ่จีนนิกาย ในยุคสมัย รัชการที่ 5 แล้วนั้น ครูบาอาจารย์ในฝ่ายจีนนี้ไม่ธรรมดาเลย แต่ละรูปเคร่งครัดและปฎิบัติญาณตามแนวทางนิกายมหายาน จนสำเร็จ หลายต่อหลายท่าน (มีพระคณาจารย์หลายท่านมรณะแล้วสรีระไม่เน่าไม่เปื่อย) เป็นผู้ทรงญาณชั้นสูง แต่นิกายจีนก็ยังไม่ค่อยได้ความยอมรับในหมู่พุทธศานิกชน ในเมืองไทยเท่าไหร่นัก จวบจนมาถึง ยุคท่านอาจารย์โพธิ์แจ้ง จากการที่ท่านได้อุทิศตนศึกษาหลักธรรม และ การฝึกกัมมัฐาน ตามแนวทางนิกายจีนมหายานในเมืองไทยอย่างเต้มที่แล้ว ท่านได้ธุดงค์ไปศึกษา หลักธรรมฝ่ายมหายานในประเทศธิเบท ในสำนักของ พระสังฆราชา นอร่าริมโปเช ซึ่งในยุคนั้น ท่านมีชื่อเสียงและ ลูกศิษย์มากมายแทบทุกที่ในโลก การศึกษาหลักธรรมมนตรยาน วัชรยาน ซึ่งเป็นมหายาน อีกแขนงหนึ่งในครั้งนี้เป็นจุดที่ทำให้ท่านอาจารย์โพธิ์แจ้ง มีวิชาสายวัชรยาน เข้ามาเผยแพร่และช่วยเหลือคนในเมืองไทย จนมีชื่อเสียงโด่งดัง ท่านสังฆราชานอร่าฯ ได้เปิดเผยว่าท่านเจ้าคุณ อาจารย์ถือกำเนิดจากปรมาจารย์ “คุรุนาคาชุน” (ตามความเชื่อและแนวทางปฏิบัติในทิเบต) ซึ่งมาเพื่อฟื้นฟู สถาปนาพุทธศาสนามหายานให้มั่นคงในภูมิภาคนี้ ท่านเจ้าคุณอาจารย์ได้รับ ความเมตตาจากพระอาจารย์เป็นพิเศษ เมื่อท่านเจ้าคุณอาจารย์ศึกษาแตกฉานใน มนตรยานณยิงมาคากิว แล้ว พระสังฆราชาฯได้ประกอบมนตรภิเษก ตั้งให้ ท่านเจ้าคุณ อาจารย์เป็น “พระวัชรธราจารย์” อันดับที่ 26 สืบต่อจากท่าน ในการครั้งนั้น ท่านสังฆราชานอร่าฯ ได้มอบ อัฐบริขาร สิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำตำแหน่งสังฆราชา ให้ท่านเจ้าคุณอาจารย์อย่าง ครบถ้วน ทั้งได้มอบพระธรรมคัมภีร์ ที่ครบถ้วนสมบูรณ์ที่สุดของนิกายเพื่อให้ท่านเจ้าคุณ อาจารย์นำกลับมาประดิษฐานในประเทศไทย ด้วย ท่านสังฆราชาได้ทำนายว่า ทิเบตต้องแตก พระธรรมคัมภีร์อันมีค่ามหาศาลจะถูกทำลายหมด เป็นที่ยืนยันแล้วว่า พระธรรมคัมภีร์ฉบับที่อยู่ กับท่านเจ้าคุณอาจารย์เป็นฉบับสมบูรณ์ที่สุด ที่มีอยู่ในปัจจุบัน
    นี่คือประการที่ 1 ที่ ทำให้รากฐานการฟื้นฟูมหายานในเมืองไทยกำลังจะเข้าสุ่ยุครุ่งเรือง

    ประการถัดมา ท่านได้ไป เข้ารับการอุปสมบท ณ.วัดล่งเชียงยี่ บนภูเขาป๋อฮั้วซัว มณฑล กังโซว โดยมีพระคณาจารย์ฮ่งยิ้ม เป็นอุปัชฌาย์ ผู้เป็นสังฆนายกสำนักวินัย สำนักปฏิบัติ ธรรมวินัยแห่งนี้เป็นสำนักปฏิบัติธรรมที่มีระเบียบวินัยเคร่งครัดที่สุดของจีน เมื่ออุปสมบทแล้ว ท่านเจ้าคุณอาจารย์ได้อยู่ศึกษาพระปริยัติธรรม กับพระคณาจารย์เพิ่มเติมอีก 2 ปี ด้วยสติ ปัญญา อันหลักแหลมฉลาดเฉลียว ท่านได้เรียนรู้อรรถธรรมลึกซึ้งต่างๆได้แตกฉานเป็นที่รัก ใคร่ของพระอาจารย์ และ พระสงฆ์ต่างๆ ในสำนัก ปี พ.ศ.2479 จึงได้จาริกกลับประเทศไทย เพื่อเผยแพร่พระธรรมและประสบการณ์ความรู้ ที่ได้รับมาแก่พุทธบริษัทในประเทศไทยอีก หลังจากนั้น ปี พ.ศ.2491 ท่านเจ้าคุณอาจารย์ได้จาริกไปประเทศจีนเป็นวาระที่สาม ครั้งนี้ท่านเจ้าคุณอาจารย์ ได้รับเกียรติอย่างสูงจากพระคณาจารย์จีนพระปรมัตตาจารย์ (เมี่ยวยิ้ว) ประมุขเจ้านิกายวินัยของประเทศจีน องค์ที่ 18 แต่งตั้งท่านเจ้าคุณอาจารย์เป็น พระปรมัตตาจารย์ ประมุขนิกายวินัยองค์ที่ 19

    จากบทความที่ทางเวปวัดโพธิ์แมน ได้ลงไว้นี้ ผมเห็นความสำคัญ เกี่ยวกับท่านอาจารย์เจ้าคุณโพธิ์แจ้ง วัดโพธิ์แมน ดังนี้ว่า ท่านเป็นพระในนิกายจีนที่บวชในสำนักนิกายจีนที่ยิ่งใหญ่ ถึง 3 แห่ง คือ
    1.ในเมืองไทย
    2.ในจีน
    3.ในทิเบท


    ซึ่ง ทั้ง 3 ที่ดังกล่าวล้วนเป็นนิกายจีนที่มีชื่อเสียงระดับสูงสุดทั้งนั้น ท่านได้ศึกษาความรู้หลักธรรมตามนิกายจีน ในทุกๆที่จนแตกฉาน ได้รับความนับถือสูงสุดในทุกสำนักที่กล่าวมาข้างต้น ถึงขนาดเป็นผู้ทรงนิกายสูงสุด ในทุกๆที่ท่านได้ไปศึกษา แม้แต่ในสำนักของท่านนอร่าริมโปเช ซึ่งเป็นสำนักที่ใหญ่มาก แต่ก็ยังยกย่องท่าน ตั้งให้ ท่านเจ้าคุณ อาจารย์เป็น “พระวัชรธราจารย์” อันดับที่ 26 สืบต่อจากท่าน ซึ่ง ในความคิดของผม ท่านเป็นพระอริยะที่ทรงภูมิอย่างยิ่ง จนในเมืองจีนท่านเจ้าคุณอาจารย์ ได้รับเกียรติอย่างสูงจากพระคณาจารย์จีนพระปรมัตตาจารย์ (เมี่ยวยิ้ว) ประมุขเจ้านิกายวินัยของประเทศจีน องค์ที่ 18 แต่งตั้งท่านเจ้าคุณอาจารย์เป็น พระปรมัตตาจารย์ ประมุขนิกายวินัยองค์ที่ 19 อีก แค่ตรงนี้อย่าว่าแต่ในเมืองไทยเลยครับ แม้แต่ในโลกนี้ จะมีพระองค์ใดที่ได้รับความยอมรับจากต่างสำนักต่างสถานที่ต่างสังคมได้สักเพียงนี้ จนมาถึงจุดที่ท่านเลือกมาพัฒนานิกายจีนในเมืองไทย ท่านก็ได้รับการยกย่องได้รับตำแหน่งสูงสุดในนิกายจีน ในประเทศไทย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 ธันวาคม 2020
  10. ศิลป์พระ9

    ศิลป์พระ9 Active Member สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2010
    โพสต์:
    644
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +487
    3.พระสมเด็จสัพพัญญู ท่านเจ้าคุณโพธิ์แจ้ง วัดโพธิ์แมนฯ ปี 2502 (((ปิดรายการ)))
    <<<องค์นี้แท้ดูง่าย สวย เนื้อจัด>>>

