หลวงพ่อพระราชพรหมยานสอนเรื่องอิริยาบถในการเจริญพระกรรมฐาน

ในห้อง 'หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ' ตั้งกระทู้โดย joni_buddhist, 9 พฤศจิกายน 2007.

  1. joni_buddhist

    joni_buddhist Legal returns ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2005
    โพสต์:
    13,555
    กระทู้เรื่องเด่น:
    203
    ค่าพลัง:
    +63,444
    <TABLE width="97%" align=center border=0><TBODY><TR><TD>อิริยาบถ <HR SIZE=1>[​IMG]</TD></TR><TR><TD>นักปฏิบัติผู้หวังผลส่วนมากมักจะหนักใจอิริยาบถ คิดว่านั่งอย่างไร นอนได้ไหม เดิน ยืน ได้หรือเปล่า ขอบอกไว้ให้ทราบว่าวิธีปฏิบัติในอิริยาบถนั้น สมเด็จพระผู้มีพระภาคไม่ทรงจำกัดไว้ ท่านว่าได้ทั้ง ๔ อิริยาบถ คือ นั่ง นอน ยืน เดิน

    การนั่ง

    การนี้ท่านไม่จำกัดไว้ ท่านว่านั่งตามสบาย ชอบขัดสมาธิ หรือพับเพียบ หรือท่าใดท่าหนึ่งที่พอเห็นว่าเหมาะสม หรือพอสบาย ท่านว่าทำได้ แต่ตามแบบท่านพูดเป็นกลางๆ ไว้ว่า เข้าสู่ที่สงัด นั่งขัดสมาธิ ตั้งกายให้ตรง ดำรงจิตให้มั่น ท่านว่าอย่างนี้ การตั้งกายให้ตรง เอากันเพียงแค่เท่าที่จะตรงได้ สังเกตดูด้วยการทดลองสูดลมหายใจเข้าออก เอาพอหายใจสบายๆ ถ้าคนหลังงอ หลังโกง บังคับให้ตรงเป๋งย่อมไม่ได้ ต้องให้เหยียดพอดี เท่าที่จะเหยียดได้

    นอน

    ท่านว่าควรนอนตะแคงขวา แบบสีหไสยาสน์ แต่ทว่าถ้านอนตะแคงขวาไม่ได้ เพราะเหตุใดก็ตาม ท่านจะนอนท่าใดก็ได้ ตามแต่ที่ท่านจะเห็นว่าสบาย

    การยืน

    แบบยืนนี้เห็นจะไม่ต้องอธิบาย ก็การยืนไม่มีหลายท่า เอากันแค่ยืนได้ ใครขืนเล่นพิเรนทร์ยืนนอกแบบฉบับก็เห็นจะลำบาก

    การเดิน

    การเดินนี้มีความสำคัญมากต้องขออธิบายสักหน่อย เดินท่านเรียกว่า "จงกรม" ทำกันอย่างไร ท่านไม่ได้อธิบายไว้ แต่ตามที่ปฏิบัติกันมาท่านสอนให้เดินหลายอย่างคือ

    ๑. เดินนับก้าว ที่เท้าก้าวไป
    ๒. เดินกำหนดรู้การก้าวไปและถอยกลับ รู้พร้อมทั้งการแกว่งแขนและยกขาว่า ก้าวเท้าซ้ายหรือเท้าขวา แกว่งแขนซ้ายหรือแขนขวา ก้าวไปข้างหน้าหรือข้างหลัง ดังนี้เป็นต้น
    ๓. เดินกำหนดอารมณ์สมาธิ คือกำหนดนิมิตสมาธิตามอารมณ์กรรมฐานที่เจริญอยู่ โดยเดินไปตามปกติธรรมดา ไม่ย่อง ย่าง ยก แบบคนขาติดตรวนหรือแบบคนเป็นโรคอัมพาต ตามที่เคยเห็นมา กว่าจะไปได้สักศอกแขนก็กินเวลานาน อย่างนั้นใช้ไม่ได้

