ร่วมทำบุญบูชา มงคลตัดผ่านสวรรยามหากุมารต้นไฟอมฤต(สลายจุดชะลอชะตาสี่มหาฤทธิ์พญา) พ่ออาจารย์พล

จองลูกอม 1 ลูกครับ

 

จองลูกอม 1 ลูกครับ

 

ขอจองลูกอม 1 ลูกครับ

 

จอง 1 ลูกครับบ

 

จองลูกอม 1 ลูก ครับ

 

ถามแต่เริ่มแต่มาไม่ทันผมขอสำรองอีกที่นะครับ

 

สำรอง ลูกอมด้ายสาวพรหมจรรย์ตำรับหลวงปู่ยิ้ม 1 ลูกครับ

 

ลูกอมด้ายสาวพหรมจรรย์ 1 ลูก โอนแล้ววันนี้ทั้งสองบัญชีเป็นเงิน 1100บาทเวลาประมาณ10.03 น.
วิรัช อ่อนโอภาส 39/81หมู่1 แขวงหนองแขม เขตหนองแขม กรุงเทพฯ10160

 

คาถาวันละนิด (คงกระพัน)

ก็เป็นคาถาที่จะนำมาให้วันนี้ ในสายพ่ออาจารย์จะเห็นว่าไม่ค่อยลงเรื่องทางเหนียวทางคงกระพันมากนักเพราะท่านว่าไม่ใช่สิ่งจำเป็นในปัจจุบัน แต่กับบางอาชีพก็ยังถือว่าจำเป็น ควรมีไว้คุ้มตัวอยู่ วันนี้ก็เอาคาถาไปแล้วกัน

เเต่สมัยโบราณจะได้ยินกันบ่อยว่าผู้มีวิชาอาคมเข้มขลังนั้น จะเหนียวยันกระดูกแม้เเต่เส้นผมก็ยังตัดไม่ขาดตัดไม่เข้าก่อนจะตัดผมต้องมีการบอกกล่าวขอขมาเสียก่อนจึงจะสามารถตัดได้ แม้ในสมัยนี้พระเกจิบางรูปก็เช่นกันเวลาอาบน้ำยังต้องใช้แปรงทองเหลืองขัดตามร่างกาย

จากจุดนี้พ่ออาจารย์ท่านว่าหลายคนคิดเลยเถิดไปไกล ถึงกรณีตัดผมไม่เข้านี้ว่าคงเป็นเพราะบุคคลนั้นมีบุญญาธิการยิ่งใหญ่ เเต่ความจริงเเล้วในส่วนของพระคาถาที่ใช้ภาวนาก็มีส่วนด้วย เพราะคนเหล่านั้นคือผู้มีวิชานั่นเอง

ตรงนี้สำคัญใครรักทางคงกระพันชอบทางภาวนาจดกันไว้ให้ดี พระคาถามีอยู่ว่า
จิเจระนิ อุยะ นะ สะ หัง หัง สะ

พระคาถานี้พ่ออาจารย์ท่านบอกว่าให้ภาวนาไว้เถิดจะคงเเก่สารพัดศาตราวุธทั้งปวงเหนียวยันกระดูก

หากจะเเต่งน้ำมันก็ทำได้ ใช้พระคาถานี้ปลุกเสกน้ำมัน นำน้ำมันนั้นทาตัวทาผมทาตามร่างกาย ก็จะเกิดผลดุจเดียวกันคืออยู่ยงคงกระพันเเม้เส้นผมก็ยังตัดไม่เข้า

ปกติวิชาเหล่านี้จะไว้เเต่งคนเเต่งทหารในกองทัพเวลาหน้าทัพหน้าศึก เเม่ทัพผู้มีวิชาก็จะเสกน้ำมันให้เหล่าทหารไว้ทาเนื้อตัวก่อนออกศึก

ก็เห็นว่าเป็นประโยชน์แก่ผู้ที่ทำงานเพื่อชาติ เสี่ยงภัยเสี่ยงอันตราย เป็นทหารเป้นตำรวจควรเรียนรู้ไว้

 

สำรอง ลูกอมด้ายสาวพรหมจรรย์ตำรับหลวงปู่ยิ้ม 1 ลูกครับ

 

ขอลงชื่อสำรองลูกอมด้ายสาวพรหมจรรย์ 1 ลูกครับ

 

