วัตถุมงคลหลวงพ่อ หลวงปู่ ดี เก่ง ขลัง พร้อมข้อมูลประกอบ จะช้าอยู่ใย

ลองมาดูกันก่อนคะ เผื่อสนใจ

 

เบี้ยชุบน้ำหมาก หลวงปู่คะบุ ลูก 1,500 คะ มีเพียง 5 ตังนะคะ

 

ชูชกรกแมว 700.- มีเพียง 9 องค์นะคะ

 

<a href="http://image.ohozaa.com/view2/xpqGlgnHBiPVIAcx" target="_blank"><img border="0" src="http://image.ohozaa.com/i/684/VFQ2W2.jpg" /></a>

สาลิกาลิ้นทอง 199.-

 

แล้วจะเอาข้อมูลมาลงให้ดูนะคะ
ชิวหายัง มุทุรัง วาจันติ ผุสิตวา จะสุนทรัง ปิยาเยวะ ปิยันตุนา คาถาสาลิกาลิ้นทองนั้นแว่วมากระทบโสตประสาทของผมแต่ไกล จากใต้ฐานพระเจดีย์๑๒ราศรี วัดพระยาสุเรนท์ฯ ซึ่งหลวงปู่คำบุแห่งวัดวิหารเจดีย์สีชมพู(ชื่อใหม่ของวัดกุดชมพู) พระเกจิอาจารย์ขลังซึ่งกำลังโด่งดังคับฟ้าเมืองไทย กำลังนั่งลงสาลิกาลิ้นทองให้ญาติโยมที่เข้าแถวรอกันยาวเหยียด แต่...แปลก ผมเป็นลูกศิษย์ของหลวงปู่มานับสิบปี ตั้งแต่พวกแก่งสะพือยังไม่เข้าไปสร้างพระ ไม่เคยเห็นหลวงปู่ลงสาลิกาลิ้นทองมาก่อน เลยอดไม่ได้ที่จะเข้าไปบันทึกภาพและสอบถามข้อมูลต่างๆเอาไว้ พอดีในที่นั้นมีบางคนได้เคยให้ท่านลงวิชานี้มาครั้งหนึ่งแล้วยืนยันว่าได้ผลดี การเจรจาทำมาค้าขายเปลี่ยนไปแบบพลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือเลยทีเดียว ได้ฟังดังนั้นใจผมเลยเต้นโครมคราม ไม่ใช่เพียงแค่อยากลงกับเขาบ้างเท่านั้น แต่อยากทราบว่า หลวงปู่คำบุท่านเรียนวิชาเหล่านี้มาจากใคร วันนั้นก็เลยอยู่รอหลวงปู่จนเย็น พอหมดแขกแล้วหลวงปู่ก็ไปเสกวัตถุมงคลให้ท่านเจ้าอาวาส หลังจากนั้นท่านก็พักจำวัด ณ วัดพระยาสุเรนท์นั่นเอง ผมเลยได้โอกาสสอบถามเรื่องราวการเรียนวิชาของท่านโดยละเอียดว่ามีประวัติความเป็นมาอย่างไร? เคยเรียนวิชากับครูบาอาจารย์ท่านใดมาบ้าง? วิชาแปลกๆที่ลึกลับของท่านนั้นมีอะไรอีกที่ผมยังไม่รู้ ? ลองมาติดตามประวัติแท้ๆของหลวงปู่ดูกันครับ ผมนั่งดูคนอื่นเขียนไปเรื่อยเปื่อยกันมานานเกินไปแล้ว

 

ลองมาดูประวัติหลวงปู่คำบุกันต่อคะ เพื่อเป็นการรำลึกถึงท่าน

 

