ฮือฮา...เผาศพแม่เฒ่ากระดูก..กลายเป็นแก้ว

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย color999, 8 กรกฎาคม 2015.

  1. color999

    color999 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2015
    โพสต์:
    14
    ค่าพลัง:
    +61
    เผาศพแม่เฒ่า 94 เก็บกระดูกพบกลายเป็นแก้ว เป็นหยก
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 กรกฎาคม 2015
  2. บุญทรงพระเครื่อง

    บุญทรงพระเครื่อง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    17,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +27,814
    สวัสดีครับ ท่านเจ้าของกระทู้ ไม่ทราบว่า ประวัติ ความเป็นมาของ เจ้าของกระดุกของแม่เฒ่าวัย ๙๔ ปีนี้ ท่านปฎิบัติ ธรรมความเป็น มาอย่างไรครับ ปรกติ ถ้า ฆราวาส กระดูกเป็นพระธาตุ หรือเป็นแก้ว ต้องจบกิจเป็นพระอรหันต์ครับ แต่ที่เห็น ไม่ได้เป็นเยอะ ผมก็ไม่แน่ใจเท่าใดนัก แต่ที่แน่ๆ ท่านเป็นคนมีบุญ แน่นอนครับ แต่อยู่ระดับใดนั้น มิอาจทราบได้ ถ้าฆราวาส จบกิจวันนี้ ต้องนิพพานวันนี้ครับ ไม่สามารถ ทรงธาตุขันต์ ในร่างของฆราวาสได้ จะอยู้ได้แค่พระอนาคามีเท่านั้นครับ ว่าตามตำราน่ะครับ ถ้าคนมีบุญ อีกแบบหนึ่ง กระดูก เป็นคต คล้ายกระเบื้อง ออกใสนิดๆ แต่เป็นแผ่นใหญ่ ผมเคยเห็น ๒ คน คือพ่อผม และผู้หญิงอีกคน


    เป็นคนนครปฐมทั้งคู่ พ่อผม ปฏิบัติ ธรรมบ้างบางโอกาศ ของท่านๆเป็นหมอโบราณด้วย และอีกแบบหนึ่ง กระดูกท่านมีเป็นแบบเป็นรูปฤาษี ผมไปให้ลุงดู แต่ตกลงมาแตก ผม ได้ นำมาเลี่ยมไว้ ที่เป็นกระเบื้อง น้องผมเอาไป ตอนหลังเขานำไปบรรจุ เจดีย์ในวัดไปแล้วครับ ยังไงๆ ก็นำประวัติท่านมาลงไว้สักหน่อยก้ดีครับผม
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 กรกฎาคม 2015
  3. ลูกพ่อโต

    ลูกพ่อโต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กรกฎาคม 2013
    โพสต์:
    101
    ค่าพลัง:
    +304
    สาธุกับคุณยายด้วยครับ
     
  4. บุคคลทั่วฺไป

    บุคคลทั่วฺไป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2015
    โพสต์:
    2,160
    ค่าพลัง:
    +1,231
    เอาทรายแก้ว(ทรายละเอียดสีขาวที่เขาหลอมทำแก้ว)มาตำๆ ให้ละเอียด
    สักสามสีกระป๋องนม เวลามีศพจะเผาก็ให้สัปเหร่อเปิดฝาโลง แล้วโรยผงทรายป่นนี้
    ให้ทั่วศพ พอเผาแล้ว ผงทรายนี้เมื่อโดนความร้อนจะละลายและหลอมตัว
    กลายเป็นก้อนผลึกแก้ว บางส่วนอาจไหลไปเคลื่อบชิ้นกระดูก ก็จะแลดูว่า
    กระดูกชิ้นนั้นๆแข็งตัวเป็นพระธาตุ โดยที่รูปร่างยังคงเป็นชิ้นกระดูกอยู่ และจะมีบางส่วน
    ที่ไม่ถูกเคลือบก็จะมีลักษณะเป็นกระดูกเหมือนกระดูกทั่วไป วิธีนี้ใช้ได้กับทุกศพ ศพหมาศพแมวก็ทำได้
    ถ้าหาทรายแก้วไม่ได้ ก็ขวดธรรมดานี่แหละ แต่ต้องทำให้ละเอียด อยากได้สีไหนก็เลือกเอา
    สีเขียวก็ขวดสไปซ์ สีน้ำตาลก็ขวดเครื่องดื่มบำรุงกำลัง สีใสๆ ก็บวดทั่วๆไป
    เวลาทำต้องอย่าให้คนนอกรู้

