เมื่อคุณอ๋อยพบหลวงพ่อพระราชพรหมยานครั้งแรก

ในห้อง 'หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ' ตั้งกระทู้โดย joni_buddhist, 6 กันยายน 2007.

  1. joni_buddhist

    joni_buddhist Legal returns ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2005
    โพสต์:
    13,555
    กระทู้เรื่องเด่น:
    203
    ค่าพลัง:
    +63,444
    [​IMG]
    คุณอ๋อยพบหลวงพ่อ
    เมื่อสมัยก่อน คุณอ๋อยกับคุณเสริม เป็นคนชอบไปหา อาจารย์ที่เขาว่าเก่ง ๆ ซึ่งจะว่าไปแล้ว ก็ไม่ได้เป็นตัวตั้งตัวตีอะไร เป็นแต่ว่า เพื่อนฝูงมาชักชวนก็ไปกัน ไปขอของดีบ้างไปรดน้ำมนต์บ้าง ไปดูหมอบ้าง ไม่ได้ไปอยู่อย่างเดียวคือ ไปขอหวย
    พ.ศ. 2511 น.อ. อาทร โรจนวิภาต และคณะซึ่งเป็นศิษย์เก่าแก่ของหลวงพ่อได้ไปขอให้ พล.อ.อ.พะเนียง กานตรัตน์ ผู้บัญชาการทหารอากาศ ซึ่งในตอนนั้น ยังมียศเป็น พล.อ.ต. ตำแหน่ง เจ้ากรมยุทธการทหารอากาศ ให้เป็นประธานในการทอดกฐิน คุณหญิงสุรนุช กานตรัตน์ ท่านเป็นเพื่อนกับคุณอ๋อยท่านก็ชวนไปกฐินหลวงพ่อที่วัดท่าซุง คุณอ๋อยก็ลากคุณเสริมไปด้วย โดยมีการปลุกใจว่า เขาว่า พระองค์นี้เก่ง คุณเสริม ถามว่า เก่งยังไง คุณอ๋อยไปสืบความเก่ง มาเรียบร้อยแล้ว ก็รายงานว่า มีตัวอย่างอยู่สองเรื่อง เรื่องแรก คุณนายผู้ว่าราชการจังหวัดอุทัย ยืมรถจี๊ปเขามากรุงเทพ ฯ จอดไว้ที่สะพานควาย ซื้อของเสร็จ ออกมาปรากฏว่า รถหาย แทนที่จะแจ้งความ ตำรวจ กลับรีบไปจังหวัดอุทัย ถามหลวงพ่อดู ท่านบอกให้ไปหา ที่จังหวัดชายน้ำ คุณนายก็ไปที่ จังหวัดสมุทรปราการ เลยพบรถจริง ๆ อีกตัวอย่างหนึ่ง น.อ. มนูญ ชมพูทวีป สมัย ที่เป็น ร.อ. ไปสอบคัดเลือกเข้า ร.ร. ผู้บังคับฝูง ซึ่งจัดคนสอบได้ที่เลขคี่ เข้าเรียนก่อน เลขคู่เรียนทีหลัง สอบแล้วก็ไปเรียนถามว่า ได้เลขคู่หรือเลขคี่ ท่านตอบว่า ได้ที่สาม แล้วผลปรากฏว่า ได้ที่สามจริง ๆ
    กฐินปีนั้น ได้เงิน ประมาณสี่หมื่นบาท จัดว่า มากพอดู เสร็จแล้วท่านก็เปรยๆ ว่า ปีหน้าคุณเสริม เป็นเจ้าภาพ คุณอ๋อยกับคุณเสริม ตามไปที่กุฏิ (โกโรโกโส) ริมน้ำขอให้ทำนาย ท่านก็บอกให้ จุดธูปบูชาพระแล้ว ถามได้ 3 ข้อ ต่อจากนั้น ก็คุยกันเรื่องศาสนา คุณเสริมถามว่า สวรรค์มีจริงหรือ ท่านตอบว่า มีจริงฉันไปมาแล้ว ถ้าอยาก ดูก็ลองดูซิ เอาวิธีลัดลองกันดูก่อนก็ได้ ในอันดับต่อไป คือวันหลังๆ ก็ลองไปนั่ง นะ มะ พะ ทะ กันดู แต่ไม่ได้ผลอะไร บางคนก็เต้น บางคนก็ทำท่าต่าง ๆ แต่ท่านบอกว่า มีคนเขาไปกันได้ แล้วซักถามได้ด้วย คือ จิตอยู่ข้างบนตัวอยู่ข้างล่าง โต้ตอบกันได้ ถามได้ว่า เห็นอะไร (ต่อมาใน พ.ศ. 2522ท่าน ได้รับคำแนะนำ วิธีใหม่ ซึ่งบางคน ที่ติดมา 10 กว่าปี ไปไหนไม่ได้ แต่ด้วยวิธีใหม่ คือ กึ่งวิชชาสาม กึ่งอภิญญา และมีสมาธิ แค่อุปจารสมาธิ ก็ปรากฏว่า ทำคราวเดียวได้เลย ในขณะที่เขียนนี้ มีคนไปได้กว่า 1 พันคนแล้ว)