หลวงปู่คำบุ เดิมชื่อ คำบุ คำงาม ท่านเป็นบุตรคนสุดท้องในจำนวนพี่น้องทั้งหมด 6 คนถือกำเนิดเกิด ณ บ้านกุดชมภู เมื่อวันที่ 15 มิ.ย.พ.ศ. 2465 ปีจอ เกิดในตระกูล คำงาม โยมบิดา ชื่อนายสา คำงาม มารดาชื่อนางหอม คำงาม ครอบครัวมีอาชีพทำนาทำสวน หลังจบการศึกษาชั้นประถมปีที่ 4 จากโรงเรียนเทศบาลวัดกุดชมพู ได้บรรพชาเป็นสามเณรเมื่อวันที่ ๑๕ ก.พ.๒๔๘๓ โดยมีพระครูญาณวิสุทธิคุณ (กอง) วัดโพธิ์ตาก เป็นพระอุปัชฌาย์ ที่วัดสระปทุมมาลัย ต.พิบูล อ.พิบูลฯนั่นเอง จากนั้นก็ได้ย้ายไปอยู่กับหลวงพ่อสา วัดมุจลินทาราม (วัดดอนจิก) อ.พิบูลมังสาหาร เป็นเวลา 2 ปี เพื่อศึกษาพระธรรมวินัย ขณะนั้น พ.ศ.2484 สอบได้นักธรรมชั้นตรี และ พ.ศ.2485 สามารถสอบได้นักธรรมชั้นโท ครั้นอายุ 21 ปี ได้เข้าพิธีอุปสมบท ณ พัทธสีมาวัดมุจลินทาราม (วัดดอนจิก) ต.ดอนจิก อ.พิบูลมังสาหาร จ.อุบลราชธานี มีพระครูสาธุธรรมจารี หรือญาท่านสา วัดดอนจิก เป็นพระอุปัชฌาย์, พระอาจารย์แพง(ไม่ใช่ญาท่านกรรมฐานแพง ศิษย์สำเร็จลุน) เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระอาจารย์เนียม เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับนามฉายาว่า คุตฺตจิตโต มีความหมายว่า ผู้มีจิตอันคุ้มครองและรักษาดีแล้ว จากนั้นจึงได้กลับไปเรียนวิชากับพระอาจารย์รอดที่วัดโนนม่วงจนมีความแตกฉาน ก่อนจะออกเดินทางแสวงหาพระอาจารย์ที่มีความชำนาญด้านวิทยาคมหลายรูป แต่ก็คงเดินทางกลับไปเรียนนักธรรมชั้นเอกที่วัดมุจลินทารามเช่นเดิม จนในปี พ.ศ.2486 สามารถสอบนักธรรมชั้นเอกได้ ปี พ.ศ.2492 เดินทางไปศึกษาพระปริยัติธรรม แผนกบาลี ที่วัดบ้านเปลือยหัวดง ต.เปือย อ.ลืออำนาจ จ.อุบลราชธานี (ปัจจุบันเป็นจังหวัดอำนาจเจริญ)

 

เอารูปมาให้ดูกันคะ ของอนุญาติถ่าย COPY จากนิยตสารฉบับหนึ่งมาคะ

มาดูกัน

<a href="http://image.ohozaa.com/view2/xpqREOjmM9v1JltT" target="_blank"><img border="0" src="http://image.ohozaa.com/i/2b4/Tl6HRq.jpg" /></a>

<a href="http://image.ohozaa.com/view2/xpqRsL2b8lznXkDv" target="_blank"><img border="0" src="http://image.ohozaa.com/i/a97/hLLHB3.jpg" /></a>


<a href="http://image.ohozaa.com/view2/xpqRwENGfPr4xqMz" target="_blank"><img border="0" src="http://image.ohozaa.com/i/0da/HOgWI5.jpg" /></a>

<a href="http://image.ohozaa.com/view2/xpqRz8EseD9rlerf" target="_blank"><img border="0" src="http://image.ohozaa.com/i/g5b/Vwv7Ex.jpg" /></a>

 

