รัศมีแห่งพระสรีระของพระมังคละพุทธเจ้า

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย kyokonk, 27 มิถุนายน 2008.

  1. kyokonk

    kyokonk Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    41
    ค่าพลัง:
    +45
    [​IMG]

    ชื่อว่ารัศมีแห่งพระสรีระของพระพุทธเจ้านั้น ย่อมปรากฏแก่ชนทั้งหลายเป็นคุณลักษณะพิเศษ ที่ทำให้พระพุทธองค์แตกต่าง จากชนทั่วไป ด้วยอานิสงส์ที่พระพุทธองค์สั่งสมไว้เป็นอย่างดี ถึงกระนั้นแล้วก็ยังมีพระพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งได้ชื่อว่า รัศมีแห่ง พระสรีระของพระองค์นั้น มีเกินยิ่งกว่าพระพุทธเจ้าองค์อื่นๆ แสงแห่งพระพุทธองค์ทรงครอบงำ แม้แสงสว่างของดวงจันทร์ ์และดวงอาทิตย์ แม้หมื่นโลกธาตุก็สว่างจ้า ด้วยกุศลใดหนอจึงทำให้เป็นเช่นนั้นได้

    เรื่องราวมีอยู่ว่า เมื่อพระโกณฑัญญศาสดาเสด็จดับขันธปรินิพพานแล้ว ศาสนาของพระองค์ดำรงอยู่แสนปี เพราะพระสาวก ของพระพุทธะและอนุพุทธะอันตรธานหายไป ศาสนาของพระองค์จึงอันตรธานหายไปตาม ต่อจากสมัยนั้นไปอีกหนึ่งอสงไขย แต่อยู่ในกัปเดียวกัน ได้บังเกิดพระพุทธเจ้าขึ้นมาอีกสี่พระองค์คือ พระมังคละ พระสุมนะ พระเรวตะ พระโสภิตะ

    หนึ่งในสี่ของพระพุทธเจ้านั้นก็คือ พระมังคละพุทธเจ้า ซึ่งจะได้กล่าวในที่นี้ ก่อนที่จะมาเป็นพระพุทธเจ้า พระองค์ทรงบำเพ็ญ บารมี ๑๖ อสงไขย์กับอีกแสนกัป บังเกิดอยู่ในสวรรค์ชั้นดุสิต ทรงดำรงตลอดอายุในสวรรค์ชั้นดุสิตนั้น

    นับแต่พระมังคละมหาสัตว์ ผู้เป็นมงคลของโลกทั้งปวง ทรงถือปฏิสนธิในพระครรภ์ของพระนางอุตตระมหาเทวี พระรัศมี แห่งพระสรีระก็แผ่ไปตลอดเนื้อที่ประมาณ ๘๐ ศอก ทั้งกลางคืนกลางวันแสงจันทร์และแสงอาทิตย์ก็สู้รัศมีนั้นไม่ได้ พระรัศมีนั้น สามารถกำจัดความมืดได้โดยไม่ต้องใช้แสงสว่างอย่างอื่นเลย พระรัศมีดังกล่าวนั้นชื่อว่า มีเกินกว่าพระรัศมีแห่งพระสรีระของพระ- พุทธเจ้าพระองค์อื่น ๆ ซึ่งพระพุทธเจ้าพระองค์อื่น ๆ มีโดยรอบประมาณ ๘๐ ศอกบ้าง วาหนึ่งบ้าง

    หากแต่พระรัศมีของพระมังคละพุทธเจ้านั้น แผ่ตลอดหมื่นโลกธาตุเป็นนิจนิรันดร์ ต้นไม้ ภูเขา เรือน กำแพง หม้อน้ำบานประตู ทุกสิ่งทุกอย่างเสมือนหุ้มไว้ด้วยแผ่นทอง พระองค์มีพระชนมายุถึง ๙ หมื่นปี คราวนั้นรัศมีของดวงจันทร์ และดวง อาทิตย์หรือ แม้แต่ ดวงดาวไม่มีตลอดเวลา กลางวันและกลางคืนก็ไม่สามารถกำหนดได้ เพราะไม่มีความแตกต่างของแสง สัตว์ทั้งหลาย อาศัยแสงสว่างแห่งพระพุทธองค์ในการประกอบการงาน โดยแยกกลางวันกลางคืนด้วยดอกไม้ยามเย็นและเสียงนกร้องในยามเช้า

