ใส่บาตร แล้วเลือกพระ จะได้บุญไหมครับผม

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย pokittisak, 6 มิถุนายน 2010.

  1. pokittisak

    pokittisak Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    8
    ค่าพลัง:
    +51
    เรียนพี่ๆที่เคารพทุกท่านครับ

    ผมมีข้อสงสัยในใจว่า การทำเราทำบุญตักบาตรนั้น ถ้าเราเลือกพระใส่บาตร...
    เราจะได้บุญหรือเป็นบาปแทนครับ

    สืบเนื่องจากว่า ในทุกๆเช้านั้นผมจะออกมาทำบุญแถวหน้าปากซอยบ้านอยู่เสมอๆ
    ซึ่งผมมักจะเป็นคนที่ชอบสังเกตว่า มีพระบางองค์ที่ท่านมักปักหลักอยู่กับที่ โดยไม่ได้เดินบิณฑบาตร เหมือนองค์อื่นๆ อีกทั้งบางองค์ยังนำของที่ตักบาตรไปแล้ว ไปให้กับร้านใกล้เคียงขายให้คนอื่นนำไปใส่บาตรต่อ

    ดังนั้นแล้วจึงทำให้ผมนั้นมักที่จะเลี่ยงไม่ใส่บาตรกับพระที่ปักหลักอยู่กับที่
    และจะไปใส่บาตรกับพระองค์ที่ท่านเดินบิณฑบาตเพียงรอบเดียวมากกว่า

    ดังนั้นผมจึงอยากสอบถามพี่ๆว่า เมื่อคิดอย่างผมนี้แล้วผมจะบาปไหมครับ:'(
    รบกวนพี่ๆช่วยชี้แนะด้วยนะครับผม

    ขอบคุณครับ

    จากคนกลัวบาป:boo:
     
  2. พชร (พสภัธ)

    พชร (พสภัธ) ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    5,746
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +49,866
    ได้ครับแต่ได้บุญน้อย มันกรายเป็น"บุคลิกทาน" ถ้าไม่เจาะจง อธิฐานเป็น"สังฆทาน" บุญก็จะกว้างกว่ามากมาย ดังนี้ครับ....

    ให้ทานกับคนที่ไม่มีศีลเลย 100 ครั้ง มีผลไม่เท่ากับ ให้ทานกับคนที่เคยมีศีลแต่ศีลขาดไปแล้ว 1 ครั้ง หมายความว่า ยังมีความดีอยู่บ้าง

    ให้ทานแก่คนที่เคยมีศีลแล้วศีลขาด 100 ครั้ง
    มีผลไม่เท่ากับ ให้ทานกับท่านที่ทรงศีลบริสุทธิ์ 1 ครั้ง

    ให้ทานกับท่านที่มีศีลบริสุทธิ์ 100 ครั้ง
    มีผลไม่เท่ากับ ให้ทานกับท่านผู้ทรงฌาน หรือท่านปฏิบัติเพื่อโสดาปัตติมรรค 1 ครั้ง

    ผู้ปฏิบัติเพื่อโสดาปัตติมรรคหมายความว่า
    ท่านที่ปฏิบัติกรรมฐาน แต่ยังไม่ถึง พระโสดาบันปัตติมรรค จะเป็นขั้นไหนก็ตาม อย่างน้อยที่สุด
    จิตของท่าน ตัดนิวรณ์ มีความเคารพ ในพระรัตนตรัยจริง ๆ ทรงศีล บริสุทธิ์ก็มีอานิสงส์มาก

    ให้ทานกับท่านที่ปฏิบัติเพื่อโสดาบันปัตติมรรค 100 ครั้ง
    มีผลไม่เท่ากับ ให้ทานกับพระโสดาปัตติผล 1 ครั้ง

    ถวายทานกับพระโสดาบันปัตติผล 100 ครั้ง
    มีผลไม่เท่ากับ ถวายทานพระสกิทาคามีผล 1 ครั้ง

    ถวายทานกับพระสกิทาคามีมรรค 100 ครั้ง
    มีผลไม่เท่ากับ ถวายทานกับพระสกิทาคามีผล 1 ครั้ง

    ถวายทานกับพระสกิทาคามีผล 100 ครั้ง
    มีผลไม่เท่ากับ ถวายทานกับพระอนาคามีมรรค 1 ครั้ง

    ถวายทานกับพระอนาคามีมรรค 100 ครั้ง
    มีผลไม่เท่ากับ ถวายทานกับพระอนาคามีผล 1 ครั้ง

    ถวายทานกับพระอนาคามีผล 100 ครั้ง
    มีผลไม่เท่ากับ ถวายทานกับพระอรหันตมรรค 1 ครั้ง

