เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๓๐ มกราคม ๒๕๖๗

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 30 มกราคม 2024.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,540
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,538
    ค่าพลัง:
    +26,373
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๓๐ มกราคม ๒๕๖๗


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,540
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,538
    ค่าพลัง:
    +26,373
    วันนี้ตรงกับวันอังคารที่ ๓๐ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๖๗ กระผม/อาตมภาพเจองานประชุมต่อเนื่องกันหลายชั่วโมง เพราะว่านอกจากมีงานประชุมคณะกรรมการสภาวัฒนธรรมจังหวัดกาญจนบุรีแล้ว ยังมีงานประชุมพระสังฆาธิการในเขตปกครองคณะสงฆ์ภาค ๑๔ ด้วย แล้วทางสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดกาญจนบุรียังขอประชุมย่อย เพื่อเตรียมเปิดตัวชุมชนคุณธรรมต้นแบบวัดท่าขนุน ซึ่งได้รับรางวัล ๑๐ สุดยอดชุมชนคุณธรรม ตามโครงการเที่ยวชุมชน ยลวิถี ประจำปี ๒๕๖๖ พออยู่ในห้องปรับอากาศนาน ๆ ก็ไข้จับตามปกติ..!

    คราวนี้ในส่วนนี้ไม่ขอกล่าวถึง ส่วนที่จะกล่าวถึงก็คือ ในระหว่างที่เดินทางไปประชุม มีพระท่านขอรายงานเรื่องของพระรูปหนึ่งว่าต้องอาบัติหนัก เพราะว่าไปมีความสัมพันธ์กับผู้หญิง ถึงขนาดตำรวจต้องออกหมายจับ เพราะว่าผู้หญิงยังเป็นเยาวชนอยู่ แต่คราวนี้ก่อนที่ท่านจะรายงานผม ดันไปคุยเรื่องนี้เสียเต็มที่กับน้องเล็ก (นางสาวจิราพร ซื่อตรงต่อการ) ก็เลยรับฟังไปเต็มสองหู คนคุยก็น่าจะเรียนมากจนเกินไป เพราะว่าเรียนปริญญาโทสองใบ ปริญญาเอกสองใบ ก็เลยลืมพระวินัยไปว่า "ภิกษุบอกอาบัติชั่วหยาบของภิกษุอื่นแก่อนุปสัมปัน ต้องอาบัติปาจิตตีย์..!"

    ถ้าท่านทั้งหลายสังเกตจะเห็นว่า
    กระผม/อาตมภาพตัดสินคดีเรื่องที่ "ทิดคอม" อวดอุตริมนุสธรรม ก็คือตัดสินในโบสถ์ ไม่มีอนุปสัมบัน ไม่ว่าจะเป็นสามเณร แม่ชี หรือว่าฆราวาสอยู่ด้วย ก็เพราะว่าต้องระมัดระวังในเรื่องการบอกอาบัติชั่วหยาบของภิกษุอื่นต่ออนุปสัมบัน หรือถ้าหากว่าใครทันรุ่นเก่าที่วัดท่าขนุนยังเป็นศาลาไม้อยู่ ตอนนั้นผมต้องตัดสินคดีที่ "ทิดสุข" ตอนนั้นบวชอยู่ โดนโจทก์ว่าต้องอาบัติสังฆาทิเสส กระผม/อาตมภาพก็ต้องให้ทั้งสามเณร แม่ชี ฆราวาส ลงจากศาลาไปหมดก่อนแล้วค่อยเริ่มต้นพิจารณา

    อย่างที่เคยเรียนพวกท่านทั้งหลายไปหลายครั้งแล้วว่า การที่เราต้องระมัดระวังรักษาศีลนั้น ต้องทำให้ได้ถึงระดับว่า แค่ขยับตัวก็รู้แล้วว่าเราจะศีลขาดหรือไม่ ? ไม่อย่างนั้นแล้วก็เอาตัวไม่รอด ถ้าเผลอก็อาจจะโดนอาบัติหนักเข้าไปอีก อย่างเช่นว่าภิกษุว่ายากสอนยาก ภิกษุอื่นห้ามไม่ฟัง สงฆ์สวดประกาศข้อความนั้น ถ้าหากว่าประกาศถึงสามวาระ แปลว่าต้องอาบัติสังฆาทิเสส แต่ไม่ใช่ว่าประกาศวาระแรกแล้วไม่โดน วาระสองแล้วไม่โดน ก็ต้องโดนอาบัติตามลำดับไป

    คราวนี้ในเรื่องของอาบัติสังฆาทิเสส หรือว่าปาราชิก ที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าห้ามบอกต่อนุปสัมบัน คือผู้ที่ศีลน้อยกว่า ไม่ว่าจะเป็นสามเณร แม่ชี หรือว่าฆราวาสทั่วไป ก็เพราะว่าการต้องอาบัติหนักนั้นเสียหายถึงส่วนรวม คือพระพุทธศาสนา โดยเฉพาะจะเป็นเหตุให้ญาติโยมฟังแล้วเสื่อมศรัทธา จึงต้องระมัดระวังไว้ให้มาก ไม่ใช่ว่าพอรู้แล้วก็ประกาศออกโซเชียลไปเลย สมัยนี้อาบัติตามเข้าไปถึงในมุ้ง ก็เพราะโทรศัพท์มือถือที่ท่านทั้งหลายมีอยู่นั่นแหละ..!
     