เรื่องเล่า

กะจะเล่าเเต่เช้าเเล้วพอดียุ่งเรื่องซ่อมคอมนี่แหละ

ก็ฟังมาจากพ่ออาจารย์ท่านอีกที ท่านบอกว่าได้ยินเสียงเด็กผู้หญิงเรียกหาท่านบ่อยๆ ว่าพ่อๆหนูอยากไปเที่ยว พ่อๆหนูขอเงินหน่อย คือท่านเล่าให้ฟังเเบบนั้น ท่านเองก็นึกแปลกใจชะรอยกุมารีตนไหนจะชอบใจเเละมาตามท่าน อยากจะอยู่ด้วยให้ท่านเลี้ยงไว้ ท่านก็เล่าให้ฟัง

ทำให้เรารู้ว่าเอาเนอะกุมารบางทีไม่ต้องไปซื้อไปหาที่ไหน ขอเเค่เรามีบารมีเค้าก็จะมาอยู่กับเราเองก็มี กุมารที่มาเพราะโฉลกเพราะบารมีเเบบนี้น่าจะมีฤทธิ์มากพอสมควร พ่ออาจารย์ท่านก็เลี้ยงกุมารไว้มากมายเเต่ไม่เห็นจะออกให้บูชาเเบบเป็นกิจลักษณะซักที

ก็เอามาเล่ากันเป็นประสบการณ์ตรงเพิ่งเกิดขึ้นไม่กี่วันกับตัวของท่าน ท่านบอกพอได้ยินเขาพูดเรียกเราว่าพ่อก็ยังนั่งคิดอยู่เด็กที่ไหนหนอมาขอเงินขอขนม ที่เเท้ไม่ใช่มนุษย์กลับเป็นกุมารีนี่เอง

 

แจ้งรับสิทธิ์ครับ

 

มอนิ่งครับคุณกรณ์ มารอติดตามนะที่บอกจะเสนอต่อชอบเรื่องเทพๆ

 

ตอบคำถาม

ก็มีคำถามเข้ามาว่าพระยายมราชท่านเป็นเทวดาระดับไหน คือสวรรค์ชั้นไหน

กับอีกคำถามหนึ่งว่าท้าวไพศรพมหาราช ใช่ท้าวเวสสุวรรณมั้ย

ก็ตอบเรื่องเเรกก่อน ต้องทำความเข้าใจระบบในนรกซักหน่อย ว่ามันมีการเปลี่ยนเเปลงอยู่เสมอ ตามวาระหน้าที่บุญบารมี เมื่อมีดวงจิตมาอุบัติเป็นพญายมราชเนี่ย ท่านก็จะทำงานตามวาระกรรมของท่าน พญายมราชนี่เป็นตำเเหน่งนะไม่ใช่ชื่อ สามารถหมุนเวียนเปลี่ยนกันได้ ขึ้นอยู่กับบุญบารมีของผู้ที่ปรารถนาจะเข้าเเทน

ทีนี้เเต่เดิมในสมัยสุโขทัย ก็มีความเชื่อว่าพญายมราชนี้เป็นเวมานิกเปรต หมายถึงครึ่งเปรตครึ่งเทพเจ้า เนื่องจากรักความยุติธรรมเเต่ก็ยังรับกรรมทุกๆเที่ยงคืน จะโดนกรอกน้ำทองเเดงซึ่งร้อนมากลงคอ

กาลเวลาก็เปลี่ยนไป บางครังหนึ่งในท้าวจตุมหาราชก็ควบตำเเหน่งพญายมราชบ้าง บางยุคหรือพญายมราชองค์ปัจจุบันนั้นก็เป็นดวงจิตของเทพชั้นสูงลงมาทำหน้าที่ เคยถามพ่ออาจารย์อยู่เราเองก็จำไม่ได้ เเต่ท่านว่าสูงกว่าดาวดึงส์ จะเป็นชั้นดุสิตหรือเป็นจิตที่สูงถึงชั้นพรหมอันนี้ไม่ได้ถาม คือไม่คิดว่าจะมีคนถามเเล้วเราต้องมาตอบ555+ ก็ตอบคร่าวๆ เอาว่ามันเป็นตำเเหน่งที่หมุนเวียนได้ตลอด

