หลวงพ่อสำเร็จศักดิสิทธิ์ / หลวงพ่อเขียน ธัมมรักขิโต

ในห้อง 'ประวัติและนิทานธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย supatorn, 12 สิงหาคม 2017.

  1. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    51,544
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,070
    ๒๗๘.ลึกลับดอยเมืองพง ธุดงค์ป่ารัฐฉาน

    thamnu onprasert
    Jul 15, 2023
    พระภิกษุหนุ่มจากเมืองไทย พบสิ่งลึกลับผีเฝ้าสมบัติบนดอยสูงเขตเมืองพง

     
  2. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    51,544
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,070
    "เทพบุตรดวงจันทร์ "ผลบุญแห่งการถวายผงจันทร์แดง

    thamnu onprasert
    Jul 17, 2023

    ชายชาวป่าคนหนึ่ง ได้ถวายผงจันทร์แดงอันมีกลิ่นหอมกรุ่นบูชาพระบรมธาตุเจดีย์ อานิสงส์แห่งการบูชานั้น ทำให้เขาไปเกิดในสวรรค์นานตลอดพุทธันดรและเมื่อมาเกิดมาเป็นมนุษย์ก็ได้มีแสงรัศมีวงพระจันทร์ปรากฏที่กลางกายเป็นที่น่าอัศจรรย์!
     
  3. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    51,544
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,070
    แปลกแต่จริง! แม่กระรอกมาร้องขอความช่วยเหลือจากหลวงปู่ชอบ

    ปู่ดอน station
    Jul 19, 2023

    หลวงปู่ชอบ ฐานสโม พระอริยสงฆ์ผู้ทรงฤทธิ์ ท่านได้ยินเสียงแม่กระรอกร้องขอความช่วยเหลือจากภัยอันตรายที่เกิดจากงูเขียวมาคุกคาม ท่านจึงได้บอกพระเณรให้รีบไปช่วยเหลือแม่กระรอกทันทีเ้วยความเมตตา..
     
  4. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    51,544
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,070
    ผีห้วยกร้อ : หลวงพ่อเล่าเรื่องผี

    หลวงตา
    May 6, 2023
    หลวงพ่อเล่าเรื่องผี ตอน ผีห้วยกร้อ
    หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ วัดท่าซุง จังหวัดอุทัยธานี

     
  5. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    51,544
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,070
    lpkasemkhemako.gif
    ประวัติ : หลวงพ่อเกษม เขมโก - สำนักสุสานไตรลักษณ์ ลำปาง

    นามเดิม : เกษม ณ ลำปาง

    กำเนิด : วันที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ.2455 ตรงกับวันพุทธ เดือนยี่ (เหนือ) ปีชวด ร.ศ.131 ค.ศ.1912

    สถานที่เกิด : บ้านท่าเก๊าม่วง ริมแม่น้ำวัง อ.เมือง จ.ลำปาง

    บิดา : เจ้าหนูน้อย ณ ลำปาง ภายหลังเปลี่ยนนามสกุลใหม่เป็น มณีอรุณ มารดาชื่อเจ้าแม่บัวจ้อน ณ ลำปาง

    อุปสมบท : อุปสมบทเป็นพระภิกษุในปี พ.ศ.2475 ณ พัทธสีมา วัดบุญยืน

    มรณภาพ : วันจันทร์ที่ 15 มกราคม 2539
    ครูบาเจ้าเกษม เขมโก
    สำนักสุสานไตรลักษณ์ ลำปาง
    โดย ดาวลำปาง


    ณ ดินแดนถิ่นล้านนา ทางภาคเหนือของประเทศไทย พระอริยะสงฆ์ที่พวกเราทุกคนรู้จักชื่อเสียงคุณงามความดีของท่าน ก็คือ ครูบาศรีวิชัย อริยะสงฆ์องค์แรกของภาคเหนือท่านเปรียบเสมือนประทีปดวงใหญ่ที่ส่องประกายธรรมไปทั่วทุกสารทิศ ขณะที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ ท่านได้ประกอบคุณงามความดีไว้กับแผ่นดินนี้มากมาย ท่านจึงถูกจัดให้เป็นบุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์ของชาวเหนือ

    ประวัติและเรื่องราวต่าง ๆ ของท่าน จึงถูกบันทึกเพื่อให้อนุชนรุ่นหลังได้รับรู้ถึงในยุคปัจจุบัน ประวัติบางตอน ของครูบาศรีวิชัยตอนหนึ่ง กล่าวว่าท่านครูบาศรีวิชัยได้พยากรณ์ไว้ว่าจะมีตนบุญมาเกิดที่ลำปาง ครั้นต่อมาครูบาศรีวิชัยได้มรณภาพไปโดยทิ้งคำพยากรณ์นี้ไว้ให้ชาวลำปางได้เฝ้ารอคอยการมาจุติของตนบุญ ที่ครูบาศรีวิชัยได้พยากรณ์ไว้ จนเวลาล่วงเลยไปหลายสิบปี ก็ยังไม่ปรากฏ แต่ชาวลำปางก็ยังเชื่อในคำพยากรณ์ของครูบาศรีวิชัย

    เมื่อปี พ.ศ.2455 ได้มีครอบครัวเชื้อเจ้าผู้ครองนครลำปางหรือเขลางค์นครในอดีตหัวหน้าครอบครัวคือ เจ้าหนูน้อย ณ ลำปาง ภายหลังเปลี่ยนนามสกุลใหม่เป็น มณีอรุณ รับราชการเป็นปลัดอำเภอภรรยาชื่อเจ้าแม่บัวจ้อน ณ ลำปาง ทั้งสอง เป็นหลานเจ้าของพ่อบุญวาทย์ วงศ์มานิตย์ เจ้าผู้ครองนครลำปางองค์สุดท้าย

    ครอบครัวนี้ตั้งบ้านเรือนอยู่ที่บ้านท่าเก๊าม่วง ริมแม่น้ำวัง อ.เมือง จ.ลำปาง อยู่กินกันมาอย่างมีความสุข ในที่สุด เจ้าแม่บัวจ้อนได้ตั้งครรภ์ และพอถึงกำหนดคลอดตรงกับวันที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ.2455 ตรงกับวันพุทธ เดือนยี่ (เหนือ) ปีชวด ร.ศ.131 ค.ศ.1912 เจ้าแม่บัวจ้อน ให้กำเนิดทารกเพศชาย เป็นลูกคนแรกของครอบครัว

    ขณะนั้นไม่มีใครทราบกันเลย ตนบุญ ที่ครูบาศรีวิชัยได้พยากรณ์ไว้นั้นได้ถือกำเนิดขึ้นแล้ว บิดามารดาก็ได้ตั้งชื่อทารกนั้น เกษม ณ ลำปาง เพราะเด็กชายเกษม ณ ลำปาง ได้เกิดมาในเชื้อสายของเจ้าทางเหนือ จึงได้รับการยกย่องของคนทั่วไป ทุกคนต่างเรียกกันว่า เจ้าเกษม ณ ลำปาง หลังจากที่ได้คลอดบุตรมาได้ไม่กี่ปี เจ้าแม่บัวจ้อนได้ให้กำเนิดทารกอีกคน แต่เป็นเพศหญิง ซึ่งมีศักดิ์เป็นน้องของ เจ้าเกษม สืบสายเลือด แต่ทว่าเจ้าแม่น้อยคนนี้วาสนาน้อย ได้เสียชีวิตตั้งแต่ยังเด็ก จึงไม่มีโอกาสได้รู้ว่าพี่ชายของเธอคือ ตนบุญ ที่ชาวลำปางรอคอยเป็นสิบ ๆ ปี

