เมื่อพระพาหลวงพ่อไปดูสาเหตุแผ่นดินไหว

ในห้อง 'หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ' ตั้งกระทู้โดย joni_buddhist, 18 กรกฎาคม 2007.

  1. joni_buddhist

    joni_buddhist Legal returns ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2005
    โพสต์:
    13,555
    กระทู้เรื่องเด่น:
    203
    ค่าพลัง:
    +63,440
    [​IMG]
    ผมไปอเมริกาผมก็หม่ำข้าวกลางคืนของประเทศไทยทุกวัน แต่พระพุทธเจ้าไม่ทรงปรับอาบัติ แต่ท้องมันจะล่อผมเข้า ผมก็ป่วยไปเดินโซซัดโซเซ สัญญาต้องเป็นสัญญา คิดถึงลูกคิดถึงหลานที่อยู่ประเทศอเมริกา เธอดีมาก ฉันข้าวเสร็จผมก็กลับมานอนพัก ตอนก่อนเพล เพราะว่าถ้ารับแขกทั้งวัน ผมก็ไม่ไหว ร่างกายก็ทรงไม่ค่อยไหว ไปพักที่วัดไทยในแคลิฟอร์เนีย<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>
    พอกลับมานอนนึกว่าไอ้แผ่นดินที่มันเป็นร่องยาวรอบโลก แล้วลมมันมาจากไหน นี่เป็นความรู้สึกจริง ๆ มันจะเป็นความโง่ของผม เพราะการไปในที่นั่นมันเห็นแต่ร่องแผ่นดินมันใหญ่จริง ๆ มันมีตลอดทั้งโลกในประเทศไทยก็ไม่ใช่ด้อย<o:p></o:p>
    พอนอนนึกเท่านั้นก็เห็นภาพพระพุทธเจ้าท่านลอยอยู่ข้างหน้า ท่านถามว่า "สงสัยเรื่องลมรึ ?"<o:p></o:p>
    ก็บอกว่า "สงสัยครับ เพราะว่าผมมีความรู้สึกว่าลมมันจะเข้าไปอย่างไร แผ่นดินมันจะไหวเพราะลมกระทบ ผมก็มองไม่เห็นว่าลมมันจะเข้าไปอย่างไร ลมมันจะพัดไปทางไหน ทางเข้ามันก็ไม่มี"<o:p></o:p>
    ท่านก็บอกว่า "ถ้ายังงั้น ตามฉันมาซิ"<o:p></o:p>
    ท่านก็พาไปใหม่ ไปที่เดิม ไปเรื่อยเฉื่อย ไปตลอดแนวมันยาวเท่าไหร่ มันยาวไปชนกัน บางทีมันก็ยังแยกอีก ก็แบบแม่น้ำใหญ่ ๆ มันก็แยกเป็นสาย ๆ ก็ต้นทางมันมาจากไหนก็ต่างคนต่างชนกัน มันยาวเหยียดมันใหญ่มาก ทั้งโลกมันก็มี ไม่ใช่มีเฉพาะอเมริกาและก่อนหน้าที่จะไปเป็นปีเดียวกันใช่หรือไม่ใช่ไม่ทราบ เขาบอกว่าที่ แคลิฟอร์เนียแผ่นดินไหว ตึกรามพังกันระเนระนาด หมอบุญเกิด แกถึงได้มาถามว่าจะเป็นอย่างนั้นอีกไหมครับ ก็บอกว่าแผ่นดินอาจจะไหวได้ แต่ที่แคลิฟอร์เนียไม่พังอีกล่ะ ถ้าจะพังก็พังเองไม่ใช่พังเพราะแผ่นดินไหว นี่ตอบไปตามความรู้สึก<o:p></o:p>
    เมื่อไปถึงเห็นโคลนมันเดือด ดินปนน้ำ เป็นลักษณะโคลนเดือนปุด ๆ ทั่วไปหมด อาการเดือดของมันก็เป็นไอขึ้นมา บอกว่าลมนี่มันมาจากจุดนี้ ลมมันก็มาจากไอน้ำที่มันระเหยขึ้นมาและมันเกาะตัวมาก ๆ เข้า ก็กลายเป็นลม เป็นลมกระแสใหญ่ ขึ้นมาเป็นลมใหญ่ ลมใหญ่มันก็กระแทกทางโน้นกระแทกทางนี้ ก็ถามท่านว่า<o:p></o:p>