  3. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,540
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,538
    ค่าพลัง:
    +26,373
    เรื่องต่อไปก็คือขณะที่ไปรอเข้าประชุม มีพระท่านถวายวัตถุมงคลให้กระผม/อาตมภาพหลายชิ้น โดยเฉพาะพระปิดตา และพระพิมพ์รัศมี ของหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า แต่ท่านใส่ปนมากับปลัดขิก..! เห็นแล้วกูจะบ้า..! ท่านไม่รู้สึกรู้สาเลยหรือว่าอันหนึ่งคืออวัยวะเพศ อีกอย่างหนึ่งก็คือรูปพระ..! สภาพจิตหยาบขนาดแยกไม่ออกว่า พระกับอวัยวะเพศควรที่จะไว้ห่างกันแค่ไหน..!?

    กระผม/อาตมภาพเคยบอกพวกเราหลายครั้งแล้วว่า แม้ตนเองจะชอบในเรื่องของเครื่องรางของขลังก็ตาม นั่นเป็นความชอบส่วนตัว แต่โดยปกติแล้วก็จะอาศัยพระเป็นหลัก ก็คือต้องพกองค์สมเด็จองค์ปฐม กับสมเด็จคำข้าว สมเด็จหางหมาก วัดท่าซุงไว้เป็นหลัก ส่วนอื่นก็ใส่กระเป๋าอังสะบ้าง อยู่ในประคตเอวบ้าง

    ก็แปลว่า แม้ว่าตัวกระผม/อาตมภาพจะชอบเครื่องรางของขลังขนาดไหน ก็ต้องจัดลำดับเอาไว้ต่ำกว่าพระเสมอ แต่พอเห็นท่านทั้งหลายมาในลักษณะนั้นแล้วก็รู้สึกสิ้นหวังไปเลย..! ว่าเสียแรงอบรมสั่งสอนมาหลายปี ไม่ได้มีอะไรดีขึ้นมาสักนิด สภาพจิตยังหยาบต่ำย่ำแย่อยู่เหมือนเดิม..!

    อีกเรื่องหนึ่งก็คือ เมื่อไปถึงวัดท่ามะขาม ท่านโหนก พวกเราหลายท่านก็ไม่ทัน พระพิทักษ์ ภทฺทจารี ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดท่ามะขาม ท่านมาขอกระผม/อาตมภาพ ขอออกตระเวนยุทธจักร ๒ ปี กระผม/อาตมภาพตอบกลับไปว่า "เจ้าอาวาสมึงไม่มีแล้วใช่ไหม..!?" ตัวเองเป็นผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดท่ามะขาม ไม่ขออนุญาตเจ้าอาวาสวัดท่ามะขาม แต่มาขออนุญาตกระผม/อาตมภาพแทน..!

    พวกท่านรู้หรือเปล่าว่า กระผม/อาตมภาพจะเข้าพักที่วัดท่ามะขาม ต้องส่งข้อความทางไลน์ขออนุญาตเจ้าอาวาสท่านก่อนทุกครั้ง แม้กระทั่งการเข้าพักที่วัดอุทยาน ก็ต้องส่งข้อความขออนุญาตเจ้าอาวาสก่อนทุกครั้ง

    เรื่องพวกนี้เราอาจจะคิดไม่ถึง แต่ว่าถ้ากระผม/อาตมภาพอนุญาตท่านไป ก็กลายเป็นการล่วงอำนาจเจ้าอาวาส ซึ่งมีหน้าที่ปกครอง สอดส่องดูแลพระภิกษุสามเณรในวัด ก็อย่างที่เคยเรียนบอกไปแล้วว่า อำนาจเจ้าอาวาสนั้น ถึงขนาดว่าถ้าสมเด็จพระสังฆราชขออนุญาตเข้าวัด แล้วเจ้าอาวาสไม่อนุญาต สมเด็จพระสังฆราชก็ล่วงอำนาจท่านไม่ได้
    เพราะว่ากฎหมายให้อำนาจเจ้าอาวาสเอาไว้สูงมาก เป็นผู้รับผิดชอบกิจการงานทุกอย่างภายในวัด มีทั้งอำนาจและหน้าที่ เป็นเจ้าพนักงานโดยกฎหมายอีกด้วย
     