    มีข้อสงสัยว่า อานุภาพอย่างนี้ของพระพุทธเจ้าองค์อื่น ๆ นั้นไม่มีหรือ ตอบว่าไม่มี แม้ว่าพระพุทธเจ้าพระองค์อื่น ๆ เมื่อทรง ประสงค์จะแผ่พระสรีระไปตลอดหมื่นโลกธาตุ หรือยิ่งกว่านั้นได้ก็จริง แต่ก็เป็นไปโดยพระประสงค์ หากอานุภาพของพระมังคละ พุทธเจ้านี้เป็นไปโดยธรรมชาตินิรันดร ทั้งนี้ก็ด้วยอานิสงส์ที่พระองค์ทรงบำเพ็ญไว้ตั้งแต่ครั้งเป็นพระโพธิสัตว์ ดังต่อไปนี้คือ

    ครั้งหนึ่ง เมื่อเสวยพระชาติเป็นพระโพธิสัตว์ พระองค์ได้เห็นพระเจดีย์ของพระพุทธเจ้าพระองค์หนึ่ง คิดว่า "ควรจะสละชีวิต ของเราเพื่อพระพุทธเจ้าพระองค์นี้" จึงได้ให้เขาพันทั่วทั้งสรีระเหมือนกับพันด้ามประทีปให้บรรจุถาดทองมีค่านับแสนซึ่งมีช่อ ดอกไม้ตูมขนาดศอกหนึ่ง เต็มด้วยของหอมและเนยใส จุดไส้เทียนพันไส้ไว้ในถาดทองนั้น ใช้ศีรษะเทินถาดทองนั้นแล้วให้จุดไฟ ทั่วทั้งตัว แล้วทำประทักษิณรอบพระเจดีย์ตลอดทั้งคืน เมื่อพระโพธิสัตว์พยายามอยู่จนอรุณขึ้นอย่างนี้ ไออุ่นจากไฟไม่จับแม้เพียง ขุมขน พระมหาสัตว์ได้ตั้งความปรารถนาว่า

    "ด้วยผลแห่งทานของเรานี้ ในอนาคตกาล ขอรัศมีทั้งหลายจงแล่นออกโดยทำนองเดียวกันนี้" เมื่อพระองค์ตรัสรู้ ู้เป็นพระพุทธเจ้าแล้ว รัศมีสว่างไสวไม่มีประมาณเปล่งออกจากสรีระแผ่ไปตลอดทุกสถานที่ มีนัยดังพรรณนามาแล้วข้างต้น

    นี้เป็นอานิสงส์ของการบูชาพระเจดีย์ด้วยจิตศรัทธา ที่เหนือกว่าการถวายประทีปเป็นพุทธบูชาทั่วๆไป เพราะเหตุที่ประทีปนี้คือ ประทีปชีวิต อันยากยิ่งที่จะมีใครสละได้โดยง่าย เมื่อบุญส่งผล อานิสงส์ที่ได้รับจึงเลิศกว่าบุคคลอื่นในฐานะเดียวกัน ตามเหตุที่ประกอบไว้(smile)
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. มุ่งเต็มใจ

    มุ่งเต็มใจ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2006
    โพสต์:
    7,755
    ค่าพลัง:
    +23,467

    http://palungjit.org/showthread.php?p=1310152#post1310152


    <HR style="COLOR: #ffffff; BACKGROUND-COLOR: #ffffff" SIZE=1><!-- / icon and title --><!-- message -->ฉัพพรรณรังสีที่ซ่านออกมาหลังจากทรงพิจารณาพระอภิธรรมเจ็ดคัมภีร์มาถึงคัมภีร์มหาปัฏฐาน ในเบื้องต้นฉัพพรรณรังสีออกจากพระวรกายไปสู่เบื้องล่าง

    จากมหาปฐพีใหญ่ อันหนาถึงสองแสนสี่หมื่นโยชน์ รัศมีเหล่านั้นลอดทะลุแผ่นดิน ลงไปจับน้ำในแผ่นดินหนาถึงสี่แสนแปดหมื่นโยชน์ รัศมีเหล่านั้นเมื่อเจาะทะลุลมแล้ว แล่นลงไปสู่อัชฎากาส อากาศว่าง ๆ ภายใต้ลม

