อดีตพระป่าท่องคาถาชินบัญชรตลอดพรรษา อัศจรรย์ ญาติโยมนำพระสมเด็จฯ มาถวาย 7 องค์

ในห้อง 'สมเด็จโต พรหมรังสี' ตั้งกระทู้โดย pongio, 18 มีนาคม 2016.

  1. pongio

    pongio เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤษภาคม 2013
    โพสต์:
    843
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +6,851
    ข่าวทั่วไป หนังสือพิมพ์บ้านเมือง -- อาทิตย์ที่ 21 กุมภาพันธ์ 2559 00:00:55 น.
    ภารดา/รายงาน

    พระคาถาชินบัญชรเป็นบทสวดมนต์บทหนึ่งที่พุทธศาสนิกชนชาวไทยนิยมสวดมากที่สุด สันนิษฐานว่าพระเถระชาวล้านนาเป็นผู้แต่งขึ้น และเป็นพระคาถาสำคัญในพิธีกรรมตั้งแต่ครั้งกรุงศรีอยุธยา ดังปรากฏหลักฐานในพระราชพิธีจักรพรรดิราชาธิราช ต่อมาได้ปรับปรุงแก้ไขให้สมบูรณ์ขึ้น โดยสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) วัดระฆังโฆสิตาราม สมเด็จพระพุฒาจารย์องค์ที่ 5 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ (สมัยรัชกาลที่ 4) บทสวดชินบัญชรนี้ยังพบในประเทศพม่าและศรีลังกาอีกด้วย



    บทสวดพระคาถาชินบัญชรนั้นมีความขลังและศักดิ์สิทธิ์ดังที่หลายคนได้ประสบพบเจอ คุณถวิล ขยันการ เป็นผู้หนึ่งที่ได้พบเรื่องราวมหัศจรรย์หลังจากสวดพระคาถาบทนี้เมื่อครั้งบวชเป็นพระป่า ณ วัดหนองป่าพง ซึ่งตั้งอยู่ที่บ้านพงสว่าง หมู่ 10 ต.โนนผึ้ง อ.วารินชำราบ จ.อุบาลราชธานี วัดป่าฝ่ายอรัญวาสี พระโพธิญาณเถร (หลวงพ่อชา สุภัทฺโท) เป็นผู้ก่อตั้งวัดหนองป่าพงมีสาขาทั้งในและต่างประเทศเป็นจำนวนมาก มุ่งการเผยแผ่พระพุทธศาสนาสายวิปัสสนากรรมฐาน โดยบรรดาพระลูกศิษย์ที่ศรัทธาในปฏิปทาของหลวงปู่ชา สุภัทฺโท วัดแห่งนี้เป็นสำนักปฏิบัติธรรมที่แวดล้อมไปด้วยธรรมชาติ ประพฤติพรหมจรรย์ตามรอยพระยุคลบาทของพระโคดมพุทธเจ้าที่ทรงดำรงพระชนม์ชีพในป่า เพื่อค้นคว้าแสวงหาทางพ้นทุกข์ แล้วทรงนำความรู้แจ้งเห็นจริงนั้น มาเผยแผ่เกื้อกูลความสุขแก่มหาชนทั่วไป

