เวรกรรมอะไร ช่วยแนะนำทีครับ

ในห้อง 'เรื่องผี' ตั้งกระทู้โดย hill12345, 23 มิถุนายน 2014.

  1. hill12345

    hill12345 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 เมษายน 2013
    โพสต์:
    27
    ค่าพลัง:
    +103
    ปัจจุบันอายุ 24 ปี เรื่องเกิดขึ้นตอนอายุ 14 ปี เมื่อตอนอายุ 14 ผมได้มีอาการปวดขามาก บางวันเดินไม่ได้เลย ปวดมาถึงช่วงเอว ปวดแบบนี้มาเรื่อยๆ เป็นมาประมาน 5-6 ปี จนอายุ 21-22 ได้ไปผ่าตัดส้นเท้า แต่ก่อนผ่าตัด สิ่งที่แปลกไป มีกระดูกงอกออกมาที่ส้นเท้าทิ่มเอ็นร้อยหวายอยู่ทั้ง 2 ข้าง แต่จะปวดข้างซ้ายมากกว่า จนผ่าตัดเสร็จไป ก็เหมือนจะปกติ แต่ถามหมอๆก็ให้คำตอบไม่ได้ว่าทำไมถึงมีกระดูกงอกออกมา อาการหลังผ่าดีขึ้นมากไม่ค่อยปวดแล้ว นานๆจะปวดที แต่แล้วผมก็ต้องมาเจอกับเหตุการณ์แบบนี้อีกครั้ง เมื่อประมาณ 1-2 อาทิตที่ผ่านมา แต่ครั้งนี้เป็นอาการ ปวดหลังมากๆ เวลาตื่นเช้ามาจะปวดมาก ต้องเดินหลังค่อมตลอด จนตอนนี้ที่ตั้งกระทู้ก็ยังเป็น แต่จะเป็นแค่ช่วงเช้าของทุกๆวัน แล้วไปหาหมอก็ยังไม่หาย พอให้หมอตรวจทุกๆอย่าง ผลที่ได้มาคือ กระดูฏของผมมีมวลกระดูกเท่ากับคนแก่อายุ 50-60 ปี หมอก็ งง ผมก็ งง ไม่รู้เป็นเวรกรรมอะไรของผม ช่วยแนะนำทีครับ ไม่อยากอยู่แบบนี้ทั้งชีวิตครับ เลยทำบาปกับสัตว์เล็กพวกมด ตอนเด็กๆชอบไปบีบมันให้ตาย ไม่ก็จับมาดึงแขนดึงขาออก ถ้ามันเป็นเวรกรรมจิง รบกวนแนะนำทีครับ ตอนนั้นที่ทำไปเพราะเด็กมากๆ อายุแค่ 6-7 ขวบเอง รู้สึกผิดมากตอนนี้ถ้ามันเป็นบีบมด พอจะมีวิธีแก้ป่าวครับ
     
  2. chaokhun

    chaokhun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    696
    ค่าพลัง:
    +5,701
    บุพกรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

    พระพุฒโฆษาจารย์ ผู้รจนาคัมภีร์วิสุทธิมรรค ได้นำมาเขียน
    สรุปไว้ในผลงานของท่านว่า "ขึ้นชื่อว่าผลกรรมแล้วไม่มีใคร
    สามารถห้ามได้ นั้นก็ หมายความว่า คนเราเมื่อทำอะไรลงไปแล้ว
    ไม่ว่าดีหรือชั่วก็ตาม ถึงคราวที่ความดีความชั่ว จะให้ผลนั้นย่อม
    ไม่มีใครห้ามได้ แม้พระพุทธเจ้า ของเราเองก็ทรงห้ามไม่ได้"

    ความจริงข้อนี้ปรากฏอยู่ในพระไตรปิฏกเล่มที่ 32 (ขุททกนิกาย อปทาน)
    ซึ่งในพระไตร ปิฏกเล่มนี้ มีกล่าวไว้ว่า ...

    พระพุทธเจ้าได้ตรัสเล่าถึงกรรมเก่าที่มาให้ผลแก่พระองค์ กรรมเก่า
    ที่ตรัสเล่านั้นเป็นกรรมเก่าที่ทำไว้ในอดีตชาติ เมื่อครั้งยังเป็นปุถุชน
    แล้วมาให้ผลใน ชาติปัจจุบันถึงแม้ว่าพระองค์จะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าแล้ว
    ก็ยังไม่พ้นไปจากผลของ กรรมเก่านั้นซึ่งนำมาสรุปกล่าวได้ดังนี้

    กรรมเก่าอย่างแรก คือ กล่าวตู่ผู้มีศีลด้วยเรื่องไม่จริง
    พระองค์ตรัสเล่าว่า เป็นกรรมเก่าทำไว้ในหลายชาติในอดีตดังนี้
    ในชาติหนึ่ง พระองค์เกิดเป็นนักเลง ชื่อ "ปุนาลิ" ได้กล่าวตู่ (ใส่ร้าย)
    พระปัจเจกพุทธเจ้าพระนามว่า "สุรภี" ว่าทำผู้หญิงท้อง ตายจากชาตินั้น
    บาปกรรมส่งผลให้ ไปเกิดอยู่ในนรกนานแสนนาน เสวยทุกขเวทนา
    อย่างแสนสาหัส เกิดมาในชาตินี้ แม้จะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าแล้ว
    เศษกรรมที่ยังหลงเหลืออยู่ ก็ส่งผลให้พระองค์มาถูกนางสุนทริกา
    กล่าวตู่ว่าพระองค์ได้ร่วมรักกับนางจนตั้งครรภ์

    ต่อมาในชาติหนึ่ง มีพระพุทธเจ้าเสด็จอุบัติขึ้นในโลก พระองค์ได้ทรง
    กล่าวตู่พระเถระชื่อ "นันทะ" พระสาวกองค์หนึ่ง ของพระพุทธเจ้า
    ด้วยเรื่องทำนองเดียวกัน ตายจากชาตินั้น บาปกรรมส่งผลให้ไปเกิด
    อยู่ในนรกนานนับหมื่นปี เกิดมาในชาตินี้แม้จะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าแล้ว
    เศษกรรมที่ยังหลงเหลืออยู่ก็ส่งผลให้พระองค์ถูก นางจิญจมาณวิกา
    กล่าวตู่ว่าพระองค์ได้ร่วมรักกับนางจนนางตั้งครรภ์อีกเช่นกัน