    ฉัพพรรณรังสีที่แผ่ไปสู่เบื้องบนแผ่ไปตั้งแต่มนุษย์และเทวภูมิ ๖ คือ จากนั้นแผ่ไปยังพรหมโลก ตั้งแต่ชั้นพรหมปาริสัชชา จนถึงชั้นสุทธาวาส ๕ แล้วแล่นไปสู่อัชฎากาส

    ฉัพพรรณรังสีที่ไปสู่เบื้องขวาอันหาที่สุดมิได้ ไม่มีรัศมีใด ๆ ที่เทียบเท่าได้เลย แม้รัศมีของพระอาทิตย์ พระจันทร์ ดวงดาว และเทวดาทั้งหลายก็สู้ไม่ได้

    ฉัพพรรณรังสีที่ปรากฏในบรรดาพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ จะให้ผู้อื่นมองเห็นหรือมองไม่ให้ก็ได้ แต่มีฉัพพรรณรังสีของพระพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งพระนามว่า พระมังคละพุทธเจ้า

    มีพระรัศมีแผ่ไปมากกว่าพระพุทธเจ้าพระองค์อื่น ๆ คือ มีรัศมีแผ่ไปแสนโกฏิโลกธาตุ (แสนโลกธาตุเท่ากับแสนจักรวาล จักรวาลหนึ่งเท่ากับ ๓๑ ภูมิ)

    ส่องสว่างเป็นรัศมีสีทองทั่วไปตลอดทั้งกลางวันกลางคืน กลบแสงจากดวงจันทร์และดวงอาทิตย์จนสิ้น ประชาชนจะรู้ได้ว่าเป็นกลางวันจากเสียงนกร้อง เป็นเวลากลางคืนเมื่อดอกไม้บาน

    เหตุที่พระมังคละพุทธเจ้าทรงมีฉัพพรรณรังสีส่องสว่างโดยตลอดนั้น เพราะสมัยเมื่อเป็นพระโพธิสัตว์ ยักษ์ตนหนึ่งได้ปลอมตัวเป็นพราหมณ์ได้มาขอบุตรสองคนจากพระโพธิสัตว์

    พระองค์ทรงบริจาคให้โดยถือว่าเป็นบารมีไปสู่โพธิญาณ พอยักษ์ได้เด็กแล้วก็กินเด็กทั้งสองต่อหน้าพระโพธิสัตว์ พระโพธิสัตว์เห็นแล้วไม่มีความเสียพระทัยแม้เพียงปลายผม

    กลับยังพระทัยให้เข้มแข็งปิติโสมนัสโดยเปล่งอุทานว่า "ทานอันใดที่ให้โดยดีแล้ว ยังผลให้สิ้นอาสวะกิเลสเป็นปัจจัยให้บรรลุพระนิพพาน"

    พระมังคละโพธิสัตว์ได้ทรงตั้งพระทัยปรารถนาว่า เมื่อพระองค์ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าแล้ว ขอให้รัศมีแผ่ไปแสนจักรวาลตลอดพระชนม์ชีพของพระองค์

    อีกเหตุการณ์หนึ่งที่ทำให้พระองค์ทรงมีรัศมีแผ่ไปแสนจักรวาลคือ ในสมัยที่พระองค์ยังเป็นพระโพธิสัตว์ ท่านได้เห็นเจดีย์ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แล้วคิดว่า ควรสละชีพเพื่อบูชาพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

    จึงได้พันกายของตนเป็นคบเพลิง และเอาเนยใสใส่ถาดทองคำสูงประมาณ ๑ ศอกเทินไว้บนศีรษะ แล้วจุดไส้ประทีปที่พันไว้ให้ลุกโพลงทั่วร่างกาย ทำประทักษิณเวียนขวารอบพระเจดีย์ตลอดราตรีจนส่วาง

    ด้วยอำนาจแห่งการบูชานี้ แม้ขุมขนสักเส้นหนึ่งก็ไม่ไหม้ไฟ ด้วยอำนาจแห่งพระธรรมที่ยอมสละชีพเพื่อบูชาพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ธรรมย่อมรักษาผู้ประพฤติให้เป็นสุข