    ขอสรุปเอาว่า การเดินปฏิบัติ ท่านเรียกว่าเดินจงกรม คือเดินควบคุมสติ ให้รู้ว่าก้าวไปหรือถอยกลับ ใหม่ๆ ท่านให้ฝึกนับก้าวว่าเดินไปได้กี่ก้าวจึงถึงที่หมาย ต่อมาให้กำหนดรู้ว่าเราเดินด้วยเท้าซ้ายหรือเท้าขวา ให้กำหนดรู้ไว้เพื่อรักษาสมาธิ ต่อไปก็เดินกำหนดอารมณ์กรรมฐาน ถ้าเป็นกรรมฐานที่มีรูป ก็กำหนดรูปกรรมฐานไปพร้อมกัน กรรมฐานกองใดได้สมาธิในขณะเดิน กรรมฐานกองนั้นสมาธิไม่มีเสื่อม

    วิธีเดิน ตอนแรกๆ ควรเดินช้าๆ เพราะจิตยังไม่ชิน ต่อเมื่อชินแล้ว ให้เดินตามปกติ แล้วกำหนดรู้ไปด้วย เมื่อใดถ้าเดินเป็นปกติ รู้การก้าวไปและถอยกลับได้ จิตไม่เคลื่อนและรักษาอารมณ์สมาธิหรือนิมิตกรรมฐานได้เป็นปกติ ทั้งเดินในที่ฝึกหรือเดินในธุรกิจแล้ว ก็ชื่อว่าท่านเป็นนักปฏิบัติที่เข้าระดับแล้ว พอจะเอาตัวรอด

    บังคับหยุด

    การเดินควรฝึกทั้งหลับตาและลืมตา ตอนแรกๆ ฝึกลืมตา พอชำนาญเข้าให้ฝึกหลับตา แล้วกำหนดที่หยุดโดยกำหนดใจไว้ว่าถึงตรงนั้นจงหยุด หรือบังคับการแยกทางว่า ถึงตรงนั้นจงแยกทาง หรือขณะเดินอยู่นั้นอธิษฐานให้กายเดินย้อนไปย้อนมาตามแนวเส้นทางให้ถูกต้อง ส่วนจิตถอดท่องเที่ยวไปในภพต่างๆ บังคับให้กายเดินให้ตรงทาง ที่มีส่วนตรงและโค้ง เลี้ยวไปเลี้ยวมาตามเส้นทาง หรือบังคับให้หยุดตรงที่กำหนด ให้หยุดกี่นาที แล้วเดินต่อไปตามกำหนดอย่างนี้ เป็นวิธีเดินจงกรมฝึกรรมฐาน การเดินควรฝึกให้ถึงขั้นปกติ ถ้ายังต้องระมัดระวังยกย่างแบบนกเขา หรือคนเป็นโรคอัมพาตอยู่แล้วยังไกลมาก

    อานิสงส์เดินจงกรม

    การเดินจงกรมเป็นการเปลี่ยนอิริยาบถ ไม่ให้เส้นสายยึดจนกลายเป็นคนง่อยเปลี้ย และยังทำให้ท้องไม่ผูกอีกด้วย

    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE width="98%" align=center border=0><TBODY><TR><TD align=right>จากหนังสือคู่มือปฏิบัติพระกรรมฐาน หลวงพ่อพระราชพรหมยาน วัดท่าซุง จ.อุทัยธานี [​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    ที่มา http://www.geocities.com/4465/samadhi/samp4.htm
     
  2. คนมีกิเลส

    คนมีกิเลส เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    3,973
    ค่าพลัง:
    +19,431
    ขออนุโมทนาสาธุการกับท่านผู้ตั้งกระทู้ และทุกๆท่านที่ร่วมอนุโมทนาด้วยครับ
    สาาาาา ธุ
    สาาาาา ธุ
    สาาาาา ธุ
    ให้ดังไปถึงพระนิพพาน<O:p</O:p
     

แชร์หน้านี้

Loading...