  4. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,540
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,538
    ค่าพลัง:
    +26,373
    เรื่องพวกนี้บางทีเราคิดไม่ถึง อดีตเคยเป็นพระวัดท่าขนุน แล้วก็เห็นว่าเจ้าอาวาสวัดท่ามะขามก็เป็นลูกศิษย์กระผม/อาตมภาพด้วย ก็เลยข้ามหัวเจ้าอาวาสมาขอที่กระผม/อาตมภาพทีเดียว ยังดีงานนั้นกระผม/อาตมภาพนั่งอยู่บนรถ ไม่อย่างนั้นก็อาจจะถวายตีนให้ด้วย..! ซึ่งเรื่องแบบนี้เป็นเรื่องที่ไม่สมควรอย่างยิ่ง แต่พวกเรากลับไม่ค่อยคำนึงถึงกัน

    พระเรานอกจากเรื่องของพระธรรมวินัยที่ต้องอาศัยเป็นหลัก ทำอะไรต้องนึกถึงศีลก่อนว่าจะบกพร่องหรือไม่ ? แล้วยังมีกฎหมายบ้านเมือง และจารีตประเพณีที่เราต้องปฏิบัติอีก การเป็นเจ้าอาวาสเป็นเจ้าพนักงานตามกฎหมาย แล้วจะให้กระผม/อาตมภาพไปล่วงอำนาจท่านได้อย่างไร ยังโชคดีที่นั่งอยู่บนรถ ถึงได้แค่ถามว่า "เจ้าอาวาสมึงไม่มีแล้วหรือ ?" ถ้าอยู่ข้างล่าง ไม่ "โบก" ก็คง "ถวายผาง" ไปแล้ว..!

    กระผม/อาตมภาพก็ยังสงสัยว่า สารพัดเรื่องที่ตอกย้ำพวกเราไปแทบจะทุกวัน แต่ก็เหมือนกับ "ตักน้ำรดหลังหมา" ไม่ใช่ "ตักน้ำรดหัวตอ" หลวงพ่อชา วัดหนองป่าพงท่านบอกว่า ตักน้ำรดหลังหมานั้นแย่กว่าตักน้ำรถหัวตออีก ตักน้ำรถหัวตอ หัวตอยังเปียก ตักน้ำรดหลังหมา โดนสลัดพรืดเดียวหายหมด..!


    กระผม/อาตมภาพพิจารณาดูแล้ว ก็เห็นจริงตามที่หลวงพ่อชาท่านว่ามาเหมือนกัน จึงเคยย้ำเตือนพวกเรามากว่า ปฏิบัติธรรมไป ยิ่งทำ จิตต้องยิ่งละเอียด ในเมื่อจิตยิ่งต้องละเอียด ก็แปลว่าสติ สมาธิ ต้องทรงตัว ไม่อย่างนั้นแล้วถึงเวลาต่อให้ลาดตระเวนไปกี่สำนัก ธุดงค์ไปกี่ป่า สภาพจิตถ้าย่ำแย่อยู่แค่นั้น ก็คงไม่ได้อะไรขึ้นมาหรอก..!


    ท่านอาจจะเห็นว่าท่านชู้ต (พระชุติกานต์ อภินนฺโท) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดตะเคียนงาม มาเรียนบอกกระผม/อาตมภาพว่าขออนุญาตหลวงพ่อสมคิด (พระครูบวรกาญจนธรรม) เจ้าคณะตำบลบ้านเก่าเขต ๒ เจ้าอาวาสวัดตะเคียนงาม ว่าขอออกตระเวนโลกสัก ๒ เดือน นั่นท่านทำได้ เพราะว่าขออนุญาตเจ้าอาวาสแล้ว ก็แค่มาบอกเอาไว้กันผมเข้าใจผิด แล้วก็เตะเอาเท่านั้น..! แต่ว่าของท่านโหนกนั่นมาลาโดยตรงเลย ซึ่งเป็นการผิดมารยาทมาก..!

    เรื่องพวกนี้กระผม/อาตมภาพคงจะไม่มีโอกาสมาพูดบ่อยนัก แต่ให้พวกเรากำหนดจดจำเอาไว้ด้วย ก็อย่างที่บอกไปแล้วว่า ยิ่งปฏิบัติธรรม กำลังใจต้องยิ่งละเอียด ก็แปลว่าข้อผิดพลาดต้องมีน้อยลงไปเรื่อย ไม่ใช่ยิ่งทำก็ยิ่งแย่ ถ้าอย่างนั้นก็ไม่รู้ว่าจะอยู่ไปทำอะไรกัน..!


    สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายแก่พระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันอังคารที่ ๓๐ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๖๗
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 กุมภาพันธ์ 2024
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...