    แต่สิ่งที่ได้คือ พระธาตุของปลอม ไม่มีความวิเศษแต่อย่างใด
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 พฤศจิกายน 2015
  5. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,288
    ค่าพลัง:
    +12,620
    ทรายนี่จุดหลอมละลายความรัอนต้องกี่องศา??
    การเคลือบกระดูกด้วยทรายหลอมละลาย
    ผิวของว้สดุที่จะเคลือบต้องมีคุณสมบัติ อย่างไร

    แค่โรยทรายไปบนเสื้อที่ห่อหุ้มร่างกายแล้วเผา
    ทรายจะละลายไปเคลือบกระดูกให้เงางามได้จริง
    นักวิทยาศาสตร์มาอ่านเจอความรู้นี้เข้า อาจหัวเราะ
    จนฟันหักตายกันเป็นเบือ!!!
     
  6. Zero_Halo

    Zero_Halo สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มกราคม 2014
    โพสต์:
    5
    ค่าพลัง:
    +0
    เอาไปพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์เลย เค้ามีสารเคมีไว้ทดลองว่าสิ่งที่เคลือบเกิดจากอะไรได้บ้าง
    ถ้าตามที่คุณ Yostro1310 บอก ก็ลองทำการทดลองไปเลย กับศพหมา แมวก็ได้ ถ่ายวิดีโอมาให้ดูเลย มาดูว่าได้แก้วเหมือนธาตุจริงไหม