    กรรมเก่าอย่างที่สอง คือ ฆ่าน้องชายต่างมารดา
    พระองค์ตรัสเล่าว่า ในชาติหนึ่งในอดีต พระองค์เกิดเป็นลูกเศรษฐี
    บิดาของพระองค์มีภรรยาหลายคน ภรรยาคนหนึ่ง มีลูกชายพระองค์
    เกรงว่าทรัพย์สมบัติส่วนหนึ่งจะถูกแบ่งไปให้แก่น้องชายต่างมารดานั้น
    จึงลวงน้องชายไปฆ่าที่ซอกเขา แล้วเอาหินทับไว้ ตายจากชาตินั้น
    บาปกรรมส่งผลให้ไปเกิดอยู่ในนรกนานปี เกิดมาในชาตินี้แม้จะได้
    ตรัสรู้เป็น พระพุทธเจ้าแล้ว เศษกรรมที่ยังหลงเหลืออยู่ก็ส่งผลให้
    พระองค์ถูกพระเทวทัตกลิ้งหินกระทบนิ้ว พระบาทจนห้อพระโลหิต

    กรรมเก่าอย่างที่สาม คือ จุดไฟดักทางพระปัจเจกพุทธเจ้า
    พระองค์ตรัสเล่าว่า ในชาติหนึ่งในอดีต พระองค์เกิดเป็นเด็กแสนซน
    วันหนึ่งขณะเล่นอยู่กับเพื่อนเด็ก เห็นพระปัจเจกพุทธเจ้ารูปหนึ่ง
    กำลังเดินมา จึงชวนกันจุดไฟดักทางเพื่อมิให้พระพุทธเจ้าผ่านไปได้
    ตายจากชาตินั้น บาปกรรมส่งผลให้ไปเกิดอยู่ในนรกนานแสนนาน
    เกิดมาในชาตินี้ แม้จะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าแล้ว เศษกรรมยัง
    หลงเหลืออยู่ก็ ส่งผลให้พระองค์ถูกไฟไหม้ที่พระบาท

    กรรมเก่าอย่างที่สี่ คือ ไสช้างจับพระปัจเจกพระพุทธเจ้า
    พระองค์ตรัสเล่าว่า ในชาติหนึ่งในอดีต คราวที่โลกว่างจากพระพุทธเจ้า
    มีพระปัจเจกพระพุทธเจ้าเกิดขึ้นในโลก พระองค์เกิดเป็นควาญช้าง
    วันหนึ่งเห็นพระปัจเจกพุทธเจ้ารูปหนึ่งบิณฑบาตแล้วเกลียดจึงไสช้าง
    ให้จับพระปัจเจกพุทธเจ้ารูปนั้น ตายจาก ชาตินั้น บาปกรรมส่งผลให้
    ไปเกิดอยู่ในนรกนานแสนนาน เกิดมาในชาตินี้ แม้จะได้ตรัสรู้เป็น
    พระพุทธเจ้า เศษกรรมที่ยังหลงเหลือ อยู่ส่งผลให้พระองค์ถูก
    พระเทวทัตยุยงพระเจ้าอชาตศัตรู ให้ปล่อยช้างนาฬาคีรีมาแทงพระองค์

    กรรมเก่าอย่างที่ห้า คือ นำทหารออกศึก
    พระองค์ตรัสเล่าว่า ในชาติหนึ่งในอดีต พระองค์เกิดเป็นแม่ทัพนำทหาร
    ออกรบฆ่าข้าศึกตายเป็นจำนวนมากด้วยหอก ตายจาก ชาตินั้น บาปกรรม
    ส่งผลให้ไปเกิดอยู่ในนรกนานแสนนาน เสวยทุกขเวทนาอย่างแสนสาหัส
    เกิดมาในชาตินี้ แม้จะได้ตรัสรู้เป็น พระพุทธเจ้า เศษกรรมที่ยังหลงเหลืออยู่
    ก็ส่งผลให้พระองค์ถูกพระเทวทัตชักชวนนายขมังธนูผู้ดุร้ายมาฆ่า

    กรรมเก่าอย่างที่หก คือ เห็นคนฆ่าปลาแล้วชอบใจ
    พระองค์ตรัสเล่าว่า ในชาติหนึ่งในอดีต พระองค์เกิดเป็น
    ลูกชาวประมง อาศัยอยู่ในหมู่บ้านชาวประมง เห็นชาวประมง
    ฆ่าปลา แล้วเกิดความสนุกยินดีสนุกสนาน มาเกิดในชาตินี้
    แม้จะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้่าแล้ว บาปกรรมก็ยังส่งผล
    ให้พระองค์รู้สึกปวดพระเศียรเมื่อคราวที่พวกเจ้าศากยะ
    พระประยูรญาติของพระองค์ ถูกพระเจ้าวิฑูฑภะกษัตริย์
    แห่งแคว้นโกศลยกทัพบุกสังหาร

    กรรมอย่างที่เจ็ด คือ ด่าพระสาวกของพระพุทธเจ้า
    พระองค์ตรัสเล่าว่า ในชาติหนึ่งในอดีต พระองค์เกิดเป็นคน
    ปากกล้าด่าว่าพระสาวกของพระพุทธเจ้าผุสสะ (พระพุทธเจ้า
    พระองค์ที่ 17 ในจำนวนพระพุทธเจ้า 28 พระองค์ที่ปรากฏ
    พระนามในคัมภีร์พระพุทธศาสนา) และพูดแดกดันทำนองว่า
    ให้ท่านเหล่านั้นได้ฉันแต่ข้าวชนิดเลว อย่าให้ได้ฉันข้าวดีๆ
    อย่างข้าวสาลีเลย ตายจากชาตินั้นบาปกรรมส่งผลให้ไปเกิด
    อยู่ในนรกนานแสนนาน
    มาเกิดในชาตินี้แม้จะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้่าแล้ว บาปกรรม
    ก็ยังส่งผลให้พระองค์ได้รับนิมนต์จากพราหมณ์เวรัญชาให้ไป
    จำพรรษาในเมืองเวรัญชา ครั้นพระองค์เสด็จไปถึงก็เกิด
    ข้าวยากหมากแพง ทำให้พระองค์ต้องเสวยข้าวชนิดเลว(ข้าวแดง)
    อยู่นานถึง 3 เดือน

    กรรมอย่างที่แปด คือ มีส่วนร่วมในการจัดมวยปล้ำ
    พระองค์ตรัสเล่าว่า ในชาติหนึ่งในอดีต พระองค์เกิดเป็นคนจัด
    มวยปล้ำ มาเกิดในชาตินี้ แม้จะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าแล้ว
    บาป กรรมยังส่งผลให้พระองค์มีโรคประจำตัวพระองค์คือ
    ปวดพระปฤษฏางค์ (ปวดหลัง)

    กรรมอย่างที่เก้า คือ เป็นหมอยารักษาคนไข้ตาย
    พระองค์ตรัสเล่าว่า ในชาติหนึ่งในอดีต พระองค์เกิดเป็นหมอยา
    รับรักษาลูกชายเศรษฐี โดยวิธีให้ถ่ายยา จนลูกชายเศรษฐีตาย
    ตายจากชาตินั้น บาปกรรมส่งผลให้ไปเกิดอยู่ในนรก มาเกิด
    ในชาตินี้แม้จะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าแล้วเศษกรรมที่ยัง
    หลงเหลืออยู่ก็ส่งผลให้พระองค์เกิดพระโรคปักขันทิกาพาธ
    (โรคท้องร่วง) หลัีงจากเสวยสุกรมัททวะก่อนเสด็จดับขันธ
    ปรินิพพาน

