หลวงพ่อเล่าเรื่องคุณตาสุขพาคนไปท่องนรก

ในห้อง 'หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ' ตั้งกระทู้โดย joni_buddhist, 19 กรกฎาคม 2007.

  1. joni_buddhist

    joni_buddhist Legal returns ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2005
    โพสต์:
    13,555
    กระทู้เรื่องเด่น:
    203
    ค่าพลัง:
    +63,440
    <TABLE style="BORDER-RIGHT: #c0c0c0 1px; BORDER-TOP: #c0c0c0 1px; BORDER-LEFT: #c0c0c0 1px; BORDER-BOTTOM: #c0c0c0 1px" width="80%" align=center>
    [​IMG]

    <TBODY></TBODY></TABLE>​
    ผมจึงมาคิดว่าจะต้องหาความรู้ที่ง่ายที่สุด และมีผลสม่ำเสมอกันจึงไปได้ หลักสูตรนี้มา กว่าจะได้หลักสูตรนี้มาต้องใช้เวลา ๒๓ ปีนะ หลักสูตรหาได้แล้วก็ต้องหาบุคคลที่ทำได้ด้วย คนที่ทำได้ต้องมี และก็ต้องลองฝึกดูเป็นเครื่องพิสูจน์ ความรู้ดังกล่าวนี้ผมไปได้มาจาก "อาจารย์สุข" ซึ่งท่านเป็นฆราวาส<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>
    บรรดาเพื่อนภิกษุสามเณรแปลกใจไหมครับ ที่ผมยอมตัวไปเป็นลูกศิษย์ฆราวาส ท่านอาจจะแปลกใจถ้าท่านมีมานะทิฐิ ถ้ามีมานะถือตัวถือตนละก็ท่านแปลกใจแน่ คิดว่าพระไม่ควรจะน้อมตนไปเป็นลูกศิษย์ฆราวาส แต่ว่าคนอย่างผมซะอย่าง ผมยังไม่เคยคิดว่าผมเป็นคนดี ยังมีความรู้สึกว่าผมเลว และก็ผมโง่ ทั้งนี้เพราะอะไร ผมโง่จริง ๆ ผมกินข้าวที่ญาติโยมเลี้ยง สถานที่อยู่อาศัยญาติโยมหาให้ ผ้าผ่อนท่อนสไบญาติโยมให้ ยารักษาโรค หมอรักษาโรค โยมก็ให้ แต่ว่าผมเป็นคนจัญไร ไม่สามารถจะสนองกำลังใจของญาติโยมให้เข้าใจสวรรค์ นรก จริง ๆ ได้ ฉะนั้น ผมถือว่าในเมื่อผมยังเลวอยู่ ถ้าใครเขาดีกว่าผม ผมก็ยอมรับท่านเป็นครู ผมเคยรับคำแนะนำของเด็กอายุแค่ ๑๒ ปีเธอให้เหตุให้ผลนี่ผมเชื่อ และเด็กคนนั้นก็ไม่ใช่ใครเป็นลูกศิษย์ผมเอง<o:p></o:p>
    นี่แหละบรรดาเพื่อนภิกษุสามเณร นิสัยผมเป็นอย่างนี้ แต่ทว่าถ้าใครมาเบ่ง อวดเลว ไม่ใช่อวดดีนะ อันนี้ผมยอมไม่ได้ คำว่ายอมไม่ได้ไม่ใช่หมายความว่าจะไปชวนตีกับเขา ผมก็ไม่ยอมรับคำแนะนำของเขา คนผู้นั้นต้องมาแบบดี มาตามลีลาของพระพุทธเจ้า อันนี้ผมยอมรับ ฉะนั้นความรู้นี้ต้องถือว่าเป็นประวัติส่วนหนึ่งของผม<o:p></o:p>