    "ลมมันขึ้นมาทีละน้อย ๆ นี่ มันน่าจะไหลไปตามกระแสร่องของแผ่นดิน ซึ่งมันยาวเหยียด ไม่น่าจะมีกำลังแรง และทำไมแผ่นดินมันจึงไหวได้ ไม่น่าจะเป็นไปได้"<o:p></o:p>
    นี่เป็นด้านอารมณ์ความโง่ของผม ผมยอมรับ ท่านก็บอกว่า<o:p></o:p>
    "ลมใหญ่มันจะวิ่งไปตามสาย สายของร่องแผ่นดินแตกก็จริงแหล่ แต่ทว่าเธอต้องคิดถึงความเป็นจริงจุดหนึ่ง ซึ่งกระแสลมแรงนี่เขาเรียกว่า ไต้ฝุ่น"<o:p></o:p>
    ผมเรียกชื่อกับเขาไม่ถูก ไอ้โซนร้อนโซนหนาวอะไรผมก็ไม่รู้เรื่องเหมือนกัน เรียกว่าลมแรง ๆ ก็เหมือนกัน ในมหาสมุทร ถึงแม้ในประเทศไทยเราก็โดน มันมีขึ้นมาแล้ว มันพุ่งชนเรือเขาล่มไปบ้าง ดีไม่ดีเรือสินค้ามีน้ำหนักเป็นแสนตัน ยังหอบเอาไปไว้บนเกาะบ้าง พอชนบ้านเรือนโรงพังไปบ้าง ที่แคลิฟอร์เนียนั่นผมไปชายฝั่งเห็นไม้ไร่หักระเนระนาด บ้านช่องเขาพัง เขาบอกนี่ลมใหญ่ในทะเล มันพุ่งเข้ามาบ้านช่องพัง ท่านก็เลยบอกว่า<o:p></o:p>
    "เธอสังเกตหรือเปล่าว่าผิวโลกมันมีความกว้างใหญ่ไพศาลขนาดไหน และลมเกิดขึ้นน้ำน่าจะลอยไปบนอากาศ แต่มันไม่ไป กลับไปทิ่มบ้านทิ่มเรือนเขาพัง ทำไมมันถึงเป็นไปได้ ก็ไอ้ใต้แผ่นดินมันมีร่องแคบ ๆ ไอ้ช่องที่อากาศจะลอยตัวขึ้นไป หรือความร้อนจะลอยตัวขึ้นไป ลมจะลอยตัวขึ้นไป มันก็มีน้อย คือว่าเพดานมันต่ำ ในเมื่อมันรวมตัวขึ้นมา มันขยายตัวไม่ทันอย่างในมหาสมุทรมันน่าจะขยายเร็วแสนเร็ว ไปไหนก็ได้ แต่มันไม่ไปมันรวมกลุ่มแล้วก็วิ่งไปชนบ้านชนเรือนเขา<o:p></o:p>
    ข้อนี้ฉันใด แม้แต่ลมที่เกิดขึ้นในซ่องแผ่นดินแยกหรือที่เป็นร่องพื้นผิวที่เรานั่งอยู่ มันก็ก่อตัวในลักษณะเดียวกัน ในเมื่อมันรวมตัวกันจัด มันก็พุ่งไปชนทางโน้นบ้าง ชนทางนี้บ้างในช่องแคบจนกว่ามันจะไหลไปทั่ว ๆ ร่อง ก่อนที่จะไปความแรงของมันก็ชนกันเป็นเหตุให้แผ่นดินไหว"<o:p></o:p>
    ก็เลยเป็นอันว่าทราบว่าไอ้เจ้าลมนี้มันไม่ได้มาจากข้างนอก มันมาจากไอน้ำข้างในมีความร้อนสูง และผมก็ขอร้องให้ท่านไปสำรวจความร้อน ว่าความร้อน จริง ๆ ใต้ผิวแผ่นดิน ที่แผ่นดินเป็นร่อง ใต้ผิวลงไปนะ มันมีความร้อนขนาดไหน<o:p></o:p>
    ดูแล้วโอ้โฮ้...ใต้แผ่นดินนี่มันร้อนจริง ๆ มันร้อนจัดมาก ดีไม่ดีนี่เราเผลอเรียกว่า "ไฟนรก" ความจริงมันไม่ใช่ นรกไม่ได้อยู่ใต้ดิน ถ้านรกอยู่นั่น ผมไปต้องเจอะนรกมากแล้ว<o:p></o:p>
    อย่างกับทานพระครูอะไรก็ไม่ทราบ ท่านเขียนหนังสือมาถามว่า "นรกนี่มันอยู่ใต้ดิน ไอ้ที่พูดว่านรกมันมีอีกโลกหนึ่งน่ะโกหก"<o:p></o:p>