    กรรมอย่างที่สิบ คือ เยาะเย้ยพระพุทธเจ้า
    พระองค์ตรัสเล่าว่า ในชาติหนึ่งในอดีต พระองค์เกิดเป็นชายหนุ่ม
    ชื่อ "โชติปาละ" วันหนึ่งเข้าไปเฝ้าพระพุทธเจ้ากัสสปะ (พระพุทธเจ้า
    พระองค์ที่ 26 ในจำนวนพระพุทธเจ้า 28 พระองค์ที่ปรากฏพระนาม
    ในคัมภีร์พระพุทธศาสนา) แล้วกราบทูลทำนองเย้ยหยันว่า ทำไมจึง
    ได้ตรัสรู้ช้าต้องบำเพ็ญเพียรอยู่นานกว่าจะตรัสรู้ได้ มาเกิดในชาตินี้
    ซึ่งแน่นอนว่าพระองค์จะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าแน่ แต่ด้วยผล
    กรรมนั้น จึงส่งผลให้พระองค์หลงทางในการแสวงหาโมกธรรม
    จนต้องบำเพ็ญทุกขรกิริยา อันทำให้พระองค์ต้องประสบกับทุกข์
    ทรมานอย่างแสนสาหัสกว่าจะตรัสรู้ได้

    ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ คือกรรมเก่าที่ไม่ดีของพระพุทธเจ้า
    ที่พระองค์ตรัสเล่าไว้อย่างเปิดเผย พระไตรปิฏกบอกว่า
    พระองค์ตรัสเล่า ให้พระสาวกจำนวนมากที่มาเฝ้าพระองค์
    ฟังขณะที่ประทับนั่งอยู่บนพื้นหินแก้ว ในละแวกป่าใกล้
    สระอโนดาตเชิงป่าหิมพานต์

    ณ ที่นั้นนอกจากจะได้ตรัสถึงกรรมเก่าที่ไม่ดีแล้วพระองค์
    ก็ทรง ตรัสถึงกรรมเก่าที่ดีซึ่งเป็นปัจจัยให้พระองค์ได้มาตรัสรู้
    เป็นพระพุทธเจ้าไว้ด้วย นั่นคือ ถวายผ้าเก่าแก่พระ พระองค์
    ตรัสเล่าว่า ในชาติหนึ่งในอดีตนั้นพระองค์เกิดเป็นคนยากจน
    เห็นพระสาวกของพระพุทธเจ้ารูปหนึ่งซึ่งถืออยู่ป่า เป็นวัตร
    แล้วเลื่อมใสจึงถวายผ้าห่มเก่าผืนเดียวที่ตัวเองมีอยู่แก่ท่าน
    พร้อมกันนั้นก็ได้ฟังเรื่องราวของพระพุทธเจ้า จากพระสาวก
    รูปนั้นแล้วเกิดเลื่อมใสยิ่งขึ้นจึงตั้งจิตปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้า
    เป็นครั้งแรกการเริ่มต้นปรารถนา แต่ครั้งนั้นของพระองค์ส่งผลให้
    ทำความดีมาอย่างต่อเนื่องจนมาได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าในชาตินี้

    เรื่องราวที่กล่าวมานี้ย่อมชี้ให้เห็นว่ากรรมที่ทำแล้วไม่ว่าดีหรือชั่ว
    ก็ตามย่อมคอยโอกาสให้ผลอยู่ตลอดเวลา ตราบที่ผู้ทำกรรม
    ยังเวียนวายตายเกิดแม้ชาติสุดท้ายจะได้บรรลุอรหัตผลแล้ว
    แต่โดยเหตุที่ยังมีชีวิตอยู่ซึ่งชีวิต นี้เกิดมาจากกรรมเก่าฉะนั้น
    ยังคงต้องได้รับผลอยู่ดี

    พระพุทธเจ้าของเราเองก็เช่นกัน แม้จะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าแล้ว
    แต่กรรมเก่าก็ยังหาโอกาสให้ผลอยู่เป็นระยะกรรมเก่าบางอย่างก็ให้ผลมาแล้ว
    แต่ ยังมีเศษเหลืออยู่ แต่กรรมเก่าบางอย่างก็ยังมิได้ให้ผลมาเลยและมาให้ผล
    เต็มในชาตินี้ เห็นไหมว่ากรรมยิ่งใหญ่ขนาดไหน
    พระพุทธเจ้าจึงทรงสอนให้เราเข้าใจ ให้ถูกต้องและการแก้กรรมที่ดีนั้นก็คือ
    ไม่ทำความชั่วทำแต่ความดีแล้วจิตของเราก็จะพบกับความสุขสมบูรณ์แล.


    บทความข้างบนนี้ ผมอ่านดูแล้วรู้สึกว่า ดีมาก เลย copy มาจากสมาชิกในเว็บนี้ เพื่อเอาไว้เตือนสติ บางท่านที่หลงเข้าใจว่าจะแก้กรรมได้ โดยเข้าพิธีเสียเงินเสียทอง หรือทำอะไรที่งมงาย

    แม้แต่พระพุทธเจ้าซึ่งพระองค์ได้บำเ็พ็ญเพียรปฏิบัติทรงตรัสรู้เป็นองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ยังทรงห้ามกรรมนั้นไม่ได้ แล้วเราเป็นใคร จะไปแนะนำหรือแก้กรรมตัดกรรมให้แก่ตนเองหรือผู้อื่นได้

    สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 มิถุนายน 2014
  3. นายดอกบัว

    นายดอกบัว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    1,696
    ค่าพลัง:
    +5,676
    ไปสักอะไรพวก อยู่ยงคงกระพัน หรือ หนังเหนี่ยวอะไรหรือเปล่าครับ พวกนี้มันกินกระดูกนะ กระดูกผุพรุนกันถ้าไม่ระวัง
    แต่ถ้าไม่ ผมแนะนำ ตื่นตอนเช้าให้ยืดตัวแบบโยคะ หรือ ทำท่าฤาษีดัดตน จะช่วยยืดและผ่อนอาการกล้ามเนื้อ และกระดูยึดได้บ้าง
    เหมือนสุนัขแหละครับ เวลาตื่นหรือเวลาลุกเค้าต้องยืดตัว
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=WeF8RKHiT0E]ฤาษีดัดตน แก้ปวดหลัง - YouTube[/ame]
     