    ด้วยผลกรรมนี้ จึงทำให้รังสีของพระมังคละพุทธเจ้าแผ่ไปถึงแสนจักรวาลเป็นนิจตลอดกาล ในสมัยของพระองค์ เมื่อพระองค์ทรงปรินิพพาน พระฉัพพรรณรังสีนี้ก็ดับไปพร้อมกันทั้งหมด



    http://www.thaimisc.com/freewebboard...ic=1369&page=1
    <!-- / message --><!-- edit note --><HR style="COLOR: #ffffff; BACKGROUND-COLOR: #ffffff" SIZE=1>
    [​IMG] [​IMG] [​IMG]
     
  3. มุ่งเต็มใจ

    มุ่งเต็มใจ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2006
    โพสต์:
    7,755
    ค่าพลัง:
    +23,467

    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">พระฉัพพรรณรังสีของพระมังคละพุทธเจ้า
    คุณ TupLuang </TD></TR></TBODY></TABLE>

    http://palungjit.org/showthrea...52#post1310152


    พระมังคละพุทธเจ้า

    หลังจากศาสนาของพระโกณฑัญญะพุทธเจ้าอันตรธานไป เป็นช่วงเวลาที่ไม่มีพระพุทธเจ้ามาอุบัติถึงอสงไขยหนึ่ง เรียกว่า ภาละอสงไขย ล่วงมาถึงสารมัณฑกัปหนึ่งจึงมีพระพุทธเจ้ามาอุบัติ ๔ พระองค์ พระพุทธเจ้าองค์แรกในสารมัณฑกัปนี้ทรงพระนามว่า พระมังคละพุทธเจ้า

    พระมังคละพุทธเจ้า ทรงประสูติเป็นมังคละราชกุมาร ในวงศ์กษัตริย์แห่งอุตตระนคร พระราชบิดาทรงพระนามว่าพระเจ้าอุตตระ และพระราชมารดาทรงพระนามว่าพระนางอุตตรา

    มังคละราชกุมารทรงเกษมสำราญอยู่ ๙,๐๐๐ ปี ในปราสาท ๓ หลัง คือ ยสวาปราสาท รุจิมาปราสาท และสิริมาปราสาท ทรงมีพระมเหสีพระนามว่า ยสวดี และทรงมีสนมนารีแวดล้อมอีก ๓๐,๐๐๐ นาง

    วันหนึ่ง พระมังคละทรงทอดพระเนตรเห็นเทวทูตทั้งสี่ คือ คนแก่ คนเจ็บ คนตาย และนักบวช พระองค์จึงมีพระทัยน้อมไปทางบรรพชา

    เมื่อพระยสวดีเทวีประสูติพระโอรส พระนามว่า สีลวากุมาร จึงได้เสด็จออกบรรพชาด้วยม้าปัณฑระ มีผู้ออกบรรพชาตามจำนวน ๓ โกฏิ

    มังคละราชกุมารทรงบำเพ็ญความเพียรอยู่ ณ บ้านอุตตรคาม เป็นเวลา ๘ เดือน จนถึงวันเพ็ญเดือนวิสาขะ ทรงรับข้าวมธุปายาสจากนางอุตตรา ธิดาของอุตตรเศรษฐี และรับหญ้า ๘ กำจากอุตตระอาชีวก ปูลาดใต้ต้นนาคะ (ต้นกากะทิง) เป็นโพธิบัลลังก์ และได้ตรัสรู้เป็นพระวิริยาธิกะพุทธเจ้าในคืนนั้น
    พระมังคละพุทธเจ้าทรงแสดงปฐมเทศนา แก่พระภิกษุผู้บรรพชาตามจำนวน ๓ โกฏิ ที่ชัฏสิริวัน สิริวัฒนนคร ทำให้พระภิกษุ ๓ โกฏินั้นสำเร็จเป็นพระอริยบุคล

    ธรรมาภิสมัยในพุทธกาลของพระมังคละพุทธเจ้าบังเกิดขึ้น ๓ วาระ คือ
    วาระที่ ๑ แสดงปฐมเทศนา
    ธรรมาภิสมัยบังเกิดแก่มนุษย์และเทวดา ๑๐๐,๐๐๐ โกฏิ