    ยอดแห่งพระในสายมหายานเมืองไทย ผสมผสานยอดมวลสารที่มีชื่อว่ายอดเยี่ยมที่สุดในเมืองไทย ปลุกเสกโดยท่านซือกงโพธิ์แจ้ง ผู้แตกฉานมหายาน ทั้งญาณสำเร็จ ผู้สืบทอดตำราวัชรยาน มนตรยานเล่มสมบูรณ์ที่สุด หลังของทิเบตจะแตก คุณค่ามากมายมายมหาศาล บูชาแล้วมีผลทั้งคุ้มครอง ทั้งความเจริญก้าวหน้า มากมาย พระรุ่นนี้คนจีน ฮ่องกง สิงค์โปร กว้านเช่ามานับสิบปี ตั้งแต่คนไทยยังไม่ค่อยสนใจมากนัก คงมีแต่ลูกศิษย์ท่านโดยตรงเท่านั้นที่เห็นคุณค่าในพระเครื่ององค์นี้ <<<องค์นี้แท้ดูง่าย สวย เนื้อจัด>>>

    ***ปัจจุบันของเลียนแบบมากมายหลายฝีมือ ต้องระมันระวังอย่างมากครับ ***


    7.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 พฤษภาคม 2018
  11. ศิลป์พระ9

    ศิลป์พระ9 Active Member สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2010
    โพสต์:
    644
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +487
    4.พระสมเด็จสัพพัญญู ท่านเจ้าคุณโพธิ์แจ้ง วัดโพธิ์แมนฯ ปี 2502 "จอง">>>grapra
    <<< องค์นี้แท้ดูง่าย >>>

    ยอดแห่งพระในสายมหายานเมืองไทย ผสมผสานยอดมวลสารที่มีชื่อว่ายอดเยี่ยมที่สุดในเมืองไทย ปลุกเสกโดยท่านซือกงโพธิ์แจ้ง ผู้แตกฉานมหายาน ทั้งญาณสำเร็จ ผู้สืบทอดตำราวัชรยาน มนตรยานเล่มสมบูรณ์ที่สุด หลังของทิเบตจะแตก คุณค่ามากมายมายมหาศาล บูชาแล้วมีผลทั้งคุ้มครอง ทั้งความเจริญก้าวหน้า มากมาย พระรุ่นนี้คนจีน ฮ่องกง สิงค์โปร กว้านเช่ามานับสิบปี ตั้งแต่คนไทยยังไม่ค่อยสนใจมากนัก คงมีแต่ลูกศิษย์ท่านโดยตรงเท่านั้นที่เห็นคุณค่าในพระเครื่ององค์นี้ <<<องค์นี้แท้ดูง่าย สวย เนื้อจัด>>>

    ***ปัจจุบันของเลียนแบบมากมายหลายฝีมือ ต้องระมันระวังอย่างมากครับ ***

    1.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 พฤศจิกายน 2019
  12. ศิลป์พระ9

    ศิลป์พระ9 Active Member สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2010
    โพสต์:
    644
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +487
    5.เหรียญรูปเหมือนท่านเจ้าคุณโพธิ์แจ้ง วัดโพธิ์แมนฯ รมดำ (((ปิดรายการ)))
    เหรียญสวยแชมป์

    เหรียญรุ่นนี้เป็นอีกเหรียญที่น่าบูชา สำหรับท่านที่ยังไม่สะดวกที่เช่าพระรุ่นนิยมหลายๆพันของท่านเจ้าคุณเหรียญรุ่นต่างๆของท่านก็มีให้เลือกบูชามากมายเหรียญท่านบางรุ่นสร้างเยอะราคาจึงไม่แพงมากนัก เหรียญรุ่นนี้เป็นเหรียญรูปเหมือนท่าน สร้างประมาณปี 251กว่า-2520 ก่อนท่านมรณะภาพหลายๆปี พุทธคุณพระครื่องท่านเด่นด้านความเจริญรุ่งเรืองเป็นที่สุด เสกด้วยมนตรยาน วัชรยาน สายธิเบต ครับ

    เหรียญที่1
    90.jpg


    เหรียญที่2
    91.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 พฤศจิกายน 2022
  13. ศิลป์พระ9

    ศิลป์พระ9 Active Member สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2010
    โพสต์:
    644
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +487
    ปิดรายการที่ 4 สมเด็จสัพพัญญู ครับ
     
  14. ศิลป์พระ9

    ศิลป์พระ9 Active Member สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2010
    โพสต์:
    644
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +487
    S1.เหรียญท่านอาจารย์ "นอร่าริมโปเช" เหรียญอาร์ม เนื้ออัลปาก้า

    เหรียญรุ่นนี้สร้างในยุคประมาณปี 251+ ถึง 2520 ปัจบุันพบเห็นเป็นเนื้ออัลปาก้า ลักษณะเหรียญอาร์มขนาดเล็ก บล๊อคกษาปณ์ ปัจจุบันได้รับความนิยมพอสมควร ราคาไม่สูงมาก และ รูปแบบวัตถุมงคลรูปท่านอาจารย์นอร่า มีน้อยรุ่นมากๆ

    57.jpg
     
  15. ศิลป์พระ9

    ศิลป์พระ9 Active Member สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2010
    โพสต์:
    644
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +487
    เขียนโดย gonghoog

    ปุจฉา-วิสัชนาเจ้าคุณโพธิ์แจ้ง

    ท่านเจ้าคุณโพธิ์แจ้งเมื่อได้พบศิษย์ไม่ขยันฝึกปฏิบัติหรือแสวงหาความรู้
    ท่านได้สอนด้วยภาษิตที่ว่า "ซิมยิบป๋อซัว คังซิ้วห๊วย"ด้วยบุญบารมีที่ได้สร้างสมมาทำให้ได้เข้ามาสู่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์ แต่ถ้าต้องกลับไปมือเปล่า ช่างน่าเวทนานัก

    ท่านเจ้าคุณโพธิ์แจ้งเมื่อเห็นศิษย์เบื่อหน่ายในการฝึกปฏิบัติ ด้วยว่าฝึกแล้วทำไมไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย
    ท่านกล่าวว่า "ซี้ก่าวฮวยคุย" เมื่อเวลายังไม่ถึงดอกไม้ก็ยังไม่บาน เมื่อบารมีสะสมได้จนถึงขีดสุด ผลสำเร็จก็บังเกิด แต่ในขณะที่ยังไม่ถึงเวลาการปล่อยให้ต้นไม้เหี่ยวเฉาตายไปก่อนโดยไม่หมั่นบำรุงรักษา จะถึงเวลามีดอกได้อย่างไรเล่า

    ท่านเจ้าคุณโพธิ์แจ้งเมื่อได้พบศิษย์ไม่ขึ้นทำวัตรสวดมนต์แผ่กุศล
    ท่านได้กล่าวตักเตือนว่า เราได้ใช้บุญบารมีที่ได้สะสมไปเป็นจำนวนมากในการ เกิดเป็นคน ยิ่งได้มาอยู่ในวัด ได้กินข้าว ได้ใช้ของที่ชาวบ้านเขามอบให้ด้วยด้องการแลกกับบุญกุศล เราจะเอาบุญกุศลที่ไหนไปชดใช้เขา อย่าคิดว่าที่เขาให้เรากินให้เราใช้เพราะเขาติดค้างเรา เราซิเป็นฝ่ายติดค้างเขา การสร้างสมบารมีและแผ่กุศลโดยไม่ขาดตอนเท่านั้นจึงจะชดใช้ให้ชาวบ้านผู้มีศรัทธาจิตได้

    มีครั้งหนึ่งศิษย์ท่านหนึ่งได้เรียนให้ท่านเจ้าคุณโพธิ์แจ้งทราบว่า เขาสามารถให้หวยลอตเตอรี่ได้อย่างถูกต้องและได้แสดงให้ดูโดยการเขียนใส่กระดาษไว้เมื่อเวลา หวยออกก็เปิดดู ถูกต้องจริง ท่านเจ้าคุณได้กล่าวเตือนว่าการให้หวยศิษย์ที่มาขอนั้นจะเป็นการทำลายศิษย์ผู้นั้น การถูกหวยคือ การนำบุญบารมีในอนาคตมาใช้ และจะต้องชดใช้คืนเป็นสองเท่า ผู้ถูกหวยส่วนใหญ่จะหลงระเริง ไม่สนใจในการสร้างบุญบารมีทดแทนและชดใช้ สุดท้ายก็จะตกต่ำและเป็นผลเสียในที่สุด

    ทำไมพุทธวัชระยานหรือตันตระยานจึงเกี่ยวข้องกับอิทธิปาฏิหาริย์ ด้วยมุมมองด้วยทัศนะคติแห่งวัชระยานที่ว่าไม่มีสรรพสิ่งใดในสังสารวัฏนี้เป็นสิ่งดีและไม่ดี ทุกสรรพสิ่งเป็นเครื่องมือนำพาสู่พุทธภาวะได้ทั้งนั้น ดังเช่นอิทธิปาฏิหาริย์นั้น ถ้าเป็นไปเพื่อประโยชน์สุขแห่งสรรพสัตว์อื่น และเป็นไปเพื่อการทำลายอัตตาของตนอย่างสิ้นเชิง
    เมื่อครั้งที่ท่านเจ้าคุณโพธิ์แจ้งได้ไปเผยแพร่พุทธศาสนาในสิงคโปร์เป็นครั้งแรกได้มีชาวสิงคโปร์เป็นจำนวน มากประมาณ70-80คนได้มาถวายตัวเป็นศิษย์ ในครั้งนั้นท่านเจ้าคุณโพธิ์แจ้งได้นำกระดาษมาหนึ่งปึกใหญ่และได้เขียนยันต์แจกหมู่ศิษย์ที่มาทั้งหมดท่าน เขียนภู่กันลงบนกระดาษใบแรกและใช้มือตบลงบนยันต์ใบบนที่เขียน แล้วก็แจกให้ศิษย์หลายสิบคน คนสุดท้ายที่มารับยันต์ก็เป็นยันต์ใบสุดท้าย และทุกใบชัดเจนเหมือนกันหมด ส่วนกระดาษที่เหลือไม่มีร่องรอยของหมึกติดอยู่เลย ยังความเชื่อมั่นศรัทธาแก่ชาวสิงคโปร์เข้ามาถวายตัวเป็นศิษย์อีกมากมายในครั้งต่อไป ด้วยได้ยินการบอกเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้น