  4. The eyes

    The eyes เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    968
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +2,638
    แนะนำได้แต่ ให้ทานแคลเซี่ยม +แม๊กนีเซียม +โบรอน+ซอยโปรตีน จะเพิ่มความหนาแน่นของกระดูกได้ แต่อยาทานแคลเซี่ยมตัวเดียว เพราะแคลเซี่ยมโดดๆหรือทานตัวเดียวมากไปจะเกิดโรคแคลเซี่ยมเกาะกระดูก หรือ กระดูกงอก แม็กนีเซี่ยมจะทำให้มวลกระดูกติดกันแบบหนาแน่น ปกติทั้งสองตัวจะมีในนม แต่นมก็ดูดซึมได้ช้า ควรหาเสริมจากผลิตภัณฑ์เสริมอาหารด้วย งดของประเภทกรด เช่นน้ำอัดลม เหล้าเบียร์ อาหารรสจัด เพราะร่างกายต้องดึงแม็กนีเซี่ยมออกมาสะเทือน ในกระเพราะเพื่อให้ค่ากรดด่างเป็นกลาง ถ้าขาดธาตุพวกนี้ กระดูกจะเสื่อม พรุน หมดสภาพเร็วค่ะ^_^
    ปล.ปกติแม็กนีเซี่ยมจะมีในน้ำ แต่ถ้าทานน้ำกรอง ธาตุทั้งหมดจะถูกกรองออกไปด้วย อาจหาแม็กนีเซี่ยมแบบละลายน้ำมาผสมน้ำกินค่ะจึงต้องดูนิดนึงนะคะ เน้นผักใบเขียว นมเนื้อสัตว์
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 23 มิถุนายน 2014
  5. chaokhun

    chaokhun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    696
    ค่าพลัง:
    +5,701
    โรคที่คุณเป็น ก็คงมีแต่หมอกระดูก ที่รักษาและจ่ายยา ให้คำแนะนำแก่คุณได้เท่านั้น

    ถ้ายังไม่หาย ก็ต้องลองเปลี่ยนหมอดูบ้าง คุณหมอบางท่านอาจจะเป็นคู่อุปถัมภ์คู่บุญเคยทำบุญทำทานร่วมกับคุณไว้เมื่อชาติปางก่อน เคยทำบุญสร้างวัด วัดเดียวกัน เคยบวชอยู่วัดเดียวกัน เคยร่วมกันสร้างพระประธานองค์เดียวกันร่วมกัน

    ผมเคยมีประสบการณ์เกี่ยวกับเรื่องแบบนี้มาเหมือนกัน ไปหาหมอคนหนึ่งรักษาเท่าไรก็ไม่หาย พอเปลี่ยนหมอก็รักษาหาย รักษาเหมือนกัน แต่หมอคนแรกไม่หาย มาหายที่หมอคนที่สอง

    อีกเรื่องหนึ่ง ผมเคยไม่สบาย แล้วไปพบนายแพทย์ท่านหนึ่งที่ท่านเลิกรักษาคนไข้แล้ว แต่ผันตัวเองมาเป็นนักบริหารระดับมือออาชีพมีชื่อเสียง ใคร ๆ ก็รู้จัก ผมไปเล่าอาการให้นายแพทย์ท่านนี้ฟัง ท่านก็กรุณาจดชื่อยาให้ผมไปซื้อ ผมซื้อมากินเท่าไรก็ไม่หาย

    ผมก็เลยไปหาหมอที่โรงพยาบาลใกล้บ้าน แล้วเล่าอาการให้หมอฟัง พร้อมบอกชื่อยาที่ืนายแพทย์ท่านนั้นจดให้ผมนำไปซื้อกิน ปรากฏว่าพอคุณหมอ เห็นชื่อยา คุณหมอก็นั่งนิ่งอยู่สักครู่ใหญ่ ๆ ทำสีหน้าเครียด ๆ ขึ้นมาทันที
    แล้วคุณหมอก็บอกผมว่า คุณรู้ไหมว่ายาตัวนี้ เป็นยาที่ดีที่สุดแล้ว คือผมรู้สึกว่าคุณหมอซีเรียสมาก ๆ แล้วคุณหมอก็จ่ายยาให้ผม แล้วผมก็ทานยาที่คุณหมอจ่ายยาให้ผม แล้วผมก็หายจากอาการเจ็บป่วย
     
  6. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,434
    ค่าพลัง:
    +35,013
    กำลังจะบอกว่าลักษณะการเจ็บป่วย
    เป็นผลจากวิบากกรรมที่มาจากสัตว์ขนาดเล็กพอดีครับ
    ถ้าเป็นสัตว์ใหญ่จะเจ็บหนักตามสภาพแล้วหายขาด
    จริงๆคุณก็พอจะทราบครับแสดงว่ามีสิทธิจะหายครับ
    เพราะเค้าเปิดโอกาสให้รู้แล้วแต่เพียงขอความมั่นใจ
    วิธีแก้คืออุทิศส่วนกุศลให้สัตว์ตัวเล็กที่เราเคยทำเค้ามา
    ในอดีตด้วยการทำบุญตักบาตรให้ได้ ๒ เดือนต่อเนื่อง
    ทุกวันครับอย่าขาด. และก็ดูแลสุภาพทั้งออกกำลัง
    กายและทานยาควบคู่กันไปร่วมด้วยครับ
    และถือศีล สวดมนต์ ภาวนา ร่วมด้วย
    จะช่วยหนุนกะแสบุญที่อุทิศได้ดียิ่งขึ้น
    และช่วยให้เค้าถอยง่ายขึ้นเพราะเกรงใจในความดีที่ทำ
    หายไม่หายดูกันที่พฤติกรรมภายใน๒เดือนนี้ครับ
    ตนแลเป็นที่พึ่งแห่งตนครับ
    ปล.สุดแล้วแต่จะพิจารณานะคับ
     
  7. หัวมัน

    หัวมัน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มกราคม 2013
    โพสต์:
    2,191
    ค่าพลัง:
    +6,946
    ลองอ่านดูนะคะ
    เผื่อช่วยได้



    กรรมทันตา หมอจัดกระดูก



    เรื่องนี้ต้องใช้วิจารณญานในการฟัง มากๆ หน่อย
    แล้วแต่บุญกรรมนะครับ...
    วันก่อนดูรายการ วี.ไอ.พี. มีเรื่องหมอ เอ๋ย พลังจักรวาลบำบัด
    ดูแล้วนึกถึง หมอคนหนึ่งทันที...