ถัดมาก็ชื่อไพศรพ ท้าวไพศรพนี่ก็ท้าวเวสสุวรรณดีๆนี่เอง " วิศรพเป็นนามบิดา จึงออกนามา ว่าไวศรวันสรรดี อีกนามจงปรากฏมี ทั่วทั้งแดนตรี ชื่อว่ากุเวรเจนธรรม" จะไวศรวัน จะไพศรพ จะกุเวรหรือจะกุเปรัน ก็เป็นชื่อท้าวเวสสุวรรณทั้งสิ้น เเต่ต้องทำความเข้าใจนะว่าชื่อนี้เป็นชื่อทางเเขกทางพราหมณ์เค้า ที่กล่าวว่าท้าวเวสนั้นคือพี่ชายต่างมารดาของทศกัณฐ์ เเละได้รับพรจากพระเป็นเจ้า ภายหลังน้องท่านอิจฉาชิงของวิเศษชิงบ้านชิงเมือง พระพรหมเทพท่านเมตตาจึงประทานที่อยู่ใหม่ตลอดจนเเต่งตั้งตำเเหน่งเทวราชให้ กล่าวง่ายๆ นครพิชัยลงกา ท้าวเวสสุวรรณคือเจ้าของโดยชอบธรรมก็ว่าได้

 

คาถาวันละนิด (ศัตรูพินาศ)

พระคาถาบทนี้ก็ไม่ค่อยอยากจะพิมพ์เท่าไหร่ เเต่คนที่มีของทางมหาสะท้อนจะนำไปใช้ จะยิ่งเสริมกันให้เเรงขึ้นไปอีก

ตัวพระคาถามีอยู่ว่า
ตะมะถัง พะกาสันโต วัตถาอาหะ

พระคาถานี้ถ้าใช้จุดเทียนอธิษฐานทำน้ำมนต์ เเก้คนผีเข้าเจ้าสิงก็ใช้ได้ ที่ว่าผีเข้าพ่ออาจารย์ท่านว่าหาย

กับอีกประการหนึ่งคือใช้เพื่อการภาวนา เเต่อันนี้ก็ระวังหน่อย กรรมใครกรรมมัน เพราะเราจะภาวนาเเล้วนึกถึงศัตรูเรา มีผลทำให้เค้าพินาศฉิบหายได้

กลัวใจเเต่อยู่ว่าจะไม่ใช่ภาวนากับคนที่คิดร้ายปองร้ายทำให้เราเดือดร้อนเป็นศัตรูเรา เเต่จะเอาไปทำเพราะไม่ชอบหน้าเค้า ไม่พอใจเค้า เพราะคะนองปาก อยากเห็นคนอื่นที่ได้ดีพินาศฉิบหายเช่นนั้น ถ้าทำแบบนี้ท่านว่าบาปหนักหนาเเล

ก่อนจะใช้ก็พิจารณากันให้ดีว่าเราภาวนาเพราะเราไม่ถูกขี้หน้าเค้าหรือเค้าเป็นศัตรูที่ทำให้เราเดือดร้อนจริงๆ

 

วันนี้ได้รับตะกรุดพญานกการเวกแล้วครับ แล้วก็อารธนา ท่านลงเสพน้ำมะม่วงสุก ตอนอารธนา ขนลุกและเหมือนมีพลังงานจากตะกรุดวิ่งลงแขนเลยครับสุดยอดจริงๆ

 

ผลไม้

ก็เห็นเป็นความรู้ดี จำกันไว้ซักนิดจะได้ไม่ไหว้ผิดๆถูกๆ ไหว้เทพเจ้า ไหว้พระท่านห้ามใช้ของอัปมงคล ให้ใช้เฉพาะเเต่ผลไม้มงคล

ผลไม้มงคล
1.ขนุน 2.ทุเรียน 3.กล้วยหอม 4.ทับทิม 5.ลูกอินทร์ 6.ลูกจันทร์ 7.องุ่น(ห้ามองุ่นดำ) 8.แตงไทย 9.มะม่วง 10.ลูกเกด 11.ลูกตาล 12.อินทผาลัม 13.แอปเปิ้ล 14.ลิ้นจี่ 15.ลำไย 16.ส้ม 17.สัปปะรด 18.สาลี่ 19.ลูกพลับ 20.แก้วมังกร 21.เกาลัด

ผลไม้ - ห้ามใช้บูชา
1.ละมุด 2.มังคุด 3.พุทรา 4.น้อยหน่า 5.น้อยโหน่ง 6.มะเฟือง 7.มะไฟ 8.มะตูม 9.มะขวิด 10.กระท้อน 11.ลางสาด 12.ลูกท้อ 13.ระกำ 14.ลูกจาก


กล่าวได้ว่าผลไม้นอกเหนือจากนี้ที่เรายังไม่รู้ก็ไม่ควรนำขึ้นไหว้เด็ดขาด อันนี้ก็เป็นเรื่องความเชื่อเพราะผลไม้เเต่ละชนนิดนั้นมีความหมายในตัวเองใส่ใจนิดๆก็ไม่เสียหาย

 

คาถาวันละนิด (อุปคุตผจญมาร)