    คุณถวิล ขยันการ อดีตพระวัดหนองป่าพง ฉายา "อหิงสโก" ได้เล่าเรื่องราวที่น่าสนใจของตัวเองให้ฟังว่า ตอนหนุ่มผมเป็นคนใจร้อนมาก ใครพูดอะไรผิดหูไม่ได้พระอุปัชฌาย์จึงได้ตั้งฉายานี้ให้ แปลว่าผู้ไม่เบียดเบียนท่านบอกว่าต่อไปขอให้เจริญเมตตาบ่อยๆ ผมชอบชื่อนี้ที่สุด เป็นชื่อที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตั้งให้กับองคุลีมาลผมเป็นคนจังหวัดอุบลราชธานี มีพี่น้อง 9 คน เสียชีวิตไปแล้ว 5 คน ปัจจุบันเหลือกันอยู่ 4 คน ผู้หญิง 2 ผู้ชาย 2 ผมเป็นคนที่ 7 เมื่อตอนเด็กผมเคยบวชเณรหน้าศพ ตอนนั้นพี่สาวคนโตเสียชีวิต และได้บวชอีกครั้งหนึ่งที่วัดหนองป่าพงเมื่ออายุครบ 21 ปี ช่วงนั้นเกณฑ์ทหารไม่ติดเลยไปบวช การบวชสายวัดป่ายากมากต้องผ่านขั้นตอนเยอะแยะ ผมบวชเพราะสงสัยว่า ทำไมชาวต่างชาติถึงทิ้งทุกอย่างที่เขามี ทั้งที่เขารวย มีความรู้ การศึกษาสูง เขาสละเพศฆราวาสแล้วหันมาดำเนินชีวิตทางธรรมทำไม ผมสงสัยมากพระอาจารย์เหลี่ยมเป็นพระอุปัชฌาย์ เพราะตอนนั้นหลวงพ่อชาท่านอาพาต อาจารย์เหลี่ยมบอกว่า ถ้าจะศึกษาทางธรรมต้องทิ้งทางโลกทุกอย่าง ทางโลกสะสม แต่ทางธรรมต้องสลัดออก ท่านสอนให้ดูลมหายใจ เข้าพุธ ออกโธ ผมลงมือปฏิบัติตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ช่วงแรกที่นั่งสมาธิมันมีความรู้สึกว่าต้องต่อสู้กับจิตใจของตัวเองอย่างแรงกล้า ความขัดแย้งเกิดขึ้นในใจ ใจหนึ่งบอกว่าให้สึก เพื่อไปหาเงินทอง ลาภ สักการะ แต่อีกใจให้บวชต่อไป เป็นการต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่มาก ผมเข้าใจคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า อย่างแจ่มแจ้ง ที่ท่านตรัสว่า "ชนะอื่นหมื่นแสนก็ไม่เหมือนชนะตน" มันคือความจริง การชนะใจตัวเองมันเหนือกว่าสิ่งใด สุดยอดจริงๆ หากใครทำได้

    ช่วงบวชนั้นเจอทุกอย่าง เมื่อนั่งสมาธิจนจิตสงบ จะรับรู้สิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นตามความเป็นจริง มีนิมิตที่เกิดขึ้นหลายครั้ง ครั้งแรก ตอนนั้นลูกศิษย์วัดตายศพถูกเผาผมไม่รู้ว่าผู้ตายเป็นใคร เพราะเพิ่งกลับมาจากการเดินธุดงค์เวลาประมาณตีสามเห็นจะได้กลับมาถึงเห็นกองไฟแดง รู้เพียงแต่ว่ามีการเผาศพ แต่ไม่รู้ว่าเป็นศพใคร พอมาถึงผมก็นั่งสมาธิต่อ เมื่อจิตสงบก็ปรากฏเห็นภาพลูกศิษย์วัดที่เราผูกพันกันมานาน เดินเข้ามาหาแล้วบอกว่า ผมตายแล้วนะ โดนรถชนตาย พอตอนเช้าญาติโยมที่มาวัดได้บอกว่าลูกศิษย์คนนี้ถูกรถชนตาย น่าทึ่ง! จิตเป็นสิ่งที่มหัศจรรย์มาก เมื่อจิตนิ่งรวมเป็นสมาธิจะรู้ทุกอย่างตามความเป็นจริง ครั้งที่สองตอนนั้นนั่งสมาธิในป่า มองเห็นในนิมิตว่ามีภูเขาลูกใหญ่กำลังจะถล่มลงมาใส่ตัวเรา มันเหมือนเป็นการทดสอบว่าเราจะผ่านไหม จิตแข็งพอหรือเปล่า หากกลัวหรือหวั่นไหวอาจเตลิดได้ กลัวตายนะตอนนั้นไม่ใช่ไม่กลัว ผมได้อธิษฐานจิตว่าจะนั่งสมาธิโดยไม่ลุกไปไหน คิดว่าตายเป็นตาย ผลสุดท้ายก็ผ่านพ้นไปได้ ครั้งสุดท้ายตอนนั้น จำพรรษาที่ภูถ้ำช้าง จังหวัดมุกดาหาร ผมได้ยินคนพูดว่าคาถาชินบัญชรศักดิ์สิทธิ์ใครท่องได้อยากได้อะไรก็จะได้สมปรารถนา ผมเป็นคนขี้สงสัยอยากรู้ว่าที่เขาพูดกันนั้นจริงหรือไม่ เลยตั้งใจว่าจะสวดคาถาชินบัญชรตลอดทั้งพรรษา ผมทำจริง ยืน เดิน นั่ง นอน ก็สวด จนครบ 3 เดือน ก่อนออกพรรษาได้เกิดนิมิตขึ้น มองเห็นตัวเองเดินเข้าไปในถ้ำที่มีโพรงใหญ่ มองเข้าไปในโพรงมีงูเห่าเต็มไปหมด ผมเป็นคนที่กลัวงูมากที่สุด อยู่ๆ ก็มีเสียงดังถามขึ้นมาว่ากล้าไหมที่จะล้วงมือเข้ามาในโพรงนี้ หากกล้าจริงก็จะมีสิ่งดีๆ เกิดขึ้น ผมตั้งจิตอธิษฐานว่าหากเรามีกรรมต่อกัน ก็ขอชดใช้ แต่ถ้าไม่มีกรรมต่อกันก็ขออย่าให้ทำร้ายผม พร้อมทั้งยื่นมือเข้าไปในโพรง ปรากฏว่างูหายไปหมดเลย ไม่มีงูมีแต่พระสมเด็จเต็มทั้งนั้น