    ถวายทานกับพระอรหัตมรรค 100 ครั้ง
    มีผลไม่เท่ากับ ถวายทานกับพระอรหัตผล 1 ครั้ง

    ถวายทานกับพระอรหัตผล 100 ครั้ง
    มีผลไม่เท่ากับ ถวายทานแด่พระปัจเจกพุทธเจ้า 1 ครั้ง


    ถวายทานแด่พระปัจเจกพุทธเจ้า 100 ครั้ง
    มีผลไม่เท่ากับ ถวายทานแด่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า 1 ครั้ง

    ถวายทานแด่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า 100 ครั้ง
    มีผลไม่เท่ากับ ถวายสังฆทาน 1 ครั้ง

    ถวายสังฆทาน 100 ครั้ง มีผลไม่เท่าถวายวิหารทาน 1 ครั้ง



     
  3. เฮียปอ ตำมะลัง

    เฮียปอ ตำมะลัง ทุกสิ่งจบสิ้นลงด้วยความตาย วุ่นวายทำไม ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    24,969
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +91,130
    อย่าไปปรามาสพระที่ยืนรอใส่บาตร ไม่มีบาปครับ


    ได้แต่บุญ

     
  4. ถิ่นธรรม

    ถิ่นธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    1,824
    ค่าพลัง:
    +5,398
    อย่าหมิ่นสมณะว่าไม่น่านับถือ เพราะวันดีคืนดีพระที่อาจดูว่าทุศีลเห็นแก่ลาภสักการะในสายตาคุณ หากท่านเกิดสลดสังเวชแล้วปฏิบัติธรรมก็อาจสำเร็จเป็นพระอรหันต์ได้ บางทีบิณฑบาตรของคุณที่ถวายท่านไปอาจเป็นอรหัตทานก็ได้
     
  5. พรเทวราช

    พรเทวราช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    38
    ค่าพลัง:
    +426
    [​IMG]
    พระท่านว่า เจตนา เป็นตัวกรรม
    การใส่บาตร ย่อมมีอานิสงค์ ของการให้ จัดว่าเป็นทานมัย อานิสงค์ที่เราจะพึงได้ มากหรือน้อย ขึ้นอยู่ที่ว่า ผู้ให้ วัตถุทาน และผู้รับ บริสุทธิ์มาก น้อยเพียงใด การเลือกที่จะทำบุญ เปรียบเสมือนเราเลือก เนื้อนาบุญ ฉะนั้น การทำบุญ ต้องอาศัย ปัญญา ถ้าเราคิด จิตจะหมอง อานิสงค์ที่พึงจะได้ ก็จักลดน้อย ถอยไป ไม่บาปครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 กันยายน 2013
  6. khomeraya

    khomeraya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    1,833
    ค่าพลัง:
    +21,369
    การเดินบิณฑบาต เป็นสิ่งที่ปฏิบัติสืบต่อกันมาตั้งแต่ในสมัยพุทธกาล แม้กระทั่งในปัจจุบันนี้ หลวงปู่หลวงตาที่ปฏิบัติชอบ ถ้าท่านไม่ได้เจ็บไข้ได้ป่วยจนถึงขนาดเดินบิณฑบาตไม่ได้ ท่านก็ยังจะเดินบิณฑบาตอยู่ เพราะถือว่าการเดินบิณฑบาตเป็นการโปรดสรรพสัตว์ทั้งหลาย

    มาปัจจุบันนี้ เราก็จะเห็นรูปแบบที่ชักจะผิดเพี้ยน ซึ่งตามหลักกฎแห่งกรรม ใครทำอะไร ก็จะได้ผลตามนั้น โทษของคนธรรมดาว่าหนักแล้ว โทษของพระยิ่งหนักกว่า

    และการที่คุณไม่ใส่บาตรกับพระที่ยืนอยู่กับที่นั้น เกิดจากคุณไม่ได้ "ศรัทธา" เพราะฉะนั้น ก็เลยไม่ได้ใส่บาตร การที่เราไม่ได้ศรัทธาต่อสิ่งใดสิ่งหนึ่ง หรือผู้ใดผู้หนึ่ง แต่เราก็ไม่ได้จาบจ้วง แล้วจะเป็นบาปได้อย่างไร ขอให้ตรองดู......

    เป็นผม ผมก็ไม่ใส่บาตรเหมือนกัน ไม่ได้ศรัทธาไง......
     
  7. khomeraya

    khomeraya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    1,833
    ค่าพลัง:
    +21,369
    อ้อ แล้วที่คุณถามว่า ได้บุญมั้ย ......