    สมัยที่ยังทำบาปทำกรรม ทำเต็นท์ขายรถแบบบาป..บาป
    ผมก็ได้รับกรรมทันตาเห็น หลายเรื่องนะครับ มีทุกข์สารพัด
    มีทุกข์อย่างหนึ่งที่ไม่เคยนึกว่าจะเป็น คือ
    ปวดหลัง...ปวดขา...ปวดกระดูก

    เริ่มเป็นทีละนิด ทีละหน่อย จนเริ่มมากขึ้น
    ทางบ้านผมฝ่ายพ่อ จะมีพันธุกรรม เรื่องกระดูกขาไม่ค่อยดี
    ตัวผมเลยไม่ได้นึกว่าเป็นเพราะกรรมที่เราทำในชาตินี้
    มันเริ่มจากปวดตามข้อต่อที่ขา ปวดไม่มากก็ไม่ค่อยสนใจ
    จนเริ่มมากขึ้น หาหมอ ก็ได้ความว่า เป็นรูมาตอย ข้ออักเสบ
    ถ้าเป็นมากกว่านี้ ก็จะกลายเป็นโรค เก๊า...
    สาเหตุมาจากความเครียด...เมื่อเครียด

    ผมเคยปวดกระดูกขา กระดูกข้อมากจนเดินแทบไม่ได้
    นอนก็ปวด นั่งก็ปวด เดินก็ปวด ปวดมากจนเดิน ขเยก..ขเยก
    ดูไกลๆ เหมือนคนพิการ...กินแต่ยา
    ความเครียดมันมาจากเรื่องเงิน หมุนแต่เงิน หาแต่เงิน อะไรก็เรื่องเงิน
    หาความสุขไม่ได้ มันเคยพอ...ตอนนั้นก็ได้แต่คิดว่าเป็นกรรมเก่า...ไม่คิดว่าเป็นกรรมใหม่

    หลายปีต่อมา อาการปวดอักเสบข้อ ก็เป็นๆ หายๆ
    จนกระทั่ง มาเลิกทำบาป ทำกรรม...มันก็หายไปเอง
    อาจจะเป็นเพราะ ละ ลด ปลดวาง หันมาปฏิบัติธรรมละมั๊ง
    มันเลยไม่เครียด มันก็ไม่มีอาการขึ้นมาก็ได้...คิดแบบวิทยาศาสตร์

    แต่อาการ ปวดหลัง นี่เป็นโรคประจำตัวเลย บางทีปวดมาก บางทีปวดน้อย
    ผมจะดูเป็นคนหลังค่อม ยืดสุดอกผายไหล่ผึ่งไม่ได้
    ไปหา อาจารย์หมอวินัย พากเพียร รพ.จุฬา อันดับต้นๆ ด้านกระดูกของเมืองไทย
    เอ็กซ์เรย์แล้ว ตรวจแล้ว สรุป เป็นโรค แบมบูสปาย หรือ กระดูกสันหลังยึดติด
    คือกระดูกสันหลังคนเรา ต้องขยับ เคลื่อนไหว ให้ตัวได้
    ....แต่ของผมมันมีหินปูนไปเกาะยึดเอาไว้ ตายตัวไปหลายข้อ
    ทำให้ปวดมาก เวลานอนหงายจะทำได้ไม่ดี ท้ายทอยไม่ถึงพื้น
    ทุกข์ทรมานสารพัด บางวันปวดมาก บางวันปวดน้อย
    วินิจฉัยกันหมด สุดท้ายคุณหมอให้ไทลินอล มาเต็มเลย
    แล้วให้พยายามทำกายภาพ ออกกำลังกายเอาก็แล้วกัน....

    ผมก็ทำใจแล้ว รู้ว่าเป็นกรรมยอมรับมัน ทุกครั้งที่ปวดก็นึกว่าใช้กรรมนะจ๊ะ..อูย...ย....
    พอปฏิบัติฯ รักษาศีลห้ามากๆ เอ๊...มันก็ดีขึ้น...ดีขึ้น แต่ก็ยังไม่หาย แค่ทรมานน้อยลง

    จนเมื่อสัก 3 – 4 ปีก่อน มีอาการปวดหลังมาก..ก...จนท้อ
    อยู่ดีๆ วันหนึ่งไปทำธุระที่ตึก เอ.ไอ.เอ. ระหว่างนั่งคอยก็ได้ยินคนคุยกัน
    คนสองคนแต่งตัวดี คงเป็นตัวแทนขายประกันฯ คนนึงเล่าให้เพื่อนอีกคนฟังว่า
    เมื่อก่อนเขามีอาการปวดหลัง และปวดขามาก อาการปวดเริ่มรุนแรงจนทนไม่ไหว
    ไปหาหมอที่ รพ.เอกชน ทำการรักษา และเอ็กซ์เรย์สารพัดแล้ว สรุปต้องผ่าตัด ไม่มีทางอื่น
    ผมฟังแล้วก็ เอ๊ะ...อาการเหมือนของเราแฮะ เลยตั้งใจกางหูฟัง
    เขาเล่าต่อว่าระหว่างนัดวันรอการผ่าตัด ต้องไปพบลูกค้าคนหนึ่ง
    ลูกค้าคนนี้เป็นร่างทรงด้วย...ผมก็นึก โอโฮ...ร่างทรงยังเสร็จคนขายประกันเลย เก่งจริงๆ
    ร่างทรงท่านนั้นก็ทักเขาว่า อย่าผ่าตัดนะ...ถ้าผ่าแล้วจะเดินไม่ได้
    ให้รอหน่อยจะพบหมอดี มีวิชาฯ รักษาให้หายได้
    จากนั้นเขาอีกไม่กี่วัน ก็มีคนแนะนำไปหาหมอจัดกระดูกคนหนึ่ง
    ตอนที่ไปหาหมอกระดูกคนนี้ ต้องให้คนอื่นขับรถให้ เพราะอาการหนักแล้วขับเองไม่ไหว
    แต่พอไปถึงแล้ว รอคิวคนเยอะมาก พอถึงคิวเขา หมอก็จับเขาบิดหลัง
    บิดหัวเข่าสองที แล้วบอกให้เขาลุกขึ้นเดิน
    ปรากฏว่า เดินได้ ไม่ปวดอีกแล้ว
    จนเขาบอกกับตัวเองว่าเขาหายแล้วนี่นา ทั้งๆ ที่ใช้เวลาการรักษาแค่ไม่ถึง 10 นาทีเอง ขับรถกลับบ้านปร๋อเลย

    ตอนนั้นผมฟังแล้ว ไม่อยากเชื่อ...เป็นไปได้ยังไงว่ะ...เดินไม่ได้ รักษา 10 นาทีหาย...โม้หรือเปล่าวะ
    สุดท้ายผมทนไม่ไหว เลยหันไปขอถามรายละเอียด และที่อยู่ของหมอคนนี้...
    ที่จริงคนเล่าเขาใช้คำว่า หมอเทวดา ด้วยซ้ำแต่ผมไม่กล้าใช้ในที่นี้ กลัวผู้ฟังจะว่าเอา....