    โดนหลอกมาเยอะ ไม่กล้าเชื่ออะไรง่ายๆอีก

    วัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตน้ำยาเคลือบหรือใช้ในการเคลือบ แบ่งตามวัตถุประสงค์ของการใช้งานได้ดังนี้
    2.1 สารที่ทำให้เกิดแก้ว( glass former ) คือ ซิลิก้า( silica )ที่มีสูตรทางเคมีว่า sio2 วัตถุดิบที่ใช้เป็นสารที่ทำให้เกิดแก้ว คือ ให้ซิลิก้าในน้ำยาเคลือบที่นิยมใช้ เช่น ดินสูตร AI2O,2Sio2,2H2O) หินฟันมา ( K2O,AI2O3,6SIO2 ) ทรายแก้ว( SiO2 ) หินเขี้ยวหนุมาน ( quartz )
    2.2 สารช่วยหลอมละลาย เนื่อง จากซิลิก้า มีจุดหลอมตัวที่อุณหภูมิประมาณ 1710 องศาเซสเซียส ซึ่งสูงเกินไปสำหรับการหลอมเพื่อเคลือบเซรามิก จึงจำเป็นต้องใช้สารช่วยลดจุดหลอมละลายที่มักเรียกกันโดยทั่วไปว่าฟลักซ์( fiuxes ) หรือสารช่วยหลอมละลาย วัตถุดิบที่ใช้เป็นฟลักซ์มีหลายชนิดด้วยกัน เช่น ออกไซด์ของตะกั่ว( PbO) บอแร็กซ์ หินปูน ( CaCO3 ) หินฟันม้า ซึ่งมี 2 ชนิด ที่ใช้ คือ โซดาเฟลสปาร์( Na2O.AI2O3.6Sio2 ) และโพแทสเฟลสปาร์ (K2O.AI2O3.6SIO2 )
    2.3 สารเติมแต่ง ( additives ) เป็นสารที่เพิ่มเข้าไปในส่วนผสมน้ำยาเคลือบ เพื่อปรับปรุงเคลือบให้ได้ลักษณะหรือสมบัติตามต้องการ สารเติมแต่งที่ใช้มีดังนี้
    1) สารปรับค่าความหนืด เป็นสารที่ช่วยทำให้เกิดการยึดเกาะในระหว่างการเผา น้ำยาเคลือบที่หลอมละลายจะต้องการวัตถุดิบที่มีสมบัติให้เคลือบมีความต้าน ทานการไหลหรือแข็งติดบนชิ้นงานไหลไปหมด เช่น สารอะลูมินา( AI ) หรือ อะลูมินาออกไซด์ ( AI2O3 ) จะมีสมบัติช่วยปรับการไหลตัวของน้ำยาเคลือบ โดยทั่วไปในน้ำยาเคลือบจะใช้ ดิน หินฟันม้า เป็นวัตถุดิบที่ให้สารอะลูมินา
    2) สารที่ช่วยทำให้ทีบแสง เมื่อใส่สารที่ช่วยทำให้ทึบแสง เช่น ออกไซด์ของดีบุก ( Sno2 ) เซอร์โคเนียมออกไซด์ ( ZrO2 ) ไททาเนียมไดออกไซด์ ( TiO2 )ลงในน้ำยาเคลือบ จะทำให้ผลิตภัณฑ์ที่เคลือบลดความใสโปร่งแสงลง เป็นเคลือบทึบ ซึ่งจะบังผิวเนื้ผลิตภัณฑ์ ทำให้ไม่เห็นสีของเนื้อผลิตภัณฑ์
    3) สารที่ช่วยทำให้ผิวด้าน คือ สารที่จะไปลดความมันของน้ำยาเคลือบลง ทำให้ผิวของผลิตภัณฑ์ที่เคลือบมีลักษณะด้าน สารที่ใช้เช่น แบเรียนคาร์บอเนต( BaCO3 ) นอกจากนี้การใช้อะลูมินาในประมาณมาก ก็จะทำให้เกิดเคลือบด้านด้วย
    4) สารให้สี คือ สารที่ใส่ไปในน้ำยาเคลือบ เมื่อเผาเคลือบแล้ว จะเกิดเป็นสารเคลือบสีต่างๆ ดังได้กล่าวไว้แล้ว
    การจัดกลุ่มวัตถุดิบข้างต้นเป็นแนวทางทื่นายสตาฟฟอร์ด( Eugene C.Stafford ) เขียนไว้ในหนังสือโมเดิร์นอินดัสเทรลเซรามิกส์( modern industrial ceramics ) ซึ่งจะเป็นวิธีจัดกลุ่มวัตถุดิบที่เข้าใจง่าย นอกจากนี้ยังมีวิธีอื่นอีกในการจัดแบ่งกลุ่ม คือ ตามสมบัติความเป็นกรด-ด่าง ซึ่งเป็นวิธีที่นิยม และใช้ในการคำนวณส่วนผสมน้ำยาเคลือบวัตถุดิบจะถูกแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม คือ กลุ่มที่เป็นด่าง กลุ่มที่เป็นกลาง และกลุ่มที่เป็นกรด
    1) กลุ่มที่เป็นด่าง ( bases ) มีสัญลักษณ์ RO หรือ R2O เขียนแทนวัตถุดิบกลุ่มนี้ เช่น ตะกั่วออกไซด์ ( PbO ) โซเดียมออกไซด์ ( Na2O ) สมบัติของวัตถุดิบในกลุ่มด่าง คือ ช่วยลดจุดหลอมตัวของเคลือบ
    2) กลุ่มที่เป็นกลาง ( intermediates ) มีสัญลักษณ์ R2O3 เขียนแทนวัตถุดิบกลุ่มนี้ โดยทั่วไปกลุ่มที่เป็นกลางจะหมายถึง อะลูมินา ( AI2O3 )เป็นส่วนใหญ่ ซึ่งอะลูมินามีสมบัติเป็นตัวควบคุมการไหลตัวของน้ำยาเคลือบ นอกจากนี้ยังมีออกไซด์ที่มีสัญลักษณ์ในกลุ่มนี้ตัวอื่นๆ เช่น บอริกออกไซด์ ( B2O3 ) ซึ่งสมบัติเพิ่มความแข็งให้เคลือบลดการขยายตัวเมื่อร้อน
    3) กลุ่มที่เป็นกรด ( acids ) มีสัญลักษณ์ RO2 เขียนแทนวัตถุดิบกลุ่มนี้ เช่น ซิลิก้า ซึ่งเป็นตัวทำให้เกิดแก้วดีบุกออกไซด์ ( SnO2 ) เป็นตัวทำให้เคลือบทึบแสง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 พฤศจิกายน 2015
  7. TheVisionMind

