เรื่องของทาสทาน,สหายทาน,สามีทาน

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย NUI, 17 มิถุนายน 2005.

  1. NUI

    NUI เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    389
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +983
    เรื่องของทาสทาน , สหายทาน , สามีทาน
    โดยหลวงพ่อปัญญานันทภิกขุ

    ทานสามประเภทที่กล่าวถึงนี้คือ ทาสทาน , สหายทาน , สามีทาน
    ทาสทานหมายความว่า การให้ของที่เลวกว่าที่เรากินหรือของที่เลวกว่าที่เราใช้
    สหายทานหมายความว่าการให้ของเสมอที่เรากินอยู่หรือที่เราใช้อยู่
    สามีทานหมายความว่าการให้ของที่ดีกว่าที่เรากินที่เราใช้อยู่

    ถ้าจะถามว่า ทาสทานมีอานิสงส์ไหม ก็ต้องดูตัวอย่าง ท่านอาฬวีเศรษฐี เป็นมหาเศรษฐีมีทรัพย์ แปดสิบโกฏิ พระราชาตั้งเป็นมหาเศรษฐี แต่ว่าผ้าที่แกนุ่งนี่ ผ้าใหม่แกนุ่งไม่ได้ นุ่งผ้าที่ใกล้จะขาดแกจึงนุ่งได้ ข้าวที่จะกินเม็ดสวยๆก็กินไม่ได้ ต้องกินข้าวหักหรือปลายข้าวจึงจะกินได้ ของทุกอย่างที่แกใช้ทุกอย่างต้องเป็นของเลว แต่อย่าลืมว่า เขาก็เป็นมหาเศรษฐีได้ การตั้งใจว่าจะใส่บาตรด้วยของดีๆน่ะดี แต่ว่าวันไหน มีอาหารที่เราคิดว่าไม่ดีก็ใส่บาตรได้

    การให้ทานพระพุทธเจ้าบอกว่า อย่าให้เบียดเบียนตัวเอง ถ้าเบียดเบียนตัวเองเป็น อัตตกิลมถานุโยค เป็นการทรมานตัวเอง และการให้ทานพระพุทธเจ้าให้ดูอีกว่า ควรให้หรือไม่ควรให้ ให้แล้วไปกินเหล้าเมายา ไปสร้างอันตรายให้กับคนอื่น เราไม่ให้ดีกว่าเป็นการต่อเท้าให้โจรให้พลังแก่โจร เวลาจะให้ท่านวางกฎไว้ดังนี้
    ๑.ผู้ให้บริสุทธิ์
    ๒.ผู้รับบริสุทธิ์
    ๓.วัตถุทานบริสุทธิ์
    ถ้าผู้ให้บริสุทธิ์ ผู้รับบริสุทธิ์ วัตถุทานไม่บริสุทธิ์ ความดีก็ลดน้อยลง
    แต่ถ้าผู้ให้บริสุทธิ์ ผู้รับไม่บริสุทธิ์ วัตถุทานไม่บริสุทธิ์ ให้บาทหนึ่งจะได้สักสตางค์หรือเปล่าก็ไม่รู้ รวมความว่าต้องบริสุทธิ์ทั้ง๓อย่าง ถ้าลดไปอย่างใดอย่างหนึ่ง อานิสงส์ก็ลดตัวลงมา
    แต่ว่าการให้ทาน พระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้อีกประเภทหนึ่ง ต้องให้ครบ ๓ กาล จึงจะมีอานิสงส์สูง

    มีเรื่องเล่าว่าในสมัยหนึ่ง เมื่อท่านอนาถบิณฑิกะเศรษฐีจนลง เพราะเคราะห์กรรมบางอย่างทำลายท่าน เงินที่เขากู้ไปก็ถูกโกง คนที่อยู่ภายในบ้านก็ขโมยของ ทรัพย์ที่ฝังไว้ชายทะเล ชายแม่น้ำ แผ่นดินก็พังทรัพย์จมไปหมด ท่านจนขนาดข้าวเป็นเม็ดแทบไม่มีกิน ต้องกินปลายข้าว แต่ว่าศรัทธาท่านยังไม่ถอย ท่านนิมนต์พระพุทธเจ้าพร้อมด้วยพระสงฆ์ ไปฉันภัตตาหารที่บ้าน ท่านเอาปลายข้าวละเอียด เรียกว่าข้าวปลายเกรียนต้ม แล้วก็เอาน้ำผักดองเปรี้ยวๆเค็มๆทำเป็นกับมาถวาย
    พระพุทธเจ้าก็เสวยแบบนี้เหมือนกัน เวลาที่พระพุทธเจ้าเสวยอยู่ท่านก็นั่งอยู่ใกล้ๆกราบทูลพระพุทธเจ้าว่า
     

แชร์หน้านี้

Loading...