    มันมองได้ 2 แง่
    1 ถือว่าเป็นจาคะ เป็นการให้ พระท่านจะมีศีลแค่ไหน เราไม่รู้ อย่างน้อยที่สุดก็เป็นจาคะ
    2 ถือว่าเป็นการส่งเสริมให้พระท่านยืนรับบาตรต่อไป.........

    เพราะฉะนั้น คำตอบเรื่องนี้อยู่ที่การใช้ปัญญา......

    การให้ทานนั้น บางกรณีเราให้แบบไม่เจาะจง ให้แบบไม่เลือก แต่บางกรณีเราก็ต้องเลือก เปรียบเสมือนการเลือกเนื้อนาบุญ

    แล้วจะทราบได้อย่างไรว่า ต้องเลือก หรือไม่ต้องเลือก ขึ้นอยู่กับคำว่า "วิจารณญาณ" คือ รู้ว่าอะไรถูก อะไรไม่ถูก รู้ว่าอะไรควร อะไรไม่ควร

    ขอให้ท่านเจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นไป
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 มิถุนายน 2010
  8. pokittisak

    pokittisak Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    8
    ค่าพลัง:
    +51
    ขอขอบพระคุณพี่ๆทุกท่านที่ได้ช่วยชี่แนะครับผม

    ท้ายที่สุดแล้วผลที่ได้รับจากการแนะนำจากพี่ๆทั้งหลาย
    ทำให้ผมสรุปกับตัวเองได้ว่า การทำบุญนั้นจุดสำคัญอยุ่ที่ตัวผู้ให้มากกว่าสิ่งอื่นใด..(นั้นก็คือตัวผมเอง )
    ถ้าผู้ให้มีจิตที่บริสุทธิ์ ไม่สงสัยในธรรม หรือ บาป-บุญ ที่จะได้รับ
    ผลลัพธ์ที่ได้ย่อมเต็มเปี่ยมไปด้วยกุศลผลบุญ
    ส่วนจะมากน้อยนั้นก็ขึ้นอยู่กับสภาวะจิตใจของผู้ที่ใส่บาตรในตอนนั้น...

    ขอขอบพระคุณพี่ๆทุกๆท่านอีกครั้งครับ
    น้องเอก
     
  9. khomeraya

    khomeraya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    1,833
    ค่าพลัง:
    +21,369
    อนุโมทนากับสัมมาทิฐิของคุณด้วยนะครับ ดีแล้วละ
     
  10. khomeraya

    khomeraya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    1,833
    ค่าพลัง:
    +21,369
    เมื่อตะกี้ log out ออกไปแล้ว แต่จิตมันคิดถึงคำๆนึงขึ้นมาคือ คำว่า "เมื่อถึงเวลา" ขอไปตั้งเป็นกระทู้ใหม่ดีกว่า ในหมวดพระพุทธศาสนาสำหรับผู้เริ่มต้น
     
  11. lionking2512

    lionking2512 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,525
    ค่าพลัง:
    +7,632
    ผมก็เลือกครับแนวเดียวกับคุณ ปลูกพืชยังต้องเลือกดินเลยครับ ดินดีพืชก็เจริญงอกงามเร็ว เช่นเดียวกันในการทำบุญ หากคุณได้เนื้อนาบุญที่ดี ได้พระสงฆ์ที่ท่านปฏิบัติเคร่งครัด ปฏิบัติอย่างแท้จริง ก็คงเหมือนกับคุณได้กรอกน้ำใส่ตุ่มที่มีน้ำเกือบเต็ม ถ้าคุณบริสุทธิ์ทั้ง ก่อนทำ ขณะทำ และหลังทำแล้ว ผลบุญที่คุณจะได้รับก็มีปริมาณมากเหมือนระดับน้ำในตุ่มที่มีอยู่แล้ว ตรงกันข้ามหากคุณโชคไม่ดีไปเจอเนื้อนาบุญที่ไม่ดี ก็คงจะเหมือนคุณตักน้ำใส่ขันใบเล็กๆ ผลบุญที่คุณจะได้รับ ก็คงใกล้เคียงกับปริมาณน้ำในขันนั่นเอง มีกล่าวในพระไตรปิฏกมากมายหลายท่านที่ทำบุญด้วยของที่มูลค่าไม่มาก แต่ทำด้วยศรัทธา และทำกับเนื้อนาบุญที่ท่านเป็นพระอริยบุคคล ปรากฏว่าได้ไปสู่ในภพภูมิที่ดียามเมื่อขันธธาตุสลายลง ดังนั้นจึงสรุปว่าควรใช้วิจารณญาณกับเนื้อนาบุญให้มากครับ กับสังคมปัจจุบัน พอดีผมอยู่ ตจว อาจได้เปรียบคุณที่อยู่ กทม ในแง่ของจริยวัตรของพระสงฆ์
     