    ทำไมพุทธองค์จึงไม่สนับสนุนให้พุทธสาวกแสดงอิทธิปราฎิหาริย์
    ที่พุทธองค์ท่านห้ามคือห้ามอวดอุตริ คือไม่มีอวดว่ามี1 มีแสดงเพื่อต้องการลาภสักการะ1 โดยธรรมชาติของผู้ปฏิบัติสมาธิจิตจนได้ฌานสมาบัติชั้นสูง อิทธิปราฏิหาริย์ย่อมบังเกิดขึ้นเองเป็นธรรมดา แต่อิทธิปราฏิหาริย์ที่เกิดขึ้นก็เป็นดาบสองคม สำหรับผู้ปฏิบัติที่ไม่ยึดติดในอิทธินั้น ก็ยังคงปฏิบัติสู่ความเป็นพุทธะต่อไปและบรรลุผลในที่สุด เมื่อบรรลุผลแล้วอิทธิปราฏิหาริย์ก็เป็นเพียงเครื่องมือในการเผยแพร่ศาสนา ในการยังประโยชน์สุขแก่สรรพสัตว์ เท่านั้นเอง ในทางตรงกันข้ามอิทธิปราฏิหาริย์เย้ายวนน่าลุ่มหลงอย่างมากทำให้ผู้ที่ได้มันไว้คิดว่าตนเองเป็นผู้วิเศษ ความก้าวหน้าในการบรรลุธรรมก็ถูกทำลายลงอย่างสิ้นเชิง จุดมุ่งหมายในการใช้อิทธิก็จะเปลี่ยนไป ในพุทธตันตระยานความเข้มงวดในการฝึกฝนอบรมศิษย์ การอวดอุตริจึงไม่ค่อยได้เกิดขึ้น และเมื่อศิษย์ได้ข้ามพ้นความยึดติด บรรลุสู่ความเป็นพุทธแล้วเห็นสรรพสิ่งเป็นอนัตตา สิ่งทั้งหลายทั้งปวงจึงเป็นเพียงเครื่องมือนำพาสรรพสัตว์ให้พ้นทุกข์เท่านั้น

    คุรุโพธิ์แจ้งในความทรงจำของข้าพเจ้า เกร็ดเล็กๆน้อยที่ข้าพเจ้าได้รู้และได้ประสบเมื่อครั้งอยู่ใต้การดูแลของพระอาจารย์

    ** เรื่องราวอันแสดงถึงความเคารพในระเบียบวินัยที่ตนตั้งขึ้น ความถ่อมตนไม่หลงในสถานะภาพของตน เรื่องมีอยู่ว่าในสำนักสงฆ์หลับฟ้าในราวปีพ.ศ.2490 ศิษย์อาวุโสท่านหนึ่งในเจ้าคุณอาจารย์โพธิ์แจ้ง ท่านภิกษุเย็นจูในขณะนั้นท่านได้รับมอบหมายให้เป็นผู้รับกิจนิมนต์ของสงฆ์ในสำนักสงฆ์เพื่อไปประกอบศาสนะกิจภายนอก มีวันหนึ่งท่านเจ้าคุณไปรับปากศิษย์ฆราวาสภายนอกซึ่งใกล้ชิดสนิทสนมกันเป็นอย่างดีว่าจะไปประกอบศาสนะกิจให้ โดยไม่ได้ผ่านพระภิกษุเย็นจู เมื่อรับปากไปแล้วท่านจึงไปบอกให้พระภิกษุเย็นจูทราบ พระภิกษุเย็นจูท่านเป็นผู้ที่เที่ยงตรงมาก ไม่เคยบกพร่องในการปฏิบัติหน้าที่ และท่านก็ไม่ยอมให้ใครมายุ่งเกี่ยวให้งานในหน้าที่ของท่านยุ่งเหยิง ท่านจึงประชดพระอาจารย์ไปว่า ท่านรับเองท่านก็ไปเองก็แล้วกัน(แต่เมื่อถึงเวลาท่านเย็นจูก็จัดการให้เป็นที่เรียบร้อย) ท่านเจ้าคุณอาจารย์คิดขึ้นได้ว่าใช่แล้วเราได้มอบหน้าที่ให้เขาไปแล้ว ถ้าไปก้าวก่ายเรื่องวุ่นวายก็อาจเกิดขึ้นได้ ท่านไม่ได้ทะนงเลยว่าตนเป็นใหญ่ที่สุดในสถานที่นั้น อีกทั้งยังเป็นพระอาจารย์ ผู้สามารถสั่งการให้ศิษย์กระทำได้ทุกเรื่อง หลังจากนั้นเมื่อมีผู้มานิมนต์ให้ไปประกอบศาสนกิจ ไม่ว่าจะเป็นผู้ใดสนิมสนมกันเพียงใด หรือว่าเป็นผู้หลักผู้ใหญ่เท่าใด ท่านก็จะให้ไปติดต่อที่พระภิกษุเย็นจู บางครั้งท่านก็พูดติดตลกว่า ท่านรับเองไม่ได้เดี๋ยวท่านเย็นจูโกรธเอา ไม่ดำเนินการให้ ท่านจะต้องไปทำเองคนเดียว

    *** เรื่องราวของ นายพลตำรวจหนังเหนี่ยวกระดูกเหล็กท่านหนึ่งของกรมตำรวจไทยในสมัย2490กว่าข้าพเจ้าขอสงวนไม่บอกชื่อท่าน ท่านเป็นศิษย์ในเจ้าคุณอาจารย์ มีครั้งหนึ่งท่านได้รับคำสั่งให้ไปจัดการกับคดีเสือผาด ขุนโจรผู้เรืองวิชา หนังเหนียว ยิงฟันไม่เข้า แถบจังหวัดนครปฐม เสือผาดเป็นศิษย์ของพระเกจิอาจารย์ผู้เรืองฌานสมาบัติแห่งนครปฐม เสือผาดประวัติว่าเป็นโจรโดยจำเป็น ด้วยว่ามีเรื่องกับข้าราชการมาก่อนจนอยู่ในสังคมไม่ได้ จึงต้องไปเป็นโจร แต่ก็ไม่เคยก่อคดีในจังหวัดนครปฐมเลย แต่เมื่อเป็นโจรก็ต้องถูกดำเนินการ เมื่อได้รับคำสั่งให้ดำเนินคดี ท่านนายพลก็ได้มากราบพบท่านอาจารย์โพธิ์แจ้ง เพราะทราบว่าเสือผาดไม่ใช่ผู้ที่จะจัดการให้โดยง่าย ท่านเจ้าคุณให้ของไปคุ้มครองตัวและย้ำว่าก่อนการดำเนินการ ต้องไปกราบนมัสการพระอาจารย์ของเสือผาดได้ทราบจะละเลยไม่ได้ พระเกจิอาจารย์ผู้ทรงคุณพระองค์นั้นท่านได้ว่าถึงอย่างไรเขาก็เป็นศิษย์ของอาตมาจะให้อาตมาช่วยทำลายศิษย์ตนเองคงไม่ได้ แต่ท่านก็ดำเนินการไปตามหน้าที่ของบ้านเมือง มันเป็นเวรเป็นกรรมที่ผูกพันกันมา เรื่องการดวลกันระหว่างนายพลตำรวจกับเสือผาดเป็นที่เล่าขานกันมากในนครปฐม ทั้งคู่มีดีด้วยกันทั้งคู่ หนังเหนียวยิงกันไม่เข้าทั้งคู่ สุดท้ายเสือผาดได้แพ้ภัยตัวเองถูกจับและถูกประหารชีวิตแต่เบื้องหลังไม่มีใครทราบเลยใครเป็นศิษย์ใคร ทำไมท่านจึงเรืองวิทยาคงกระพันชาตรีแก้กล้าวิชาเช่นนั้น

