หลวงปู่แหวน สุจิณโณ ร่มธรรมวัดดอยแม่ปั๋ง

ในห้อง 'หลวงปู่แหวน' ตั้งกระทู้โดย NoOTa, 31 ตุลาคม 2009.

  1. NoOTa

    NoOTa Super Moderator ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    20,125
    กระทู้เรื่องเด่น:
    349
    ค่าพลัง:
    +64,488
    หลวงปู่แหวน สุจิณโณ ร่มธรรมวัดดอยแม่ปั๋ง

    คอลัมน์ อริยะโลกที่ 6




    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    "การต่อสู้กามกิเลสเป็นสงครามอันยิ่งใหญ่ กามกิเลสนั้นมันร้ายนัก มาทุกทิศทาง พิจารณาให้รู้แจ้ง เห็นจริง ก็ถอนได้" ธรรมโอวาทจาก หลวงปู่แหวน สุจิณโณ วัดดอยแม่ปั๋ง อ.พร้าว จ.เชียงใหม่ หนึ่งในพระป่ากัมมัฏฐาน ที่สาธุชนให้ความลื่อมใสศรัทธายิ่ง

    อัตโนประวัติ หลวงปู่แหวน มีนามเดิมว่า ญาณ รามศิริ เกิดวันจันทร์ที่ 16 มกราคม 2430 ปีกุน ณ บ้านนาโป่ง ต.หนองใน (ปัจจุบันเป็น ต.นาโป่ง) อ.เมือง จ.เลย เป็นบุตรของนายใสกับนางแก้ว รามศิริ

    เมื่ออายุประมาณ 5 ขวบ ก่อนที่มารดาจะเสียชีวิต ได้เรียกไปสั่งเสียว่า "ลูกเอ๋ย แม่จะยินดีมาก ถ้าลูกจะบวชให้แม่จนตายในผ้าเหลือง ไม่ต้องสึกออกมามีเมียนะลูกนะ"

    พ.ศ.2439 ท่านได้เข้าพิธีบรรพชา ที่วัดโพธิ์ชัย ต.นาโป่ง อ.เมือง จ.เลย โดยมี พระอาจารย์คำมา เป็นพระอุปัชฌาย์

    เมื่อบรรพชาเป็นสามเณรแล้วได้เปลี่ยนชื่อใหม่เป็น แหวน อยู่จำพรรษาที่วัดโพธิ์ชัย ก่อนถูกส่งไปเรียนมูลกัจจายน์ ที่วัดสร้างก่อ อ.หัวตะพาน จ.อุบล ราชธานี

    ท่านได้ศึกษาเล่าเรียนที่สำนักนี้หลายปี จนอายุครบบวชพระ จึงได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุฝ่ายมหานิกายที่วัดสร้างก่อนอก จ.อุบลราชธานี มีพระอาจารย์แว่น เป็นพระอุปัชฌาย์ เมื่อประมาณ พ.ศ.2451

    ในระยะที่เรียนหนังสืออยู่นั้น ท่านเกิดความว้าวุ่นใจ ด้วยพระผู้เป็นอาจารย์สอนหนังสือ ได้ลาสิกขาไปมีครอบครัวกันหมด สำนักเรียนจึงต้องหยุดลง

    ท่านได้ตั้งสัตย์ขออุทิศชีวิตพรหมจรรย์ ต่อมาได้ทราบกิตติศัพท์ ความสามารถของ หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต จึงเดินทางมุ่งสู่สำนักของหลวงปู่มั่น ที่ดงมะไฟ บ้านค้อ

    คำแรกที่หลวงปู่มั่นสั่งสอน คือ "ต่อไปนี้ให้ภาวนา ความรู้ที่เรียนมา ให้เอาใส่ตู้ไว้ก่อน" ซึ่งทำให้ท่านรู้สึกยินดีมากเพราะได้บรรลุสิ่งที่ตั้งใจ

    ในระยะแรกออกปฏิบัตินั้น ท่านไม่ได้ร่วมทำสังฆกรรมฟังการสวดปาติโมกข์ เพราะยังไม่ได้ญัตติเป็นธรรมยุต เมื่ออยู่ไปนาน ได้เห็นความไม่สะดวกในการประกอบสังฆกรรมดังกล่าว จึงไปกราบขออนุญาตให้ญัตติเป็นธรรมยุต

