ใกล้ตายจึงนึกถึงพระ (หลวงปู่แหวน สุจิณโณ)

ในห้อง 'หลวงปู่แหวน' ตั้งกระทู้โดย คือ~ว่างเปล่า!, 28 ตุลาคม 2008.

  1. คือ~ว่างเปล่า!

    คือ~ว่างเปล่า! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2008
    โพสต์:
    1,647
    ค่าพลัง:
    +473
    ใกล้ตายจึงนึกถึงพระ (หลวงปู่แหวน สุจิณโณ)



    [​IMG]


    มีทุกข์มาถึงจึงนึกถึงพระศาสนา

    บรรดาสัตว์ทั้งหลายนั้น
    เมื่อไม่มีทุกข์มาถึงตัวมักไม่เห็นคุณพระศาสนา
    มัวเมาประมาทปล่อยกายปล่อยใจ
    ให้ประพฤติทุจริตผิดศีลธรรมอยู่เป็นประจำนิสัย
    เห็นผิดเป็นถูกเห็นกงจักรเป็นดอกบัว
    ต่อเมื่อได้รับทุกข์เข้าที่พึ่งอื่นไม่มีนั่นแหละ
    จึงได้คิดถึงพระ คิดถึงศาสนาแต่ก็เป็นเวลาที่สายไปแล้ว

    ทำความดีให้เป็นที่อยู่ของจิต

    ความดีนั้นเราต้องทำอยู่เสมอให้เป็นที่อยู่ของจิต
    เป็นอารมณ์ของจิตให้เป็นมรรค
    คือ ทางดำเนินไปของจิตมันจึงจะเห็นผลของความดี
    ไม่ใช่เวลาใกล้จะตายจึงนิมนต์พระไปให้ศีล
    ให้ไปบอกพุทโธหรือตายไปแล้วให้ไปรับศีล
    เช่นนี้เป็นการกระทำที่ผิดทั้งหมด

    เหตุว่าคนเจ็บจิตมัวติดอยู่กับเวทนา
    ไฉนจะมาสนใจไยดีกับศีลได้
    เว้นไว้แต่ผู้ที่รักษาศีลมาเป็นปกติเท่านั้นจึงจะระลึกได้
    เพราะตนเองเคยทำมาจนเป็นอารมณ์ของจิตแล้ว
    แต่ส่วนมากใกล้ตายแล้วจึงเตือนให้รักษาศีล

    ส่วนคนตายแล้วไม่ต้องพูดถึง
    เพราะคนตายนั้นร่างกายจิตใจจะไม่รับรู้ใดๆแล้ว
    แต่ก็ดีไปอย่างเหมือนพระเทวทัต
    ทำกรรมจนถูกแผ่นดินสูบ
    เมื่อลงไปถึงคางจึงระลึกถึงความดีของพระพุทธเจ้า
    ขอถวายคางเป็นพุทธบูชาพระเทวทัตยังมีสติระลึกถึงได้
    จึงมีผลดีในภายภาคหน้า

    ความดีเราทำเองดีกว่า

    แม้เปรตตนนั้นก็เหมือนกันตายไปแล้วจึงมาขอส่วนบุญ
    เมื่อยังมีชีวิตอยู่ทำอันตรายแม้พระพุทธรูป
    แผ่เมตตาให้ไปได้รับหรือไม่ก็ไม่รู้สู้เราทำเองไม่ได้
    เราทำของเรา ได้มากน้อยเท่าไรก็มีความปิติอิ่มเอิบใจเท่านั้น

    ธรรมทั้งหลายไหลมาจากเหตุ
    กายก็เป็นเหตุอันหนึ่ง
    วาจาก็เป็นเหตุอันหนึ่ง
    ใจก็เป็นเหตุอันหนึ่ง
    ทางของบุญหรือบาปเหล่านี้มีอยู่ในตัวของเราเอง
    ไม่ได้อยู่ที่ไหนเราทำเอง สร้างเอง
    อย่ามัวมั่วอดีต เป็นอนาคต
    มีแต่ปัจจุบันเท่านั้นที่เป็น "ธรรมดา"

    ความดีต้องทำในปัจจุบัน

    สิ่งใดที่มันล่วงมาแล้วเลยมาแล้ว
    เราไม่สามารถไปตัด ไปปลงมันได้อีกแล้ว
    สิ่งที่เราทำไปนั้นถ้ามันดีมัน ก็ดีไปแล้ว
    ผ่านไปแล้ว พ้นไปแล้ว
    ถ้ามันชั่วมันก็ชั่วไปแล้วผ่านไปแล้ว เช่นกัน

    อนาคตยังมาไม่ถึงสิ่งที่ยังไม่มาถึง
    เราก็ยังไม่รู้เห็นว่ามันจะเป็นอย่างไร
    อย่างมากก็เป็นแต่เพียงการคาดคะเนเอาเอง
    ว่าควรเป็นยังงั้นเป็นยังงี้
    ซึ่งมันอาจจะเป็นไม่เป็นไปอย่างที่เราคาดคะเนก็ได้

    ปัจจุบัน คือสิ่งที่เกิดขึ้นจริง
    เราได้เห็นจริงได้สัมผัสจริง
    เพราะฉะนั้นความดีต้องทำในปัจจุบัน
    ทานก็ดี ศีลก็ดีภาวนาก็ดี
    ต้องทำเสียในปัจจุบันที่เรายังมีชีวิตอยู่
    เราต้องการความดีก็ต้องทำให้เป็นความดีในปัจจุบันนี้
    ต้องการความสุขต้องการความเจริญ
    ก็ต้องทำให้เป็นไปในปัจจุบันนี้.....


    ---------------------
    ที่มา: http://www.wattiabsilaram.net/upload/showthread.php?t=807
     

แชร์หน้านี้

Loading...