    *** เรื่องการพนันซึ่งท่านเจ้าคุณต่อต้านมาโดยตลอด ท่านว่าคนธรรมดาไม่มีทางร่ำรวยด้วยการพนันเป็นอันขาด เรื่องเกิดขึ้นขณะที่ท่านเจ้าคุณกลับจากทิเบตเข้าสู่ฮ่องกงระยะหนึ่งก่อนกลับเมืองไทย ลูกเจ้าสัวใหญ่ผู้เป็นศิษย์ท่านเจ้าคุณอาจารย์ที่ฮ่องกงตามแบบเสี่ยใหญ่ที่ยอมทำการงานเอาแต่เล่นการพนัน และก็มีแต่เล่นเสียผลาญเงินทองไปเป็นจำนวนมาก และก็ไม่ยอมฟังคำสั่งสอนของผู้ใดด้วยว่าเป็นลูกโทน เจ้าสัวจึงมาขอให้ท่านเจ้าคุณอาจารย์ได้ช่วย ท่านเจ้าคุณได้สอบถามอาเสี่ยว่าทำไมจึงเอาแต่เล่นการพนัน อาเสี่ยตอบว่า อยากได้เงินที่เสียไปคืน เพราะเสียศักดิ์ศรีที่เล่นแล้วมีแต่เสีย จึงต้องเล่นต่อไปเรื่อยๆ ท่านเจ้าคุณจึงบอกว่า ถ้าให้เล่นได้ในหนึ่งวันจะได้เท่าไรก็ได้ตามแต่ความใจถึงของตน แล้วต่อไปจะต้องไม่เล่นการพนันอีกจะทำได้ไหม อาเสี่ยตอบว่าทำได้ ท่านเจ้าคุณจึงเขียนยันต์ให้หนึ่งใบแล้วว่าพรุ่งนี้เช้าจนถึงค่ำให้เล่นตามความพอใจ และวันนั้นทั้งวันอาเสี่ยเล่นได้ทั้งวัน เช่นกัน และหลังจากนั้นก็ไม่เล่นการพนันอีกเลย และเรื่องทำนองนี้ได้เกิดขึ้นในขณะที่ท่านเจ้าคุณกลับมาพำนักที่สำนักสงฆ์หลับฟ้า ชาวจีนในกรุงเทพในเวลานั้นส่วนใหญ่จะเป็นชาวกวางตุ้ง ซึ่งชอบเล่นการพนันเป็นชีวิตจิตใจ และไม่ชอบพระภิกษุเป็นอันมาก นักพนันถือสาอย่างมากว่าวันใดที่ออกมาเพื่อเล่นการพนันแล้วพบคนหัวโล้นถือเป็นวันซวย วันนั้นจะไม่มีทางเล่นการพนันได้ มีแต่เสีย ทำให้ชาวจีนกวางตุ้งไม่ชอบเรียกว่าเกลียดพระภิกษุด้วยซ้ำไป แต่ก็มีชาวจีนกวางตุ้งผู้หนึ่งเข้ามาเป็นศิษย์และก็เป็นผู้ชอบเล่นการพนัน ท่านเจ้าคุณก็ได้เขียนยันต์ให้ไป และให้ไปเล่นเลยเพื่อพิสูจน์ว่าการพบพระภิกษุแล้วเล่นเสียเป็นความเชื่อที่ผิด แต่ก็ย้ำว่าการเล่นการพนันนั้นไม่ดี ให้เล่นได้เพียงวันนี้วันเดียว และวันนั้นก็เป็นวันที่ศิษย์ผู้นั้นเล่นได้จากการพนันอย่างมากมาย เรื่องนี้ได้แพร่สะพัดออกไป มีชาวกวางตุ้งเข้ามาขอเป็นศิษย์ท่านเจ้าคุณมากมาย บ้างก็มาอ้อนวอนขอยันต์เพื่อนำไปเล่นการพนันซึ่งท่านเจ้าคุณอาจารย์ไม่เคยให้ใครอีกเลย ศิษย์ชาวจีนกวางตุ้งในประเทศไทยของท่านเจ้าคุณโพธิ์แจ้งมีจำนวนมา

    *** เจ้าสัวใหญ่หย่งคิม เจ้าของธุรกิจมากมายอีกทั้งยังเป็นเจ้าของสถาบันการเงินใหญ่ในฮ่องกง ท่านเป็นศิษย์ซึ่งผูกพันกับท่านเจ้าคุณอาจารย์มาก ท่านศรัทธา เคารพและกตัญญูต่อท่านเจ้าคุณอาจารย์อย่างมาก ด้วยท่านคิดว่าชีวิตของท่านเจ้าคุณอาจารย์เป็นผู้ต่อให้ ในครั้งนั้นในวาระสงครามโลกครั้งที่2 ท่านเจ้าคุณอาจารย์ได้ธุดงด์อยู่ที่ฮ่องกง และขณะนั้นฮ่องกงถูกบอมส์มากท่านจึงเดินทางเข้าประเทศจีน ขณะไปถึงประเทศจีน ได้พบหย่งคิมเสี่ยซึ่งกำลังจะออกจากประเทศจีนเพราะความยากไร้ลำบากมากในการทำมาหากิน คิดจะไปตายเอาดาบหน้า เมื่อพบกันด้วยความสัมพันธ์กันทางวาสนาแต่เก่าก่อน หย่งคิมเสี่ยเข้ามากราบและเล่าให้ท่านเจ้าคุณฟังเรื่องการดำเนินชีวิตและการจะเดินทาง ท่านเจ้าคุณได้ให้คำแนะนำและให้ผ้ายันต์ไปผืนหนึ่งและให้ติดตัวไปอย่าห่างตัว เรือที่หย่งคิมเสี่ยแล่นมากลางทะเลประสพพายุเรือล่ม ขณะนั้นท่านได้ยินเสียงเรียกว่าให้ว่ายน้ำมาทางนี้ ท่านพยายามว่ายน้ำไปตามเสียง สุดท้ายท่านก็เกาะขอนไม้ได้และได้ขึ้นฝั่งมา ท่านคิดว่าเหตุการณ์ที่ท่านรอดชีวิตมาเป็นเพราะบารมีของท่านเจ้าคุณอาจารย์ที่แผ่มาให้ทางผ้ายันต์ที่ท่านมอบให้ เพราะท่านไม่เห็นผู้ที่รอดจากภัยพิบัตินั้นเลยสักคนเดียว

    กล่าวถึงผ้ายันต์เท่าที่ข้าพเจ้าทราบมา ผ้ายันต์หรือกระดาษยันต์ที่ท่านเจ้าคุณได้สร้างเขียนนั้นเข็มขลังอย่างที่สุด บันดาลความปรารถนาให้ได้ทุกประการ เช่น ยันต์พระมารดาฉัตรขาว (แปะเจี่ยไก่) คุ้มครองภัยโดยเฉพาะให้เด็กติดตัว เด็กจะไม่มีอาการขวัญผวาและเพื่อการเพิ่มยศถาบรรดาศักดิ์ ยันต์พระแม่ดารา21องค์การคลาดแคล้วจากภัยพิบัติทั้งปวงโดยเฉพาะภัยธรรมชาติและการถูกเกณฑ์ทหาร ยันต์แห่งการปองดองระหว่างคู่สามีภรรยา และครอบครัวไม่สมานสามัคคี ยันต์เฮ็กบุ่งซู เป็นยันต์กำบังตน(เป็นยันต์ที่ท่านอาจารย์หวงแหนเป็นพิเศษ) มีเรื่องเล่าจากเย็นเทียมศิษย์ผู้เคยบวชกับท่านเจ้าคุณผู้หนึ่งว่า ครั้งหนึ่งได้มีเรื่องกับกลุ่มนักเลง วันหนึ่งได้นั่งกินน้ำในร้านอาหารแห่งหนึ่ง อยู่ๆกลุ่มนักเลงนั้นก็ได้เข้ามากินน้ำในร้านนั้นและนั่งอยู่ในโต๊ะข้างๆกัน แต่กลุ่มนักเลงนั้นไม่แสดงท่าว่าได้เห็นตนเองเลย ทั้งทีจริงแล้วได้รู้จักกันเป็นอย่างดี การคืนวิญญาณผู้ถูกรถชนเสียชีวิตไปแล้วหลายวันให้กลับฟื้นขึ้นมา(ไม่ทราบว่าท่านใช้ยันต์อะไร) ในยุคราวพ.ศ.2490-2510 ในหมู่พุทธศาสนิกชนได้กล่าวถึง 3 เกจิอาจารย์ผู้ทรงฌานสมาบัติแก่กล้าในเมืองหลวง ความสามารถจนเป็นที่กล่าวขานเคารพนับถือ 1หลวงพ่อโอภาสี ผู้ทรงกระสินไฟ 2 พระภิกษุญวน เบ้าอิง ท่านเชียวชาญในวิชาการจับผีโปรดวิญญาณ 3ท่านเจ้าคุณโพธิ์แจ้ง ยันต์ทุกใบที่ออกจากมือท่านช่วยดับสารพัดทุกข์ได้ตามที่ผู้ขอต้องการ อันที่จริงแล้วมิใช่มีเพียงยันต์ของท่านเท่านั้นที่ศักดิ์สิทธิ์ พระเครื่องวัตถุมงคลที่ท่านได้ปลุกเสกไว้ก็ให้ผลเช่นเดียวกัน เมื่อต้นปี พ.ศ.2515 ขณะตรุษจีนปีนั้น ทางวัดได้จัดงานฉลองวัด 10 ปี จัดงานใหญ่ 7วัน 7คืน บริเวณลานหน้าวิหารเทพพิทักษ์สี่ทิศ ได้ตั้งเต๊นซ์อำนวยการไว้ ในวันหนึ่งข้าพเจ้าได้รับหน้าที่ให้ไปนั่งประจำที่เต็นซ์อำนวยการนี้ มีนายทหารหลายนายเข้ามายื่นพระผงให้ข้าพเจ้าดูและถามว่าจะขอเช่าพระรุ่นนี้ จะขอเช่าได้ที่ใด (เป็นพระผงสัพพัญญู รุ่นสร้างบรรจุในฐานพระประฐาน) ข้าพเจ้าถามกลับว่าทำไมจึงต้องการรุ่นนี้ นายทหารท่านนั้นได้ตอบว่าเขาเป็นทหารอยู่ตราด ในขณะที่ลาดตระเวน ได้เกิดการสู้รบกับกองกำลัง ผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ เพื่อนนายทหารในหมวดของเขาถูกยิงด้วยปืนเอ็ม16จนกระเด็นหงายหลังไป แต่แล้วเขากับลุกขึ้นมายิงสู้ต่อโดยที่ไปอันตรายใดๆเลย ต่อมาจึงทราบว่าในตัวของนายทหารผู้นั้นมีพระผงสัพพัญญูติดตัวอยู่ เมื่อได้เวลาลาพักราชการจึงร่วมกันเดินทางมาเพื่อขอพระรุ่นนี้ไว้คุ้มครองตัวบ้าง