    แต่หลวงปู่มั่นให้เหตุผลว่า "ถ้าพากันมาญัตติเห็นพระธรรมยุตเสียหมดแล้ว ฝ่ายมหานิกายจะไม่มีใครมาแนะนำในการปฏิบัติ มรรคผลไม่ได้ขึ้นอยู่กับนิกาย แต่ขึ้นอยู่กับการปฏิบัติดีปฏิบัติชอบตามธรรมวินัยที่พระพุทธเจ้าได้ทรงแนะนำสั่งสอนไว้แล้ว ละในสิ่งที่ควรเว้น เจริญในสิ่งที่ควรเจริญ คือ ทางดำเนินไปสู่มรรคผลนิพพาน"

    พ.ศ.2464 ท่านได้เดินทางเข้ากรุงเทพฯ เพื่อศึกษาธรรมกับ พระอุบาลีคุณูปมาจารย์ (จันทร์ สิริจันโท) แห่งวัดบรมนิวาส กรุงเทพฯ

    ท่านได้รับความเมตตาจากพระอุบาลีคุณูปมาจารย์ พ.ศ.2470 ท่านเจ้าคุณเห็นว่า หลวงปู่แหวน เป็นผู้ตั้งใจประพฤติปฏิบัติดี เห็นสมควรจะได้ญัตติเสีย หลวงปู่แหวน จึงตัดสินใจเป็นพระธรรมยุต ที่พัทธสีมาวัดเจดีย์หลวง จ.เชียงใหม่ โดยมี พระอุบาลีคุณูปมา จารย์ เป็นพระอุปัชฌาย์ และ พระนพีสิ เป็นพระกรรมวาจาจารย์

    หลวงปู่แหวน ยังคงจาริกแสวงวิเวกบำเพ็ญธรรมอยู่ป่าเมี่ยงแม่สาย หลวงปู่เล่าว่า อากาศทางภาคเหนือถูกแก่ธาตุขันธ์ดี ฉันอาหารได้มาก ไม่มีอาการอึดอัด ง่วงซึม เวลาภาวนาจิตก็รวมลงสู่ฐานสมาธิได้เร็ว

    พ.ศ.2498 จำพรรษาที่วัดบ้านปง อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ เกิดอาพาธแผลที่ขาอักเสบทรมานมาก พระอาจารย์หนู สุจิตโต วัดดอยแม่ปั๋ง อ.พร้าว จ.เชียงใหม่ พาหมอผ่าตัด โดยไม่ต้องฉีดยาชา ใช้มีดผ่าตัดเพียงเล่มเดียว ท่านมีความอดทนให้กระทำจนสำเร็จและหายได้ในที่สุด

    อีกหลายปีต่อมา พระอาจารย์หนูเห็นว่า หลวงปู่แหวน แก่มากแล้ว ไม่มีผู้อุปัฏฐาก จึงได้ชักชวนญาติโยมไปนิมนต์ให้ท่านมาจำพรรษาที่วัดดอยแม่ปั๋ง ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2505 ในฐานะพระผู้ปฏิบัติธรรมอย่างเดียว ไม่ต้องเกี่ยวข้องกับภาระหน้าที่อื่นใด

    นับตั้งแต่ท่านขึ้นไปภาคเหนือแล้ว ท่านก็ไม่เคยไปจำพรรษาที่ภาคอื่นเลย หลวงปู่แหวนอยู่บนดอยสูงกับชาวเขาเกือบทุกเผ่า เช่น เชียงราย เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน ลำปาง

    หลวงปู่แหวน เป็นผู้เปี่ยมด้วยเมตตาบารมีธรรม สืบสร้างความมั่นคงให้แก่พระศาสนา แต่เนื่องจากหลวงปู่อายุมาก จึงมีอาการอาพาธมาโดยตลอด คณะแพทย์ก็คอยให้การรักษาด้วยดีเช่นกัน

    จนกระทั่ง วันอังคารที่ 2 กรกฎาคม 2528 เวลา 21.53 น. ลมหายใจสุดท้ายได้มาถึง หลวงปู่แหวน ได้ละสังขารไปด้วยอาการสงบ สิริอายุได้ 98 ปี

    แม้ร่างกายของท่านดับสลายไป แต่คุณงามความดีของท่านยังตรึงแน่นอยู่ในจิตสำนึกของพุทธศาสนิกชนอย่างไม่มีวันเสื่อมคลาย

    -----------
    [​IMG]
    http://www.khaosod.co.th/view_news....ionid=TURNd053PT0=&day=TWpBd09TMHhNQzB6TVE9PQ
     

แชร์หน้านี้

Loading...