เมื่อหลวงปู่ปานไปขอเรียนกรรมฐานกับหลวงปู่เนียม วัดน้อย

ในห้อง 'หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ' ตั้งกระทู้โดย joni_buddhist, 21 กรกฎาคม 2007.

  1. joni_buddhist

    joni_buddhist Legal returns ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2005
    โพสต์:
    13,555
    กระทู้เรื่องเด่น:
    203
    ค่าพลัง:
    +63,440
    [​IMG] [​IMG]
    ทีนี้เวลาหลวงพ่อปานไปหาหลวงพ่อเนียมก็ไปโดนตีเข้า เข้าไปแล้วเจอะหลวงพ่อเนียมที่ไหน ความจริงหลวงพ่อเนียมก็เดินคว้าง ๆ อยู่กลางวัดนั่นแหละ มีผ้าอาบ 1 ผืนที่ชาวบ้านเขาเรียกกันว่าผ้าขาวม้า แต่ว่าพระนั่นเขาเรียกผ้าอาบน้ำฝนสีเหลือก แต่ว่าผ้าที่ท่านนุ่งมันไม่เหลือง มันตุ่น ๆ เข้าไปแล้ว มันจะดำ เหลืองหมดไป ขาวก็ไม่ขาว กลายเป็นผ้าดำ ๆ นุ่งแบบชนิดไม่รัดประคดคาดลอยชาย ผ้าอีกอผืนหนึ่งแบบเดียวกัน คล้องคอเดินไปรอบวัด มีหมาวิ่งตามเป็นฝูง ยี่ห้อนี้คล้าย ๆ ฉันนะ นี่อย่าเอาบารมีฉันไปเปรียบกับหลวงพ่อเนียมนะ ที่ว่าคล้ายนี่คล้ายตอนที่หมาวิ่งตามนี่แหละ ฉันก็เหมือนกัน เวลาฉันไปไหนหมามันชอบวิ่งตาม ฉันก็ชอบคุยกับหมา เดินไปเดินมาคุยกับหมา ๆ มันไม่ขัดคอฉัน เวลามันพูดว่าอย่างไรฉันไม่รู้เรื่อง ฉันพูดไปมันรู้หรือไม่รู้ก็ไม่รู้ แล้วก็เลยพูดสบาย หลวงพ่อปานก็บอกว่าเมื่อท่านเห็นน่ะ ก็ไม่รู้ว่าหลวงพ่อเนียม เห็นพระแก่ ๆ ผอม ๆ นุ่งผ้าลอยชายผืนหนึ่ง เอาผ้ามาคล้องคออีกผืนหนึ่ง เอาผ้ามาคล้องคออีกผืนหนึ่ง เดินมีหมาฝูงหนึ่งวิ่งตามไป ท่านก็คุยกับหมาตัวโน้นบ้างตัวนี้บ้าง เดี๋ยวก็ยิ้มกับหมาตัวโน้นลูบหัวหมาตัวนี้ ท่านก็นั่งดู เอ ว่าพระอง๕นี้น่าจะเป็นหลวงพ่อเนียม ท่านไม่รู้จักนี่ ทำไมหลวงพ่อปานจึงคิดอย่างนั้น ก็เพราะว่าหลวงพ่อปานอยู่กับหลวงพ่อสุ่น ๆ นี่เป็นพระชั้นอ๋องแล้วนะ เป็นพระลืมเกิดแล้ว ท่านสอบหลวงพ่อปานได้ดีทุกอย่าง รู้จนกระทั่งหลวงพ่อปานเคยปรารถนาพุทธภูมินา นี่พระขนาดนี้ก็อ๋องแล้ว แต่ว่าเวลาที่หลวงพ่อปานไปหาหลวงพ่อเนียมน่ะหลวงพ่อสุ่นตายแล้ว เมื่อหลวงพ่อสุ่นตาย หลวงพ่อป่านท่านก็บอกว่าท่านก็ต้องหาที่เกาะต่อไป เพราะหลวงพ่อสุ่นบอกไว้ว่าหลวงพ่อเนียมท่านเก่ง ท่านว่าอย่างนั้น ท่านก็เลยเดา ๆ เอาว่า พระองค์นี้ต้องเป็นหลวงพ่อเนียม ก็วางกลด วางย่าม ถอดรองเท้าจำไว้ด้วยนะพระผู้น้อยที่จะเข้าหาพระผู้ใหญ่น่ะเขาต้องวางอะไรต่ออะไรทั้งหมด รองเท่าก็ต้องถอด พระสมัยนี้เขาถอดกันหรือไม่ถอดก็ไม่ทราบ เขาทันสมัย เข้าไปถึงก็กราบ หลวงพ่อปานบอกว่าแทนที่ท่านจะยกมือรับไหว้ กลับจ้องหน้าเป๋ง วาจาที่กล่าวมาเป็นวาจาแรกก็คือ มึงจากไหนวะ มึงมากราบกูทำไม เอาเข้านั่น หลวงพ่อปานบอกว่า