    วาระที่ ๒ แสดงธรรมบนดาวดึงส์เทวโลกโปรดพุทธมารดา
    ธรรมาภิสมัยบังเกิดแก่เทวดา ๑๐๐,๐๐๐ โกฏิ

    วาระที่ ๓ แสดงธรรมแก่พระเจ้าสุนันทะ
    ธรรมาภิสมัยบังเกิดแก่มนุษย์และเทวดา ๙๐ โกฏิ

    พระมังคละพุทธเจ้า ทรงประชุมสาวกสันนิบาต ๓ ครั้ง
    ครั้งที่ ๑ ทรงแสดงปาฏิโมกข์แก่พระสงฆ์สาวก ๑๐๐,๐๐๐ โกฏิ
    มีคู่อัครสาวกเป็นประธาน
    ครั้งที่ ๒ ทรงแสดงปาฏิโมกข์แก่พระสงฆ์สาวก ๑๐๐,๐๐๐ โกฏิ ณ อุตตราราม
    ครั้งที่ ๓ ทรงแสดงปาฏิโมกข์แก่พระสงฆ์สาวก ๙๐ โกฏิ
    มีพระเจ้าสุนันทะซึ่งออกบวชเป็นประธาน

    พระมังคละพุทธเจ้าทรงมีพระสาวกองค์สำคัญ คือ
    พระอัครสาวก คือ พระสุเทวะเถระ และพระธรรมเสนะเถระ
    พระอัครสาวิกา คือ พระสีวลาเถรี และพระอโสกาเถรี
    พระอุปัฏฐาก คือ พระปาลิตะ

    พระมังคละพุทธเจ้าทรงมีพระวรกายสูง ๘๘ ศอก มีพระรัศมีแผ่ไปทั่วหมื่นโลกธาตุ พระรัศมีนี้รุ่งเรืองกว่าพระพุทธเจ้าองค์ใดๆ เมื่อพระชนมายุได้ ๙๐,๐๐๐ ปี จึงปรินิพพานที่พระวิหารอุตตราราม


    http://www.agalico.com/board/showthread.php?t=16224


    [​IMG] [​IMG] [​IMG]
    <!-- / message -->
     
  4. มุ่งเต็มใจ

    มุ่งเต็มใจ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2006
    โพสต์:
    7,755
    ค่าพลัง:
    +23,467

    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">พระฉัพพรรณรังสีของพระมังคละพุทธเจ้า
    คุณ TupLuang </TD></TR></TBODY></TABLE>

    http://palungjit.org/showthrea...52#post1310152

    -----------------------------------------------------------------------------------

    ฉัพพรรณรังสีมี ๖ สี คือ สีเขียว ขาว แดง เหลือง ม่วง และประภัสสร (เลื่อมพราย) ท่านอุปมาว่า

    สีเขียว - นิลกะ สีเขียวเข้มเหมือนดอกอัญชัน ดอกสามหาว กลีบบัวเขียวที่ซ่านออกไปจากพระเกสา คือ ผม และพระมัสสุ (หนวด) ออกมาจากสีเขียวแห่งพระเนตรทั้งสอง

    สีขาว - โอทาตะ สีขาวเหมือนแผ่นเงิน เหมือนน้ำนม และดอกโกมุท ดอกย่านทรายและมลิวัลย์ ซ่านออกมาจากพระอัฐิ (กระดูก) พระทนต์ (ฟัน) และสีขาวออกจากพระเนตรทั้งสอง

    สีแดง - โลหิต แดงเหมือนสีตะวันทอง สีผ้ากัมพล ดอกชัยพฤกษ์ ดอกทองกวาว ดอกชบา ที่ออกมาจากพระมังสะ (สีเนื้อ) พระโลหิต (สีเลือด) ซ่านออกมาจากพระเนตรทั้งสอง

    สีเหลือง - ปิตะ สีเหมือนแผ่นทองคำ สีเหลืองเหมือนผงขมิ้น ดอกกรรณิการ์ที่ซ่านออกมาจากพระฉวีวรรณ(ผิว)

    สีม่วง - มันชิถะ เหมือนสีเท้าหงส์ที่เรียกว่า หงสบาท สีดอกหงอนไก่ สีม่วงแดง ที่ซ่านออกมาจากพระสรีระ (ร่างกาย)