    ความจริงผมไม่ได้โกหกท่านและก็ไม่ได้โกหกใคร ผมพูดตามหลักวิชาความรู้ในพระพุทธศาสนา นี่พระพุทธเจ้าก็ดี พระโบราณาจารย์ก็ดี ท่านบอกนรกมันอยู่ใต้ดิน ท่านไม่ได้หมายความนรกอยู่ในดิน ไอ้ที่ผมไปเจอะนี่ความร้อนมันอยู่ในแผ่นดินในส่วนลึกใต้ผืนแผ่นดินลงไปไม่ใช่ใต้ดิน ใต้ดินนั่นก็หมายความว่า นี่นรกที่นั่นต้องไม่มีดินผืนนี้อยู่ และมันอยู่ต่ำกว่า<o:p></o:p>
    เป็นอันว่าวันนั้นก็เลยเข้าใจตามความจริงว่าความร้อนใต้แผ่นดินมีมากหนัก และที่ภูเขาไฟระเบิด ก็มีความเข้าใจว่า ไอ้ความร้อนมันกัดหินไปทีละหน่อย ๆ มันมีอยู่ที่ผิวมาก ว่าง ๆ มันก็พุ่งมาสักที ทำไมไม่พุ่งตลอด อันนี้ผมก็ไม่ทราบเหมือนกัน อย่ามาถามกันนะ ผมไม่รู้ มันไหม้จนหินละลาย ก็ต้องคิด หินละลายเปิดเป็นช่องเป็นปล่องให้มันโผล่ขึ้นมา ความจริงมันน่าจะโผล่มาตลอดปีตลอดวัน มันก็ไม่โผล่ ไป ๆ มันก็จะโผล่ นี่เป็นเพราะอะไรผมไม่เข้าใจเหมือนกัน และก็ไม่อยากจะเข้าใจต่อไป ไม่ใช่เรื่องที่น่าจะรู้<o:p></o:p>
    ก็เป็นอันว่าวันนั้นมีความรู้เรื่องแผ่นดินไหว ว่ามันจากกระแสของไอน้ำกลายเป็นลม เมื่อก่อตัวมาก ๆ ขึ้นมันก็เป็นลมพายุ ทิ่มทางโน้นทิ่มทางนี้ พื้นผิวแผ่นดินที่เราอยู่ ผิวตอนไหนใกล้กับกำลังแรงของลมตอนนั้นก็ไหวมาก ถ้าอยู่ไกลก็ไหวน้อยอยู่ไกลมากความสะเทือนไม่ถึงก็ไม่รู้สึกไหว และผมก็เลยสนใจเรื่องความร้อนในใต้ผืนแผ่นดิน ว่าความร้อนใต้ผืนแผ่นดินนี่ถ้านำมาใช้งาน เผาผลาญน้ำให้เกิดเป็นไอจะมีประโยชน์ต่อโรงงานมาก ก็รวมความว่าเป็นความคิดอย่างโง่ ๆ ของผม<o:p></o:p>
    พอเลิกจากเวลานั้นมา วันนั้นไปตั้งแต่เวลา ๒ โมง มีความรู้สึกตัวขึ้นอีก ๕ นาทีพลพอดี ก็มีความรู้สึกเคลิ้มไปนานหน่อย ถ้าจะถามว่าไปอย่างไรก็ต้องตอบว่าเคลิ้มไปก็แล้วกัน พูดอย่างอื่นก็ไม่รู้เรื่อง ผมไม่ได้มีญาณอะไรกับเขานี่ อยู่ ๆ ผมนึกขึ้นมา ผมเห็นภาพพระพุทธเจ้าหรือจะเป็นเพราะความเคลิ้มก็ไม่รู้ และผมก็เคลิ้มผมเรื่อยไปตามเรื่องตามราว ก็รู้เรื่องรู้ราวมาก<o:p></o:p>
    อีตอนรู้มาแล้วชักเริ่มสงสัยตัวเอง ตอนนั้นที่มีความรู้สึกเชื่อมั่นว่าเป็นจริงตามนั้น พอรู้สึกตัวขึ้นมาก่อนจะฉันอาหาร "เอ๊ นี่เรามีความรู้สึกอย่างนี้มันตรงกับความเป็นจริงไหม" ผมก็มีความมั่นใจว่าฝรั่งนี่เขาเป็นคนอยู่ไม่สุข เขาก็พยายามค้นคว้าหาเหตุหาผลตามความเป็นจริงจนได้ เวลาที่ออกไปฉันข้าว ก็พบหน้า ดร.ปริญญา นุตาลัย เธออยู่ ก็เรียกเข้าไปบอกว่า<o:p></o:p>
    "ด็อกเต้อร์ ไอ้ที่ผืนแผ่นดินที่มันมีลมขึ้นมา เมื่อกี้ฉันไปเห็นมาแล้วด้วยอาการเคลิ้ม และปรากฏเห็นแผ่นดินมันมีน้ำโคลนเดือนปุด ๆ ๆ ความร้อนมันสูงมาก"<o:p></o:p>
    และ ดร.ปริญญา ก็บอกว่า "ฝรั่งเขารู้แล้วครับ"<o:p></o:p>