เกล้ากระผมมาจากเมืองกรุงเก่าขอรับ กระผมจะมานมัสการหลวงพ่อขอเรียนพระกรรมฐาน วาจาอีกคำที่ตอบมมากก็คือ กรรมฐานโคตรพ่อโคตรแม่มึงมีที่ไหน กูไม่มีกรรมฐาน คนบ้านนี้เขาหาว่ากูบ้า กูเป็นบ้านกูพูดกับหมูกูพูดกับหมา กูกินข้าวกับหมูกับหมาได้ มึงจะมาเรียนกรรมฐานกับกูยังไง กูไม่รู้กรรมฐานมันเป็นยังไง ว่าแล้วก็ขับไล่ไสส่งให้กลับวัด หลวงพ่อปหานก็นั่งทนฟังอยู่ ในที่สุดเห็นท่าจะไม่ได้เรื่องก็เลี้ยวไปหาพระในวัดไปขออาศัยนอน แล้วก็ถามพระในวัดว่าพระองค์นั่นน่ะชื่ออะไร พระท่านก็บอกว่าองค์นั้นแหละชื่อหลวงพ่อเนียมละffice:eek:ffice" /><O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    หลวงพ่อปานก็สมใจคิดว่า ดีละ ในเมื่อพบหลวงพ่อเนียมก็จะต้องเรียนให้ได้ เอาซิมาพบคนดีตามคำสั่งของหลวงพ่อสุ่นเข้าแล้ว ในเมื่อพบเข้าแล้วเช่นนี้จะถอนได้อย่างไร ไอ้เรื่องจะถอนไม่มีวันละ ไม่มีวันถอน วันรุ่งขึ้นหลวงพ่อปานก็เข้าไปหาท่านอีก ตอนนี้เข้าไปตอนเช้าเวลาที่พระฉันข้าว คือว่าพระที่ท่านพักอยู่ด้วยก็ดีเหมือนกัน ในตอนเข้าต้มข้าวต้มให้ท่านฉันแล้วก็บอกว่า ถ้าหาหลวงพ่อเนียมต้องหาตอนเช้าจะค่อยยังชั่วสักหน่วย ถ้าหาตอนเย็นไม่ได้ แดดแข็งแดดจัด ๆ ดีไม่ดีท่านก็ตวาดเอาง่าย ๆ เวลาที่หลวงพ่อเนียมฉันข้าวก็ปรากฏว่าท่านนั่งบนโต๊ะ 2 ชั้น ข้างล่างเป็นโต๊ะตัวโต ข้างบนตัวย่อมหน่วย มีกับข้าวเต็ม ท่านฉันองค์เดียว พระองค์อื่น ๆ ตั้งวงฉันไม่ไกลกันนัก บนโต๊ะของท่านพื้นโต๊ะชั้นที่ 1 มีหมดเต็มหมด ท่านกินข้าวคำ ท่านก็ป้อนตัวโน้นคำป้อนตัวนี้คำ แล้วก็ท่านฉันคำ ป้อนหมาบ้างกินเองบ้าง ป้อนแมวบ้าง คุยกะหมาคุยกะแมวไปตามชอบใจ เมื่อหลวงพ่อปานเข้าไปกราบ ๆ ท่านก็ด่านเอาอีก ท่านด่าเอา ท่านไม่ยอมสอน ท่านบอกว่าท่านไม่รู้กรรมฐาน ตอนนี้ล่อโคตรพ่อโคตรแม่เข้าเลย เอากันอย่างหนักในเมื่อหลวงพ่อปานเห็นท่าไม่ได้การ มองดูพระพี่เลี้ยงที่ไปอาศัยกุฏิอยู่ ท่านก็พยักหน้าให้เข้าไปหา ท่านก็เลยเข้าไปหา พระองค์นั้นท่านก็บอกว่าคอยก่อน พรุ่งนี้เข้าไปหาใหม่ <O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    พอวันรุ่งขึ้นก็เข้าไปหาในเวลานั้นอีก ก็ถูกด่าพ่อล่อแม่อีก เอาขนาดหนัก ท่านยืนยันแบบนี้ชักนิ่งเอา ตอนนี้หลวงพ่อเนียมนิ่ง นั่งมองหน้าเป๋งสักครึ่งชั่วโมง ไม่ใช่น้อยนะ ไม่พูดละมองเป๋งตาไม่กระพริบ หลวงพ่อปานก็หมอบอยู่ข้างเท้าของท่าน หมามันก็เลียหัวเลียหูเลียหลังบ้าง ท่านก็ปล่อยมัน บอกว่าช่างมัน ไอ้หัวเรากับลิ้นหมามันก็คล้ายคลิงกัน ไอ้ลิ้นหมามันก็อยู่ส่วนหัว ไอ้หัวเราก็อยู่ส่วนหัว มันปะทะกัน ไม่เป็นไรหัวต่อหัว ท่านบอกว่าดีน่ะนา มันยังไม่เอาหัวแม่เท้าของมันมาพาดหัวเรา ๆ ก็ยังไม่ว่ามัน เพราะอย่างน้อยที่สุดมันก็ยังเป็นหมาของหลวงพ่อเนียม ๆ จ้องเป๋งสักครึ่งชั่วโมงแล้วก็พูดมาคำ บอกว่า ไอ้…..