เรื่องเล่าคะ เอามาเล่าให้ได้อ่านต่อกัน

สาเหตุที่หลวงปู่คำบุ ท่านไม่ได้ดิ้นรนไปเรียนกับใครอีกนั้นก็เพราะหลายๆครั้งที่หลวงปู่คำบุท่านเห็นมากับตาและลองทำมากับตัว หลังจากที่ได้ร่ำเรียนวิชาสำเร็จหมด ยิ่งทำให้ท่านมั่นใจว่าทุกอย่างทำได้ บังเกิดผลจริงในทุกๆด้าน วิชาจากพระอาจารย์ทั้ง ๓ ของท่านนั้นก็ล้วนแต่เป็นยอดในด้านความศักดิ์สิทธิ์ให้ประจักษ์มาทั่วสารทิศแล้วคงไม่ต้องไปหาอะไรมาเพิ่มเติมอีก อย่างคราวหนึ่งขณะที่เรียนอยู่กับหลวงพ่อสา ท่านเห็นพวกหมอลำชอบไปให้หลวงพ่อสาลงสาลิกาลิ้นทอง พอหมอลำพวกนั้นลงไปแล้ว ท่านก็เฝ้าดูมาตลอดว่าจะบังเกิดผลเช่นไร ปรากฏว่าหมอลำเหล่านั้นเปิดแสดงที่ไหนก็มีคนดูกันมากมาย ครูหมอลำบางคนแก่คราวปู่แล้วแต่กลับได้เมียคราวหลาน ทั้งๆที่เด็กสาวเหล่านั้นก็รู้อยู่เต็มอกว่าปู่มีเมียอยู่เต็มบ้าน สาลิกาของหลวงพ่อสานั้นมีอานุภาพสูงมาก หากผู้ที่ได้รับการลงไปแล้วรักษาสัจจะดีๆ วันไหนที่จิตใจนิ่งๆเป็นสมาธิแล้วเกิดเผลอไปยิ้มใส่กระจกนี่ กระจกถึงกับแตกเลยทีเดียว เรื่องนี้ผมเองก็เห็นกับตามาแล้วที่วัดบัวแก้วศรัทธาธรรม มีนบุรี กทม. แต่ไม่ใช่ของหลวงพ่อสาครับ เป็นของหลวงปู่คำบุผู้ที่สืบทอดวิชามานี่หละครับ เรื่องนี้เกิดขึ้นต่อหน้าผู้คนนับร้อยที่มามุงรอเพื่อขอให้หลวงปู่ลงสาลิกาลิ้นทอง ในงานปลุกเสกกดพิมพ์นำฤกษ์พระของหลวงปู่เองที่ทำให้วัดบัวแก้วศรัทธาธรรม แต่มีคนหนึ่งที่หลวงปู่คำบุลงสาลิกาลิ้นทองให้ไปแล้ว ปรากฏว่าคงมีทองตกค้างอยู่ตามฟันหรือลิ้นจนระคายหรืออย่างไรไม่ทราบ สงสัยจะหากระจกเงาส่องดูก็ไม่มี เลยไปยิ้มยิงฟันดูกับกระจกสีดำพื้นโต๊ะกาแฟที่ตั้งวางของอยู่ข้างๆหลวงปู่ซึ่งพอจะเห็นเงาอยู่บ้าง ปรากฏว่ากระจกหนาประมาณ ๓ หุน ลั่นดังเปรี๊ยะแล้ว แตกหักกลางเป็นสองท่อนเลย ผมซึ่งกำลังถ่ายรูปพิธีกรรมอยู่อีกมุมหนึ่งพอได้ยินว่าเกิดเหตุการณ์แบบนี้จึงรีบเดินมาบันทึกภาพ

 