    TheVisionMind เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2014
    โพสต์:
    1,827
    ค่าพลัง:
    +2,227
    ถ้าสังเกตุบ่อยๆ น่าจะแยกออกระหว่าง กระดูกเปลี่ยนไปเป็นพระธาตุ กับ แก้วสีหลอมละลายติดเถ้า
     
  8. TheVisionMind

    TheVisionMind เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2014
    โพสต์:
    1,827
    ค่าพลัง:
    +2,227
    เรื่องบูชาพระธาตุนั้น จริงๆ คือการบูชาอัฐิของคนที่เรานับถือ เช่น ของพ่อ แม่ ครูอาจารย์

    ซึ่งแม้อัฐิของคนที่เรารักนับถือ จะเป็นเพียงขี้เถ้าไม่ใช่พระธาตุ ก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญ
    ความสำคัญอยู่ที่ การทำเคารพบูชา ย่อมเป็นบุญเป็นกุศลขึ้นมา
     
  9. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,288
    ค่าพลัง:
    +12,620
    ถ้าเคลือบกระดูกแบบ Yostro ได้จริงต้นทุนจะ
    ต่ำและทำกำไรได้มาก ออร์เดอร์ก็จะมากตามไปด้วย
    น่าทำเป็นธุรกิจนะ
    เพราะกระดูกหาได้ไม่ยาก
     
  10. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,566
    ค่าพลัง:
    +9,966
    ฮือฮา!! เผาศพแม่เฒ่า94 เก็บกระดูกพบกลายเป็นแก้ว-หยก แย่งเก็บบูชา เชื่อคนมีบุญ : ข่าวสดออนไล�

    เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 8 ก.ค. ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ตรวจสอบที่บ้าน หมู่ 4 บ้านโพนขวาว ต.จิกดู่ อ.หัวตะพาน จ.อำนาจเจริญ หลังจากมีข่าวลือว่ากระดูกของแม่เฒ่าวัย 94 ปี หลังจากประกอบพิธีเผาทางศาสนาแล้ว ลูกหลานเก็บกระดูกออกมาเป็นแก้วและหยก พบชาวบ้านและบุตรหลานที่ทราบข่าวนั่งมุงดูกระดูก ที่มีรูปร่างต่างๆ พร้อมทั้งวิพากษ์วิจารณ์ว่า เป็นกระดูกคนมีบุญ ต่างก็ขอนำไปกราบไหว้ เพื่อเคารพบูชา