    <o:p></o:p>
    ขณะที่ผมไปพบท่านอาจารย์สุข มันเป็นการบังเอิญจริง ๆ ครับ เอายังงี้ก็แล้วกัน อาจารย์สุขเวลานั้นท่านก็ดื่มเหล้า เป็นเรื่องแปลก คนที่กินเหล้าวงเดียวกันนั่นแหละเกิดท้าทายกันขึ้น บอกว่า<o:p></o:p>
    "ไอ้สุข" (ขอประทานอภัยผมไม่เรียกท่านอย่างนั้นนะ นี่ตามคำที่ได้ยินมา) "เขาว่ามึงสอนคนไปสวรรค์ ไปนรกได้ใช่ไหม"<o:p></o:p>
    อาจารย์สุขบอกว่า "ใช่" คนนั้นเขาบอกว่า "กูไม่เชื่อ กูไม่เชื่อว่าสวรรค์มี นรกมี และกูก็ไม่เชื่อว่าความสามารถในคำสอนของมึง"<o:p></o:p>
    เอาเข้าแล้วไหมล่ะ เมื่อเกิดการท้าทาย อาจารย์สุขก็บอกว่า<o:p></o:p>
    "ถ้าหากว่ากูสอนให้มึงเห็นนรกได้ หรือว่าเห็นสวรรค์ได้มึงจะยอมเสียเหล้าให้กู ๑ ขวดไหมล่ะ"<o:p></o:p>
    นี่เรื่องนี้เป็นเรื่องแปลกนะครับ มันไม่น่าจะเป็นไปได้ แล้วคนนั้นเขาก็ยอมโดยบอกว่า<o:p></o:p>
    "ถ้ามึงทำให้กูไปไม่ได้มึงต้องเสียเหล้าให้กู ๑ ขวดด้วยนะ"<o:p></o:p>
    ทั้งสองเกิดท้าทายกัน เขาหันหน้ามาทางผมแล้วพูดว่า "พระคุณเจ้าเป็นพยานด้วยนะครับ" ผมก็เลยนึกว่าดีวันนี้เป็นกรรมการขี้เมา แต่ไม่ได้เมากับเขา<o:p></o:p>
    เป็นอันว่าท่านอาจารย์สุขก็สั่งให้หาดอกไม้มา ๓ ดอก เอาเทียนที่เขาบูชาพระที่เรียกว่าเทียนหนักบาท (ความจริงมันหนักไม่ถึงบาท) มาหนึ่งเล่ม และใช้สตางค์หนึ่งสลึงยกครู และใช้เหล้าหนึ่งขวด เอ...แปลก<o:p></o:p>
    ผมก็นั่งนึกในใจว่า เออ... ไอ้เรื่องพรรค์อย่างนี้มันไม่น่าจะมีเหล้ามียา แต่ก็นั่งดูเขาจะทำยังไงกัน ต่อมาท่านอาจารย์สุข ก็ไปกลิ้งครกตำข้าวมา ครกตำข้าวนี่ผู้ฟังจะเข้าใจหรือไม่ผมไม่อธิบายละ ท่านให้คนนั้นนั่งที่ครกตำข้าวนั่น แล้วก็ให้ภาวนาว่า "นะ มะ พะ ธะ" อันนี้แปลก ไม่มีพิธีกรรมอะไรเลย หลังจากนั้นท่านก็ใช้น้ำมนต์พรม เมื่อพรมน้ำมนต์แล้ว ท่านก็ยืนอยู่ใกล้ ๆ ท่านบอกว่า ท่านภาวนาว่า "นะ โม พุท ธา ยะ" เป็นการควบคุม หลักจากนั้นสักครู่หนึ่ง ท่านก็เอาธูปหอมมาจุด ให้ควันธูปโรยใกล้ ๆ จมูกคนนั้นให้ได้กลิ่นหอม แล้วเอากระดาษจุดไฟช่วยแสงสว่างไปส่องข้างหน้า ไม่ใช่ถึงเนื้อนะ ท่านถามว่า<o:p></o:p>
    "สว่างแล้วหรือยัง?" คนนั้นก็บอกว่า "สว่างแล้ว"<o:p></o:p>