    แต่เดิม เวลานิมนต์ มาโปรดที่กรุงเทพ ฯ หลวงพ่อ จะพักที่บ้านคุณนนทา อนันตวงศ์บ้าง บ้านคุณสนั่นบ้าง คุณวาสนา หุตะสิงห์บ้าง ต่อมาเมื่อคุ้นมากขึ้น คุณอ๋อยก็นิมนต์ มาที่บ้าน ท่านก็มามีการสอนธรรมะบ้างและในยามที่ว่าง การสอนก็คุยเรื่องเบ็ดเตล็ดต่างๆ ซึ่งฟังไม่รู้จักหมด เพื่อนคุณอ๋อย สมทบมานมัสการหลวงพ่อมากขึ้นทุกทีๆ จนในที่สุด หลวงพ่อก็พักที่บ้านคุณอ๋อยเป็นประจำ ในเวลามากรุงเทพฯ เพราะ สถานที่กว้างขวาง รับคนได้มาก และการคมนาคมดี เป็นแหล่งกลาง ต่อมาผู้เลื่อมใสมากขึ้น ทุกวัน คุณอ๋อยจึงต้องต่อบ้านใหม่อีก 3-4 ครั้ง ถึงกระนั้นก็ยังไม่พออยู่ดี
    เรื่องหลวงพ่อปานกับศิษย์เป็นเรื่องสนุก จึงพากันขอร้องให้หลวงพ่อ ทำการเขียนเรื่อง หรือ บันทึกเสียงไว้ ให้ถอดเทป เนื่องจากเกรงว่า หากสิ้นท่านไป เรื่องจะสูญ จะรวบรวมเล่ากัน ในภายหลังก็คงจำได้ไม่หมด และ สำนวนจะไม่สนุกเท่าท่านเล่าเอง ข้อสำคัญ นอกจากความบกพร่องจะต้องมีแล้ว คนอื่นก็จะหาความว่า พวกศิษย์ แต่งขึ้นเอง เลยทำให้ขาดความเชื่อถือได้ หลวงพ่อก็ทำให้ เมื่อทำให้แล้ว คุณเสริม ก็ถอดเทป แล้วจัดพิมพ์โรเนียวอ่านกันเองสนุก ๆ
    ต่อมา คุณอรอนงค์ อรรถไกวัลวที เธอขออนุญาตหลวงพ่อ เอาไปจัดพิมพ์ งานศพ คุณหลวงอรรถไกวัลวที ผู้เป็นบิดา หลวงพ่อก็อนุญาต (ซึ่งท่านบอกในภายหลังว่า ถึงกำหนดครบเทอมที่ต่ออายุ มาในปีนั้นแล้วจึงยอมทำ โดยคาดว่า พอหนังสือออกมาท่านก็คงจะไม่มีชีวิตอยู่แล้ว ซึ่งพวกศิษย์ก็เห็นเตรียมโลงและตั้งท่าร้องไห้กันอยู่แล้ว เพราะอาการป่วยของท่านไม่ดีเลย)
    หนังสือนี้ พวกศิษย์ของหลวงพ่อว่า ขอตัด ชื่อของท่าน และสถานที่ออกเสีย เพื่อเป็นการป้องกันคนที่จะกล่าวหาว่า อวดอุตริมนุสธรรม หรือเขียนหนังสือหลอกลวง เพื่อหาลาภผล และขอให้ท่านตั้งนามปากกาขึ้น ท่านก็บอกว่า เอานามปากกา "ฤาษีลิงดำ" ก็แล้วกัน ส่วนชื่อหนังสือนั้น พวกศิษย์ ตั้ง ว่า "ประวัติหลวงพ่อปาน" แต่ ความจริงแล้ว ปนกันไปหมด ประวัติหลวงพ่อปาน มีน้อยนิดหนึ่ง แต่ก็ไม่ทราบ จะเรียกอย่างไรเหมาะ นามปากกา ฤาษีลิงดำ ซึ่งหลวงพ่อบอกว่า หลวงพ่อปาน ท่านชอบเรียกตัวท่านว่า ลิงดำ นี้เติม ฤาษี เข้าไปด้วย จะได้รู้ว่าเป็นผู้บำเพ็ญ ไม่ต้องการให้เข้าใจว่า พระเขียน