    นายประชิต แสนสม อายุ 62 ปี ข้าราชการบำนาญ หลานชาย บอกว่า กระดูกที่กลายเป็นแก้วและหยก คือ กระดูกของนางสี สิงห์เทา อายุ 94 ปี อยู่หมู่ 4 ต.จิกดู่ อ.หัวตะพาน จ.อำนาจเจริญ อายุ 94 ปี ได้เสียชีวิตลง เมื่อวันที่ 26 มิ.ย. ที่ผ่านมา ฌาปนกิจศพที่เมรุวัดโพนขวาว วันที่ 29 มิ.ย. ที่ผ่านมา และเก็บกระดูกวันที่ 1 ก.ค. เพื่อนำมาทำบุญตามประเพณี

    แต่ขณะเพื่อนบ้านและบุตรหลานทำพิธีเก็บกระดูกตามปกติ พบว่ากระดูกส่วนใหญ่มีสีขาวโพลน กระดูกนับ 10 ชิ้น เป็นรูปร่างต่างๆ มีสีขาวใส เหมือนแก้วและหยก ทำให้ผู้พบเห็นต่างก็วิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นกระดูกของคนมีบุญ แบ่งกระดูกไปเพื่อกราบไหว้ ซึ่งปกติคุณยายสี เมื่อยังมีชีวิต ชอบทำบุญปฏิบัติธรรม แม้แต่ขณะล้มป่วย ยังให้บุตรหลานขึ้นมาตักบาตรพระ ก่อนจะเสียชีวิต

    นายประชิตยังบอกว่า ผู้ที่มีกระดูกเป็นแก้ว มีแต่ผู้ที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ทั้ง กาย วาจา และใจตรงกัน


    +++ อ่านข่าวจากข้างบนแล้ว "มีโอกาสที่ครอบครัวของผู้ตาย จะมี IDEA วิปริต ทำพระธาตุปลอมออกมา แน่หรือ" ไอ้พวก IDEA ตำเศษแก้วแล้วโยนเข้าเชิงตะกอนเผาศพนี้ ผมได้ยินครั้งแรกจากพวก "แสดงตลก" แถว ๆ วัดสวนแก้ว ที่ "ชอบโจมตีบุคคลที่ เป็นพระธาตุ" หากจำไม่ผิด นักจำอวดผู้นี้ "โจมตี หลวงตามหาบัว" โดยตรง ตอนนี้เป็นไง แทบจะกลายเป็นวัดร้างไปแล้ว

    +++ ส่วนกรรมวิธีที่คุณ Zero_Halo กล่าวมานั้น ผมว่าชาวบ้านแบบ "บ้านหมู่ 4 บ้านโพนขวาว ต.จิกดู่ อ.หัวตะพาน จ.อำนาจเจริญ" คงไม่ไปขวนขวาย แล้วลงทุนทำเป็นแน่ ถ้าเป็นคุณ "Yostro1310 กับคุณ Zero_Halo" จะทำหรือไม่ เอาแค่สมมุติว่า "ผู้ตาย" เป็นบุพการีของคุณ แล้วกรรมวิธีที่จะแสวงหา "สารเคมีแบบนั้น" หากเป็นตัวคุณเอง "จะทำหรือไม่"

    +++ IDEA ที่ชอบ "โจมตีบุคคลที่ อัฐิกลายเป็นพระธาตุนี้" "มีอัตราความเสี่ยงต่อการไปนรก สูงสุด แต่ส่วนที่จะได้ไปสวรรค์นั้น ไม่ปรากฏ" แล้วในกรณีที่ "เส้นผมค่อย ๆ กลายเป็นพระธาตุ กับ กระดูกอัฐิ ที่ค่อย ๆ กลายตัวเป็นพระธาตุแบบ ค่อยเป็นค่อยไป แล้วใช้เวลาร่วม 10 ปีขึ้นไปล่ะ" จะใส่สารเคมีอะไร