    ท่านอาจารย์สุขถามว่า "เห็นแสงขาว ๆ พุ่งลงมามีไหม หรือแสงสว่างพุ่งออกไปมีไหม?"<o:p></o:p>
    คนนั้นตอบว่า "เห็นแสงสว่างพุ่งลงมาจากข้างบน"<o:p></o:p>
    ท่านอาจารย์สุขก็เลยบอกว่า "ถ้าอย่างนั้นตัดสินใจพุ่งกายไปตามแสงทันที"<o:p></o:p>
    คนนั้นบอกว่า "เวลานี้ออกจากกายแล้ว"<o:p></o:p>
    ท่านอาจารย์สุขบอกว่า "ถ้างั้นตั้งใจไปนรก"<o:p></o:p>
    คนนั้นตอบว่า "เวลานี้ถึงนรกแล้ว"<o:p></o:p>
    และเขาก็อธิบายความเป็นไปของนรกถูกต้องตามไตรภูมิและก็ถูกต้องตามที่ประสบมาตามพระบาลี ผมฟังแล้วก็เป็นเรื่องอัศจรรย์ ก็เป็นอันว่าไป ๆ มา ๆ คนนั้นพบนรกหลายขุมตามที่เราเข้าใจ ผมก็แปลกใจเรื่องอย่างนี้ พระมีศีลแท้ ๆ ไปไม่ได้ แต่คนขี้เหล้าเมายาไปได้<o:p></o:p>
    แล้วต่อมาคนนั้นก็ร้องบอกว่า "อยากจะพบคุณปู่ที่ตายไปแล้ว"<o:p></o:p>
    ท่านอาจารย์สุขก็บอกว่า "นึกถึงพระยายมท่าน เชิญท่านมาสงเคราะห์"<o:p></o:p>
    คนนั้นตอบมาว่า "เวลานี้ท่านพระยายมมายืนข้าง ๆ แล้ว"<o:p></o:p>
    ท่านอาจารย์สุขบอกว่า "ให้ถามท่านว่า คุณปู่ (ชื่อนั้นชื่อนี้ ตายไปเมื่อไร)เวลานี้อยู่ในนรกไหม?"<o:p></o:p>
    ก็ปรากฏว่าคนนั้นบอกมาว่า "พระยายมท่านบอกว่า ในนรกไม่มีคนนี้และคนนี้เมื่อมีชีวิตอยู่มีความดีมาก ประการที่สอง คนนี้มีศีล ๕ ครบถ้วนมานานเป็นเวลาถึง ๓๐ ปี แล้วก็มีความเคารพในพระพุทธเจ้า พระธรรม และพระอริยสงฆ์จริง คนนี้มีจิตอยากจะไปนิพพาน"<o:p></o:p>
    ท่านอาจารย์สุขก็ให้ถามท่านพระยายมว่า "ท่านไปนิพพานหรือยัง?"<o:p></o:p>
    ท่านพระยายมบอกว่า "ยัง คนนี้ไปอยู่สวรรค์ชั้นดุสิต เพราะก่อนจะตายเป็นพระโสดาบัน"<o:p></o:p>
    คนนั้นก็ถามว่า "พระโสดาบันมีความประพฤติอย่างไรบ้าง"<o:p></o:p>
    พระยายมท่านก็บอกว่า<o:p></o:p>
    ๑. มีความรู้สึกว่า ชีวิตนี้มันจะต้องตาย คือไม่ประมาทในความตาย<o:p></o:p>
    ๒. เคารพในพระพุทธเจ้า พระธรรม พระอริยสงฆ์จริง<o:p></o:p>
    ๓. มีศีล ๕ บริสุทธิ์<o:p></o:p>
    ๔. คิดต้องการจุดเดียวคือ นิพพาน<o:p></o:p>
    ถ้ามีความประพฤติอย่างนี้เมื่อเป็นพระโสดาบันแล้วบาปกรรมทั้งหมดจะไม่สามารถลงโทษต่อไปอีก ถ้าไปถึงพระนิพพานไม่ได้ ก็อยู่ชั้นดุสิต ต่อไปก็สามารถฟังเทศน์จากพระศรีอาริยเมตไตรยจบเดียวก็เป็นพระอรหันต์ไปนิพพานเลย<o:p></o:p>