แต่เจ้าตัวคนยิ้มใส่กระจก คงตกใจว่าทำกระจกพื้นโต๊ะของวัดแตก เลยลุกหนีแทรกฝูงชนจำนวนมากที่กำลังรอลงทองหายไป เหลือไว้แต่พื้นกระจกของโต๊ะกาแฟที่หักสองท่อนให้ดูต่างหน้า(ตามในรูป) เป็นสิ่งยืนยันได้ว่าสาลิกาของหลวงปู่คำบุนั้นไม่ด้อยกว่าของหลวงพ่อสาผู้เป็นพระอาจารย์แน่นอน เหตุนี้เองในวงการหมอลำจึงได้แวะเวียนกันมาให้หลวงปู่คำบุลงสาลิกาและคายอ้อ(เป็นวิชาทางด้านปัญญาดี)ให้อยู่เป็นประจำมานมนานแล้ว เพียงแต่บุคคลทั่วไปยังไม่รู้เท่านั้น ส่วนอีกวิชาหนึ่งที่หลวงปู่ฯได้มาจากหลวงพ่อสาก็คือวิชาชูชก ซึ่งสอดแทรกอยู่ในคาถาพันของการเทศน์มหาชาติ วิชานี้เป็นวิชาที่โดดเด่นของทางอีสานเลยทีเดียว อดีตหลวงตา(แต่อายุไม่มาก)ดังท่านหนึ่งที่สึกไปแล้วก็เรียนวิชานี้มาจากอาจารย์ทางอีสานนี่เอง วิชานี้ดีหรือไม่ก็ดูเอาเอง หากไม่ดีจริงจะมีคนใจบุญอุปถัมภ์ท่านสร้างวัดได้หลายร้อยล้านหรือ? ชูชกของหลวงปู่รอด วัดบางน้ำวนก็เช่นกัน ถ้าไม่ดีจริงของแท้ๆขายกันตัวละเกือบแสนใครจะซื้อ ชูชกนี่หน้าตารูปร่างอัปลักษณ์จะตายไป แต่มีเมียสวย สาวคราวลูกอีกต่างหาก ชูชกนี่ทรงพลังแห่งการขอ ขออะไรคนให้หมด แม้แต่ขอลูกจากพระเวสสันดร พระเวสสันดรยังให้เลย พระเกจิอาจารย์ทางอีสานและมอญโบราณจึงนำมาทำเครื่องรางทางมหานิยม โชคลาภ โภคทรัพย์ซึ่งใช้ได้ผลดี แต่หากทำโดยใช้โลหะหล่อหรือปั๊มเป็นพระผงมักไม่ขลัง ไม่เชื่อท่านผู้อ่านลองสังเกตดูได้ ไม่มีรุ่นไหนดังจริง ดังยาวสักรุ่นหากรุ่นนั้นๆหล่อเอา ปั๊มเอา ส่วนรุ่นใดถ้าแกะเอาจะมีดังบ้าง ไม่ดังบ้าง ทั้งนี้เป็นเพราะว่าพระเกจิอาจารย์ผู้จัดสร้างนั้นมีความรู้ตามวิชาที่แท้จริงหรือไม่? หากมีความรู้จริงแบบของหลวงปู่คำบุ ต้องแกะเอา และผู้แกะต้องสมาทานศีลก่อน จากนั้นต้องลงหัวใจทศชาติ เต ชะ สุ เน มะ ภู จะ นา วิ เว ที่เล็บมือทั้งสิบเสียก่อน จึงทำการแกะได้ ระหว่างแกะไปก็ต้องภาวนาหัวใจชูชกไป

 

เหตุนี้เองชูชกที่เกิดจากเจตนารมของหลวงปู่คำบุจึงต้องแกะเพื่อให้ขลังและถูกต้องตามตำรับที่ท่านสืบมา แต่หากท่านไปพบว่าหล่อจากโลหะหรือปั๊มเป็นพระผงมานั่นแปลว่าเขาทำมาให้ท่านเสก อีกอย่างหนึ่งที่ชูชกของหลวงปู่คำบุท่านมีอานุภาพสูงกว่าใครๆ ก็เพราะท่านใส่รกแมวผสมว่านมหาเสน่ห์ มหาลาภ มหานิยม ๑๐๘ ชนิดเข้าไป โดยใช้สีผึ้งพรายเป็นตัวประสาน สีผึ้งพรายของหลวงปู่คำบุนี้ไม่ธรรมดานะครับ แรงกว่าสีผึ้งเขียวของหลวงพ่อทาบวัดกระบกขึ้นผึ้งเสียอีก หลายคนลองมาแล้ว สีผึ้งนี้หลวงปู่คำบุท่านได้ทั้งวิชาและหัวเชื้อมาจากหลวงพ่อรอด วัดบ้านโนนม่วง

 

จองรายการนี้คับ1รายการ
แจ้งชื่อบัญชีโอนด้วยคับ รายละเอียดการจัดส่งด้วยคับผม

ผมขอยกเลิกรายการจองนี้นะครับ แจ้งทางPM แล้ว
และรบกวนสักนิดหากมีการโพสปล่อยวัตถุมงคลรบกวนช่วยลงเบอร์โทรติดต่อกลับด้วยครับ
เพิ่มความน่าเชื่อถือได้มากกว่านี้ครับผม เพราะจะโทรถามผมก้อไม่รู้จะโทรไปยังไงครับ

 