    เมื่อวัยเด็ก เจ้าเกษม ณ ลำปาง เป็นคนมีลักษณะค่อนข้างเล็กบอบบาง ผิวขาวแต่ดูเข้มแข็ง คล่องแคล่ว และมีสติปัญญาเฉลียวฉลาด เป็นเด็กที่ชอบซน คืออยากรู้อยากเห็น เมื่อถึงวัยเรียน เจ้าเกษม ณ ลำปาง ได้รับการศึกษาระดับประถมที่โรงเรียนบุญทวงศ์อนุกูล ซึ่งเป็นโรงเรียนประจำ อ.เมือง จ.ลำปาง สมัยนั้นเปิดเรียนชั้นสูงสุดแค่ชั้นประถมปีที่ 5 เท่านั้น เจ้าเกษม ณ ลำปาง ได้ศึกษาจนจบชั้นสูงของโรงเรียน คือชั้นประถมปีที่ 5 ใน พ.ศ.2466 ขณะนั้นอายุ 11 ปี

    เมื่อออกจากโรงเรียนก็ไม่ได้เรียน อยู่บ้าน 2 ปี ใน พ.ศ.2468 อายุขณะนั้นได้ 13 ปี เจ้าเกษม ณ ลำปาง ก็ได้มีโอกาสเข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์ โดยบรรพชาเป็นสามเณร เนื่องในโอกาสบรรพชาหน้าศพ (บวชหน้าไฟ) ของเจ้าอาวาสวัดป่าดั๊ว ครั้นบวชได้เพียง 7 วันก็ลาสิกขาออกไป ต่อมาอีก 2 ปี ราว พ.ศ.2470 ขณะนั้นมีอายุ 15 ปี เจ้าเกษม ณ ลำปาง ก็ได้มีโอกาสเข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์อีกครั้งหนึ่ง โดยบรรพชาเป็นสามเณรอยู่ที่วัดบุญยืน จ.ลำปาง เมื่อบรรพชาแล้วสามเณรเจ้าเกษม ณ ลำปาง ก็ได้จำพรรษาศึกษาพระธรรมวินัยที่วัดบุญยืนนั่นเอง สามเณรเจ้าเกษม ณ ลำปาง เป็นคนที่ทำอะไรจริงจัง เรียนทางด้านปริยัติศึกษาธรรมะจนถึง ปี พ.ศ.2474 สามเณรเจ้าเกษม ก็สามารถสอบนักธรรมชั้นโทได้ ครั้นมีอายุได้ 21 ปี อายุครบที่จะอุปสมบทเป็นพระภิกษุได้แล้ว จึงได้เข้าพิธีอุปสมบทเป็นพระภิกษุในปี พ.ศ.2475 ณ พัทธสีมา วัดบุญยืน โดยมีพระเดชพระคุณท่านเจ้าคุณพระธรรมจินดานายก (ฝ่าย) เจ้าอากาสวัดบุญวาทย์วิหาร ซึ่งดำรงตำแหน่งเจ้าคณะอำเภอในขณะนั้นเป็นพระอุปัชฌาย์ พระคุณเจ้าท่านพระครูอุตตร วงศ์ธาดา หรือที่ชาวบ้านเหนือรู้จักกันในนาม ครูบาปัญญาลิ้นทอง เจ้าอาวาสวัดหมื่นเทศ และดำรงตำแหน่งเจ้าคณะอำเภอเมือง จังหวัดลำปางในขณะนั้น เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และยังพระเดชพระคุณท่านพระธรรมจินดานายก(อุ่นเรือน) เจ้าอาวาสวัดป่าดั๊วเป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า เขมโก แปลว่า ผู้มีธรรมอันเกษม

    หลังจากได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุแล้ว พระภิกษุเกษม เขมโกก็ได้ศึกษาทางด้านภาษาบาลี ซึ่งเป็นการศึกษาปริยัติอีกแขนงหนึ่ง ที่สำนักวัดศรีล้อม สมัยนั้นก็มีอาจารย์หลายรูป เช่น มหาตาคำ พระมหามงคลเป็นครูผู้สอน และยังได้ไปศึกษาที่สำนักวัดบุญวาทย์วิหาร ซึ่งมีพระมหามั่ว พรหมวงศ์ และพระมหาโกวิทย์ โกวิทญาโน เป็นครูสอน

    ในเวลาเดียวกันนั้น พระภิกษุเจ้าเกษม เขมโก ก็ได้ไปศึกษาทางด้านปริยัติในแผนกนักธรรมต่อที่สำนักวัดเชียงราย ครูผู้สอนคือ พระเดชพระคุณท่านเจ้าคุณพระเทพวิสุทธิโสภณ เจ้าคณะจังหวัดลำปางสมัยนั้น ปรากฎว่าพระภิกษุเจ้เกษม เขมโก ก็สามารถสอบนักธรรมชั้นเอกได้ในปี พ.ศ.2479 ส่วนทางด้านการศึกษาบาลีนั้น ท่านเรียนรู้จนสามารถเขียนและแปลได้เป็น (มคธ) เป็นอย่างดี แต่ก็ไม่ยอมสอบเอาวุฒิ จนครูบาอาจารย์ทุกองค์ต่างเข้าใจว่า พระภิกษุเกษม เขมโก ไม่ต้องการมีสมณศักดิ์สูง ๆ เรียนเพื่อจะนำเอาวิชาความรู้มาใช้ในการศึกษาค้นคว้าพระธรรมคำสอนของพระบรมศาสดาเท่านั้น

    เมื่อสำเร็จทางด้านปริยัติพอควรแล้ว สามารถนำไปปฏิบัติได้โดยไม่หลงทาง ท่านจึงหันมาปฏิบัติต่อไปจนแตกฉาน แค่นั้นยังไม่พอ พระภิกษุเกษม เขมโก ได้เสาะแสวงหาครูบาอาจารย์ที่มีความรู้และมีความเชี่ยวชาญในด้านนี้ จนกระทั่งได้ทราบข่าวภิกษุรูปหนึ่งมีชื่อเสียงในด้านวิปัสสนา ภิกษุรูปนี้ คือครูบาแก่น สุมโน อดีตเจ้าอาวาสวัดประตูป่อง

    ครูบาแก่น สุมโน เป็นพระภิกษุสายวิปัสสนา ถือธุดงค์เป็นวัตร หรือที่เรียกกันว่า พระป่า หรือภาษาทางการเรียกว่า พระภิกษุฝ่ายอรัญญวาสี ตอนนั้นครูบาแก่นท่านได้ธุดงค์แสวงหาความวิเวกทั่วไป ยึดถือป่าเป็นที่บำเพ็ญเพียร นอกจากมีชื่อเสียงในด้านวิปัสสนาแล้ว ท่านยังเก่งรอบรู้ในด้านพระธรรมวินัยอย่างแตกฉานอีกด้วย

    พระภิกษุเกษม เขมโก จึงเดินทางไปขอฝากตัวเป็นศิษย์และได้อธิบายความต้องการที่จะศึกษาในด้านวิปัสสนาให้ครูบาแก่นฟัง ครูบาแก่น สุมโน เห็นความตั้งใจจริงของภิกษุเกษม เขมโก ท่านจึงรับไว้เป็นศิษย์ และได้นำภิกษุเกษม เขมโก ออกท่องธุดงค์ไปแสวงหาความวิเวกและบำเพ็ญเพียรตามป่าลึกตามที่ภิกษุเกษม เขมโก ต้องการ จึงถือได้ว่า ครูบาแก่น สุมโน รูปนี้เป็นอาจารย์ทางวิปัสสนากรรมฐานรูปแรกของ พระภิกษุเจ้าเกษม เขมโก

