เมื่อขรัวอีโต้รักษาคนป่วย

ในห้อง 'หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ' ตั้งกระทู้โดย joni_buddhist, 25 สิงหาคม 2007.

  1. joni_buddhist

    joni_buddhist Legal returns ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2005
    โพสต์:
    13,555
    กระทู้เรื่องเด่น:
    203
    ค่าพลัง:
    +63,444
    <CENTER>[​IMG]</CENTER>ตอนนี้มาพูดกันถึงคุณสมบัติของขรัวอีโต้อีกประการหนึ่ง เวลาคนไข้มา ถ้าคนไข้เป็นโรคปวด โรคเมื่อย เป็นแผล ฟกช้ำดำเขียวที่ไหน แกก็บอกว่าแกจะทำน้ำมนต์ให้ แล้วแกก็ให้คนไข้เอามะพร้าวมา ๑ ลูก เอาดินเหนียวมา ๑ ก้อน แกขูดมะพร้าวเสร็จแกก็เอามาขยำกับดินเหนียว ขยำไปขยำมาไอ้น้ำมันมะพร้าวมันไหลออกมามีสีเหมือนน้ำมันเคี่ยว แล้วก็มีกลิ่นหอมเหมือนน้ำมันที่เคี่ยวแล้ว แล้วก็ให้คนเอาไปทารักษาโรคหาย นี่เป็นคุณสมบัติในด้านการรักษาโรค เอาละ เป็นอันว่าเรื่องของขรัวอีโต้เพื่อนหลวงพ่อปานนี่ฉันสอบถามแล้วนะ ว่าเป็นนักกรรมฐานคนสำคัญ แล้วก็ได้กสิณ ๑๐ ได้อภิญญา แต่ทว่าก็อย่าลืมนะว่าเป็นอภิญญาโลกีย์วิสัย เรียกว่าฌานโลกีย์ มีผัวมีเมียได้ ไม่ใช่ว่านักเจริญกรรมฐานต้องเลิกจากผัวต้องเลิกจากเมีย ไม่ใช่อย่างนั้น ถ้าเรื่องของศีลเขาไม่ขาดละก็เขาทำของเขาได้ แต่พระโสดา สกิทาคา เขายังครองเรือนได้ ยังมีลูกมีเต้าได้ แต่สำหรับพระอนาคามีเท่านั้นแหละ ถึงแม้ว่าจะอยู่บ้าน ก็อยู่อย่างไม่มีความหมาย เพราะว่าความรู้สึกทางเพศไม่มี นี่ส่วนที่เป็นฆราวาส อย่าว่าแต่ฌานโลกีย์เลย แม้แต่พวกที่ได้โลกุตตระ คือ เป็นพระอริยเจ้ายังอยู่ได้ ถึงพระอนาคามี นี่บรรดาลูกหลานทั้งหลายที่ฟังอาจจะสงสัยว่าคนที่ได้ฌานโลกีย์ ได้กสิณ ได้อภิญญาแล้วทำไมจะมามีลูกมีเมียเป็นฆราวาสอยู่ ทำไมไม่บวช เรื่องของการบวช เรื่องสมณวิสัยนี่มันคนละเรื่อง ฉันว่ามีความจำเป็นน้อย คนที่เป็นชาวบ้านจะทำความดีนี่ไม่จำเป็นต้องเป็นพระ ชาวบ้านทำความดีได้ ชาวบ้านเป็นพระอริยเจ้าก็ได้ อย่าว่าแต่ฌานโลกีย์เลย ถมเถไป สมัยเมื่อพระพุทธเจ้ายังมีชีวิตอยู่ ไปเจริญพระกรรมฐานในป่าก็มีความอดอยาก บางวันท่านคิดว่าพรุ่งนี้ถ้าเราได้กินข้าวต้มสักนิดก็จะดี ก็ปรากฏว่ามีโยมผู้หญิงคนหนึ่งนำข้าวต้มมา บางวันท่านคิดว่าพรุ่งนี้มีอะไรสักหน่อยหนึ่งที่ท่านชอบใจได้กินก็จะดี โยมคนนั้นก็นำมา พระก็สงสัย ถามแก ๆ ก็ไม่ตอบ ต่อมาเมื่อกลับมาเฝ้าพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าบอกว่าคน ๆ นั้นเขาได้อนาคามีผล และก็เป็นขั้นปฏิสัมภิทาญาณเสียด้วย นี่จะว่าพระจะดีกว่าฆราวาสเสมอไปน่ะ ไม่แน่นักนะ นั่นพระยังเป็นโลกียชน แล้วคน ๆ นั้นเขาเป็นพระอริยเจ้าขั้นอนาคามีบุคคล พระทันเขาที่ไหน สำหรับขรัวอีโต้นี่ก็เหมือนกัน ลูกหลานฟังแล้วก็จะว่า แหม ได้ฌานขั้นนี้แล้วน่าจะบวช เรื่องบวชนี่มันไม่จำเป็นหรอกนะ ไม่มีความจำเป็นนัก หมายความว่าจะบวชกันหรือไม่บวชไม่สำคัญ คนที่บวชตัวแล้วไม่บวชใจนี่ซิ ระยำมาก ระยำกว่าคนที่เขาไม่บวชตัวแล้วใจเขาก็ไม่บวช เพราะเขาเป็นฆราวาสทั้ง ๒ อย่าง แต่ว่าถ้าบุคคลใดตัวเขาไม่บวชแต่ว่าใจเขาเป็นนักบวช นี่เขาประเสริฐมาก
    ที่มา ประวัติหลวงพ่อปานและhttp://suknirun.buddhi.sm/history_pupan/history_pupan6.htmlffice:eek:ffice" /><O:p></O:p>
     
  2. mahaasia

    mahaasia เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    1,130
    ค่าพลัง:
    +4,971
    โมทนาครับ โมทนาจริงๆขอให้เจริญในธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านะครับ
     
  3. wonderisland

    wonderisland เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    541
    ค่าพลัง:
    +8,009
    ขอโมทนาในธรรมทาน ครับ ได้รับความรู้มากๆ และชี้ให้เห็นข้อธรรม
     

แชร์หน้านี้

Loading...