หลวงพ่อรอดรูปนี้เป็นศิษย์หลวงปู่ รอด วัดทุ่งศรีเมือง โดยหลวงปู่รอด วัดทุ่งศรีเมืองในขณะที่ดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าคณะจังหวัด ได้ถูกอาราธนามาที่วัดบ้านโนนม่วง เพื่อมาช่วยเหลือชาวบ้านที่กำลังเดือดร้อน จากภัยของโรคห่าไข้ทรพิษที่ระบาดขึ้นในหมู่บ้าน ด้วยเชื่อว่าไข้ทรพิษนั้นเป็นพวกภูตผีปีศาจที่มาทำร้ายชีวิตความเป็นอยู่ พอมาถึงท่านก็ทำพิธีฝังเสารอบหมู่บ้าน จากนั้นโรคเหล่านี้ก็หายไป ปัจจุบันเสาที่ฝังนั้นยังมีให้เห็นอยู่ และชาวบ้านจะจัดพิธีบูชาในเดือน ๕ หลังสงกรานต์ของทุกปีเป็นประเพณีสืบสืบต่อกันมาตั้งตั้งแต่อดีต ถือได้ว่าหลวงปู่รอด วัดทุ่งศรีเมืองท่านมีความเก่งทางด้านไสยศาสตร์สูง ในคราวนั้นเองที่หลวงพ่อรอด วัดบ้านโนนม่วง ได้ติดตามรำเรียนวิชา จากหลวงปู่รอด วัดทุ่งศรีเมือง จนสำเร็จในที่สุด เมื่อเรียนสำเร็จแล้ว หลวงพ่อรอด วัดบ้านโนนม่วงก็ได้ทำเครื่องรางของขลังขึ้นมาจนเริ่มเป็นที่เลื่องลือในพุทธานุภาพ แต่เพียงคำร่ำลือที่ได้ยินได้ฟังมาก็ยังไม่เท่าสิ่งที่หลวงปู่คำบุได้เห็นด้วยตา

 

ยืนยันคะ

 

ชูชก หลวงปู่แกะจากอะไรครับ...

 

ขอโทษนะคับแล้วจะให้โอนไปที่ไหนคับรายละเอียดไม่มีการลงไว้คับ

 

เท่าที่เคยสอบถามดูเหมือนจะเป็นกามช้างคะ หรือกระดูดสัตว์ใหญ่นี่แหละคะ

 

มาอ่านกันต่อดีกว่าคะ

เรื่องนี้หลวงปู่คำบุได้เล่าให้ฟังว่าหลวงปู่รอดวัดโน่นม่วงท่านไม่ชอบการฆ่าสัตว์ตัดชีวิต วันหนึ่งท่านทราบว่าคนข้างวัดจะล้มควาย(ฆ่า)เพื่อนำมาเป็นอาหารจัดงานเลี้ยง ท่านจึงได้แอบเอาตะกรุดไปแขวนที่คอควาย แล้วบอกกับเจ้าของควายว่าหากเองล้มได้ก็ล้มไป แต่หากล้มไม่ได้ข้าขอนะ ปรากฏว่าเจ้าของควายหาวิธีฆ่าอย่างไรควายตัวนั้นก็ไม่ตาย ไม่เป็นอะไรเลย จะเอามีดฟันหรือเอาปืนยิงก็ไม่เข้าสุดท้ายควายตัวนั้นก็วิ่งเตลิดหนีหายไป ฝ่ายหลวงปู่คำบุที่ได้ยืนดูเหตุการณ์ทั้งหมดเห็นดังนั้นก็ไม่รอช้าจึงขอเรียนวิชาจากหลวงปู่รอดวัดบ้านโนนม่วงทันที แต่ที่เล่ามาอย่างนี้ใช่ว่าหลวงพ่อรอด จะมีแต่วิชาแคล้วคลาดคงกระพันเพราะยังมีอีกวิชาหนึ่งที่เป็นวิชาสุดยอดของหลวงพ่อรอดวัดบ้านโนนม่วง นั่นคือวิชาสีผึ้งมหาเสน่ห์ ในเรื่องพุทธคุณคงไม่ต้องพูดถึง เอาเป็นว่าในสมัยนั้นใครพกสีผึ้งของหลวงพ่อรอดไปจีบสาวตามงานวัดหละก็ไม่รอดดั่งชื่อของหลวงพ่อครับ คนเฒ่าคนแก่ในยุคนั้นกล่าวเป็นเสียงเดียวกันเลย....