    ดั้งนั้น พระภิกษุเกษม เขมโก จึงได้เริ่มก้าวไปสัมผัสชีวิตของภิกษุฝ่ายอรัญญวาสี ประกอบกับจิตของท่าน โน้มเอียงมาทางสายนี้อยู่แล้ว จึงไม่ใช่เป็นเรื่องลำบากสำหรับในการไปธุดงค์ กลับเป็นการได้พบความสงบสุขโดยแท้จริง กับความเงียบสงบซ้ำยังได้ดื่มด่ำกับรสพระธรรมอันบังเกิดท่ามกลางความวิเวก พระภิกษุเกษม เขมโก จึงมุ่งมั่นปฏิบัติธรรมอย่างจริงจัง โดยมีครูบาแก่นแนะอุบายธรรมอย่างใกล้ชิด ระหว่างท่องธุดงค์แสวงหาความวิเวกในที่สงัดตามป่าเขาและป่าช้าต่าง ๆ การฉันอาหารในบาตร คือ อาหารหวานคาวรวมกัน เรียกว่า ฉันเอกา ไม่รวมอาสนะกับสงฆ์อื่น ฉันมื้อเดียว ช่วงบ่ายก็จะเดินจงกรม เพื่อเปลี่ยนอิริยาบถ พร้อมกำหนดจิตจนกระทั่งถึงเย็น เมื่อเสร็จจากการเดินจงกรม ก็กลับมานั่งบำเพ็ญภาวนาต่อไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งถึงประมาณ 5 ทุ่ม เสร็จจากการบำเพ็ญภาวนาก็สวดมนต์ทำวัตรเย็น ในตอนดึกก่อนจำวัดท่านก็ไม่นอนเหมือนคนธรรมดาทั่วไป ท่านจะหมอบเท่านั้น และท่านจะทำเป็นกิจวัตร คือการกรวดน้ำอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลแผ่เมตตาไปให้กับสรรพสัตว์ทั้งหลาย
     
  6. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    51,544
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,070
    (cont.)
    จนกระทั่งถึงช่วงเข้าพรรษาที่พระภิกษุจำเป็นต้องยุติการท่องธุดงค์ชั่วคราว ต้องอยู่กับที่ ณ ที่ใดที่หนึ่ง จะเป็นวัดอาราม หรือถือเอาป่าช้าเป็นวัด โดยกำหนดเขตเอาตามพุทธบัญญัติ ดังนั้นภิกษุเจ้าเกษม เขมโก จึงต้องแยกทางกับอาจารย์คือครูบาแก่น ตั้งแต่นั้นมาภิกษุเจ้าเกษม เขมโก กลับมาจำพรรษาที่วัดบุญยืนตามเดิม พอครบกำหนดออกพรรษาภิกษุเกษม เขมโก ก็ติดตามอาจารย์ของท่าน คือครูบาแก่นออกธุดงค์บำเพ็ญภาวนา ท่านถือปฏิบัติเช่นนี้เรื่อยมา

    ต่อมาเจ้าอธิการคำเหมย เจ้าอาวาสวัดบุญยืนถึงแก่มรณภาพลง ทำให้ตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดบุญยืนว่าง ทางคณะสงฆ์จึงต้องเลือกภิกษุที่มีคุณสมบัติมาปกครองดูแลวัด เพื่อเป็นเจ้าอาวาสสืบต่อไป คณะสงฆ์จึงได้ประชุมกัน และต่างลงความเห็นพ้องต้องกันว่าควรจะเป็นภิกษุเกษม เขมโก เพราะเป็นพระที่มีคุณสมบัติเหมาะสมกับตำแหน่งเจ้าอาวาสองค์ เมื่อท่านได้รับเลือกเป็นเจ้าอาวาสวัดบุญยืน ท่าก็ไม่ยินดียินร้ายแต่ท่านก็ห่วงทางวัด เพราะท่านเคยจำวัดนี้ ท่านก็เห็นว่า บัดนี้ทางวัดบุญยืนมีภารกิจต้องดูแล ก็ถือว่าเป็นภารกิจทางศาสนาเพราะท่านเองต้องการให้พระศาสนานี้ดำรงอยู่ จึงไม่อาจจะดูดายภารกิจนี้ได้ จึงยอมรับตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดบุญยืน

    ครูบาเจ้าเกษม เขมโก อยู่ในตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดบุญยืนเรื่อยมาจนถึงปี พ.ศ.2492 ท่านก็ตัดสินใจลาออกจากตำแหน่งเจ้าอาวาส ทำหนังสือลาออกกับพระเดชพระคุณท่านเจ้าพระอินทรวิชาจารย์ (ท่านเจ้าคุณอิน อดีตเจ้าคณะจังหวัดลำปาง) แต่ก็ถูกท่านเจ้าคุณยับยั้งไว้ ครูบาเจ้าเกษม เขมโก จึงจำใจกลับไปเป็นเจ้าอาวาสวัดบุญยืนอีกระยะหนึ่งนานถึง 6 ปี ท่านคิดว่าควรจะหาภิกษุที่มีคุณสมบัติมาแทนท่าน เพราะท่านอยากจะออกธุดงค์ ดังนั้นท่านจึงตัดสินใจสละตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดบุญยืน โดยยื่นใบลากับคณะสงฆ์ในเขตปกครอง ก็ไม่เป็นผลสำเร็จ จึงเดินทางไปลาออกกับเจ้าคณะจังหวัด ซึ่งอยู่ที่วัดเชียงราย แต่ท่านเจ้าคณะจังหวัดก็ไม่อนุญาต

    เรื่องการลาออกจากการเป็นเจ้าอาวาสของครูบาเจ้าเกษม เขมโก นี้ดูค่อนข้างจะเป็นเรื่องแปลกพิศดาร แม้แต่การสละตำแหน่งลาภยศท่านยังต้องประสบกับอุปสรรคต่าง ๆ นานา ไม่เหมือนกับพระองค์อื่น ๆ ที่ฟันฝ่าเพื่อแสวงหาลาภยศ เมื่อท่านลาออกไม่สำเร็จประมาณปี พ.ศ.2492 ก่อนเข้าพรรษาในปีนั้น หลวงพ่อก็หนีออกจากวัดบุญยืนก่อนเข้าพรรษา เพียงวันเดียวโดยไม่มีใครรู้ พอเช้าวันรุ่งขึ้นเข้าพรรษา หมู่ศรัทธาก็นำอาหารมาเตรียมถวายในวิหาร ทุกคนรอแล้วรอเล่าก็ไม่เห็นหลวงพ่อเกษม จึงเกิดความวุ่นวายเที่ยวตามหาตามกุฏิก็ไม่พบหลวงพ่อเกษม พอมาที่ศาลาทุกคนเห็นกระดาษวางบนธรรมาสน์เป็นข้อความที่หลวงพ่อเกษมเขียน ลาศรัทธาชาวบ้านยาวถึง 2 หน้ากระดาษ