    แล้วคนนั้นก็เลยหันไปถามท่านว่า "คนอย่างผมจะเป็นพระโสดาบันได้ไหม?" <o:p></o:p>
    เสียงบอกว่า พระยายมท่านบอกมาว่า "อย่างนี้มันเป็นไม่ได้หรอก อย่างนี้ต้องเป็นสัตว์นรก เพราะการที่จะมานี่ก็กินเหล้ามา เหล้านี่กินเฉย ๆ ไม่มีโทษอย่างอื่นก็ต้องตกโลหะกุมภีแล้ว" ท่านก็ชี้ให้ดูโลหะกุมภี คนนั้นเรื่อง "ว้าก ตายแล้ว"<o:p></o:p>
    พระยายมบอกว่า "เหล้าเฉย ๆ นะ กินเหล้าเฉย ๆ ถ้ากินเหล้าแล้วโกหกมดเท็จด้วยก็ยังมีอีกขุมหนึ่ง กินเหล้าแล้วทำร้ายคนอื่นด้วยก็มีอีกขุมหนึ่ง ถ้าบาปหนักกว่านี้ต้องลงนรกขุมใหญ่ อันนี้เป็นนรกเล็ก ๆ เศษ ๆ นรก เขาเรียกว่า ยมโลกียนรก"<o:p></o:p>
    เสียงคนนั้นบอกมาว่า "เวลานี้ก้มลงการบพระยายมว่า ถ้าผมจะเป็นคนมีศีลบริสุทธิ์ และปฏิบัติตนอย่างปู่นี่จะไปเหมือนปู่ได้ไหม?"<o:p></o:p>
    พระยายมท่านก็บอกว่า "ได้ ทำไมจะไม่ได้ ให้ลืมความชั่วทั้งหมดปาณา อทินนา กาเม มุสา สุรา ที่ผ่านมาแล้วทั้งหมดเลิกกัน ไม่คิดถึงมัน นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ไม่ลืมคิดว่าสักวันหนึ่งข้างหน้าเราจะตาย ถ้าเราตายแล้วไม่ยอมมานรกอย่างที่ยืนอยู่ที่นี่ มันทุกข์ เราไม่ต้องการ เราต้องการไปจุดเดียว คือ นิพพาน ถ้าไปสวรรค์หรือพรหม หมดบุญวาสนาบารมีต้องพุ่งหลาวลงนรก เพราะบาปเก่าที่มีอยู่ฉะนั้นมุ่งอย่างเดียวคือไปนิพพาน อารมณ์อย่างนี้ถ้าทรงตัว เขาเรียกพระโสดาบันบาปทั้งหมดอย่างที่ทำมาแล้วไม่ทำต่อไป"<o:p></o:p>
    รวมความว่าท่านคุยกันอยู่นานประมาณครึ่งชั่วโมงเศษ ผมก็จะขอระงับไม่พูดมากละ เป็นอันว่าคนนั้นก็ถอนตัวกลับจุดเดิมแล้วลุกขึ้นกราบอาจารย์สุขแล้วขอมอบเหล้าพิเศษ เงินค่าเหล้าให้ เขาหันมาทางผมบอกว่า นับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปขึ้นชื่อว่าศีล ๕ ผมจะมีครบถ้วนครับ และผมจะไม่ลืมความตาย ผมเห็นนรกแล้วไม่ไหว ไอ้เหล้านี่ โอ้โฮ ผมกินหน่อยเดียว คนในนรกเบียดกันครึ่บ ๆ อันนี้ไม่ไหวจริง ๆ<o:p></o:p>
    ปรากฏว่านับตั้งแต่เวลานั้นเป็นต้นมา วันนั้นเขาให้อาจารย์สุข อาจารย์สุขก็เลิกกินเหมือนกัน นี่ความจริงอาจารย์สุขท่านทำได้น่าจะเลิกกินเหล้าบ้างแต่ปรากฏว่าอาศัยคนนั้นเป็นเหตุให้อาจารย์สุข ๆ ก็ไม่กินเหล้าตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมาและก็ไม่ละเมิดศีล ๕<o:p></o:p>