เคยเห็นมีคนถามเรื่องพระอุปคุต ก็พอดีเคยพิมพ์เรื่องพญามารปรนิมมิตวสวัตตีมาราธิราชไว้ ก็หลายๆท่านอ่านน่าจะทราบคร่าวๆเเล้ว

วันนี้พ่ออาจารย์ท่านได้มอบพระคาถาให้บทหนึ่งให้ศึกษาเเละภาวนากันเรียกว่าบทพระอุปคุตผจญมาร ก็เป็นอีกบทที่พ่ออาจารย์ท่านใช้ทำตะกรุดชนิดหนึ่งให้เฉพาะบุคคล

วันนี้เอามาให้เเค่ตัวคาถาไปท่องกันก่อน พระคาถานี้เหมาะแก่คนทุกข์ยาก อยู่ในภาวะคับขันชีวิตหาทางออกไม่ได้ได้ โดนคนเบียดเบียน โดนคนรังเเก ทำอะไรติดๆขัดๆ ท่านว่าให้ลองภาวนาดู

ท่านเปรียบว่าพระอุปคุตผจญมาร ท่านชนะ พญามารต่อต้านท่านไม่ได้ฉันใดพระคาถานี้ก็มีอำนาจดุจเดียวกัน คนนำไปภาวนาถือไว้ ต่อให้ใครกลั่นเเกล้งเเม้จะมีอำนาจหรือวิเศษมาจากที่ใด จะกระทำอย่างไรก็เอาชนะเราไม่ได้ด้วยบารมีพระอุปคุตฉันนั้น

พระคาถามีอยู่ว่า
อุปคุตโต มหาเถโร มหิทธิโก มหาปัญโญ อิลานิโส อะนะอิ ไวยะ ปะชะโน ทารินโทโหนติ สิทธิ สวาหะ

พระคาถานี้เห็นจะเป็นประโยชน์มาก เหมาะเเก่กาลเเก่ยุคสมัย เพราะส่วนใหญ่จะมีคนมาปรึกษาว่าโดนเเกล้ง โดนบีบออกจากงาน สารพัดที่จะโดน ได้ชื่อว่าโดนผู้อื่นกระทำด้วยอำนาจ ด้วยสิ่งที่เหนือกว่าเรา ทำให้เราได้รับทุกขเวทนา ให้ภาวนาพระคาถานี้ขอบารมีพระอุปคุตเป็นที่พึ่ง จะผ่านกาลเวลาร้ายๆ ศัตรูเหล่านั้นจะเเพ้ภัยได้รับผลกรรมสนองของเขาไปเอง

ก็ไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไรหากคิดที่จะภาวนา

* ไหนๆก็พูดกันเเล้วเพราะเอาคาถามาลงบ่อย จะภาวนาทั้งทีก็ควรหาเวลาว่างๆทำจิตให้สบายไม่ต้องไปผูกอาฆาตมาตรร้ายหรือคิดสิ่งใด จัดหาลูกประคำมาซักเส้นนึงน่าจะมีกันทุกบ้าน ที่พ่ออาจารย์ท่านให้ลงคาถาในนี้ เพราะท่านอยากให้เอาไปภาวนา ถือเป็นกุศโลบายให้รู้จักทำจิตใจให้สงบ ให้รู้จักการภาวนาทำสมาธิ อันนี้ถึงจะเป็นจุดประสงค์ที่เเท้จริง

 

เกล็ดความรู้(วันพระ)

วันนี้เราจะพูดเรื่องใกล้ๆตัวกัน คือเรื่องของวันพระ ซึ่งก็แบ่งได้หลายเเบบ

วันพระนี้สำหรับพุทธศาสนิกชน ถือว่าเป็นวันสำคัญวันหนึ่ง เพราะว่าเป็นวันที่ถูกกำหนดโดยพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ให้เราชาวพุทธ รู้จักเข้าวัดทำบุญ ฟังพระธรรมเทศนา รักษาศีลปฏิบัติภาวนากันมาเนิ่นนาน จะเรียกว่าเป็นการทำบุญตามกาลตามวาระก็ได้

พ่ออาจารย์ท่านเล่าว่า พระพุทธเจ้านั้นพระองค์ทรงจำแนกวันพระออกเป็น 3 หมวดดังนี้

- หมวดแรก วันพระจะตรงกับวันข้างขึ้นหรือข้างเเรมก็ได้ เเต่อยู่ในกำหนด 8 ค่ำ คือเป็นวันพระที่ตรงกับขึ้น 8 ค่ำ หรือแรม 8 ค่ำ เรียกว่าวันอัฏฐมีบูชาก็ได้ ในวันพระกลุ่มนี้เหล่าเทพเจ้าผู้เป็นบริวารเเห่งท้าวจตุมหาราชทั้ง 4 จะออกมาตรวจดูโลก