    +++ ไอ้แค่ "โยนทรายเข้าเตาเผาศพแล้วกลายเป็นแก้วนั้น ถามว่า เคยทำแล้วหรือยัง แล้วมันเป็นแก้วจริงหรือ ใช้อุณหภูมิอย่างที่คุณ Zero_Halo กล่าวมานั้น มีเตาเผาศพหรือเชิงตะกอนที่ไหนในประเทศไทย โดยเฉพาะ ในต่างจังหวัดด้วยแล้ว จะมีใครทุ่มทุนทำ เตาเผาไฮเทค ที่จะเผาเพียงแค่ศพเดียวแล้วไม่เผาอีกเลย" หรือมีเจตนาแค่ "อยากโจมตี บุคคลที่อัฐิกลายเป็นพระธาตุเล่น ๆ" มันไม่สนุกหรอกนะ

    +++ หัดลองไปเที่ยวตาม วัดป่า ที่ครูบาอาจารย์ มีอัฐิที่ค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นพระธาตุดูบ้าง จะได้รู้ว่า "ของจริงนั้น มีอยู่จริง" โดยเฉพาะอย่างยิ่ง "ท่านเหล่านั้น อยู่กันแบบ บ้านนอกคอกนา ไม่มี Internet ไม่มี google" บ้างก็แค่ "เผาแบบเชิงตะกอน" ไม่มีพวกนักวิทยาศาสตร์ไปทำพิธี "ผสมสารเคมี หรือ ตั้งโรงงานหลอมทรายให้เป็นแก้วแถว ๆ นั้น" แน่นอน

    +++ เรื่องทางธรรมะ กับ เรื่องของนักปฏิบัติธรรม ที่ปฏิบัติจน "อฐิกลายเป็นพระธาตินั้น" ไม่ใช่เรื่องที่จะ "หาหลักฐานมาหักล้าง เพื่อทำลาย พยานธรรมที่ปฏิบัติจนกลายเป็นพระธาตุ หรือแม้กระทั่ง ศพที่ไม่ได้เผา แต่ไม่ยอมเน่าเปื่อยแบบธรรมชาติ ของผู้ที่ ได้และเป็น ฌานสมาบัติ ต่าง ๆ เหล่านั้น"

    +++ ผมเพียงต้องการที่จะกล่าวว่า "อย่าประมาท ในสภาวะธรรมระดับนี้ ที่เป็นสภาวะธรรมระดับที่ พระอรหันต์ เท่านั้นจึงจะมี อัฐิหรือเส้นเกศา กลายตัวเป็นพระธาตุได้ ในยุคปัจจุบันขณะ"

    +++ ลองไปท่องเที่ยวตาม วัดป่า ที่ครูบาอาจารย์ มีอัฐิที่ค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นพระธาตุดูบ้าง เพื่อความไม่ประมาท นะครับ
     
  11. Zero_Halo

    Zero_Halo สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มกราคม 2014
    โพสต์:
    5
    ค่าพลัง:
    +0
    ไม่ได้บอกว่าไม่มีจริง แต่เดี๋ยวนี้มันมีทั้งของจริงของปลอม
    ยังไงคนที่ตายไปแล้วก็กลับมาพูดไม่ได้ ถ้าเป็นของจริงก็เป็นผลดีเก็บไว้ให้ลูกหลานได้รักษาเคารพ แต่ถ้าเป็นของปลอมเกิดจากการสร้างโดยใช้สารเคมี ไม่คิดว่าจะเป็นการสร้างบาปให้แก่ผู้ตายเหรอ โดยเฉพาะคนที่ทำจริงนะ รู้ดีที่สุด แถมยังไปหลอกลวงให้คนศรัทธา ไม่คิดว่ามันจะเป็นกรรมใหญ่มากเหรอ ใช้ประโยชน์จากผู้ตาย แถมหลอกลวงคนทั่วไปด้วย

    ไม่ได้โจมตีไม่ได้คิดโจมตีเลย แค่แสดงให้เห็นอีกแง่มุมหนึ่ง แค่บอกว่ามันยังมีวิธีในการทำได้แบบอื่นอีก
    ถ้าความเห็นต่างคือการเรียกว่าโจมตี อันนี้ก็ไม่รู้จะพูดอะไร
    ทุกคนเสี่ยงนรกหมดแหละ ไม่ว่าคุณรึเรา