    *** การพบกันระหว่างท่านเจ้าคุณกับเจ้าสัวใหญ่ในเยาวราช ยุคหลังสงครามโลก มีครั้งหนึ่งท่านเจ้าคุณได้โดยสารรถไฟไปภาคใต้ เจ้าสัวก็ได้เดินทางไปในตู้รถไฟเดียวกันนั้นด้วย ขณะนั้นเจ้าสัวก็นับเนื่องเป็นเจ้าสัวในประเทศไทยแล้ว ท่านไม่รู้จักท่านเจ้าคุณและก็ไม่สนใจด้วย โดยคิดว่าท่านเจ้าคุณเป็นพระสงฆ์จีนธรรมดารูปหนึ่ง ท่านเจ้าคุณและเจ้าสัวได้นั่งเก้าอี้ตรงข้ามกัน มีช่วงหนึ่งท่านเจ้าคุณได้หยิบหนังสือพิมพ์ขึ้นอ่านและอ่านหนังสือพิมพ์ในท่าทางที่ไม่สบายตัว เจ้าสัวได้บอกต่อท่านเจ้าคุณว่าท่านทำไมไม่อ่านหนังสือให้สบายๆ ท่านเจ้าคุณก็ตอบว่าเห็นท่านต้องการดูหนังสือพิมพ์ด้วยก็เลยถือให้ท่านได้ดูอย่างสะดวก เจ้าสัวจึงคิดว่าพระรูปนี้ต้องไม่ธรรมดาแน่ เรื่องในรถไฟก็จบลง หลังจากนั้นมามีญาติเจ้าสัวป่วยหนักหมอในขณะนั้นๆไม่สามารถรักษาให้หายได้ คนรู้จักก็ได้แนะนำให้ท่านเจ้าสัวไปขอความช่วยเหลือจากท่านเจ้าคุณ ซึ่งเจ้าสัวก็ยังไม่ค่อยจะเชื่อถือเท่าไร แต่ก็มา เมื่อพบแล้วจึงได้รู้ว่าท่านได้พบกันแล้วในรถไฟความสนิทสนมก็มีมากขึ้น แต่ก็ยังไม่เชื่อถือในความสามารถ ในขณะนั้นเจ้าสัวเคารพนับถือหลวงพ่อโอภาสีอยู่ ท่านจึงไปขอให้หลวงพ่อโอภาสีช่วยด้วย เมื่อไปถึงหลวงพ่อโอภาสีก็บอกต่อเจ้าสัวว่าไม่ต้องห่วงทุกอย่างเป็นปกติเรียบร้อยแต่ไม่ใช่ท่านช่วย หลวงจีนที่ท่านไปขอให้ช่วยท่านจัดการให้เรียบร้อยแล้ว นี่เองเป็นจุดศรัทธาที่เกิดขึ้นและเป็นศรัทธาอันมั่นคงต่อมา

    เจ้าสัวท่านมีที่ดินอยู่มากมายทั่วกรุงเทพ และมีที่ดินแปลงหนึ่งอยู่ติดกับวัดหลวงมีชื่อเสียงมากวัดหนึ่งเป็นช่วงเวลาก่อนพ.ศ.2500 เจ้าอาวาสวัดในขณะนั้นรู้จักคุ้นเคยกันท่านเจ้าสัวเป็นอย่างดี เมื่อทางวัดมีงานก็ขอเปิดรั้วสังกะสีเพื่อขอใช้สถานที่ มีการขอใช้งานในลักษณะนี้เป็นประจำจนในที่สุดเพื่อความสะดวกก็เลยไม่ได้ปิดรั้ว ต่อมาเมื่อเจ้าอาวาสรูปเดิมท่านมรณะภาพไป เจ้าอาวาสรูปใหม่ขึ้นมา ก็ไม่รู้จักท่านเจ้าสัว และไม่รู้ว่าที่ดินนั้นเป็นที่ของท่านเจ้าสัว เข้าใจว่าเป็นที่ดินของวัดจึงใช้ประโยชน์มาเรื่อย และเมื่อท่านเจ้าอาวาสได้พบกับเจ้าสัว ท่านเจ้าอาวาสก็ไม่ได้ให้เกียรติแก่เจ้าสัวเท่าไร เพราะไม่รู้จักและไม่รู้ว่ามีความผูกพันเรื่องที่ดินกันอยู่ ท่านเจ้าสัวจึงโกรธและฟ้องร้องว่าทางวัดบุกรุกที่ของตน เมื่อทางวัดถูกฟ้องและรู้ความจริงท่านเจ้าอาวาสจึงได้นำเรื่องไปกราบพระบาทปรึกษาหารือกับสมเด็จพระสังฆราชในขณะนั้น สมเด็จสังฆราชท่านก็ว่าไม่มีใครที่จะพูดกับเจ้าสัวได้ มีเพียงท่านเจ้าคุณโพธิ์แจ้งเพียงผู้เดียวที่ท่านเจ้าสัวยอมรับฟัง สมเด็จพระสังฆราชจึงได้นำเรื่องมาขอให้ท่านเจ้าคุณช่วยพูดให้ท่านเจ้าสัวถอนฟ้อง

    ท่านเจ้าคุณก็รับปากจะดำเนินการให้ และขอให้สมเด็จท่านทำเรื่องของเครื่องราชให้ท่านเจ้าสัว สมเด็จพระสังฆราชท่านก็รับปากว่าจะดำเนินการให้ หลังจากนั้นท่านเจ้าคุณได้ไปพบท่านเจ้าสัว ท่านได้กล่าวกับเจ้าสัวว่า ถึงแม้ว่าในคดีท่านชนะแน่นนอน แต่ในด้านชื่อเสียงเกียรติคุณของท่านก็จะมัวหมองลง การมีเรื่องฟ้องร้องกับวัดในประเทศไทยซึ่งในขณะนั้นถือเสมือนสิ่งศักดิ์สิทธิ์เป็นศูนย์รวมใจของคนทั้งประเทศไม่เป็นผลดีต่อชื่อเสียงของตน เจ้าสัวก็ถามว่าจะให้ทำอย่างไร ท่านเจ้าคุณก็ว่าท่านก็ถือโอกาสนี้เพิ่มพูนชื่อเสียงเกียรติคุณแก่ตนเองดีกว่า ทรัพย์สินเงินทองที่ดินท่านก็มีมากมาย ท่านก็มอบที่ดินในให้แก่วัดเสียเลย แล้วอาตมาจะไปขอให้สมเด็จพระสังฆราชนำท่านเข้าเฝ้าเพื่อรับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ท่านเจ้าสัวก็ยินดีและปฏิบัติตาม ท่านเจ้าคุณได้เล่าเรื่องนี้ให้ฟังว่าและได้บอกต่อว่า การเป็นคนกลางไกล่เกลี่ยเรื่องที่ทำให้คนหนึ่งต้องเสียผลประโยชน์ จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องหาสิ่งใดสิ่งหนึ่งมาทดแทนสิ่งซึ่งเขาเสียไป การหักหาญโดยใช้ความเชื่อถือศรัทธา ความเคารพแล้วกำหนดในเขาทำตาม แม้ทำได้ แต่สุดท้ายก็จะเสียเขาไป