  12. @^น้ำใส^@

    @^น้ำใส^@ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    2,330
    ค่าพลัง:
    +4,674
    บางสิ่งเราไม่รู้ที่มาที่ไป บางครั้งก็เหมือนเป็นการคิดไปเอง เข้าใจไปเองตามความรู้สึกของเรา ดังนั้น ถ้าจิตเราใส ทำไปเพื่อการสละ ปล่อยวาง และทำนุบำรุงพระศาสนา ทำอย่างไรก็ได้บุญ

    แต่ถ้าอะไรที่เราเห็นว่าไม่ถูกต้อง ไม่เหมาะสม เป็นไปเพื่อการเบียดเบียนตนเอง และผู้อื่น เราก็ไม่ควรที่จะไปสนับสนุนในสิ่งนั้น เพราะจะเหมือนเป็นการอนุโมทนาบาปค่ะ

    เคยอ่านมานะคะ ถ้าจะคิดให้สบายใจ เวลาเราใส่บาตร หรือทำสังฆทาน ก็ให้นึกถึงพระพุทธเจ้านะคะ คือเราถวายท่านเลย เพราะพระที่เราถวายด้วยนั้น เราก็ไม่รู้จริงๆหรอก ว่าท่านเป็นอย่างไร จิตใจคนเรายากแท้หยั่งถึงนะคะ ^^
     
  13. อรชร

    อรชร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 เมษายน 2010
    โพสต์:
    1,768
    ค่าพลัง:
    +11,465
    ขออนุโมทนา กับทุกท่าน ค่ะ

    ทำบุญด้วย ศรัทธาจิต อันบริสุทธิ์ ก็ไม่บาปแล้วค่ะ
    [​IMG]
     
  14. น้ำดี1

    น้ำดี1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    13,402
    ค่าพลัง:
    +43,432
    ไม่เข้าใจทำไมต้องเลือกด้วย
     
  15. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,941
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819

    หว่านพืชผลชนิดใด เราก็ได้พืชผลชนิดนั้น

    เลือกนาดีฉันใด ก็ได้รับผลฉันนั้น
     
  16. GupTun

    GupTun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    109
    ค่าพลัง:
    +113
    เมื่อสมเด็จโตฯไปถึง ปราชญ์ทั้งหลายพร้อมใจกันให้เกียรตินักปราชญ์ไทยก่อน ท่านจึงขึ้นบัลลังก์แสดงธรรม ต่อที่ประชุมปราชญ์และขุนนางทั้งปวงทันทีว่า “พิจารณา มหาพิจารณา พิจารณา มหาพิจารณา ๆๆๆ...” เป็นดังนี้ ซ้ำๆกันอยู่เป็นเวลากว่าชั่วโมง จึงมีผู้สะกิดเตือนท่านว่า ให้ขยายคำอื่นให้ฟังบ้าง สมเด็จโตฯ ก็เปล่งเสียงให้ดังขึ้นกว่าเดิมอีกว่า “พิจารณา มหาพิจารณา พิจารณา มหาพิจารณา ๆๆๆ...” เฉพาะสองคำนี้อยู่อีกกว่าชั่วโมง ก็ถูกสะกิดเตือนอีก สมเด็จโต ท่านก็ตะโกนดังกว่าครั้งที่สองอีกว่า “พิจารณา มหาพิจารณา พิจารณา มหาพิจารณา ๆๆๆ... อธิบายว่า การของโลกก็ดี การของชาติก็ดี การของศาสนาก็ดี กิจที่จะพึงกระทำต่างๆในโลกก็ดี กิจควรกระทำสำหรับข้างหน้าก็ดี กิจควรกระทำให้สิ้นธุระทั้งปัจจุบันและข้างหน้าก็ดี สำเร็จกิจเรียบร้อยดีงามได้ ด้วยกิจพิจารณาเป็นขั้นๆ พิจารณาเป็นเปราะๆเข้าไป ตั้งแต่หยาบๆ และปานกลาง และขั้นสูง ขั้นละเอียด พิจารณาให้ประณีตละเมียดเข้า จนถึงที่สุดแห่งเรื่อง ถึงที่สุดแห่งอาการ ให้ถึงที่สุดแห่งกรณี ให้ถึงที่สุดแห่งวิธี ให้ถึงที่สุดแห่งประโยชน์ยืดยาว พิจารณาให้รอบคอบทั่วถึงแล้ว ทุกๆคนจะรู้จักประโยชน์คุณเกื้อกูลตน ตลอดทั้งเมื่อนี้ เมื่อหน้า จะรู้ประโยชน์อย่างยิ่งได้ ก็ต้องอาศัยกิจพิจารณาเลือกฟั้น คั้นหา ของดีของจริง เด่นชัดปรากฏแก่คน ก็ด้วยการพิจารณาของคนนั่นเอง ถ้าคนใด สติน้อยถ่อยปัญญา พิจารณาเหตุผลเรื่องราวกิจการงานของใคร ของธรรมดาแต่พื้นๆ ก็รู้ได้พื้นๆ ถ้าพิจารณาด้วยสติปัญญาเป็นอย่างกลาง ก็รู้เพียงชั้นกลาง ถ้าพิจารณาด้วยสติปัญญาอันละเอียดลึกซึ้ง ในข้อนั้นๆอย่างสูงสุด ไม่หลับหูหลับตา ไม่งมงายแล้ว อาจจะเห็นผลแก่ตน ประจักษ์แท้แก่ตนเอง ดังปริยายมาทุกประการ ”
     