    การพิมพ์ หนังสืองานศพนี้ คุณเสริมและคณะได้ออกเงินสมทบ พิมพ์เพิ่มจำนวน เอาไว้แจกเพื่อนฝูงอ่าน ด้วยจำนวนหนึ่ง แจกไปได้ไม่เท่าไรก็หมด ค่าพิมพ์ก็แพง เลยต้องให้ช่วยค่าพิมพ์ จะได้สามารถพิมพ์ติดต่อกันได้เรื่อยไป เป็นผลให้มีหนังสืออ่านกันมาได้จนบัดนี้
    ต่อมากิตติศัพท์ว่า ฤาษีลิงดำ ผู้เขียนหนังสือนี้ ยังไม่ตาย คนก็ไปนมัสการกันเป็นการใหญ่ ท่านก็ค่อยๆ มีชื่อเสียงขึ้นดัง ทุกวันนี้ และ ถึงแม้จะแนะว่า ชื่อจริงท่านชื่อนั้นๆ คนทั้งหลาย ก็ชอบเรียกท่าน ฤาษีลิงดำๆ ไม่ยอมเปลี่ยน มีบ้างที่เรียก เป็นลิงเผือกบ้าง ลิงลมบ้าง มีต่างๆ นานา ตกลงหลวงพ่อก็เลยต้องยอมรับ ชื่อ ฤาษีลิงดำ ไว้อย่างเลยตามเลย
    ฉะนั้นจะเห็นได้ว่า หลวงพ่อจะเจตนาตั้งฉายาตนเอง ให้เป็นสัตว์เดรัจฉาน อย่างที่ผู้มุ่งร้ายชอบพูดก็เปล่า ความจริงเริ่มต้น ด้วยการใช้เป็น นามปากกา หนังสือประวัติหลวงพ่อปาน เล่มที่ 2 เล่มแรกคือ คู่มือปฏิบัติพระกรรมฐาน ซึ่งจ่าตำรวจ ชื่อ พัว ชระเอม (ถึงแก่กรรมแล้ว) ออกเงินพิมพ์ถวายหลวงพ่อไว้ 3,000 เล่ม แจกเท่าไหร่ก็ไม่มีคนเอา ต่อเมื่อได้คุณอ๋อย คุณเสริม ศิษย์ใหม่ เพียงในไม่ช้าก็แจกหมดต้องจัดพิมพ์ใหม่ นอกจากนี้ก็มีหนังสืออื่น ๆ ตามมาอีกร่วม 20 เล่ม
    หนังสือประวัติหลวงพ่อปาน เป็นเรื่องสนุกๆ ที่หลวงพ่อเล่าสลับฉาก ซึ่งคงจะเป็นทำนองเดียวกับพระพุทธ เจ้าทรงเล่า เรื่อง ชาดก สลับฉาก หรือ เป็นอุทธาหรณ์ ในการสอนของท่าน แต่ในเมื่อ เอาจริงจังกัน ในด้านธรรมะแล้ว ไม่ว่าด้านปริยัติ หรือปฏิบัติ ท่านตอบหรืออธิบายได้คล่อง ไม่มีจน และการอธิบายของท่านก็ง่าย มีเหตุผล และมักตรงใจดำของผู้สงสัยเสมอ อารมณ์ขันของท่านมีมาก โดยเฉพาะเวลารับแขก ท่านจะใช้ลีลานี้ เพื่อเป็นการขจัดความขยาดของคน ที่มักจะตัวเกร็ง เวลาไปหาพระ หลายต่อหลายคน ไม่มีความ เข้าใจในท่าทีนี้ มักจะกล่าวว่า หลวงพ่อท่านเป็นพระไม่สำรวม แต่ในด้านการงานหรือการปฏิบัติธรรมแล้ว ถึงเวลาก็เอาจริง พระส่วนมาก ยิ่งอยู่กับหลวงพ่อนานเข้า ก็ยิ่งกลัวมากเข้า คือเวลาสอนธรรมะ หรือให้ปฏิบัติธรรมะแล้ว เป็นฟันไม่เลี้ยงเลย ที่ว่าไม่เลี้ยงนั้นไม่เลี้ยงจริง ๆ คือ ถ้าไม่เป็นเรื่องเลยท่าน ก็จะไล่ไม่ให้อยู่วัด
    โดยสรุป ศรัทธาของคุณอ๋อยในองค์หลวงพ่อเพิ่มมากขึ้นทุกที การปฏิบัติธรรมก็ถูกอบรมให้เข้าแนวทีละน้อยๆ โดยลำดับ
    ที่มา http://www.firstbuddha.com/Real/oiy.htm
     

แชร์หน้านี้

Loading...