    จากนั้นผมก็ไปด้วยกันกับภรรยา
    ครั้งแรกที่เจอ ผมอึ้งมาก เพราะคนที่ไปหา นั่งรอกันอยู่เต๊ม..ม..ไปหมด ประมาณ 30 กว่าคน
    มีผู้ชายคนหนึ่งอายุประมาณ 60 ปี ผิวดำแดง เสียงดัง เอะอะ อารมณ์ดี
    กำลังรักษาคนที่ไปหาอยู่
    ผมรับบัตรคิว แล้วถอยไปสังเกตุการณ์
    คนป่วยที่มาหา มีทุกเพศ แต่วัยจะอยู่ประมาณ 40 – 80 ปี
    วัยรุ่นที่มาไม่แน่ใจว่ามารักษา หรือพาญาติมากันแน่
    คนที่อายุมากๆ หน่อย ก็จะกระย่องกระแย่ง เดินแทบไม่เป็นคนแล้ว
    ในตอนหลังๆ ที่ไปหา เห็นมีประเภทรวยจัด นั่งรถตู้อย่างหรูสุด
    มีเก้าอี้ไฮโดรลิคมาเลย บ่าวไพร่หามลงมาเข้าคิวเหมือนกัน

    เมื่อไปถึงคุณหมอ แต่ละคนก็จะถูกตรวจ ด้วยการที่คุณหมอจับที่ข้อเท้า
    แล้วให้เล่าอาการมา มีเอะอะ เอ็ดตะโรกันพอสนุกๆ เพื่อให้คนป่วยหายกังวล หายกลัวการรักษา
    จากนั้น คุณหมอ ก็จะจับบิด หรือทำอาการเหมือนดัดกระดูกคนไข้
    คล้ายๆ คนไข้คือหุ่นโชว์เสื้อตามหน้าร้าน แล้วมันเบี้ยว คุณหมอก็จับบิด จับดัดกลับให้เข้าที่น่ะ...

    แต่ที่น่าประหลาดใจอย่างที่สุด คือ
    คนป่วยที่เดินไม่ได้ หรือแทบไม่ได้ นั่งโอย ลุกโอย ต่างๆ นาๆ
    คุณหมอแกจับดัดไปดัดมา 5 – 10 นาทีแค่นั้นเอง จริง..จริ๊ง...
    แล้วก็ไล่ให้เดินให้ดู....ทุกคน...ทุกคน ก็เดินปร๋อ...หรืออย่างน้อยก็เกือบ ปร๋อ
    ผมดูอยู่เกือบ 20 คนกว่าจะถึงผม ผลก็คล้ายๆ กัน
    ยกเว้น...คนที่ผ่าตัดมาแล้ว
    คุณหมอ แกบอกหมดหวัง แกช่วยไม่ได้...ถ้าผ่าตัดมาแล้วช่วยไม่ได้

    พอถึงคราวผมเองบ้าง....ก็กลัวเหมือนกันนะ...กลัวเจ็บ ดูน่าจะเจ็บ
    คุณหมอก็ให้นั่งตรงข้าม เหยียดขาไปทางคุณหมอ
    แล้วจับชีพจรที่ข้อเท้า สอบถามอาการ
    ผมบอกปวดหลังมาก แต่ก่อนปวดข้อที่ขาด้วย....
    คุณหมอ ก็ให้นั่งหันหลัง...แล้วท่านก็นั่งซ้อนหลัง
    เอามือสอดใต้รักแร้ของผมสองข้าง เพื่อล๊อคโดยประสานมือของคุณหมอเข้าด้วยกัน
    จากนั้นชวนคุย ถามเรื่องแปลกๆ ผมก็สงสัยจะถามทำไม...
    ตอนที่ผมเผลอคิดนั้นเอง....ท่านบิดตัวผมทั้งตัว...ทั้งตัว
    เสียงกระดูกในตัวผมมันดัง...กึก..กึก..
    ทำอย่างนี้ ซ้ายที...ขวาที
    คุณหมอถาม ดีขึ้นมั๊ย....เออมันดีขึ้นมาก..ก....จริงๆ แฮะ
    ตอนจับบิด มันก็ไม่เจ็บ ไม่ปวด แต่กระดูกมันดัง..กึก..ลั่นเลย
    แล้วคุณหมอ ก็บอกว่าผมเป็นมาก เป็นมานานแล้วด้วย...ขออีกที
    จากนั้น ล๊อคตัวผมแต่ไม่ใช่ท่าเดิม...แล้วกระตุก กระชากช่วงอกผมขึ้น
    โอ้โฮ...ดัง..กึ๊บ...
    ไม่รู้สึกเจ็บปวดแต่อย่างใด
    แต่ความทุกข์ ทรมานที่มีมาหลายปี.....มันหายไป..เกือบหมด
    แล้วให้ผมลองเดิน ลองยืดดู...โอ้...สบายตัวมาก ตัวเบาเลย
    ก่อนกลับ ท่านสั่งว่า สัก 7 – 10 วันให้มาอีก เพราะกระดูกมันยึดแน่นมาก คงหลายปีแล้ว
    ต้องมาดัดอีก 10 – 20 ครั้ง จะดีขึ้น แต่คงไม่หายสนิทเหมือนคนธรรมดานะ

    กลับบ้านรู้สึกร่างกายมันเฟร๊ชมาก มันสดชื่นขึ้น ไม่ทรมานอีกแล้ว
    ต่อมาก็กลับไปรักษาอีกหลายครั้ง ก็ดีขึ้นเป็นลำดับ
    พอไปรักษากับท่านบ่อยๆ ผมก็พยายามถามหลักการ
    ได้ความว่า...ท่านไม่ใช่แพทย์ แผนวิทยาศาสตร์ปัจจุบัน
    แต่ท่านศึกษาจากกระดูกคนจริงๆ
    แนวทางที่ท่านเมตตาพอจะอธิบาย ให้ฟังด้วยความรำคาญ คือ
    คนเรานี้ แต่เดิมเกิดมา ร่างกายมีสมดุลที่ดีอยู่แล้ว
    ต่อมาใช้ร่างกายไปในทางที่ผิด...ผิดท่า...ผิดทาง
    ร่างกายคน มีเส้นเลือด เส้นเอ็น จุดเส้นประสาท มากมายก่ายกอง
    ปลายประสาทจะทำงานได้ เลือดต้องผ่านจุดเส้น มาตามเส้นเลือด
    แต่เราใช้ร่างกายผิดท่าทาง จนกระดูกมันบิด มันกดทับเส้นประสาท
    กดทับเส้นเลือด ทำให้เลือดไปเลี้ยงที่ปลายประสาทไม่ได้ หรือไม่ดีพอ
    ทำให้ชาตามมือ ตามเท้า....นานๆ ไปจะเป็นอัมพาต
    บางคนจุดเส้นที่ไปเลี้ยงสมองตีบตัน ทำให้เป็นเรื่องระบบประสาท ปวดหัว
    สรุปสาเหตุใหญ่ คือเราเองใช้ร่างกายผิดท่า ผิดทาง
    ทำให้เสียสมดุลย์ วิธีการรักษา คือ ให้มันกลับมาสู่สมดุลย์เดิม
    ด้วยวิธีการต่างๆ เช่น ดัดให้เข้าที่ หรือขยับกระดูกให้เข้าที่

    ฟังดูเหมือนซ่อมรถยนต์ที่ถูกชนมา จนกระดูกแชชซีส์ มันคด มันงอ
    ก็ต้องให้เครื่องไฮโดรลิค ดึงกลับมาให้เท่าเดิมมากที่สุด
    หรือเหมือนรถวิ่งไม่ตรง ก็ต้องตั้งศูนย์กันใหม่