  17. lionking2512

    lionking2512 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,525
    ค่าพลัง:
    +7,632
    ตอบท่าน จขกท ได้บุญครับแต่มากหรือน้อยอีกเรื่องหนึ่ง เพราะจิตคุณต้องการที่จะถวาย ภัตตาหารแด่พระสงฆ์เพื่อให้ท่านได้มีเรี่ยวแรงในการปฏิบัติกิจของสงฆ์ต่อไป อันจะเป็นการทำนุบำรุงพระศาสนาให้สืบทอดต่อไป ผมขออนุโมทนาในกุศลจิตของคุณมา ณ ที่นี้ด้วยครับ

    แต่พระสงฆ์ที่ไม่ปฏิบัติ หลีกเลี่ยง หรือนำกิจของสงฆ์มาสู่ประโยชน์แห่งตนเองนั่นแหละบาป บาปหนักด้วย เปรียบเสมือนเป็นตำรวจแต่ทำผิดกฏหมายเสียเอง
     
  18. firstini

    firstini เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    1,213
    ค่าพลัง:
    +3,770
    พระที่ยืนก็ไม่ใช่ว่าจะเลวนะครับ
    เพราะถ้าพระไม่ยืนตรงนั้น โยมก็หาพระตักบาตรไม่ได้เหมือนกัน

    สักวันหนึ่งคุณจะเข้าใจเอง
     
  19. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,650
    ค่าพลัง:
    +20,326
    ท่านผู้ใด ประกอบกรรมดี มีกายสุจริต วจีสุจริต มโนสุจริต ย่อมได้รับผลบุญนั้นคือสุขใจเป็นเบื้องต้น ส่วนอานิสงค์หรือวิบากกรรมคือผลที่จะได้รับนั้นย่อมแตกต่างกัน ตามเหตุปัจจัยแห่งการประกอบกรรมดีนั้น

    ทำดีย่อมได้ดี ได้บุญได้ความสุข ส่วนผลบุญก็เป็นอีกเรื่องครับ การทำบุญควรทำหลายๆอย่าง หลายๆแบบ เพราะจะได้มีครบ ไม่ขาดตกบกพร่อง

    ทำดีแล้ว ถึงแม้จะทำกับคนไม่ดี ก็ไม่ต้องไปกังวล ผลกรรมของผู้ทำดีย่อมได้รับผลดี
    ส่วนคนไม่ดี เขาไปทำกรรมไม่ดีเขาก็รับของเขาเอาเองครับ

    ให้ตั้งมั่นในการทำความดีต่อไปอย่างมั่นคงครับ
     
  20. phat_ph

    phat_ph เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    55
    ค่าพลัง:
    +106
    จขกท ยังได้บุญอยู่แต่จะมากหรือ น้อยส่วนหนึ่งก็อยู่ที่จิตของผู้ทำค่ะ ถ้าจิตเราตั้งมั่นในผลของทานดีแล้ว อย่าได้คิดมากในเรื่องตัวบุคคล ตราบใดที่เรายังไม่ได้ตาใน อย่าไปปรามาสจากภายนอกที่เห็น เดียวจะกลายเป็นการล่วงเกินเกิดมโนกรรมติดตัวเราเปล่าค่ะ
    ส่วนตัวก็ชอบทำบุญกับพระป่า อาจจะนานๆทีเพราะเราต้องไปแสวงหาท่าน ทำบุญกับท่านแล้วสบายใจ ถูกที่ ถูกตัวบุคคล
     

แชร์หน้านี้

Loading...