- หมวดที่สอง วันพระในหมวดนี้จะตรงกับข้างเเรม จะ 14 ค่ำ หรือ 15 ค่ำ ก็ตาม หากมีวันพระไหนที่ตรงกับเเรม 14 ค่ำ หรือแรม 15 ค่ำเเล้ว นั่นเป็นวันที่เทวโอรสของท้าวจตุโลกบาลทั้ง 4 จะเสด็จออกจากจตุมหาราชิกาเพื่อตรวจตราโลกมนุษย์

- หมวดที่สาม วันพระในหมวดสุดท้ายนี้จะตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ เท่านั้น ย้ำว่าต้องขึ้น 15 ค่ำเท่านั้น ท้าวจตุมหาราชทั้ง 4 พระองค์ จะเสด็จออกตรวจโลกมนุษย์ด้วยพระองค์ ทั้งท้าวธตรฐ ท้าววิรุฬหก ท้าววิรุฬปักษ์ ท้าวเวสสุวรรณ ตามทิศทางเเละหน้าที่ของเเต่ละพระองค์

ที่กล่าวมาถึงการเสด็จออกตรวจในวันพระของเทพเจ้าชาวจตุมหาราชิกานั้น ท่านตรวจอะไร ท่านมาดูอะไร กล่าวให้ง่ายขึ้นก็คือท่านมาดูมนุษย์นั่นเอง

ท่านมาดูมนุษย์ทั้งหลายว่านายนั้น บ้านนี้มีความประพฤติอย่างไร ประพฤติดีประพฤติชอบหรือทำตัวชั่วช้า เมื่อท่านมาดู ท่านไม่ได้มาดูเปล่าๆท่านยังจดบันทึกความดีชั่วของเหล่ามนุษย์นำเข้ารายงานในสุธรรมาเทวสภา ในเวลาที่พระอินทร์ท่านเปิดประชุมเทวสภาด้วย เพื่อจะประกาศให้เทพเจ้าทั้งหลายในทุกห้องสวรรค์ที่ลงมาประชุมกันที่สุธรรมาเทวสภานั้น ทราบความประพฤติเเละนิสัยของมนุษย์

เทพเจ้าทั้งหลายหากท่านรู้ว่ามีผู้ประพฤติชอบ ท่านเหล่านั้นก็จะดีใจ ในทางตรงกันข้ามหากความประพฤติมนุษย์ต่ำทราม ท่านทั้งหลายก็จะสลดใจ ที่เป็นเช่นนั้นเพราะท่านทั้งหลายดีใจนั้นเนื่องจากคิดว่ามนุษย์ทั้งหลายมีความประพฤติดี ต่อไปเบื้องหน้าเค้าก็จะมาเกิดเป็นเทวดาอยู่ด้วยกันกับท่าน แต่ตรงข้าม หากท่านสลดใจก็เพราะมนุษย์เหล่านั้นล้วนเเต่จะตกลงไปในอายภูมิทั้ง 4

พ่ออาจารย์ท่านจึงย้ำเสมอว่าวันพระนี่สำคัญนัก ชาวพุทธเเต่โบราณจึงมักถือศีลเข้าวัดปฏิบัติธรรมกัน ถ้าทำงานไม่มีเวลาว่างอย่างน้อยก็ตักบาตรรักษาศีลกันก็ได้ เพราะเป็นวันที่นายบัญชีใหญ่เหล่าเทวดาจตุมหาราชิกาเเละท้าวจตุมหาราชทั้ง4จะเสด็จกันลงมาตรวจเเละบันทึกกรรมดีกรรมชั่วในเมืองมนุษย์

ท่านก็ให้มาย้ำ ฝากกันเอาไว้ให้พิจารณา สุดเเท้เเต่สติปัญญาของเเต่ละบุคคลว่าจะระลึกได้หรือไม่ว่าควรทำตัวเช่นใดในวันพระ ท่านว่าอย่างน้อย ก็อย่าให้เป็นชาวพุทธเเค่ชื่อหรือเปลือกนอก เกิดมาทั้งทีเข้าไปให้ถึงให้ใกล้พระสัทธรรมเเละการปฏิบัติให้มากที่สุดเท่านี้ก็ได้ชื่อว่าไม่เสียเปล่าอีกชาติหนึ่ง เเต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับว่า ดวงจิตทั้งหลายนั้นพยายามกันเเล้วรึยัง