    ทางไปนะครับ
    คุณหมออยู่ที่ จังหวัด ราชบุรี
    แต่ไม่ได้อยู่ในตัวเมืองนะจ๊ะ

    ถ้าไปทางเส้น ถนนพระราม 2 จากกรุงเทพฯ
    ก็ วิ่งไปจนเลย สมุทรสงคราม
    พอถึงแยก...วังมะนาว แล้วเลี้ยวขวาไปอีก 18 กิโลเมตรเท่านั้น
    เจอปั๊ม ป.ต.ท.
    จะมีทางเลี่ยงเมือง ให้เลี้ยวซ้าย เพื่อขึ้นทางเลี่ยงเมือง
    วิ่งไปสักพักประมาณ 2 กม.
    จะเจอทางที่จะขึ้นสะพานข้ามแยก ... ไม่ต้องขึ้น
    ให้ชิดซ้าย เพื่อเลี้ยวซ้าย เข้าถนน ( น่าจะเป็นทางเข้าเมือง )
    วิ่งไปแค่ประมาณ 20 เมตร จะเจอซอย จัดสรรสัตตนารถซ้ายมือ
    มีป้าย...หมออดุล อยู่หน้าซอย
    เลี้ยวเข้าไปเลย
    วิ่งผ่าน " โรงเรียนดรุณา ราชบุรี วิเทศ ศึกษา "
    หาป้ายชื่อหมู่บ้านสรรเสริญ วิลล่า ทางขวา
    มีป้ายบอก อีก
    แล้ว เลี้ยวขวา บ้านอยู่ซอยที่ 2 ซ้ายมือบ้านหลังหัวมุม
    ในบ้าน มีร่มธนาคาร ไทยพาณิชย์ สีม่วง มีชิงช้า (แต่ไม่มีป้ายบอกชื่อบ้านหมอนะ)

    ท่านชื่อ.....อดุล พลศรีราช
    ผู้รักษาโรคกระดูกด้วยความชำนาญเฉพาะด้าน

    เบอร์โทร 032-326-556
    086-571-6981
    089-965-7441

    นวดรักษาโรคทางกระดูก ...
    เป็นห้องติดแอร์อย่างดี ค่ารักษา เรียกว่าค่าครู 209 บาทเท่านั้น
    ผมจำรายละเอียดไม่ได้หมด ไม่ได้ไปหาท่านนานแล้ว
    เมื่อวานนี้ ยังโทรไปเช็คเบอร์โทร.ว่ายังใช้อยู่มั๊ย ก็ยังใช้เบอร์นี้อยู่
    ไม่ต้องกลัวอันตราย เพราะรักษากันต่อหน้าญาติ หรือคนอื่นเลย
    ไม่ต้องกลัวเจ็บ เพราะไม่เจ็บเลย

    ขอเตือนก่อน นะครับ
    คุณหมอท่าน เป็นคนอารมณ์ดี แต่เอะอะมาก คนไม่รู้อาจตกใจ
    ปัจจุบันนี้มีคนไปรักษาเยอะมาก จนรับไม่ไหวต้องจำกัดแค่วันละ 150 คนเท่านั้น
    เราต้องไปรับบัตรคิว ตั้งแต่ก่อน 6 โมงเช้า
    ไม่เกิน 7 โมงคิวก็เต็มแล้ว
    วันพระหยุดนะครับ......วันพระ ไม่รับ
    อีกเรื่องนะครับ....
    ถ้าจะโทรไป ต้องทำใจก่อนนะ บางทีท่านกำลังรักษาอยู่ อาจจะมารับโทรศัพท์ด้วยความโมโห
    อาจจะพูดจายวนๆ แปลกๆ ต้องทำใจนะครับ ที่จริงท่านใจดี
    นอกเวลาดูเหมือนจะปิดเครื่องด้วยแน่ะ
    คนเก่งๆ ก็มักจะแปลกๆ

    ถ้าถามว่าตัวผมเองเชื่อถือมั๊ย....ผมเชื่อ 100 เปอร์เซนต์
    ภรรยา และลูกสาวก็ไปหามาแล้ว
    คุณแม่ของผม อายุมากแล้ว 70 กว่า ปวดหัวเข่ามาก
    ยิ่งเวลาเข้าห้องน้ำ ห้องส้วม ทุกข์ทรมานมาก
    ผมพาไปหา คุณหมออดุล ท่านจับบิดทีเดียว หายเลย
    ดูเหมือน 5 นาทีเอง....คุณแม่บอกไม่เจ็บด้วย...ตอนรักษาไม่เจ็บปวดนะครับ
    จากนั้นหายสนิท ยังคุยว่าเดี๋ยวนี้นั่งพับเพียบได้เลย....

    ทั้งหมด ทั้งปวงนี้ เป็นความเห็นของผมคนเดียวนะครับ
    กลัวจัง...เรื่องแนะนำให้คนไปรักษาเนี่ยะ....
    ต้องมี ศรัทธา ซะก่อน
    อีกอย่างก็แล้วแต่บุญกรรมนะครับ
    ถ้ายังมี กรรม อยู่ก็คงยาก
    ไม่แน่เหมือนกันนะ...ทรมานมานาน อาจหมดกรรม
    ได้พบหมอถูกโรค รักษาได้นะครับ.

    คนที่ ปวดหัว อย่างหนักเพราะเป็น...ไมเกรน
    ก็รักษาได้อย่างไม่น่าเชื่อ
    ใครที่เป็นให้รีบไปรักษานะครับ


    อนณ 089-995-9377
     
  8. chaokhun

    chaokhun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    696
    ค่าพลัง:
    +5,701
    คุณหมอท่านนี้ ผมเคยพาคุณแม่ ไปหาหลายครั้ง มีคนไปหาเยอะมาก มีคนเป็นร้อยที่ไปรักษา บ้านของคุณหมออยู่ตรงข้ามหอนาฬิกาเขาแก่นจันทร์ ราชบุรี บางคนเป็นอัมพาต ก็หาย แต่คุึณแม่ของผมไม่หาย แค่บรรเทา เดี๋ยวก็ปวดขาอีก ผมเคยสงสัยเหมือนกันว่าหมอคนนี้รักษาได้อย่างไร แล้วผมก็รู้ว่าหมอท่านนี้มีฤาษีแฝงร่างอยู่ ใครไม่เชื่อลองไปถามดู
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 มิถุนายน 2014
  9. หมอม้า

    หมอม้า Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มิถุนายน 2014
    โพสต์:
    19
    ค่าพลัง:
    +25
    กรรมอย่างที่เก้าที่บอกว่า พระองค์เป็นหมอยานะคะ ความจริงพระองค์วางยาพิษเพื่อจะทำให้เขาตาบอด แต่ถอนพิษคืน อ่านในเนื้อความที่เอามาโพสต์คล้ายคล้ายกับว่าพระองค์รักษาแต่เขาตายเลยค่ะ ผิดพลาดประการใดขออภัยนะคะ
     