    ท่านเจ้าสัวเคารพศรัทธาในท่านเจ้าคุณเสมอต้นเสมอปลายมามิได้ขาด เจ้าสัวท่านเชื่อฟังคำแนะนำท่านเจ้าคุณแม้แต่เรื่องในครอบครัว เจ้าสัวมีบุตรชายคนหนึ่ง ซึ่งใฝ่ฝันและหลงใหลในการดำเนินการทางการเมืองเป็นชีวิตจิตใจ แต่ท่านเจ้าสัวมิยอมเกิดทะเลาะกันรุนแรงจนจะตัดขาดกัน บุตรเจ้าสัวได้ขอให้ท่านเจ้าคุณช่วยว่ากล่าวต่อบิดาด้วย ท่านเจ้าคุณได้ไปพบเจ้าสัว และกล่าวต่อเจ้าสัวเรื่องที่บุตรของท่านต้องการดำเนินการทางการเมือง ท่านว่า แม้พ่อค้าทั่วไปจะไม่ชอบการเมืองและไม่อยากให้ลูกหลานเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการเมือง ที่จริงการเมืองก็ไม่เสียหายอะไร อีกทั้งอนาคตบุตรท่านจะเป็นใหญ่เป็นโต ในที่สุดท่านเจ้าสัวก็กล่าวกับบุตรว่า นี่เป็นพระอาจารย์มาขอจึงต้องให้ หากแม้มิใช่แล้วอย่าหวังว่าจะได้ดังที่ต้องการ วันหน้าจงอย่าได้ลืมคุณของท่านอาจารย์เป็นอันขาด ในกาลต่อมาบุตรเจ้าสัวก็ได้เข้าสู่การเมืองและประสบความสำเร็จอย่างสูงยิ่งในทางการเมือง และท่านเองก็เคารพศรัทธาท่านเจ้าคุณตามบิดา ดูแลอุปฐากท่านเจ้าคุณตามควรแก่เวลาที่มี จนท่านเจ้าคุณได้ละสังขารไป

    *** เรื่องท่านเจ้าคุณโพธิ์แจ้งถูกระเบิดที่วางไว้ในรถเมื่อปี2505วันที่ 25 กุมภาพันธ์ ตอนเช้ามืดเวลา4.00น หลังจากออกจากการประกอบพิธีปลุกเศกเบิกพระเนตรพระโพธิสัตว์กวนอินที่ศาลกวนอิมตึ้ง ตรงข้ามมูลนิธิปอเต็กตึ้ง ถนนพลับพลาไชย ขณะนั้นท่านเจ้าคุณอายุ 60ปี ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดมังกรกมลาวาส เหตุที่ท่านถูกวางระเบิดเพราะกลุ่มมาเฟียในเยาวราชในขณะนั้นต้องการรีดไถเงินจากท่าน 200000บาท ท่านไม่ให้ ท่านว่า ท่านเป็นพระสงฆ์จะมีเงินมากมายเช่นนั้นได้อย่างไร กลุ่มมาเฟียไม่พอใจจึงลอบยัดระเบิดไว้ที่ใต้ท้าวแขนข้างที่นั่งของท่านในรถโอเปิล หมายเลข ทะเบียน กทป 3440 โดยมีนายเย็นดี โพธิ์ตระการเป็นคนขับรถ ในขณะที่ท่านเข้าไปประกอบพิธีศาสนกิจ เมื่อเสร็จพิธีคนขับรถก็นำรถมารอรับท่าน เมื่อท่านขึ้นไปนั่งทับระเบิดก็ทำงาน หลังคารถเบาะเก้าอี้ในรถยับเยิน แต่ท่านก็ไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรเลย อีกทั้งคนขับรถก็มิได้รับบาดเจ็บอันใดเช่นกัน(มีบันทึกอยู่ในหนังสือพิมพ์ ไทยรัฐ พิมพ์ไทย เสียงอ่างทอง ในเวลานั้น) เพราะเหตุใด ท่านตอบว่าเมื่อขณะระเบิดเกิดขึ้น วัชระโพธิสัตว์ธรรมบาลได้แผ่ร่างออกคุ้มครองทำให้ ท่านไม่ได้รับอันตรายพร้อมคนขับรถด้วย ในพุทธตันตระยานเมื่อได้รับการยอมรับและได้รับอภิเษกจากวัชราจารย์แล้ว จะมีโพธิสัตว์ธรรมบาลคอยให้ความคุ้มครองช่วยเหลือ เพื่อให้บรรลุสู่ความหลุดพ้น ถ้าเราหมั่นฝึกฝนปฏิบัติไม่หยุด ไม่ขาดตอน พระโพธิสัตว์ท่านก็จะอยู่คอยช่วยเหลือเราตลอดไป

    *** มีเรื่องพูดกันแพร่หลายด้วยความเข้าใจผิดในยุคก่อนว่าท่านเจ้าคุณอาจารย์รับเฉพาะแขกที่เป็นผู้ร่ำรวยหรือเป็นเจ้าสัวใหญ่ๆเท่านั้น แต่ในความเป็นจริงแล้ว เจ้าสัวหลายท่านมีฐานะขึ้นได้ด้วยการทำตามคำแนะนำของท่านเจ้าคุณอาจารย์ บางท่านจากพ่อค้าธรรมดาขึ้นเป็นเจ้าสัว บางท่านจากลูกจ้างขึ้นเป็นเจ้าสัว และโดยธรรมชาติของมนุษย์อย่างนี้คือผู้ที่ใฝ่สูงและมีแนวโน้มว่าจะรุ่งเรืองจะเป็นผู้ที่กล้าที่จะเข้าไปเสาะแสวงหาหนทางหรือผู้ที่จะทำให้ตนยกระดับขึ้นได้ ส่วนผู้คนธรรมดาโดยเฉพาะผู้ที่ยากไร้จะยึดถือว่าความยากไร้ของตนเป็นปมด้อย ทำให้ตนเข้าหาผู้หลักผู้ใหญ่ไม่ได้ ไม่กล้าเข้าไปรับคำสั่งสอนหรือขอปรึกษาขอความช่วยเหลือ และคิดเองว่าการเข้าไปจะต้องมีค่าใช้จ่ายมากมายตนไม่สามารถให้ได้ โดยสภาพที่แท้จริงแล้วท่านเจ้าคุณไม่เคยช่วยเหลือผู้คนด้วยการเลือกสรรผู้คนจากฐานะทางทรัพย์สินเลย ท่านช่วยทุกคนที่เข้าไปร้องขอ สั่งสอนคนทุกระดับ ท่านพูดอยู่เสมอว่า “เศรษฐีมีเงินเกิดขึ้นจากคนยากไร้ที่มีจิตสำนึก ส่วนคนยากไร้ก็เกิดจากเศรษฐีที่ไร้จิตสำนึก” ท่านตั้งหลักการในการต้อนรับแขกไว้ว่า บุคคลธรรมดา ชาวบ้านชาวช่องมีเรื่องเดือดร้อนมาจะต้องรีบให้เขาได้รับการบำบัดก่อน เพราะเขาต้องรีบกลับไปทำมาหากิน และอีกอย่าง เรื่องเดือดร้อนของเขาเหล่านั้นส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องที่แก้ไขได้ไม่ยาก (เป็นเรื่องใหญ่สำหรับเขาแต่เป็นเรื่องเล็กสำหรับเรา) ส่วนเจ้าสัวและผู้หลักผู้ใหญ่เมื่อมีเรื่องมาปรึกษาส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องใหญ่และต้องใช้เวลานาน
    *** เจ้าสัวใหญ่ท่านหนึ่งที่ติดอันดับหนึ่งในช่วงต้น พ.ศ.2500 ขณะที่ได้พบท่านเจ้าคุณอาจารย์ท่านเป็นเพียงพ่อค้าธรรมดาคนหนึ่ง ท่านเจ้าคุณอาจารย์แนะนำให้ท่านทำธุรกิจอีกทั้งสอนการดูและดำเนินการธุรกิจที่ดิน จนการค้าต่างๆเติบใหญ่เป็นเจ้าสัวใหญ่แห่งเมืองไทย ครอบครัวของท่านเจ้าสัวอยู่ใกล้ๆกับวัดของท่านเจ้าคุณ มีวันหนึ่งมารดาของเจ้าสัวซึ่งมีอายุเกือบเก้าสิบแล้วป่วยขอเข้าพบท่านเจ้าคุณและขอร้องท่านเจ้าคุณว่าก่อนตายของให้ได้พบเห็นเจ้าแม่กวนอิมสักครั้ง ท่านเจ้าคุณก็ว่าขอให้ท่านกินเจสามเดือนแล้วท่านจะได้พบ สุดท้ายท่านก็ได้เห็นร่างเจ้าแม่กวนอิมเดินออกมาจากแท่นบูชาที่บ้าน หลังจากนั้นอาการป่วยก็หายและมีอายุยืนยาวอยู่เกือบ100ปี