 

วิชาชูชก

ชูชกเป็นพราหมณ์อยู่ในเมืองกลิงคราษฎร์ เที่ยวท่องขอทานไปทั่ว และด้วยนิสัยประหยัด มัธยัสถ์ รู้จักอดออมเงินที่ขอเขามาเก็บไว้จึงมากมายเข้าขั้นเศรษฐี ชูชกนำไปฝากเพื่อนพราหมณ์ไว้ ครั้นเมื่อกลับไปทวงถาม ปรากฎว่าเพื่อนได้ใช้เงินหมดไปแล้ว เลยยกลูกสาวคือนางอมิตดาวัยแรกรุ่นสวยงามให้แทน ทั้งที่ชูชกมีรูปร่างอุบาทว์อัปลักษณ์ยิ่งนัก แต่นางอมิตดาก็ขยันปรนนิบัติสามีเป็นอย่างดี นางตักน้ำ ตำข้าว หุงหาอาหาร ดูแลบ้านเรือนไม่มีขาดตกบกพร่อง ความประพฤติที่ดีเพียบพร้อมของนางอมิตดาทำให้เป็นที่สรรเสริญของบรรดา พราหมณ์ทั้งหลายในหมู่บ้านนั้น ในไม่ช้า บรรดาพราหมณ์เหล่านั้นก็พากันตำหนิติเตียนภรรยาของตนที่มิได้ประพฤติตนเป็นแม่บ้านแม่เรือนอย่างนางอมิตดา ทำให้พวกภรรยาพราหมณ์อิจฉาริษยามาคอยด่าทอนางอมิตดาอยู่ทุกวัน

 

เกจิอาจารย์โบราณจึงจับความเอาตอนที่ชูชกซึ่งถึงแม้ว่าจะขี้เหร่แต่ก็ยังมีเมียสวย ขออะไรใครก็ได้หมด แม้แต่ลูกในอกอย่างกัณหาชาลี พระเวสสันดรยังยกให้ ท่านนำเอาเคล็ดตรงนี้มาทำเป็นวิชาชูชก ซึ่งก็ใช้ได้ผลดี รวมถึงหลวงปู่คำบุ แห่งวัดกุดชมพู ที่ท่านได้สืบวิชานี้มาจากหลวงพ่อสา ซึ่งสอดแทรกอยู่ในคาถาพันของการเทศน์มหาชาติ วิชานี้เป็นวิชาที่โดดเด่นของทางอีสานเลยทีเดียว อดีตหลวงตา(แต่อายุไม่มาก) วิชานี้ดีหรือไม่ก็ดูเอาเอง หากไม่ดีจริงจะมีคนใจบุญอุปถัมภ์ท่านสร้างวัดได้หลายร้อยล้านหรือ? ชูชกของหลวงปู่รอด วัดบางน้ำวนก็เช่นกัน ถ้าไม่ดีจริงของแท้ๆขายกันตัวละเกือบแสนใครจะซื้อ ชูชกนี่หน้าตารูปร่างอัปลักษณ์จะตายไป แต่มีเมียสวย สาวคราวลูกอีก พระเกจิอาจารย์ทางอีสานและมอญโบราณจึงนำมาทำเครื่องรางทางมหานิยม โชคลาภ โภคทรัพย์ซึ่งใช้ได้ผลดี แต่หากทำโดยใช้โลหะหล่อหรือปั๊มเป็นพระผงมักไม่ขลัง ไม่เชื่อท่านผู้อ่านลองสังเกตดูได้ ไม่มีรุ่นไหนดังจริง ดังยาวสักรุ่นหากรุ่นนั้นๆหล่อเอา ปั๊มเอา ส่วนรุ่นใดถ้าแกะเอาจะมีดังบ้าง ไม่ดังบ้าง ทั้งนี้เป็นเพราะว่าพระเกจิอาจารย์ผู้จัดสร้างนั้นมีความรู้ตามวิชาที่แท้จริงหรือไม่? หากมีความรู้จริงแบบของหลวงปู่คำบุ ต้องแกะเอา และผู้แกะต้องสมาทานศีลก่อน จากนั้นต้องลงหัวใจทศชาติ เต ชะ สุ เน มะ ภู จะ นา วิ เว ที่เล็บมือทั้งสิบเสียก่อน จึงทำการแกะได้ ระหว่างแกะไปก็ต้องภาวนาหัวใจชูชกไป