    ข้อความบางตอนที่จำได้มีอยู่ว่า ทุกอย่างเราสอนดีแล้ว อย่าได้คิดไปตามเรา เพราะเราสละแล้วการเป็นเจ้าอาวาส เปรียบเหมือนหัวหน้าครอบครัว ต้องรับผิดชอบภาระหลายอย่าง ไม่เหมาะสมกับเรา เราต้องการความวิเวกจะไม่ขอกลับมาอีก แต่พวกชาวบ้านก็ไม่ละความพยายาม เพราะชาวบ้านเหล่านี้ศรัทธาในตัวหลวงพ่อพอ รู้ว่าหลวงพ่ออยู่ที่ไหนเมื่อรวมกันได้ 40-50 คน ก็ออกเดินทางไปตามหาหลวงพ่อเกษม และไปพบหลวงพ่อที่ศาลาวังทาน หลวงพ่อเกษมได้ปฏิบัติธรรมที่นั่น พวกชาวบ้านได้อ้อนวอนหลวงพ่อ ขอให้กลับวัด บางคนร้องไห้เพราะศรัทธาในตัวหลวงพ่อมาก แต่หลวงพ่อเกษมท่านก็นิ่งไม่พูดไม่ตอบ จนพวกชาวบ้านต้องยอมแพ้ ตลอดพรรษาปี 2492 หลวงพ่อเกษมท่านก็อยู่ที่ศาลาวังทานโดยไม่ยอมกลับวัดบุญยืน

    พวกชาวบ้านจึงพากันเข้าไปพบโยมแม่ของหลวงพ่อโยมแม่รักหลวงพ่อเกษมมาก เพราะท่านมีลูกชายคนเดียว จึงให้คนพาไปหาหลวงพ่อที่ศาลาวังทาน โดยมี (เจ้าประเวทย์ ณ ลำปาง) ตอนนั้นยังบวชเป็นสามเณรอยู่ โยมแม่ได้ขอร้องให้หลวงพ่อเกษมกลับวัด แต่หลวงพ่อกลับบอกโยมแม่ว่า

    แม่เฮาบ่เอาแล้วเฮาบ่เหมาะสมกับวัด เฮาชอบความวิเวก เฮาขออยู่อย่างวิเวกต่อไป เฮาจะไปอยู่ที่ป่าเหี้ยว แม่อาง จนทำให้โยมแม่หมดปัญญา ไม่รู้จะขอร้องยังไง ผลที่สุดก็ต้องตามใจหลวงพ่อ วันรุ่งขึ้น หลวงพ่อเกษมก็ออกจากศาลาวังทาน เดินทางไปบ้านแม่อางด้วยเท้าเปล่า เช้ามืดไปถึงป่าเหี้ยวแม่อางก็ค่ำพอดี ฝ่ายโยมมารดาพอกลับมาบ้านก็เกิดคิดถึงพระลูกชาย เพราะเกรงว่าพระลูกชายจะลำบาก จึงออกจากบ้านไปตามหาพระลูกชาย โดยมีคนติดตามไปด้วยชื่อ โกเกตุ โยมแม่สั่งให้โกเกตุ ขนของสัมภาระเพื่อจะไปอยู่บนดอย ของที่เหลือในร้านเพชรพลอยแจกให้ชาวบ้านจนหมดเกลี้ยง ไม่เอาอะไรเลย นอกจากของใช้ที่จำเป็นบางอย่างเท่านั้น

    เกตุ พงษ์พันธุ์ ซึ่งเป็นญาติใกล้ชิดก็พาโยมแม่ไปส่งที่แม่อาง และพวกชาวบ้านเห็นโยมแม่ของหลวงพ่อมา ก็สร้างตูบกระท่อมอยู่ข้างวัดแม่อาง ส่วนหลวงพ่อเข้าบำเพ็ญภาวนาในป่าช้าบนดอยแม่อาง บำเพ็ญภาวนาบารมีวิปัสสนาปฏิบัติธรรมได้หนึ่งพรรษา ทิ้งให้โยมแม่ซึ่งอยู่กระท่อมตีนดอยก็คิดถึงพระลูกชาย โดยแม่ก็ตามไปหาที่ป่าช้าข้างเนินดอย ก็มีชาวบ้านแถวนั้นอาสาสร้างตูบกระท่อมให้โยมแม่พักใกล้ ๆ ที่หลวงพ่อปฏิบัติธรรม โดยโยมแม่บัวจ้อนได้พำนักที่ข้างเนินดอยได้พักหนึ่งก็ล้มป่วยลงด้วยโรคไข้ป่า ชาวบ้านก็ไปตามหมอทหารมาฉีดยารักษาให้ แต่โยมแม่ท่านมีสติที่เข้มแข็ง และยังได้สั่งเสียเณรเวทย์ว่ามีเงินซาวเอ็ดบาท ให้เก็บไว้ถ้าโยมแม่ตายให้เณรไปบอกลุงมา เมื่อสั่งเสร็จโยมแม่ก็หลับตา เณรเวทย์ก็ไปบอกหลวงพ่อเกษม หลวงพ่อก็มา ท่านได้นั่งดูอาการของโยมแม่ท่านนั่งสวดมนต์ เป็นที่น่าแปลกใจขณะที่หลวงพ่อสวดมนต์ มีผึ้งบินมาวนเวียนตอมไปตอมมาสักครู่ใหญ่ ๆ โยมแม่ก็ถอดจิตอย่างสงบ นัยน์ตาหลวงพ่อเกษมมีน้ำตาค่อย ๆ ไหลขณะที่ท่านแผ่บุญกุศลให้กับโยมแม่ ท่านยังเอ่ยว่า “แหม เฮาว่า เฮาจะบ่ไห้(ร้องไห้) แล้วนา…”

    ศพของโยมแม่บัวจ้อน มีเณรเวทย์และชาวบ้านได้มาช่วยจัดการจนเสร็จพิธี ชาวบ้านช่วยเป็นเงินในสมัยนั้นได้ 700 บาท ถือว่ามาก ศพของโยมแม่บัวจ้อนเผาที่ป่าช้าแม่อาง หลังจากที่เสร็จพิธีงานศพโยมแม่จ้อนแล้ว หลวงพ่อก็สั่งเณรเวทย์ ให้กลับไปเรียนธรรมที่วัดบุญยืน

    อยู่มาไม่นาน หลวงพ่อก็จากป่าช้าแม่อาง กลับมาบำเพ็ญภาวนาที่ป่าช้าศาลาวังทานอีกเพียงหนึ่งพรรษา ท่านก็เดินทางไปอยู่ที่ป่าช้านาป้อ และกลับมาอยู่ประตูม้า ซึ่งก็คือสุสานไตรลักษณ์ในปัจจุบัน

    หลวงพ่อเกษม เขมโก ท่านได้ปฏิบัติธรรมจนเป็นพระที่ขาวสะอาด และเป็นที่เคารพสักการะของคนทั่วประเทศ ศีลบริสุทธิ์ตามพระธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ท่านเป็นพระไม่ติดยึดใคร ต้องการอะไร ขออะไร ไม่เคยปฏิเสธ จนสังขารของท่านดูแล้วไม่แข็งแรง แต่จิตของหลวงพ่อแข็งแรง และท้ายที่สุดหลวงพ่อเกษม เขมโก ได้ละสังขาร ณ ห้องไอซียูโรงพยาบาลศูนย์ภาคเหนือ จังหวัดลำปาง เมื่อเวลา 19.40 น. ของวันจันทร์ที่ 15 มกราคม 2539 ซึ่งตรงกับวันแรม 11 ค่ำ เดือน 2 ยังความอาลัยเศร้าโศกเสียใจมายังหมู่ศานุศิษย์ทั่วประเทศ
    :- http://www.dhammathai.org/monk/sangha44.php
     
  7. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    51,544
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,070
    ๑๔๗.อาถรรพ์พุทธรูปหิน ผจญภัยบนดอยสูง

    thamnu onprasert
    Jul 20, 2023

    ในถ้ำบนดอยหลังหมู่บ้านหมอกจำแป่เมืองแม่ฮ่องสอน มีพระพุทธรูปหินอาถรรพ์ที่ผีหวงแหน!
     