    *** ครอบครัวหนึ่งบ้านสวนหลวงใกล้สำนักสงฆ์หลับฟ้า และเป็นลูกศิษย์ในเจ้าคุณอาจารย์ ครอบครัวนี้มีลูกคนเดียวเป็นผู้ชาย วันหนึ่งลูกชายไปประสบอุบัติเหตุในต่างจังหวัด และนอนอยู่ในโรงพยาบาลโดยไม่รู้สึกตัวอีกเลย 1 สัปดาห์ คุณแม่เขาได้ขอให้ท่านเจ้าคุณอาจารย์ช่วย เจ้าคุณอาจารย์ได้เขียนยันต์ให้ไปหนึ่งแผ่น ให้ไปเผาที่บริเวณที่เกิดเหตุและให้เรียกชื่อลูกชายมาเรื่อยจนถึงโรงพยาบาล เมื่อมาถึงโรงพยาบาล 2-3 ชม.ลูกชายที่ไม่ได้สติก็ฟื้นขึ้นมาเป็นที่อัศจรรย์แก่ผู้พบเห็น

    *** หนึ่งในหลายๆเรื่องที่ท่านเจ้าคุณอาจารย์ได้ช่วยเหลือศิษย์ โดยไม่คำนึงถึงการต้องเปลี่ยนแปลงชะตาที่กำหนดไว้ จนท่านต้องทนทุกข์ด้วยสภาพของการอาพาธในบั้นท้ายของชีวิต เรื่องนี้เกิดขึ้นในวันหนึ่งในขณะที่อยู่ในแวดล้อมของหมู่ศิษย์ท่านก็เกิดนิมิตขึ้น และท่านได้ได้บอกกล่าวต่อ หมู่ศิษย์ว่า ในช่วงท้ายของชีวิตท่านจะมีเหตุให้ท่านต้องทนทุกข์ทรมานเป็นอัมพาต พวกท่านต้องมีสติอย่าได้ตื่นเต้นตกใจ มันเป็นผลที่มาแต่เหตุ แล้วท่านก็เล่าเรื่องศิษย์ผู้หนึ่งของได้นำวันเดือนปีเกิดของลูกมาให้ดู และว่ามีคนทักว่าเขาจะต้องเสียชีวิต แม้เขาต้องเสียชีวิตจริงก็ของอ้อนวอนท่านเจ้าคุณอาจารย์ได้ช่วยเหลือด้วย ท่านเจ้าคุณได้ดูก็รู้ว่าลูกชายของเขาได้ถึงกาลแน่นอนแล้ว แต่ด้วยทนเสียงอ้อนวอนไม่ได้จึงได้ตอบไปว่า อาตมาประกันว่าลูกชายต้องไม่ตาย เมื่อรับปากไปแล้วท่านจึงต้องช่วยเหลือ สุดท้ายลูกชายของศิษย์ผู้นั้นก็ไม่ต้องถึงกาล

    *** พ่อค้าใหญ่ท่านหนึ่งแห่งย่านศาลาเฉลิมกรุงในยุค2490 ทุกเย็นท่านต้องไปสำนักสงฆ์หลับฟ้า เพื่อฟังคำสั่งสอนจากท่านเจ้าคุณอาจารย์ถือเป็นศิษย์ก้นกุฎิผู้หนึ่งในขณะนั้น ขณะนั้นท่านอายุได้สามสิบกว่าแต่งงานแล้วหลายปีแต่ไม่มีบุตร ทุกคืนท่านจะอ้อนวอนขอให้ท่านเจ้าคุณอาจารย์ทำพิธีประทานบุตรให้ ท่านขออยู่นานเป็นปี มีอยู่คืนหนึ่งอยู่ๆไฟฟ้าที่สำนักสงฆ์ดับลง ท่านเจ้าคุณอาจารย์ได้พูดกันพ่อเฮียหมาว่า โอกาสมาถึงแล้วถ้าสามารถไปหาตะเกียงน้ำมันมาให้ได้2ดวง พ่อค้าใหญ่ท่านนั้นจึงรีบไปหาซื้อมาแล้วนำมาให้ท่านเจ้าคุณอาจารย์ ท่านเจ้าคุณได้บอกว่ามีแต่ตะเกียงไม่มีน้ำมัน ต่อไปเด็กจะผอมๆจะมาต่อว่าอาจารย์ไม่ได้ พร้อมทั้งตั้งชื่อให้ (ซึ่งเป็นชื่อปีในอีก2ปีต่อมา ซึ่งพ่อพ่อค้าใหญ่ท่านนึกไม่ถึง) ผ่านไประยะเวลาหนึ่งพ่อค้าใหญ่ได้ไปถามอาจารย์ว่ายังไม่เห็นมีลูกเลย ท่านอาจารย์จึงบอกว่าที่ให้ชื่อไปนั้นบอกใบ้ว่าจะได้ในปีนั้น และเมื่อถึงปีแกซิ้งศิษย์ท่านนั้นก็ได้ลูกในปีนั้นตรงตามที่ท่านเจ้าคุณอาจารย์กำหนดทุกประการ และเด็กก็ผอมๆตามที่ว่า ท่านเจ้าคุณได้นำวิญญาณ ไปเกิดด้วยลักษณะเช่นนี้ แต่วิธีการต่างออกไป รวม 4 ครั้ง ทุกคนที่เกิดมาก็ยอมรับ รู้จักกัน สุดท้ายได้รวมกลุ่มกันและได้เพียงสามคน ตามหาอีกหนึ่งคนไม่เจอ

    *** ความกตัญญูกตเวทีของท่านเจ้าคุณ เมื่อครั้งที่ท่านเจ้าคุณเดินทางเข้ามาบรรพชาที่วัดถ้ำประทุน มีพระอาจารย์ท้งกังเป็นอุปฌาชย์บรรพชาให้ ต่อมาพระอาจารย์ท้งกังได้ลาสิกขาบท บ้านของท่านอยู่ที่ดำเนินสะดวก ท่านจะไปเยี่ยมเยียมถามทุกข์สุขอยู่เป็นประจำหรือทุกครั้งที่ท่านเจ้าคุณมีของกินของใช้ดีๆที่มีคนมาถวาย ท่านมักจะนำไปให้พระอาจารย์ของท่านที่บ้านดำเนินสะดวกเป็นประจำ ท่านได้ปฏิบัติกิจเช่นนี้เป็นประจำสม่ำเสมอมิได้ขาด

    *** เรื่องส่งยาไปให้ศิษย์ชาวสิงคโปร์ประมาณปี2516 มีอยู่วันหนึ่งจู่ๆท่านเจ้าคุณอาจารย์ได้เรียกศิษย์รับใช้ใกล้ชิดทั้งเป็นผู้ขับรถประจำตัวชื่อเหี่ยงให้นำยาซึ่งท่านเจ้าคุณได้ปรุงเองให้นำบินไปสิงคโปร์ในทันที มีศิษย์อาวุโสท่านหนึ่งในสิงคโปร์ป่วยหนัก สอบถามแล้วว่าไม่มีข่าวคราวใดมาจากสิงคโปร์เลย ท่านเจ้าคุณอาจารย์ รู้เองและดำเนินการเอง
    *** ครั้งสุดท้ายที่ท่านเจ้าคุณอาจารย์ไปเผยแพร่ธรรมที่สิงคโปร์ ขณะนั้นท่านยังแข็งแรงสมบูรณ์ดีทุกประการ อยู่ๆท่านก็บอกกับหมู่ศิษย์ทั้งหลายที่มาร่วมกันฟังธรรมว่า ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายแล้วที่ท่านจะมาสิงคโปร์ ผู้ใดมีสิ่งใดจะขอหรือจะร่ำเรียนขอให้บอก คำบอกดังกล่าวทำให้หมู่ศิษย์ทั้งหมดช๊อค ไม่มีใครผู้ขอสิ่งใด ท่านเจ้าคุณอาจารย์จึงพูดขึ้นว่าพวกเจ้าคิดว่าเราไม่สามารถทำให้ได้หรือ เราเป็นคุรุนาครชุนโพธิสัตว์มาเกิดมีอะไรที่ทำไม่ได้ ในปีต่อมาสุขภาพของท่านเจ้าคุณอาจารย์ก็ไม่ค่อยสมบูรณ์ และก็ไม่ได้ไปสิงคโปร์อีกเลย จนมรณภาพ

    *** บุคลิคภาพอันน่าประทับใจ มีเรื่องราวเล็กๆน้อยๆเกี่ยวข้องกับผู้เขียน เมื่อครั้งท่านเจ้าคุณอาจารย์กลับจากสิงคโปร์ครั้งแรกได้นำเรื่องราวมาเล่าให้หมู่ศิษย์ได้ฟัง มีเรื่องหนึ่งเกี่ยวกับร้านอาหารเจในรัฐอีโป ประเทศมาเลเซีย ขณะเดินทางกลับจากสิงคโปร์โดยทางรถยนต์ ท่านเจ้าคุณและคณะได้เข้าไปฉันท์อาหารกลางวันที่ร้านนั้น ท่านได้กล่าวว่า วันหน้าใครเดินทางผ่านไปและถึงเวลาฉันท์อาหารให้เตรียมตัวให้ดีร้านอาหารนี้คิดค่าอาหารแพงมาก ในปีต่อมาผู้เขียนซึ่งขณะนั้นอยู่ในสมณะเพศ ได้เดินทางเพื่อไปเยี่ยมเยียนท่านเจ้าคุณอาจารย์ที่สิงคโปร์(พูดให้น่าฟังที่จริงคือต้องการไปเที่ยว) และด้วยความหลงลืม คณะที่ไปได้หลงเข้าไปในร้านอาหารนั้นเพื่อฉันท์อาหารกลางวัน(ที่จริงแล้วมีร้านอาหารเจร้านเดียวในอีโปในขณะนั้น)เมื่อฉันท์อาหารเสร็จก็เรียกเจ้าของร้านมาเก็บเงิน เจ้าของร้านได้ถามว่า พวกท่านเป็นพระสงฆ์ที่มาจากประเทศไทยศิษย์ของท่านอาจารย์โพธิ์แจ้งใช่หรือไม่ พวกเราก็ตอบว่าใช่ และก็นึกขึ้นได้ถึงเรื่องที่ท่านอาจารย์เล่าให้ฟัง เมื่อปีที่แล้วท่านอาจารย์ยังได้มาฉันท์อาหารที่ร้านท่านเลย เจ้าของร้านได้บอกว่า เมื่อเป็นศิษย์ของท่านอาจารย์โพธิ์แจ้งค่าอาหารก็จะไม่เก็บ เมื่อปีที่แล้วได้พูดคุยกับท่านอาจารย์แล้วเลื่อมใสศรัทธามาก ขอถวายอาหารทั้งหมดให้
     