    ไ่ม่ต้องสมมุติว่าเป็นบุพการีหรอกนะ เป็นตัวของเราเองเลยก็ได้ เรื่องความเห็นไม่เกี่ยวกับบุพการี

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 พฤศจิกายน 2015
  12. TheVisionMind

    TheVisionMind เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2014
    โพสต์:
    1,827
    ค่าพลัง:
    +2,227
    สงสัยจะลืมเรื่องนี้กันไปหมดแล้ว
    พระธาตุท่านว่าจะต้องเป็นพระอรหันต์เท่านั้น

    ซึ่งพระอรหันต์ จะต้องครองเพศนักบวชภายใน 7 วัน!
    ไม่เช่นนั้นจะต้องมีเหตุให้ทิ้งสังขารทันที

    (ลองพิจารณารูปข่าวเอาแล้วกันครับ)
     
  13. บุคคลทั่วฺไป

    บุคคลทั่วฺไป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2015
    โพสต์:
    2,160
    ค่าพลัง:
    +1,231
    ดูเหมือนคุณจะยังไม่รู้จักประสิทธิภาพที่ต่างกัน ระหว่างเตาเผาศพมาตรฐาน
    ที่ได้รับการออกแบบจากวิศวกร กับ เชิงตะกอนเผาศพที่เอาฝืนมากองธรรมดาๆ
    แบบชาวบ้านนะ

    เตาเผาศพแบบมาตรฐานที่ออกแบบโดยวิศวรกรนั้น มีการเก็บกักความร้อนอย่างดี ใช้เชื้อเพลิงคือน้ำมันก๊าซ ด้านนอกเป็นเหล็ก ชั้นถัดไปเป็นคอนกรีต
    มีอิฐทนความร้อนและเก็บความร้อนไว้ไม่ให้กระจายออกภายนอก
    ประสิทธิภาำพไม่ต่างกับเตาหลอมเลย

    ผมบอกว่าทรายแก้ว หมายถึงทรายที่โรงงานทำแก้วเขาใช้ผลิตแก้ว ไม่ใช่
    กรวดทรายทั่วไปที่ใช้ในการก่อสร้างตามที่คุณนึก

    ผมบอกว่าเอาทรายแก้ว หรือขวดก็ได้มาตำป่นให้ละเอียดจนเป็นฝุ่น
    ไม่ทราบคุณเคยลองหรือยัง
    ถ้าหากเราโยนเศษแก้วเศษกระจกที่เป็นแท่งๆเข้ากองไฟที่อุณภูมิสูงมากๆ
    บางทีขวดหรือเศษแก้วอาจจะไม่ละลาย
    แต่ถ้าเราตำเศษแก้วนั้นให้ละเอียดจนกลายเป็นฝุ่นสีขาวแล้วโยนเข้ากองไฟ
    ผลที่ได้จะแตกต่างกัน

    ในสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง มีศิษย์วัด ใช้ขวดน้ำมะเน็ดตำให้ละเอียด
    แล้วจนเป็นฝุ่นแล้วหล่อเป็นลูกแก้ว โดยใช้เตาไฟธรรมดา เพื่อทำลูกแก้วให้พระ
    เกจิรูปหนึ่งปลุกเสกเป็นลูกแก้วอาคม
    เขาไม่ได้โยนเข้ากองไฟทั้งขวด แต่ใช้วิธีตำให้ละเอียดเป็นฝุ่นแล้วหล่อหลอม

    เรื่องการเคลือบ ผมบอกว่า ฝุ่นแก้วที่โดนความร้อนแล้วจะหลอมละลายรวมตัวเป็นก้อน บางส่วนอาจจะเคลือบเศษกระดูก หมายถึงกระดูกที่ไฟไหม้แล้ว
    ไม่ใช่ไปเคลือบที่เลือดเนื้อของศพ