    เธอคงคิดว่าผมอาจจะคิดว่าฝรั่งยังไม่รู้ ความจริงมันไม่ใช่ ผมอยากจะพูดกับเธอก็หมายความว่าผมจะสอบดู ว่าไอ้ความเคลิ้มของผมน่ะมันตรงตามความเป็นจริงไหม ผมเชื่อมั่นว่าฝรั่งเขารู้จริง เธอก็ตอบว่า "ไอ้เรื่องนี้ฝรั่งเขารู้แล้วครับ"<o:p></o:p>
    ก็เลยบอก "ไม่ใช่อย่างนั้น ฉันต้องการว่าฉันรู้ตรงหรือไม่ตรง ยังไง ๆ ฝรั่งรู้ไม่ผิด"<o:p></o:p>
    เธอก็บอก "รู้ตรงครับ"<o:p></o:p>
    เธอก็พูดต่อไปตามความรู้เดิมของเธอที่ศึกษามาด้านธรณีวิทยาว่า<o:p></o:p>
    "ลมที่เกิดขึ้นก็คือไอ้น้ำนี่เอง"<o:p></o:p>
    เธอก็พูดต่อไปตามความรู้เดิมของเธอที่ศึกษามาด้านธรณีวิทยาว่า<o:p></o:p>
    "ลมที่เกิดขึ้นก็คือไอ้น้ำนี่เอง"<o:p></o:p>
    เธอพูดตรงเป๋ง แหมผมก็ดีใจ บอกเออดีจริง ๆ ไอ้ความรู้เคลิ้ม ๆ ของเราก็ไปตรงกับความรู้ของฝรั่ง<o:p></o:p>
    นี่แหละบรรดาเพื่อนภิกษุสามเณรและบรรดาญาติโยมพุทธบริษัท ความรู้ทางพระพุทธศาสนาของเรา ถ้าเรามีความมั่นใจจริง ๆ มันก็ชนกับความจริงได้ ซึ่งเป็นหลักวิชาที่เราไม่ต้องใช้ทุนมากเลย ไม่ต้องข้ามน้ำข้ามทะเลไปเรียน ในประเทศเราเยอะไม่ต้องจ่ายเงินไทยเป็นประโยชน์กับประเทศอื่น กลับมาไม่เป็นประโยชน์ ผมก็เสียดายสตางค์เหมือนกัน<o:p></o:p>
    ฉะนั้นการไปของผมคราวนั้นผมคิดว่าคุ้มค่าที่บรรดาญาติโยมพุทธบริษัทออกสตางค์ให้ผม ถ้าจะถามว่าเอาเงินที่ไหนไป ปัดโธ่เอ๋ย...คนอย่างผมเป็นหนี้เขาเป็นล้าน ๆ จะมีเงินที่ไหนไป แต่การจะไปทางไหนก็อาศัยความดีของญาติโยมพุทธบริษัทเพราะว่าลูกศิษย์ลูกหลาน ผมไม่เรียกลูกศิษย์ละ ลูกหลานในอเมริกาก็ต่างคนต่างส่งมาเป็นทุนอันดับแรก และบรรดาญาติโยมพุทธบริษัทภายในประเทศเราก็เหมือนกันต่างคนต่างรู้ ต่างคนก็ต่างให้<o:p></o:p>
    รวมความว่าการไปคราวนั้นทุกคนต้องเสียค่าเครื่องบินกันเอง แต่ทุกคนก็ดีไปทำงานให้แก่พระพุทธศาสนา สอนกรรมฐานกันด้วยความเต็มใจ ทั้ง ๆ ที่วันเวลาเปลี่ยนแปลงไป<o:p></o:p>
    <o:p></o:p>
    ก็รวมความว่าความรู้พิเศษในพระพุทธศาสนา สามารถตามฝรั่งได้ ที่ว่าตามฝรั่งได้ ถ้าจะถามว่าเราจะรู้ให้ก่อนหน้าฝรั่งได้ไหม มันคงจะได้ครับ แต่ผมไม่อยากรู้ เพราะองค์อื่นท่านอาจจะรู้แล้วก็ได้ แต่ผมน่ะขี้เกียจ ผมมีความรู้สึกกว่าการปฏิเสธร่างกายนี้ ที่เราเห็นว่ามันไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรามันเป็นของยาก และตั้งใจจะทำใจให้มีความรู้สึกว่าร่างกายนี้ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเราอยู่เสมอ ในขณะใดเผลออาจจะคิดว่าร่างกายเป็นเราเป็นของเรา ผมกลัวตัวเผลอตัวนี้ดึงไป ไม่อยากเอาจิตใจไปรู้เรื่องอื่น<o:p></o:p>
     

แชร์หน้านี้

Loading...