    พอออกพรรษาก็มีกิจนิมนต์ที่กรุงเทพฯ โยมคนหนึ่งได้นิมนต์ไปฉันข้าว ตระกูลเขาเคยเป็นโยมอุปัฎฐากวัดระฆัง หลังจากที่ได้ฉันข้าวเสร็จ เขานำพระสมเด็จมาถวาย 3 องค์ เป็นสมเด็จ บางขุนพรหม หลังจากนั้นก็มีญาติโยมมาถวายเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนถึง 7 องค์ แต่ตอนนี้ไม่เหลือแล้ว ผมสึกและไปทำงานที่ประเทศญี่ปุ่น แฟนผมเขาไม่รู้เรื่องมอบพระสมเด็จให้คนอื่นไปหมด เมื่อกลับมาจากประเทศญี่ปุ่นเข่าอ่อนเลย คิดว่าถ้ายังบวชต่อคงได้มาอีกเรื่อยๆ


    ผมบวชได้ 11 ปี มีความศรัทธาและเชื่อมั่นในคำสอนขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าอย่างยิ่ง หากใครเข้าถึงคำสอนแล้วรับรองว่าจะไม่ไปไหน ปัจจุบันผมทำงานด้านพระพุทธศาสนา สร้างวัด เจดีย์ โบสถ์ วิหาร อยู่กับวัดตลอด

    ผมขอฝากคำสอนของหลวงพ่อชาที่ว่า เราไม่ควรจะปล่อยใจไปตามอารมณ์ ควรที่จะฝึกฝนอบรมตนเองตามคำสั่งสอนขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ขี้เกียจก็ช่าง ขยันก็ช่าง ให้ปฏิบัติมันไปเรื่อยๆ ลองคิดดูสิทำอย่างนี้จะไม่ดีกว่าหรือ การปล่อยใจไปตามอารมณ์นั้น จะไม่มีวันถึงธรรมของพระพุทธเจ้าได้เลย เมื่อเราปฏิบัติธรรมไม่ว่าอารมณ์ใดเกิดขึ้นก็ช่างมัน แต่ให้ปฏิบัติไปเรื่อยๆ สม่ำเสมอ การตามใจตัวเองไม่ใช่แนวทางของพระพุทธเจ้า ถ้าเราปฏิบัติธรรมตามความคิดความเห็นของเรา เราจะไม่มีวันรู้แจ้งว่าอันใดผิด อันใดถูก จะไม่มีวันรู้จักใจของตัวเอง และไม่มีวันรู้จักตัวเอง ดังนั้นถ้าปฏิบัติธรรมตามแนวทางของตนเองแล้วย่อมเป็นการเสียเวลามากที่สุด แต่การปฏิบัติตามแนวทางของพระพุทธเจ้าแล้ว

    อ่านต่อได้ที่ : อดีตพระป่าท่องคาถาชินบัญชรตลอดพรรษา อัศจรรย์ ญาติโยมนำพระสมเ...
     

แชร์หน้านี้

Loading...