  8. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    51,544
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,070
  9. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    51,544
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,070
    บุญพระกรรมฐาน "ลึกลับวิญญาณหลอน"

    thamnu onprasert
    Jul 24, 2023
    วิญญาณหลอนในห้องอาถรรพ์ รอดพ้นจากความทุกข์ได้ เพราะบุญพระกรรมฐานที่คนอุทิศให้.
     
  10. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    51,544
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,070
    ๑๒. ลึกลับดงผีปู่ตา ธุดงค์ป่ากับหลวงปู่

    thamnu onprasert
    Jul 27, 2023

    เรื่องราวลึกลับของภุมมเทวดาในดงผีปู่ตา ที่มีความเป็นอยู่คล้ายคลึงกับมนุษย์ซึ่งคณะธุดงค์จากสำนักสงฆ์บุคำได้ไปพบเห็น
     
  11. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    51,544
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,070
    หลวงปู่เปลี่ยน ส่งกระแสจิตตรวจดูชีวิตโลกหลังความตายของคนที่ทำบุญ

    ปู่ดอน station
    Jul 13, 2023

    หลวงปู่เปลี่ยน ปัญญาปทีโป พระอริยสงฆ์แห่งวัดป่าอรัญญวิเวก ท่านได้ส่งกระแสจิตไปเที่ยวชมดินแดนสวรรค์ ทำให้ท่านได้รู้ถึงเรื่องการทำบุญที่ให้ผลต่างกันของเทพบุตรและเทพธิดาต่างๆ ท่านจึงเมตตานำมาเล่าบอกต่อ..
     
  12. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    51,544
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,070
    ๑๒๔.บ้านผีสิง ลี้ลับป่าสาละวิน

    thamnu onprasert
    Jul 29, 2023

    เรื่องราวลึกลับบ้านเรือนไม้สักหลังใหญ่ของนายฮ้อยส่างอุ่นเปิง ณ เมืองแม่สะเรียง ที่ผู้คนเล่าลือกันว่า เป็นบ้านผีสิง!
     
  13. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    51,544
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,070
    สามเณร ออกธุดงค์

    หลวงตา
    Jul 30, 2023
    สามเณร ออกธุดงค์
    อัตโนประวัติของ หลวงปู่บุญเพ็ง เขมาภิรโต วัดถ้ำกลองเพล จ.หนองบัวลำภู

     
  14. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    51,544
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,070
    ประวัติและปฏิปทา
    หลวงปู่บุญเพ็ง เขมาภิรโต

    วัดถ้ำกลองเพล
    อ.เมือง จ.หนองบัวลําภู

    -เขมาภิรโต.jpg
    หลวงปู่บุญเพ็ง เขมาภิรโต วัดถ้ำกลองเพล
    หลวงปู่บุญเพ็ง เขมาภิรโต พระอริยสงฆ์ผู้ยินดีในธรรมอันเกษม ท่านเป็นธรรมทายาทหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต และหลวงปู่ขาว อนาลโย

    หลวงปู่บุญเพ็ง เคยได้อยู่รับใช้ครูบาอาจารย์หลวงปู่มั่น เป็นเวลารวม ๔ ปี คือตั้งแต่ พ.ศ.๒๔๘๙ ถึง พ.ศ. ๒๔๙๒ ท่านได้กล่าวถึงสิ่งที่ภาคภูมิใจก็คือ ได้อยู่ปรนนิบัติท่าน ได้อยู่ใกล้ชิดท่าน เมื่อติดขัดในปัญหาอันใดก็จะสามารถถามแก้ไขได้อย่างทันท่วงที ยิ่งในวัยชราของท่าน อาตมาและหมู่คณะได้ปรนนิบัติท่านพยายามเยียวยารักษาท่าน เพราะท่านเป็นพ่อแม่ที่ให้สิ่งที่มีคุณค่าทั้งสิ้น ไม่เคยสอนให้เสียคน ท่านคอยกล่าวตักเตือน ท่านว่า “เวลาไม่รอใคร ความตายอยู่เบื้องหน้า จงอย่าประมาทเลย”
    หลวงปู่บุญเพ็ง เขมาภิรโต นามเดิม บุญเพ็ง จันใด ท่านถือกำเนิดตรงกับวันจันทร์ที่ ๒๑ ตุลาคม พ.ศ.๒๔๗๒ แรม ๓ ค่ำ เดือน ๑๑ ปีมะเส็ง ณ บ้านศรีฐาน ต.กระจาย อ.ป่าติ้ว จ.ยโสธร

    โยมบิดาชื่อ นายคูณ และโยมมารดาชื่อ นางมา จันใด โดยองค์ท่านเป็นบุตรคนที่ ๓ ในจำนวนพี่น้อง ๖ คน ครอบครัวมีอาชีพทำนา ท่านศึกษาเล่าเรียนที่โรงเรียนศรีฐาน ซึ่งเป็นโรงเรียนวัด จึงทำให้ท่านมีความผูกพันกับศาสนา ครั้นอายุ ๑๒ ปี บวชเป็นผ้าขาวเพื่อศึกษาและปฏิบัติข้อวัตรของผู้ทรงศีล และบรรพชาเป็นสามเณรที่ วัดศรีธรรมาราม อ.เมืองยโสธร จ.อุบลราชธานี (ในเวลาต่อมา ได้เปลี่ยนเป็นอำเภอเมือง จังหวัดยโสธร)
     
  15. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    51,544
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,070
    (ต่อ)
    -เขมาภิรโต-0.jpg
    หลวงปู่บุญเพ็ง เขมาภิรโต วัดถ้ำกลองเพล

    ท่านเข้าพิธีอุปสมบทเมื่อวันที่ ๒๑ ตุลาคม พ.ศ.๒๔๙๒ ที่วัดป่าสุทธาวาส อ.เมือง จ.สกลนคร โดยมีพระอาจารย์มหาทองสุก สุจิตโต (ศิษย์หลวงปู่มั่น) เป็นพระอุปัชฌาย์ หลวงปู่ฝั้น อาจาโร เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และท่านพระอาจารย์มหาไพบูลย์ เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า “เขมาภิรโต” แปลว่า “ผู้ยินดีในธรรมอันเกษม

    -เขมาภิรโต-3.jpg
    หลวงปู่บุญเพ็ง เขมาภิรโต
    อาจาริยธรรม
    หลวงปู่บุญเพ็ง เขมาภิรโต ในขณะที่ท่านเป็นสามเณรอายุ ๑๖ ปีท่านได้เดินทางด้วยเท้าพร้อมด้วยท่านพระอาจารย์สอ และสามเณรลี จากวัดศรีธรรมาราม จังหวัดยโสธร ไปบ้านหนองผือนาใน ตำบลนาใน อำเภอพรรณานิคม จังหวัดสกลนคร ใช้เวลาในการเดินทางเป็นระยะเวลา ๑๕ วัน และท่านพร้อมคณะได้พักอยู่ห่างจากวัดป่าบ้านหนองผือ ประมาณ ๑๒ กิโลเมตร โดยผลัดกันครั้งละรูป เดินทางเข้ามากราบ ท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตเถระ เพราะถ้าไปพร้อมๆ กันเกรงว่าจะไม่งาม อาจจะมีความวุ่นวายและขาดความสงบได้ โดยหลวงปู่บุญเพ็ง เป็นรูปแรกที่ท่านเข้าไปก่อน ท่านได้เล่าถึงเหตุการณ์ในครั้งแรกที่ได้มีโอกาสเข้าไปนมัสการท่านพระอาจารย์ใหญ่หลวงปู่มั่นว่า…