  16. ศิลป์พระ9

    ศิลป์พระ9 Active Member สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2010
    โพสต์:
    644
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +487
    s2.พระสังกัจจายน์ ท่านอาจารย์โพธิ์แจ้ง วัดโพธิ์แมน ปี2499

    หากจะนับว่าพระสังกัจจายน์ ที่น่าบูชาที่สุดอีกรุ่นหนึ่งของท่าน เห็นทีจะไม่พ้นรุ่นนี้ ด้วยความที่ว่าเป็นพระที่สร้างในยุคแรกๆ ของท่าน พระรุ่นนี้ผสมผงวิเศษมากมาย ปลุกเสกที่พระปฐมเจดีย์ โดยชุมนุมพระอาจารย์ทางพุทธมหายาน มาร่วมปลุกเสก โดยมีพระอาจารย์โพธิ์แจ้ง วัดโพธิ์แมน เจ้าพิธี

    พระเครื่องรุ่นนี้ เป็นรุ่นที่มีการบอกต่อว่า บูชาแล้วมีอิทธิคุณด้าน โชคลาภเป็นเลิศ และ เป็นอีกรุ่นที่ผมอารธนาบูชาติดตัวคู่กับสมเด็จสัพพัญญู แล้วเห็นผลจริง

    พระรุ่นนี้ เป็นพิมพ์สังกัจจายน์ มี 4 อริยาบท นั่ง นอน ยืน เดิน มีเนื้อหาหลายวรรณะ เช่น แดง ชมพู ขาว เหลือง ดำ บางองค์มีกริ่ง บางองค์มีปั๊มยันต์

    พิมพ์นั่ง
    82.jpg

    พิมพ์นอน
    87.jpg

    พิมพ์ยืน
    56.jpg

    พิมพ์ยืน
    26.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 ตุลาคม 2022
  17. ศิลป์พระ9

    ศิลป์พระ9 Active Member สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2010
    โพสต์:
    644
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +487
    s3.เหรียญพระโพธิสัตว์ดารา ท่านอาจารย์โพธิ์แจ้ง วัดโพธิ์แมนฯ ปี2494

    เหรียญรุ่นนี้ ออกสมัย วัดโพธิ์เย็น ตลาดลูกแก อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี ออกสมัยท่านไปดูแล และ สร้างวัดโพธิ์เย็น ซึ่งเป็นวัดที่ท่านก่อร่างสร้าง เพื่อเป็นรากฐานของนิกายจีน มหายาน ในภูมิภาคนี้ หลังจากย้านมากจากสำนักสงฆ์หลับฟ้า ที่มีเนื้อที่คับแคบ หลังจากมาสร้างวัดโพธิ์เย็น ท่านก็ได้รับบวชลูกศิษย์มากมาย จนวัดมีรากฐานที่มั่นคง ท่านจึงได้ไปสร้างวัดจีน ในที่อื่นๆอีก(รวมถึงวัดโพธิ์แมนด้วย)

    เหรียญรุ่นนี้ สร้างในปี 2494 จัดเป็นเหรียญยุคแรกๆ ในตะกูลเหรียญพระโพธิสัตว์ดารา และ เป็นเหรียญยอดประสบการณ์ ของชาวตลาดลูกแก คู่กันมากับ เหรียญท่านอาจารย์นอร่า ริมโปเช ที่ถูกแจกให้แก่ชาวบ้านในอ.นี้

    ปัจุบัน เหรียญรุ่นนี้หายากพอสมควร โดยเฉพาะสวยๆ


    61.jpg
     
  18. ศิลป์พระ9

    ศิลป์พระ9 Active Member สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2010
    โพสต์:
    644
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +487
    s4.เหรียญพระศากยมุณีพระพุทธเจ้า ฉลอง 2500

    เหรียญพระศากยมุณีพระพุทธเจ้า ทั้ง 3 แบบนี้ เป็นเหรียญที่ออกในปี 2500 ด้านหน้าเหมือนกัน ด้านหลังแตกต่างกัน ออกทำบุญ 3 สถานที่ จัดเป็นเหรียญเก่าปีลึก ของสายท่านอาจารย์โพธิ์แจ้ง วัดโพธิ์แมน สะสมไม่ยาก มีแค่ 3 แบบ ไม่มีปลอม ไม่มีเสริมครับ เหรียญเป็นเนื้อทองแดง กะไหร่ทองบางยุคเก่า บางเหรียญห่วงเชื่อมด้วย ด้านหลังเป็นอัครทิเบต และ หนังสือจีน

    118.jpg
     
  19. ศิลป์พระ9

    ศิลป์พระ9 Active Member สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2010
    โพสต์:
    644
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +487
    s5.รูปถ่ายกระดาษ ท่านอาจารย์โพธิ์แจ้ง วัดโพธิ์แมน 2493

    รูปถ่ายใบนี้เป็นรูปถ่ายนั่ง ฉลองเต็มยศ เพราะเป็นคราวได้พระราชทานสมณศักดิ์ เป็น หลวงจีนธรรมรสฯ เมื่อวันที่ 13 เมษายน 2493 รูปใบนี้หายากพอสมควร เพราะเป็นกระดาษพิมพ์บาง ถ้าเก็บไม่ดี จะเปื่อยขาดสูญหายไป

    16.jpg
     
  20. ศิลป์พระ9

    ศิลป์พระ9 Active Member สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2010
    โพสต์:
    644
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +487
    s6.กระทู้ศึกษา เหรียญท่านอาจารย์นอร่าริมโปเช รุ่นแรก


    ในชุดนี้มี

    เหรียญไวโรจนพระพุทธเจ้า / เหรียญท่านอาจารย์นอร่าริมโปเช / เหรียญพระเจดีย์

    เหรียญชุดนี้ เจ้าของเก่าได้รับมาจากมือท่านอาจารย์โพธิ์แจ้ง วัดโพธิ์แมน พร้อมกับ เหรียญกาชาดจีน ซึ่งเป็นงานจากโรงงานเดียวกัน ผมลองหาประวัติเหรียญกาชาดจีน ปรากฎพบว่า โรงงานที่ผลิตเหรียญอยู่ในฮ่องกง งานสร้าง และ ตุ้งติ้งเป็นงานชนิดเดียวกัน จากข้อมูลตรงนี้ พอจะสรุปได้ในเบื้องต้นว่าเหรียญชุดนี้ของออกหลัง ปี 2475 ลงมา

    เหรียญ 3 เหรียญนี้ (เหรียญอาจารย์นอร่า พระไวโรจฯ รวมถึงเหรียญกาชาด) เป็นเหรียญที่มีกรรมวิธีการสร้างแบบ 2 เหรียญประกบบัตกรี มีเพียงเหรียญเจดีย์เท่านั้นที่เป็นเหรียญงานชิ้นเดียว แต่เมื่อพิจารณาถึงรอยตะไบขอบแล้ว มีเบอร์ตะไบลักษณะเดียวกับการตะไบเก็บงานในเหรียญที่ประกบบัตรี และ มีฝีมือช่าง รวมถึง ลักษณะตุ้งติ้งชนิดเดียวกัน


    1.jpg
    2.jpg

    เหรียญท่านอาจารย์นอร่าริมโปเช รุ่นแรก ขอบข้างประกบบัตกรี

    5.jpg

    เหรียญไวโรจนพุทธเจ้า ขอบข้างประกบบัตกรี
    4.jpg

    เหรียญพระเจดีย์ ขอบข้างตะไบงานชิ้นเดียว

    6.jpg
    3.jpg

    เหรียญกาชาดจีน เป็นเหรียญสมนาคุณสมาชิกพิเศษ ของกาชาดจีน เมื่อปี 2475 (บริจาค 200 หยวน) เพื่อเป็นการต่อต้านสงครามญี่ปุนในจีนในยุคสมัยนั้น
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 ธันวาคม 2020

แชร์หน้านี้

Loading...