เมื่อหลวงพ่อฝึกบิณฑบาตกับเทวดา

ในห้อง 'หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ' ตั้งกระทู้โดย joni_buddhist, 30 สิงหาคม 2007.

  1. joni_buddhist

    joni_buddhist Legal returns ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2005
    โพสต์:
    13,555
    กระทู้เรื่องเด่น:
    203
    ค่าพลัง:
    +63,444
    [​IMG]
    อันดับแรกก็ฝึกธุดงค์ในป่าช้า หาทางบิณฑบาตกับเทวดา โฮ…แต่หากินกับเทวดานี่ บรรดาท่านผู้ฟังทั้งหลาย มันยากจริง ๆ เอาบาตรไปแขวนกับต้นไม้ แล้วยืนหลับตาพักหนึ่ง ภาวนาตามความต้องการ พักใหญ่ ๆ เปิดบาตรดู มันจะมีบาตรเปล่า ต้องกินข้าวคนอื่น ทำแบบนี้มาประมาณ ๑๕ วัน วันต่อมาเป็นวันที่ ๑๖ หรือ ๑๗ จำไม่ได้ หลับตาภาวนาอยู่เฉย ๆ พอจิตเป็นสุข ความจริง วันแรก ๆ มันทำไม่ถูก ก็คิดว่า เมื่อไรเทวดาจะมา ๆ ภาวนาไป คิดถึงเทวดาไป จิตมันฟุ้งซ่าน
    วันนั้นตัดสินใจตามนี้เทวดาจะมาหรือไม่มาก็ช่างเถิด ฉันก็มีข้าวกินจากพระอื่นเขาบิณฑบาตมาให้ ก็ทำใจสบาย จับอานาปาสติแล้วก็เจริญพุทธานุสสติ เห็นภาพพระพุทธเจ้าเท่าที่เคยเห็น ที่ท่านเคยแสดงให้ปรากฏ สวยอร่ามมาก โอ้โฮ แท่นใหญ่เบ้อเร่อ ยิ้มแฉ่ง ริมฝีปากแดง ผมดำ สวยสดงดงาม ก็มีคนปฏิบัติอยู่คนหนึ่งชื่อ พุฒ ท่านเรียก มหาพุฒ ๆ เมื่อเห็นท่าน ก็ดูท่านเพลิน ชื่นใจ ประเดี๋ยวได้ยินเสียงฝาบาตรดังก๊ง แล้วมหาพุฒ ก็บอกว่า คุณ ลืมตาได้แล้ว เทวดาใส่บาตรแล้ว วันนี้คุณทำถูก ทำอย่างนี้ต่อไปทุกวันนะ จะไม่พลาดจากการได้กินข้าวจากเทวดา แล้วภาพท่านก็หายไป พอลืมตาขึ้นมาเปิดฝาบาตรดู มีข้าวในบาตร สีเหลือง ๆ น้อย ๆ และมีดอกไม้ที่ไม่เคยเห็นมาในกาลก่อน มีอยู่ ๑ ดอก เอาข้าวมากิน มันมีรสหวานน้อย ๆ มีอารมณ์ชุ่มชื่น ตอนนี้ก็ได้ท่าแล้ว
    วันหลังต่อมาก็ใช้วิธีแบบนี้ หลับตาพับ ไม่สนใจแล้วกับใครสนใจกับภาพพระพุทธเจ้าอย่างเดียว ภาวนา พุทโธ หายใจเข้านึกว่า พุท หายใจออกนึกว่า โธ และนึกถึงภาพองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเท่าที่เคยเห็น ตอนนี้ ตอนแรกท่านมาให้เห็น ตอนหลังเรานึกเห็นเอาเอง นึกเห็นเอาเอง จิตก็เห็นภาพชัดเจนเหมือนกับที่ท่านมาให้เห็น พอได้ยินเสียงฝาบาตร ก๊ง ก็ยกมือไหว้พระพุทธเจ้าเสร็จ ลืมตาขึ้นมามีข้าวตามเดิม ซ้อมอย่างนี้อยู่ในป่าช้า ๑๕ วัน ถ้าถามว่าในยามปกติหลังจากนั้นกับพระอื่น ก็เล่นกับเขาธรรมดา เขาคุยสนุก เราก็คุยสนุก เขาแบบไหน เราก็แบบนั้น ก็ถือว่า แค่อะไรก็แค่กัน เวลาปกติก็เป็นเวลาปกติ
    หลังจากนั้น เมื่อครบ ๑๕ วันเสร็จ ท่านส่งไปที่ป่า โน่น…ป่าศรีประจันต์ อำเภอศรีประจันต์ จังหวัดสุพรรณบุรี ๓ องค์ไปซ้อมกันที่นั่น ท่านบอกว่า อีคราวนี้แหละแก ถ้าแกไม่ได้กินข้าว เทวดาไม่ให้ แกก็ไม่ต้องกินอะไรทั้งหมด เพราะไม่มีวัดที่อาศัย ไม่มีบ้านที่อาศัย ก็ไม่ไกลบ้านนัก แต่มันอยู่ในป่า กว่าจะเดินออกไปถึงบ้านได้ก็ ๒-๓ ชั่วโมง ก็ยิ่งไกลหนักเข้าไป ความหวังไม่มีที่พึ่งอื่น อารมณ์ใจก็ยิ่งเป็นสุข อารมณ์ก็เป็นเอกัคตารมณ์