    นี่แหละบรรดาท่านพุทธบริษัท ของดีย่อมมีในทุกที่ทุกสถาน ถ้าเราจะประณามคนเมาว่าเลวมันก็ไม่ถูก ความดีเขามีอยู่ ตอนนี้ผมเป็นพระนี่ครับ ผมมีความรู้สึกตัวว่าผมนี่เลวกว่าคนเมา และชาวบ้านเขาไหว้ผม ผมไม่ได้ไหว้ชาวบ้าน ความรู้กระจ้อยร่อยเพียงเท่านี้ผมไม่สามารถจะมีมาแจกญาติโยมพุทธบริษัท นี่ผมเลวมาก ผมมีความรู้สึกเวลานั้น เมื่อก่อนผมก็รู้สึกว่าเลวอยู่แล้ว แต่ทว่าไอ้ตอนนั้นรู้สึกเลวหนักขึ้น<o:p></o:p>
    นี่แหละบรรดาท่านทั้งหลาย ผมก็ยอมรับตามความเป็นจริงว่า ผมเลวและผมก็พยายามเปลื้องความเลว เปลื้องได้นิด ๆ หน่อย ๆ ความจริงผมก็มีความรู้สึกว่าความรู้มโนมยิทธิ ที่ผมให้ญาติโยมพุทธบริษัท ยังน้อยกว่าความดีของบรรดาญาติโยมที่สงเคราะห์ผม (อาตมาก็ขอประทานอภัยแก่บรรดาญาติโยมพุทธบริษัททั้งหลายที่นั่งที่นี่ประมาณ ๒๐๐ คนเศษ วันนี้น้อยหน่อยนะ ขออภัยที่สนองคุณญาติโยมได้ไม่เป็นไปตามความประสงค์อันนี้ต้องขออภัยนะ) และก็ทุกคนตั้งใจปฏิบัติ แม้จะเล็ก ๆ น้อย ๆ ขอสนองคุณได้บ้างก็พอควรนะ เพราะถือว่าดีพอ<o:p></o:p>
    เป็นอันว่าสำหรับวันนี้ บรรดาท่านทั้งหลาย มองเวลาไปมันก็เหลือ ๒ นาที ผมตั้งใจว่าจะพูดอีกอันหนึ่งที่มีประสบการณ์มา ซึ่งก็เป็นเรื่องของผม แล้วก็ตัดสินใจว่าเอาละขอเป็นลูกศิษย์อาจารย์สุข แต่ว่าผมกินเหล้าไม่เป็นมาตั้งแต่เกิด ไม่มีเหล้าเป็นอาชีพ เรื่องเหล้าเป็นอาชีพนี่ไม่เอาแน่ แต่ว่าเวลายกครูท่านแปลกที่มีเหล้าด้วย แต่สำหรับผมเรียน เวลาไหว้ครู อาจารย์สุขท่านไม่ต้องการเหล้าเลย ไม่มีสุรายาเมา ไม่มีอะไรทั้งหมด แม้จนกระทั่งยาสูบเอง ท่านก็เลิกเมา ดีมากนะ นี่วันหลังนะ ความจริงวันนั้นก็ขอเรียนจากท่าน เห็นผลแล้วนี่ เมื่อขอเรียนจากท่าน ท่านก็ขอร้องว่า วันหลังเถอะครับ วันพรุ่งนี้ ผมจะแนะนำให้<o:p></o:p>
    เอาละบรรดาเพื่อนภิกษุสามเณรทั้งหลาย เป็นอันว่าวันรุ่งขึ้นท่านก็มา แต่มาแล้วจะพูดอะไรกันได้ล่ะ สัญญาณบอกหมดเวลาปรากฏแล้ว เทปบันทึกเสียงจะหมดหน้าแล้ว ก็ขอหยุดก่อน ขอความสุขสวัสดิ์พิพัฒนมงคลสมบูรณ์พูนผล จงมีแด่ท่านพุทธศาสนิกชนผู้รับฟังทุกท่าน สวัสดี<o:p></o:p>
     

แชร์หน้านี้

Loading...