    ผมรับรองว่านักวิทยาศาสตร์จริงๆจะไม่มีวันหัวเราะเยาะผมหรอกครับ
    ที่จะหัวเราะเยาะก็คือ นักวิทยาศาสตร์เก๊ที่ไม่รู้เรื่องเท่านั้น

    ยังไงก็ฝากเป็นความรู้ไว้ว่า เศษแก้วเศษกระจก ถ้าตำให้ละเอียดจนเป็นฝุ่น
    จะละลายง่ายกว่าที่เป็นแท่ง

    ผมไม่วิจารณ์อัฐของแม่เฒ่าในภาพ แต่ที่เขียนมาทั้งหมดเพื่อบอกให้ทราบว่า
    หากอยากจะทำให้กระดูกดูเหมือนกลายเป็นพระธาตุนั้นมันมีวิธีทำได้
    แต่สิ่งที่ได้คือของเทียม
     
  14. บุคคลทั่วฺไป

    บุคคลทั่วฺไป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2015
    โพสต์:
    2,160
    ค่าพลัง:
    +1,231

    เรื่องโจมตีนั้นผมไม่เคยโจมตีใคร เพียงแต่มาเขียนให้ทราบว่ามันมีวิธีที่พอจะทำได้

    เรื่องชานหมากกลายเป็นพระธาตุนั่นก็อีกเรื่องหนึ่ง เห็นถ่ายรูปออกมาเพชรเป็นพลอย
    วิธีทำก็ง่ายๆ ก็เอาชานหมากที่เคียวๆแล้วคายออกมา
    จากนั้นก็เอาเศษขี้พลอยเม็ดเล็กๆคลุกเคล้าเข้ากับชานหมากให้ทั่ว
    จากนั้นจะใส่ผอบหรือใ่ส่ตลับก็ตามสะดวก พอแห้งแล้วก็ถ่ายรูปโชว์ใครต่อใครว่า ดูสิ ชานหมากหลวงปู่....กลายเป็นพระธาตุ เขี่ยให้ดูเป็นเพชรเป็นพลอย-
    เม็ดเล็กๆเต็มไปหมด แต่ถามว่าเคยมีใครเห็นมันตอนที่ชานหมากกลายเป็นพระธาตุจะจะกับตาตัวเองมั่ง มีแตรูปถ่ายที่เขาเอามาโชว์กันเท่านั้น

    ขนาดประเภทดีดน้ำมนตร์ออกมาเป็นพระธาตุยังมีคนทำคลิปออกมาแฉลงยูทูปเลย

    ในเมื่อไม่มีใครเห็นกระบวนการขณะที่ชานหมากกลายเป็นพระธาตุ ทุกสิ่งจึงทำปลอมแปลงออกมาหลอกกันได้(ง่ายด้วย)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 พฤศจิกายน 2015
  15. บุคคลทั่วฺไป

    บุคคลทั่วฺไป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2015
    โพสต์:
    2,160
    ค่าพลัง:
    +1,231
    ตามรูปที่เป็นข่่าว โดยเฉพาะชิ้นใสสองชิ้นนั้น รู้สึกคล้ายมีเศษกระดูกชิ้นเล็กๆหลายชิ้นมาติดรอบๆ คงจะเป็นตอนที่แก้วซึ่งหลอมละลายด้วยความร้อนจึงกลายเป็นก้อน แต่ยังมีความหนืดอยู่ พอตกกลิ้งลงไปแล้วคลุกเศษกระดูกเล็กๆ พอแข็งตัวจึงมีเศษกระดูกติดกับก้อนกระจกดังกล่าว ไม่ใช่ลักษณะชิ้นกระดูก
    ที่กลายเป็นแก้ว แต่เป็นลักษณะของแก้วที่ถูกหลอม
     

แชร์หน้านี้

Loading...