    นั่นก็หมายความว่า ทุกวันกินข้าวเทวดาได้ทุกวัน และที่ดีไปกว่านั้น ในป่าที่มีความสุขจริง ๆ ก็คือว่า กลางวันทั้ง ๆ ที่อยู่ไกลบ้านแสนไกล ก็มีคนมาเป็นเพื่อนคุย แต่คนที่มาคุยนั่น ทุกคนตาแข็งหมด ไม่มีใครกระพริบตา พวกนี้ไม่กลัวผงเข้าตา เป็นผู้หญิงบ้าง ผู้ชายบ้าง ผู้หญิงแก่ ผู้ชายแก่ก็ดี เราถือว่า ท่านเป็นครู
    เวลานี้เราอายุ ๒๐ ปีกว่า ๆ ท่าน ๕๐–๖๐ ปี ไม่ช้าเราก็ ๕๐–๖๐ ปี เหมือนท่าน พอเห็นท่านปั๊บ เรามีความคิดอย่างนั้นท่านผู้นั้นก็ยิ้ม ถามว่า ท่านมีความรู้สึกอย่างนี้หรือ ก็ตอบว่า ใช่ ถามว่าโยม ทำไมถึงมีความรู้ว่าอาตมาคิดอย่างนี้ล่ะ โยมก็บอกว่า โยมเป็นคนแก่ เดิมทีเดียวก็มีความรู้สึกอย่างนี้เหมือนกัน โยมรู้ใจคน บางวันก็หาคนแก่ไม่ได้ มีแต่คนสาววัยรุ่นกับสาวเต็มตัว อายุไม่เกิน ๑๘ ปี ถ้าเต็มตัว วัยรุ่นก็ ๑๒–๑๕ นี่ มาเป็นฝูง นำอะไรต่ออะไรมาดะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่นำมาก็เป็นดอกไม้ถวาย แล้วก็นั่งทำตาเล็กตาน้อย ผู้หญิงฟังคงรู้เรื่องกระมัง ตาเล็กตาน้อยนี่ พอเห็นเธอทำแบบนั้นก็เลยบอกว่า หนู ฉันน่ะ แก่แล้วนะ แล้วก็มีสาวคนหนึ่งบอกว่า เขาแก่กว่านี้ ผู้หญิงเขายังเอาทำผัวกันเลย นี่ทำไม แก่เท่านี้จะเป็นผัวผู้หญิงไม่ได้รึ
    ก็ตอบว่า ถ้าแก่ธรรมดา พอเป็นผัวผู้หญิงได้ แต่แก่เป็นพระนี่ มันมีเมียไม่ได้ เธอก็ถามว่า จะไม่สึกแน่รึ ก็ตอบว่า ถ้ายังไม่อยากสึกก็ไม่สึก ถ้าอยากสึกเมื่อไรก็จะสึก เธอถามว่า มีกำหนดไหม ก็บอกว่า กำหนดไม่มี คุยไปคุยมา คุยมาคุยไป เผลอประเดี๋ยวเดียว หันหน้ามากินน้ำ มารินน้ำจากกระติก พอหันไปอีกที แม่เจ้าประคุณเอ๋ย พ้นจากความเป็นสาว ฟันเฟินไม่มีแล้ว ตาโหล หนังเหี่ยวไปแล้ว บอก นี่ ที่ฉันไม่มีเมียเพราะกลัวแบบนี้ ก็ถามว่า กลัวอะไร ก็กลัวไอ้หนังเหี่ยวแบบนี้ เมื่อกี้มันสาวผ่องใส ยังน่ากอดน่ารัด นี่เวลานี้ แม้แต่มือจะแตะตาจะมองเห็น ยังไม่อยากจะมองเห็นเลย
    แกก็หัวเราะชอบใจ แกก็เลยบอกว่า ท่าน เริ่มชนะแล้วนะ ถาม ชนะอะไร บอกว่า ชนะความงาม ก็เลยบอกว่า ยัง เมื่อกี้ยังเห็นว่าเธอสวยอยู่ แต่ฉันก็คิดว่า ที่ไม่ต้องการเธอเป็นเมียก็เพราะอะไรรู้ไหม เธอถามว่า เพราะอะไร เพราะว่า เธอเป็นนางฟ้า เธอไม่ใช่คน ฉันไม่อยากจะเอาลมมาทำเมียฉัน เธอก็หัวเราะชอบใจ กลับมาสาวใหม่ บอก รู้แล้วก็แล้วไป ดีแล้ว ฉลาดอย่างนี้ก็ดีแล้ว สักวันหนึ่งข้างหน้าคงเจอะกัน นั่นแน่ แกมีลีลาหลายลีลา
    ที่มา http://praruttanatri.com/v1/special/books/anlen/story15.htm
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 สิงหาคม 2007

แชร์หน้านี้

Loading...