กะแม่ ไอ้พวกเมืองกรุงเก่านี่น่ะดื้อด้านเหลือทน โคตรแม่มันดื้อด้านมาก ด่าเท่าไหร่ก็ไม่เจ็ด ด่าเท่าไหร่ก็ไม่ช้ำ เอา มันอยากจะเรียนก็เรียนซีวะ ในเมื่อชาวบ้านเขาหาว่ากูบ้าแล้วมึงเรียนกับกู มึงก็เป็นคนบ้า ต่อไปมึงจะต้องบ้าอย่างกูนะถ้ามึงเรียนกับกู หลวงพ่อปานก็เลยบอกว่า บ้าก็บ้าครับ ผมยอมบ้าถ้าผมไม่อย่างบ้าผมก็ไม่มาหาหลวงพ่อ นี่ผมได้ยินข่าวหลวงพ่อแล้วผมอยากบ้าอย่างหลวงพ่อขอรับ ตอนนี้ท่านบอกว่าเพิ่งจะได้ยินเสียหัวเราะลั่น ๆ เลย หัวเราะเสียดังบอกว่า เออ กูหาคนอยากจะบ้ามานานแล้วหาไม่ได้ นี่กูบ้าคนเดียวมานาน ต่อไปนี้กูจะมีเพื่อบ้าละโว้ยเอาเข้านั่น หลวงพ่อปานชอบใจ หลวงพ่อปานบอกว่าหลังจากนั้นท่านก็เลยสั่งว่า เอาอย่างนี้ก็แล้วกันนะ ตอนนี้พูดดี กลางคืนเวลาประมาณสัก 2 ทุ่มนะ เอ็งนุ่งสบงทรงจีวรคาดสังฆาฏิให้ดีเข้าไปหาข้าในกุฎิ เวลากลางวันนี้มันจะเรียนกันยังไงวะกรรมฐาน เขาเรียนกันกลางคืน มันเงียบสงัดตอนนี้ชักดี หลวงพ่อปานก็บอกว่าใจชื้น พอตอนกลางคือนหลวงพ่อปานเข้าไปหาท่าน ปรากฏว่ารูปร่างท่านผิดไปมาก ผิวดำผอมเกร็งแบบนั้นไม่มี ท่านนุ่งสบงทรงจีวรพาดสังฆาฏิเหลืองอร่าม ผิวการสมบูรณ์ ร่างกายสมบูรณ์ หน้าตาอิ่มเอิบ รัศมีกายผ่องใส สวยบอกไม่ถูก หลวงพ่อปานกราบ 3 ครั้งแล้วก็นั่งมอง ท่านก็นั่งมองยิ้ม ๆ แล้วท่านก็ถามว่า แปลกใจรึคุณ ตอนนี้พูดดีถามว่าแปลกใจรึคุณ หลวงพ่อปานก็ยกมือนมัสการ บอกว่าแปลกใจขอรับ ว่าหลวงพ่อรูปร่างไม่เหมือนตอนกลางวัน ท่านก็บอกว่ารูปร่างนะคุณมันเป็นอนัตตานี่ คือว่าเป็นอนิจจัง มันหาความเที่ยงไม่ได้ มันจะดำเราก็ห้ามมันไม่ให้ดำไม่ได้ มันจะขาวเราก็ห้ามไม่ให้มันขาวไม่ได้มันจะผอมเราก็ห้ามไม่ได้ มันจะอ้วนเราก็ห้ามไม่ได้ มันไม่มีอะไรจะห้ามได้เลยนี่คุณ พระพุทธเจ้าท่านทรงกล่าวว่าทุกสิ่งทุกอย่างในโลกมันเป็นอนิจจัง เห็นไหม ไปเจอเอาตัวอนิจจังเข้าแล้วซิ หลวงพ่อปานบอกว่าตอนนี้จะเริ่มสอนกรรมฐาน อธิบายไปเราะจับใจ ฟังง่ายจริง ๆ พูดได้ซึ้งใจทุกอย่าง เวลาท่านพูดคล้าย ๆ ว่าจะบรรลุอรหันตผลไปพร้อม ๆ ท่าน ท่านสอนได้ดีมาก พอสอนเสร็จเรียบร้อยแล้วก็บอกให้ไปพักทีกุฏิอีกหลงหนึ่งซึ่งอยู่ใกล้กับกุฏิของท่านแล้วเลาทำกรรมฐานกลางคือนหลวงพ่อปานวางอารมณืผิด ท่านจะร้องบอกไปทันที บอกคุณปานเอ๊ยคุณปาน นั่นคุณวางอารมณ์ผิดแล้วนี่หว่า ตั้งอารมณ์เสียใหม่มันถึงจะใช้ได้ นี่หลวงพ่อปานบอกว่าท่านมีเจโตปริยญาณแจ่มใสมาก ท่านเรียนพระกรรมฐานอยู่กับหลวงพ่อเนียม 3 เดือนแล้วจึงกลับ
    ที่มา หนังสือประวัติหลวงพ่อปาน
     

แชร์หน้านี้

Loading...