เรื่องเด่น เรื่องเล่าพระธรรมบท ตอน เรื่องพระเทวทัตผู้ไม่สมควรต่อผ้าจีวร

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย joni_buddhist, 10 กรกฎาคม 2017.

  1. joni_buddhist

    joni_buddhist Legal returns ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2005
    โพสต์:
    13,555
    กระทู้เรื่องเด่น:
    203
    ค่าพลัง:
    +63,444
    เรื่องเล่าพระธรรมบท ตอน เรื่องพระเทวทัตผู้ไม่สมควรต่อผ้าจีวร

    2012_06_23_215917_t1iz4bil.jpg

    เมื่อพระศาสดาประทับอยู่ที่วัดพระเชตวัน กรุงสาวัตถี ทรงปรารภพระเทวทัต ตรัสพระธรรมบทพระคาถาที่ 9 และ ที่ 10 นี้

    ครั้งหนึ่งพระอัครสวกทั้งสอง คือ พระสารีบุตรและพระมหาโมคคัลลานะเดินทางจากกรุงสาวัตถึไปที่กรุงราชคฤห์ ณ ที่นั้นประชาชนชาวกรุงราชคฤห์ได้นิมนต์พระอัครสาวกทั้งสองและพระภิกษุบริวารของท่านจำนวนหนึ่งพันรูปไปฉันภัตตาหารเช้า ในโอกาสนี้เองมีอุบาสกคนหนึ่งถวายผ้ามีมูลค่าหนึ่งแสนกหาปณะให้แก่พวกคนที่ดำเนินการในพิธีถวายภัตตาหารในครั้งนี้ โดยแนะนำพวกเขาว่าควรจะนำผ้านี้ขายแล้วเอาเงินที่ได้จากการขายผ้านี้ไปเป็นค่าใช้จ่าย แต่ถ้าหากไม่ขาดแคนเงินก็ให้นำผ้าผืนนี้ถวายพระภิกษุรูปใดรูปหนึ่งตามแต่จะเห็นสมควร การณ์ปรากฏว่าไม่มีปัญหาเรื่องการขาดแคลนเงินและจะต้องนำผ้าไปถวายแก่ภิกษุรูปใดรูปหนึ่ง เนื่องจากว่าพระอัครสาวกทั้งสองไปที่กรุงราชคฤห์เป็นครั้งคราว ส่วนพระเทวทัตเป็นพระที่อยู่เมืองนี้เป็นประจำ ชาวเมืองจึงถวายผ้าผืนนี้แก่พระเทวทัต

    พระเทวทัตรีบนำผ้ามีมูลค่ามากนั้นมาทำเป็นจีวรห่มในทันที เมื่อพระภิกษุรูปหนึ่งเดินทางจากกรุงราชคฤห์มาที่กรุงสาวัตถีเพื่อเฝ้าพระศาสดา และได้กราบทูลเรื่องนี้ให้ทรงทราบ พระศาสดาตรัสว่า มิใช่ครั้งแรกที่พระเทวทัตห่มจีวรที่ตนไม่สมควรจะห่ม และพระศาสดาได้นำเรื่องอดีตมาแสดงว่า

    พระเทวทัตเป็นพรานล่าช้างในอดีตชาติหนึ่ง ครั้งนั้นมีช้างจำนวนมากอาศัยอยู่ในป่าแห่งหนึ่ง วันหนึ่งนายพรานนั้นสังเกตเห็นพวกช้างคุกเข่าทำความเคารพพระปัจเจกพุทธเจ้าทั้งหลายที่พวกตนพบเห็น เมื่อสังเกตเห็นเช่นนี้แล้วนายพรานล่าช้างนั้นก็ได้ไปขโมยจีวรสีเหลืองของพระปัจเจกพุทธเจ้ามาคลุมกายของตนเอง จากนั้นก็ได้ถือหอกไปคอยพวกช้างอยู่ในเส้นทางสัญจรปกติของพวกช้าง เมื่อพวกช้างมาถึงเห็นนายพรานเข้าใจผิดคิดว่าเป็นพระปัจเจกพุทธเจ้าก็คุกเข่าลงทำความเคารพเช่นเคย นายพรานช้างก็ได้ถือโอกาสใช้หอกซัดฆ่าช้างตัวที่อยู่ท้ายสุด และได้กระทำเช่นนี้เรื่อยมาเป็นเวลาหลายวัน

    พระโพธิสัตว์เป็นพระยาช้างโขลงนั้น สังเกตเห็นว่าช้างบริวารลดจำนวนลงจึงได้ตัดสินใจหาสาเหตุโดยให้ช้างบริวารเดินนำหน้าส่วนพระยาช้างเองเดินตามหลัง พระโพธิสัตว์คอยระวังอยู่ตลอดเวลา เมื่อนายพรานพุ่งหอกมาก็สามารถหลบหลีกได้ทัน แล้ววิ่งไปใช้งวงรวบนายพรานช้างกำลังจะฟาดตัวลงที่พื้นดิน แต่เผอิญมองเห็นผ้ากาสาวพัสตร์ที่นายพรานช้างนำมาใช้คลุมกายไว้ จึงยับยั้งใจไว้ชีวิตแก่นายพรานช้าง

    นายพรานถูกตำหนิที่พยายามฆ่าผู้อื่นโดยใช้ผ้ากาสาวพัสตร์มาคลุมกาย และกระทำในสิ่งชั่วช้าเช่นนี้ นายพรานไม่ควรที่จะนำผ้ากาสาวพัสตร์ที่เป็นเครื่องนุ่งห่มของผู้หมดกิเลสมานุ่งห่ม

    2012_06_23_215917_t1iz4bil.jpg

    จากนั้นพระศาสดาได้ตรัสพระธรรมบทพระคาถาที่ 9 และที่ 10 ว่า

    อนิกฺสาโว กาสาวํ
    โย วตฺถํ ปริทเหสฺสติ
    อเปโต ทมสจฺเจน
    น โส กาสาวมหรติฯ

    คนกิเลสหนา ปราศจากการบังคับตัวเอง
    ไร้สัจจะ ไม่ควรนุ่งห่มผ้ากาสาวพัสตร์.

    โย จ วนฺตกสาวสฺส
    สีเลน สุสมาหิโต
    อุเปโต ทมสจฺเจน
    ส เว กาสาวมหรติฯ

    คนหมดกิเลส มั่นคงในศีล
    มีสัจจะ ควรนุ่งห่มผ้ากาสาวพัสตร์


    เมื่อพระธรรมเทศนาจบลง ภิกษุผู้อยู่ในทิศต่างๆเบรรลุเป็นพระโสดาบัน ภิกษุเหล่าอื่นบรรลุโสดาปัตติผลเป็นต้น พระธรรมเทศนามีประโยชน์แก่มหาชน.
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 11 กรกฎาคม 2017
  2. น้องนกลาบ ชื่อนี้สีชมพู

    น้องนกลาบ ชื่อนี้สีชมพู ค ว า ม ต า ย คื อ ก า ร เ ริ่ ม ต้ น ข อ งชี วิ ต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2017
    โพสต์:
    176
    ค่าพลัง:
    +156
    อ่านแล้วไม่ต่างจากยุคนี้เลย
    " ชายแต่งกายคล้ายพระ..... "
     

แชร์หน้านี้

Loading...