    “..แรกๆ นะตัวเย็นเฉียบเลยนะ หยิกไม่รู้เรื่อง มันตื่นเต้นมาก เพราะเคยได้ยินกิตติศัพท์ของท่านพระอาจารย์มั่น ว่ามีระเบียบ เรียบร้อยมาก เป็นพระผู้มีความเคร่งครัดต่อพระวินัยมาก..”
    ครั้งนั้นอาตมายังจำได้ดีว่ามันตื่นเต้นมาก เมื่อเข้ากราบนมัสการ ก็เห็นความเป็นพระผู้มีปฏิปทาสูงมาก ยากที่จะมีใครทำได้เช่นท่าน

    “งามจริงๆ แม้ท่านจะนั่งอยู่ในที่อันควรแล้ว ผิวพรรณของท่านเปล่งปลั่ง มองไม่เบื่อ เพราะเราไม่เคยเห็นอย่างนี้ สมกับคำล่ำลือจริงๆ”

    ท่านพระอาจารย์มั่นท่านนั่งเฉยอยู่ มองพิจารณาอยู่ครู่หนึ่งท่านจึงเอ่ยขึ้นว่า

    “พอบอกได้สอนได้”

    หลังจากนั้นก็มีพระนำไปที่พัก ชึ่งก็เป็นป่าดงไม้ไผ่และรอบๆ บริเวณนั้นแหละ จิตใจของอาตมานั้นปีติดีใจมาก คิดว่า

    “นี้เป็นโอกาสของเราแล้ว เราจะปฏิบัติศึกษาให้เกภูมิปัญญามากเท่าที่จะมากได้ทีเดียว”

    เมื่อหลวงปู่บุญเพ็ง ได้เข้ามาอยู่วัดป่าบ้านหนองผือ สมความตั้งใจแล้ว ได้รับหน้าที่อันเป็นกิจวัตรประจำวัน คือคอยดูแลและทำความสะอาดกุฏิ จัดสิ่งต่างๆ ภายในกุฏิของท่านพระอาจารย์มั่น และต่อมาได้อยู่ใกล้ชิด โดยได้รับหน้าที่ปรนนิบัติช่วยครูบาอาจารย์ในยามชรา ชึ่งในเวลานั้นท่านพระอาจารย์มั่นท่านชราภาพแล้ว หลวงปู่บุญเพ็งท่านเล่าว่า นับเป็นลาภของอาตมาที่ได้มีโอกาสอันสำคัญนี้ และเป็นช่วงที่ได้อยู่ปรนนิบัติท่านด้วย อย่างไรก็ตามการได้อยู่ใกล้ชิดครูบาอาจารย์ชึ่งในครั้งนั้นได้มีครูบาอาจารย์มาอยู่จำพรรษามากองค์ด้วยกัน และแต่ละองค์ก็ล้วนแล้วแต่มีคุณวิเศษมีข้อวัตรปฏิบัติธรรมอย่างละเอียดอ่อน เป็นกำลังในกองทัพธรรมเจริญรุ่งเรืองในกาลต่อมา ครูบาอาจารย์พระเถระแต่ละองค์นั้น การปฏิบัติของท่านเป็นอย่างชนิดทุ่มเท หมั่นเพียร ยอมมอบกายถวายชีวิตพ่อพระรัตนตรัย และมีอารมณ์สงบ เยือกเย็น พูดน้อย เวลาจะถามความสงสัยในธรรม ก็ตอบได้อย่างแจ่มแจ้ง เข้าใจง่าย อันนี้อาตมาคิดว่า “เหมาะสม” คือสถานที่ดี ครูบาอาจารย์พรั่งพร้อมที่จะสอนธรรม จึงเหมาะแก่การภาวนาธรรมในครั้งกระโน้นจริง ๆ
     
  16. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    51,544
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,070
    (ต่อ)
    ลูกศิษย์ทั้งหลายย่อมรู้จักปฏิปทาของท่านพระอาจารย์มั่นได้ดี ไม่ใช่จะยกเทิดทูนจนเกินเลย เป็นความจริง ที่ไม่เชื่อเพราะมิได้ศึกษา นี้เป็นอย่างนี้น่ะ เมื่อได้อยู่ใกล้ครูบาอาจารย์ก็เป็นผลในการประพฤติปฏิบัติมาก ก็น่าอัศจรรย์ อาตมาเคยได้พบประสบมาแล้วอย่างนี้ วันหนึ่งขณะที่กำลังนั่งคิดอยู่ว่า

    “อะไรหนอ การปฏิบัติของเรา มันติดขัดอับจนปัญญา พิจารณาไม่ออกจิตใจฟุ้งซ่าน ทำอะไรๆ ก็ไม่สงบ”

    ก็คิดในใจว่า “เย็นนี้จะต้องขอกราบเรียนถามท่านพระอาจารย์ใหญ่เพื่อเปิดจิตใจให้สว่างเสียที ”

    ครั้งพอตกเวลาเย็น อาตมาก็ได้ไปปรนนิบัติต้มน้ำร้อนน้ำดื่มถวายท่าน บีบนวดบ้างในบางคราว พอทำกิจของตนเสร็จก็เข้าไปนั่งรวมกับหมู่คณะ ท่านพระอาจารย์ใหญ่ก็เทศน์คำสอนให้อุบายธรรมะที่กำลังติดขัดอยู่นั้นแหละ ท่านบอกแก้ไขให้โดยไม่ได้เอ่ยขอกราบเรียนเลย อย่างนี้ละคิดอย่างไร วาระจิตของท่านสงบมากแค่ไหน ทำไมท่านถึงรู้ได้อย่างแจ่มแจ้งเช่นนั้น คนเราสมัยนี้พอพูดถึงปาฏิหาริย์บ้าง เรื่องฤทธิ์บ้าง มันชอบใจ ติดหลงไปไม่รอด กำลังไม่พอแต่อยากเหาะได้นะ เอาเป็นว่าท่านพระอาจารย์มั่น ท่านดักใจได้ถูก แล้วท่านยังได้สอนธรรมะให้คลายสงสัยได้ยอดเยี่ยมอีกด้วย

    สำหรับหลักธรรมอันเป็นอุบายในการปฏิบัติ ท่านพระอาจาย์มั่น ท่านสอนมากในเรื่องภาวนาพิจารณาสกลร่างกายเรานี้ เพราะกัมมัฏฐานก็คือธาตุ ดังนั้นจึงควรพิจารณาร่างกายนี้แยกออกให้เป็นส่วน ๆ เมื่อมีความชำนาญคล่องแคล่วก็จะเห็นได้ชัดว่า ร่างกายเรานี้มันเป็นแต่เพียงธาตุ ไม่ใช่ของเราหรือของของเขาเลย เพื่อพิจารณาเห็นจริงเช่นนี้ก็ให้ตั้งสติ ให้รู้สภาพความเป็นจริง ความเป็นจริงก็คือธรรมะ

    ครั้งแรก ๆ ท่านพระอาจารย์มั่นว่า “สติเป็นสิ่งสำคัญ ต้องน้อมพิจารณาส่วนใดก็ได้ ของร่างกายเมื่อมันหมดความลุ่มหลงร่างกายของตนแล้ว ต่อให้ร่างคนอื่น ๆ จะแต่งแต้มแค่ไหน มันก็จะไม่มีอาการลุ่มหลงเคลิบเคลิ้มต่อไป เพราะความรู้เท่าทันของจิตใจ พระอริยเจ้าทั้งหลายท่านก็พิจารณากายนี้เอง ไม่ได้นั่งหลับตาพิจารณาอย่างอื่น