  10. ใจอิสระ

    ใจอิสระ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3
    ค่าพลัง:
    +6
    ขอโทษครับพอดีผมมาอ่านเจอขอแก้ไขข้อมูลหน่อยนะครับ บ้านหมอ อดุล อยู่ติดถนนเพชรเกษมตรงข้ามเขาแก่นจันทร์ลานหน้าเขามีพระบรมรูป รัชกาลที่1 องค์ใหญ่บนเขามีหอนาฬิกาครับบ้านหมออยู่ฝั่งไปเพชรบุรีเป็นอาคารพานิชขอรับผม
     
  11. hill12345

    hill12345 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 เมษายน 2013
    โพสต์:
    27
    ค่าพลัง:
    +103
    ผมหาหมอมาหลายคนมากๆแล้วอ่ะครับ จนมาเจอหมอคนที่ผ่าตัดให้ เพราะไม่ค่อยมีหมอกล้าผ่าเอ็นร้อยหวาย แต่ก็หายนะพี่ แต่ตอนนี้ก็มีอาการปวดหลังอีก ขาก็ยังมีปวดบ้าง
     
  12. naitiw

    naitiw เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มกราคม 2006
    โพสต์:
    1,611
    ค่าพลัง:
    +2,882
    เราเดามั่วว่าเป็นกรรมเก่าจากอดีตชาติที่เคยไปหลอกลวงคนอื่นไว้

    ใน 2 เดือนนี้ให้ไปหาโอกาสบวชพระ หรือบวชอะไรก็ได้ ไม่งั้นคงไม่หลุด

    จะเสียเงินเสียทองหมดสิ้นประดาตัว ได้กู้หนี้ยืมสิน

    หากได้บวชทำบุญใหญ่แล้วจึงจะพลิกกลับมาได้แลจะดีขึ้นตามลำดับ อดทนหน่อยนะ



    *เป็นความเชื่อส่วนบุคคลและมีเรื่องราวเกี่ยวกับสิ่งที่มองไม่เห็น โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
     
  13. mai261

    mai261 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2014
    โพสต์:
    258
    ค่าพลัง:
    +508
    คุุณ dawlong เก่งมากๆค่ะ :cool::cool::cool:
     
  14. teww

    teww เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2011
    โพสต์:
    604
    ค่าพลัง:
    +1,534
    กรรมปัจจุบันนี่แหละมั้ง ที่ขยันกินน้ำอัดลมสีดำพวกเป๊ปซี่โคล่าต่างน้ำตั้งแต่เด็กๆ โตขึ้นก็เป็นงี้ทุกคนล่ะ ก็เลิกกินซะ กินน้ำเต้าหู้แทน เดี๋ยวก็หาย แคลเซี่ยมก็อย่าไปซื้อกินเองต้องให้แพทย์สั่งให้
     
  15. นายดอกบัว

    นายดอกบัว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    1,696
    ค่าพลัง:
    +5,676
    ผมเคยเป็นตอนสมัยหนุ่มๆอายุ 20 ต้นๆนะ เจ็บเข่า เจ็บตามข้อต่อ แต่นั่นมันเกิดจากการฝึกซ้อมอย่างหนัก ตอนนั้นเราก็วัยหนุ่มแน่นเนอะ ทำอะไรจริงจัง ตอนนั้นทั้ง ยูโด มวย โดยเฉพาะมวยสายโบราณเป็นมวยที่ทำให้ทรมานร่างกายสุดๆ ข้อเข่าข้อเท้า ฝ่าเท้าด้านหมด เพราะมันต้องย่อเยอะมาก การต่อยมวย เล่นยูโด BJJ มันต้องทั้งรัดทั้งทุ่ม ทั้งปะทะ เจ็บตัวมากๆ เรียนดาบก็ปวดแขน สมัยก่อนผมก็เห็นพี่หมอที่เรียนไอคิโดด้วยกัน เวลาเรานั่งต้องนั่งคุกเข่า แต่พี่เค้าแก่แล้วนั่งไม่ได้ เพราะตอนวัยรุ่นเล่นยูโดมาตั้งแต่เด็ก ผมก็ว่าทำไมพี่แกนั่งไม่ได้ พอตัวเองเป็นเองนั่งไม่ได้เลยครับต้องนั่งขัดสมาธิอย่างเดียว ทรมานมาก นั่งรถนี่ทรมานมากปวดเข่าสุดๆ แต่ตอนนั้นบรรเทาได้ด้วยท่าฤาษีดัดตนนี่แหละ พอหลังๆมาก็เลิกเพราะมาทำงานแล้ว ไม่ได้ซ้อมหนัก ไม่ได้ทำอะไรมาก แต่เข่าและข้อกระดูกปวดเหมือนเดิม แต่มาปีนี่ดีขึ้นมากแล้วครับ เพราะกิจกรรมหนักๆเราเลิกแล้ว เราหันมาทำอะไรให้พอตัว เล่นโยคะล่ะ ทำให้ตอนนี้เวลาออกกำลังกายแล้ว อีกวันจะปวดเนื้อปวดตัวน้อยลง แถมเรื่องเข่าเรื่องกระดูก การทรงตัวดีขึ้น การไหลเวียนโลหิต และระบบการให้ใจดีขึ้น

    เรื่องดีๆ พยายามเอาเข้าตัวครับ เรื่องไม่ดีปล่อยมันไป
     
  16. ดอกข้าว

    ดอกข้าว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 เมษายน 2012
    โพสต์:
    394
    ค่าพลัง:
    +1,462
    ขอแนะนำ รพ . กาญจนภิเษก อีกทางเลือกนะคะ พอดีทราบข่าวมาจากคนที่รู้จักกันหน่ะคะ เค้าปวดหลังมาก ปวดมานาน รักษามาหลายแห่งไม่หาย จนมีคนแนะนำว่าลอง รพ. กาญจนภิเษก ดู ทั้งๆ ที่อยู่ไม่ไกลบ้านแต่ไม่ได้สนใจ ไปรักษา รพ.แพงๆ สุดท้ายมาหายที่ รพ.กาญจนาภิเษก ค่ะ ในเครือของ ม.มหิดลค่ะ
     
  17. porozaza

    porozaza เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    22
    ค่าพลัง:
    +104
    เล่นเวทเทรนนิ่งครับ ช่วยได้แน่นอน ทำให้สุขภาพร่างกายแข็งแรง มันจะช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อทำให้บุคลิกภาพดีขึ้น ความดันเบาหวานก็ลดลงและที่สำคัญ หน้าจะดูเด็กลงด้วยคร๊าบ
    ปล.อย่าคิดว่ากรรมส่งผลอย่างเดียวครับต้องทำให้ร่างกายและจิตใจแข็งแรงด้วย สู้ๆครับผม
     

แชร์หน้านี้

Loading...