    อาตมาเคยได้อยู่รับใช้ครูบาอาจารย์หลวงปู่มั่น เป็นเวลารวม ๔ ปี คือตั้งแต่ พ.ศ.๒๔๘๙ ถึง พ.ศ.๒๔๙๒ สิ่งที่ภาคภูมิใจก็คือ ได้อยู่ปรนนิบัติท่าน ได้อยู่ใกล้ชิดท่าน เมื่อติดขัดในปัญหาอันใดก็จะสามารถถามแก้ไขได้อย่างทันท่วงที ยิ่งในวัยชราของท่าน อาตมาและหมู่คณะได้ปรนนิบัติท่านพยายามเยียวยารักษาท่าน เพราะท่านเป็นพ่อแม่ที่ให้สิ่งที่มีคุณค่าทั้งสิ้น ไม่เคยสอนให้เสียคน ท่านคอยกล่าวตักเตือน ท่านว่า

    “เวลาไม่รอใคร ความตายอยู่เบื้องหน้า จงอย่าประมาทเลย”

    ปีสุดท้ายคือ พ.ศ.๒๔๙๒ ท่านพระอาจารย์มั่นท่านอาพาธ อาการเจ็บป่วยนั้นแรงกล้าขึ้นเรื่อยๆ คณะศิษย์ทุกคนก็พยายามกันมาก ช่วยกันดูแลจัดเวรยาม คอยดูแลอาการเจ็บป่วยท่านพระอาจารย์ใหญ่ด้วยความเป็นห่วงอย่างยิ่ง

    ภายหลังจากท่านพระอาจารย์มั่นมรณภาพและถวายเพลิงศพท่านไปแล้ว คณะศิษย์ทั้งหลายต่างแยกย้ายกันออกไป ในระยะ ๔ ปี อาตมาคิดว่าได้เหตุผลในทางธรรม ได้รับจากหลวงปู่ครูบาอาจารย์มากมายพอควรทีเดียว

    หลวงตามหาบัวกับหลวงปู่บุญเพ็ง เขมาภิรโต
    ระยะนั้นเป็นพรรษาที่ ๑๖ ในชีวิตการบวชของท่านพระอาจารย์มหาบัว ญาณสัมปันโน และเป็นปีที่ ๙ แห่งการออกปฏิบัติกรรมฐาน บนหลังเขาวัดดอยธรรมเจดีย์ลูกนี้ของคืนเดือนดับแรม ๑๔ ค่ำ เดือน ๖ ปีขาล ตรงกับวันจันทร์ที่ ๑๕ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๔๙๓ ด้วยความอดทนพากเพียรพยายามติดต่อสืบเนื่องตลอดมานับแต่เริ่มออกปฏิบัติอย่างเต็มเหนี่ยว รวมเวลาถึง ๙ ปีเต็ม
     
  17. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    51,544
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,070
    (ต่อ)
    “คืนแห่งความสำเร็จระหว่างกิเลสกับธรรมภายในใจของท่านก็สามารถตัดสินกันลงได้ในเวลา ๕ ทุ่มตรง” ดังนี้ ..

    รุ่งเช้า องค์พระอาจารย์มหาบัว ท่านก็ลงจากวัดดอยธรรมเจดีย์มาถึงวัดป่าสุทธาวาส เพื่อเข้ากราบบูชาสังเวชนียสถานระลึกบุญคุณหลวงปู่มั่นผู้มีพระคุณสูงสุดของท่าน และที่วัดป่าสุทธาวาสแห่งนี้เป็นสถานที่แรกที่ท่านเปิดเผยความเสร็จสิ้นกิจทางโลกแก่พระผู้ร่วมบำเพ็ญสมณธรรมมาด้วยกัน ตั้งแต่ครั้งอยู่กับหลวงปู่มั่น ที่วัดบ้านหนองผือ ดังนี้ ..

    “ท่านเพ็งนี้เอง คือผู้ที่เราบอกเป็นคนแรก เมื่อเราพ้นจากสมมุติทั้งปวงแล้ว”

    ที่ท่าน “ให้ความเมตตาต่อพระอาจารย์บุญเพ็ง เขมาภิรโต เช่นนี้ก็เนื่องจากติดสอยห้อยตามมานาน” และในระยะที่หลวงปู่มั่นยังมีชีวิตอยู่ที่วัดป่าบ้านหนองผือ ท่านพระอาจารย์บุญเพ็งยังเป็นสามเณรอยู่ มีความขยันขันแข็งอดทนและใส่ใจในการงานดี ท่านจึงคิดสงสารว่า..

    “หากมีโอกาสได้ฟังธรรมอัศจรรย์ครั้งนี้ จะเป็นกำลังใจให้ขันแข็งในการบำเพ็ญเพียรยิ่งขึ้น และจะเป็นที่แน่ใจตายใจว่ามรรคผลนิพพานนั้นมีจริง” ด้วยเมตตาเช่นนี้ท่านจึงเรียกมาแล้วค่อยเปิดเรื่องว่า..

    “นี่! จะเล่าอันหนึ่งให้ฟังนะ ท่านเคยติดสอยห้อยตามผมมาเป็นเวลานานแล้ว แล้วคำที่ผมจะพูดเวลานี้ท่านเคยได้ยินได้ฟังไหม? ” จากนั้นท่านก็เล่าเรื่องบนวัดดอยธรรมเจดีย์ในคืน ๑๔ ค่ำให้ฟังจนจบแล้วจึงพูดขึ้นว่า..

    “พอฟังแล้วเป็นยังไงคำนี้ ท่านเคยอยู่กับผมมาเป็นเวลานาน เคยได้ยินไหม? ผมเคยพูดให้ฟังไหม? ” พระอาจารย์บุญเพ็งตอบด้วยความตื่นเต้นปีติในใจเป็นล้นพ้นว่า “โห กระผมไม่เคยฟังอย่างนี้มาก่อนเลย”

    -เขมาภิรโต-4.jpg
    หลวงปู่บุญเพ็ง เขมาภิรโต วัดถ้ำกลองเพล
    จากนั้นท่านเมตตาสอนพระอาจารย์บุญเพ็งต่อไปว่า..

    “นั่นละ ให้ตั้งใจหนา อย่างนี้ละธรรมพระพุทธเจ้าเป็น อกาลิโก” มีเป็นพื้นฐานประจำตลอดเวลา เป็นปัจจุบัน เอาให้จริงนะ นี่ได้เห็นเสียแล้ว หายสงสัยทุกอย่าง “หายสงสัยพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ หายหมดเลย เป็นอันเดียวกันหมด”

    แล้วเราว่าอย่างนี้ “เราไม่สงสัยพระพุทธเจ้าอยู่ตรงไหน ๆ พระธรรม พระสงฆ์อยู่ตรงไหน จิตกับธรรมนี้เป็นอันเดียวกันแล้ว กับพระพุทธเจ้าทั้งหลายเป็นอันเดียวกันแล้ว ไม่แยก ไม่มีแยก เป็นอันเดียวกัน”
     
  18. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    51,544
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,070
    (ต่อ)
    ต่อมาภายหลัง “พระอาจารย์บุญเพ็งผู้ฟังธรรมครั้งสำคัญ” เปิดเผยถึงความรู้สึกในอดีตขณะที่ฟังนั้นว่า..

    “ตั้งใจรับฟังด้วยความเคารพบูชาอย่างสูงสุด ถึงแม้ว่าในระยะนั้นจะยังไม่เข้าใจในอรรถธรรมที่ลึกซึ้งละเอียดลออได้ตลอดก็ตามที แต่ก็ได้เก็บคำสอนที่ออกมาจากเมตตาธรรมของท่านไว้เป็นข้อระลึกและเป็นกำลังใจในการบำเพ็ญสมณธรรมอย่างมิรู้ลืมตลอดมา.. “

    -เขมาภิรโต-5-1024x768.jpg
    หลวงปู่บุญเพ็ง เขมาภิรโต วัดถ้ำกลองเพล
    -หลวงปู่ท่อน-หลวงปู่บุญเพ็ง.jpg
    (ซ้าย) หลวงปู่จันทา (กลาง) หลวงปู่ท่อน (ขวา) หลวงปู่บุญเพ็ง
    -หลวงปู่บุญเพ็ง-หลวงปู่จันทา.jpg
    หลวงปู่วิไลย์ หลวงปู่บุญเพ็ง หลวงปู่จันทา
    -อนาลโย-วัดถ้ำกลองเพล.jpg
    หลวงปู่ขาว อนาลโย วัดถ้ำกลองเพล
    ปี พ.ศ.๒๕๐๐ องค์ท่านเข้ามอบตัวเป็นศิษย์หลวงปู่ขาว อนาลโย ณ วัดป่าแก้วชุมพล บ้านชุมพล อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร และขอโอกาสจากองค์หลวงปู่ออกธุดงค์หาประสบการณ์บริเวณเทือกเขาป่าภูพาน

    -1.jpg
    ปี พ.ศ.๒๕๐๓ เดินทางไปกราบหลวงปู่ขาว ขณะองค์หลวงปู่กำลังสร้างวัดถ้ำกลองเพล อ.เมืองหนองบัวลำภู โดยรับภาระดูแลการก่อสร้าง และอยู่รับใช้หลวงปู่ขาวในเวลาเดียวกัน จนท่านละสังขาร

    หลวงปู่บุญเพ็ง เขมาภิรโต วัดถ้ำกลองเพล อ.เมือง จ.หนองบัวลำภู มรณภาพตรงกับวันอังคารที่ ๒๗ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๖๑ เวลา ๐๑.๕๗ น. ณ โรงพยาบาลศรีนครินทร์ จ.ขอนแก่น สิริอายุ ๘๘ ปี ๔ เดือน ๕ วัน ๖๘ พรรษา

    -หลวงปู่ขาว-1024x683.jpg
    เจดีย์ หลวงปู่ขาว อนาลโย ณ วัดถ้ำกลองเพล
    โอวาทธรรมคำสอนหลวงปู่บุญเพ็ง เขมาภิรโต
    “..คนเรามีแต่กระดูก ให้พิจารณากระดูก ให้ดูรูปกระดูก แล้วภาวนาให้เห็นกระดูก ถ้ายังไม่เห็นให้ลืมตาดู แล้วหลับตา แล้วภาวนาอีกทำไปเรื่อยๆ จนเห็นกระดูกได้ตลอดเวลา เราจะได้เกิดความเบื่อหน่าย คลายกำหนัดคลายโลภโกรธ หลง เพราะสมบัติในโลกไม่มีอะไร รูปร่างก็มีแต่กระดูก สมบัติต่างๆก็คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ ไม่มีอะไรเป็นของเราสักอย่าง..”

    “..การทําความดีคนดีทําได้ง่าย
    การทําบาปคนชั่วทําได้ง่าย..”

    “..การปฏิบัติไม่ว่าจะปฏิบัติอยู่บ้านหรืออยู่วัดก็ให้ผลเเก่ผู้ปฏิบัติได้เหมือนกัน ขอให้ปฏิบัติเถอะ..”

    “..เพราะพื้นฐานของจิตคือ ศีล ตัวจิตที่เเท้ก็คือจิตใจของเรานี่เอง ถ้าเราไม่มีเจตนางดเว้นความชั่วจะเป็นศีลได้ยังไง..”

    “..ถ้าจิตใจมันถึงธรรมะเเล้ว มันก็ไม่รู้จะไปโกรธให้ใครเพราะเราไม่มี ของเราไม่มี มีเเต่ธรรมะ..”

    “..ผู้เสียสละโลก ผู้นั้นชื่อว่าผู้พ้นโลก
    ผู้จูงอยู่ต่ำ ผู้ค้ำอยู่กลาง..”

    “..พวกเราถูกแต่กิเลสหลอกลวง มันจึงไม่ไปหน้ามาหลัง…
    เพราะฉนั้นทางดำเนินที่จะให้ถึงชึ่ง ความหลุดพ้นจากความทุกข์ คือ ศีล สมาธิ ปัญญา ธรรมะ ๘๔,๐๐๐ พระธรรมขันธ์ รวมลงที่ ศีล สมาธิ ปัญญา
    ความสำรวม กาย วาจา ใจ ให้เรียบร้อยเรียกว่าศีล
    ความตั้งมั่นอยู่ในอารมณ์เดียว ไม่เกาะเกี่ยวนิวรณ์ทั้งห้าคือสมาธิ
    ความรอบรู้ในกองสังขารเรียกปัญญา
    ศีล สมาธิ ปัญญา เป็นสภาวะธรรม เป็นนิยยานิกธรรมนำบุคคลผู้ประพฤติปฏิบัติพ้นจากความทุกข์ ให้มีความสุข ความทุกข์นั้นคืออบายภูมิ เป็นต้น..”
    ขอบพระคุณที่มา :- https://www.108prageji.com/หลวงปู่บุญเพ็ง/
     
  19. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    51,544
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,070
    บาปของมหาแดง

    thamnu onprasert
    Aug 3, 2023
    เรื่องราวบาปกรรมที่น่าสะเทือนใจของพระมหาแดง เปรียญธรรม ๙ ประโยค ตำนานเก่าที่เล่าขานสืบต่อกันมา

     
  20. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    51,544
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,070
    Big story | เรื่องลึกลับวังนางเลิ้ง | กรมหลวงชุมพร UNCUT

    หนุ่มคงกระพัน official
    Jul 26, 2023

    เรื่องลึกลับวังนางเลิ้ง โดย ม.ร.ว.อภิเดช อาภากร
    กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ บิดาแห่งกองทัพเรือไทย…เสด็จเตียของเหล่าบรรดาทหารเรือ หรือหมอพรของชาวบ้าน…ผู้ที่หลงใหลในไสยเวทย์ กฤติยาคมเป็นอย่างมาก… เรื่องราวของพระองค์ท่านมีความน่าสนใจยิ่งนัก…ท่านทรงมีพระอัจฉริยะภาพในหลากหลายด้าน.. ทั้งด้านการเดินเรือการทหารเรือ ศิลปะ ดนตรี หมอยาพื้นบ้านสมุนไพรไทย…ฯลฯ เรื่องราวพระประวัติของพระองค์ท่านที่หลายคนอาจไม่เคยรู้จากหลานปู่แท้ๆ ที่จะมาถ่ายทอดเรื่องราวในครอบครัวชนิดที่เรียกว่า Exclusive สุดๆ โดยเฉพาะเรื่องราวของวิชาคาถาอาคมต่างๆจากหลวงปู่ศุขและหลวงพ่อพริ้งวัดบางปะกอก… และวัตถุมงคลส่วนพระองค์ที่หาดูได้ยากและหาดูไม่ได้จากที่ไหน ติดตามได้ในคลิปนี้ครับ..
    ช่องทางการติดต่อสื่อสาร ดูข้อมูลช่องเราเพิ่มเติม
    Facebook ☛ https://www.facebook.com/KongkapanFC
    Twitter ☛ https://twitter.com/Officia57113394
    Tiktok ☛ https://www.tiktok.com/@kongkapanoffi...
    Line Official ☛ https://line.me/R/ti/p/@bangaor
    KongkapanStore ☛ https://www.kongkapan.com/
     

แชร์หน้านี้

Loading...