    สีประภัสสร - สีเลื่อมพราย เหมือนสีแก้วผลึกที่เรียกว่า สีเลื่อมประภัสสร ออกมาจากพระสรีระเช่นกัน


    -----------------------------------------------------------------------------------


    การที่รัศมีของพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามีอยู่ได้ตลอดเวลาก็ด้วยอำนาจแห่งพุทธวิสัย คือ พระเดช ๕ ประการ ที่เกิดขึ้นมาพร้อมกับพระสัมมาสัมพุทธเจ้าคือ

    ๑. ศีลเดช ทรงมีกาย วาจา เรียบร้อย มีศีลวินัยดียอดเยี่ยม

    ๒. คุณเดช ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณอย่างยอดเยี่ยมแก่สัตว์โลกทั้งปวง

    ๓. ปัญญาเดช ทรงมีพระปัญญาท่วมท้นด้วยพระสัพพัญญุตญาณ

    ๔. บุญเดช ทรงมีบุญสั่งสมตั้งแต่เป็นพระโพธิสัตว์

    ๕. ธรรมเดช ทรงรู้ธรรมตามความเป็นจริง แล้วนำมาสั่งสอนให้รู้ธรรมตามความเป็นจริง

    ด้วยอำนาจพระเดช ๕ ประการนี้ จึงเป็นเหตุให้เกิดฉัพพรรณรังสีด้วยประการฉะนี้แล


    ปิยา ธรรมารักษ์
    -----------------
    จาก ธรรมะเพื่อชีวิต
    เล่มที่ ๓๕ ฉบับวันมาฆบูชา ๒๕๔๖
    มูลนิธิพุทธศาสนศึกษา วัดบุรณศิริมาตยาราม


    (i) [​IMG] [​IMG] [​IMG]
    <!-- / message -->
     
  5. มุ่งเต็มใจ

    มุ่งเต็มใจ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2006
    โพสต์:
    7,755
    ค่าพลัง:
    +23,467
    [​IMG]

    ขออนุโมทนาบุญกุศลธรรมทานของคุณ kyokonk<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_1310901", true); </SCRIPT> ด้วยครับ

    (i) [​IMG] [​IMG] [​IMG]
     
  6. มุ่งเต็มใจ

    มุ่งเต็มใจ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2006
    โพสต์:
    7,755
    ค่าพลัง:
    +23,467
    [​IMG] ขออนุโมทนาบุญกับทุกๆท่านที่ปรารถนาพุทธภูมิ สืบทอดพระพุทธศาสนาและสร้างเสริมบุญกุศลบารมีรัศมีกำลังฤทธิ์อันเป็นบันไดสู่พระนิพพาน พระพุทธภูมิ

    <HR style="COLOR: #ffffff; BACKGROUND-COLOR: #ffffff" SIZE=1><!-- / icon and title --><!-- message -->ขออนุโมทนาบุญกับทุกๆท่านครับ ธรรมใดที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงพบแล้ว ขอธรรมนั้น จงสำเร็จแก่ท่านทั้งหลายและสรรพชีวิตโดยดีงามด้วยเถิด สาธุ สาธุ สาธุ

    อิทัง ปุญญะผะลัง ผลบุญกุศลใด ที่ข้าพเจ้า ได้บำเพ็ญแล้ว ตั้งแต่ต้นชาติ จนถึงปัจจุบันชาติ ข้าพเจ้าขออุทิศส่วนบุญกุศลนี้ ให้แก่เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย ที่เคยล่วงเกินมาแล้ว แต่ชาติก่อนก็ดี ชาตินี้ก็ดี ขอเจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย จงอนุโมทนา ส่วนบุญกุศลนี้ แล้ว ขอจงอโหสิกรรมให้แก่ข้าพเจ้า ตั้งแต่บัดนี้ ตราบเท่าเข้าสู่พระนิพพาน พุทธภูมิ อภิเษกพระอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ

    และขออุทิศส่วนบุญกุศลนี้ ให้แก่เทพเจ้าทั้งหลาย ที่ปกปักรักษาข้าพเจ้า และเทพเจ้าทั้งหลาย ทั่วสากลพิภพ และพระยายมราช ขอเทพเจ้าทั้งหลาย และพระยายมราช จงอนุโมทนาส่วนบุญกุศลนี้ ขอจงเป็นสักขีพยาน ในการบำเพ็ญบุญกุศล ของข้าพเจ้าในครั้งนี้ด้วยเถิด และขออุทิศส่วนบุญกุศลนี้ ให้แก่ท่านทั้งหลาย ที่ล่วงลับไปแล้ว ที่เสวยความสุขอยู่ก็ดี เสวยความทุกข์อยู่ก็ดี เป็นญาติก็ดี มิใช่ญาติก็ดี ขอท่านทั้งหลาย จงโมทนาส่วนบุญกุศลนี้ พึงได้รับประโยชน์ ความสุข ไม่ต่ำกว่าข้าพเจ้า จะพึงได้รับ ณ กาลบัดเดี๋ยวนี้เถิด

    หากท่านทั้งหลายยังไม่มีโอกาสได้อนุโมทนาเพียงใด ขอเทพเจ้าทั้งหลายและพระยายมราชจงเป็นสักขีพยานให้แก่ข้าพเจ้าด้วย เจอท่านทั้งหลายเมื่อใด ขอให้ท่านทั้งหลายได้อนุโมทนาส่วนบุญกุศลนี้ด้วยเถิด ผลบุญกุศลบารมีใด ที่ข้าพเจ้า ได้บำเพ็ญแล้ว ตั้งแต่ต้นชาติ จนถึงปัจจุบันชาตินี้ ขอผลบุญกุศลบารมีนี้ จงเป็นสรรพพลวปัจจัย ให้ข้าพเจ้า เจริญในพระพุทธการกธรรม ได้เข้าถึง ซึ่งพระนิพพาน พุทธภูมิ อภิเษกพระอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณด้วยเถิด หากแม้นยังไม่ถึงพระนิพพาน พุทธภูมิ อภิเษกพระอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณเพียงใด ขอคำว่าไม่รู้ ไม่มี ในสิ่งที่ดี จงอย่าได้บังเกิดแก่ข้าพเจ้าเลย ขอผลบุญกุศลทั้งหลาย ที่ข้าพเจ้า ได้กระทำแล้ว จงบังเกิดผล ณ กาลบัดเดี๋ยวนี้ โดยดีงามด้วยเทอญเถิด

    "พุทโธ โพเธยยัง มุตโต โมเจยยัง ติณโณ ตาเรยยัง"
    "เมื่อรู้แล้ว จักช่วยผู้อื่นรู้ด้วย เมื่อพ้นทุกข์แล้ว จักช่วยผู้อื่นพ้นทุกข์ด้วย เมื่อข้ามโอฆะแล้ว จักช่วยผู้อื่นข้ามโอฆะด้วย"

    "เมื่อได้พุทธภูมิแล้ว จักช่วยให้ผู้อื่นได้พุทธภูมิด้วย"


    พุทโธ ธัมโม สังโฆ อัปมาโณ สิทธมัตถุ ๆ ๆ
    สะอาด สว่าง สงบสมดุลย์ เลิศ ประเสริฐ ปราณีต ละเอียด ยิ่งๆๆขึ้นไปเทอญ สัมปะติจฉามิ ๆ ๆ (i) [​IMG]
    <!-- / message -->
     
  7. slavebuddha

    slavebuddha Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 เมษายน 2008
    โพสต์:
    244
    ค่าพลัง:
    +59
    นะโมพระพุทธสิกขีพระพุทธเจ้าขอได้โปรดดลบันตาลให้สรรพสัตว์ทั้ง 3 โลกได้หลุดพ้นจากภัยพิบัติวัฏฏสงสารโดยสิ้นเชิง
    ด้วยพระบารมีมิอาจประมาณลูกขอนอบน้อมนมัสการด้วยจิตใจ ขอให้ลูกมีจิตสะอาดสว่างใสหลุดพ้นไซร้สู่บ้านนิพพานเทอญ สัมปะจิตฉามิ
     
  8. oomsin2515

    oomsin2515 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    2,934
    ค่าพลัง:
    +3,393
    กุศลผลบุญใด ๆ ก็ตามที่ข้าพเจ้าได้ทำมาแล้ว ตั้งแต่ต้นจนถึงปัจจุบันนี้
    ข้าพเจ้าขออุทิศให้
     
  9. ปัจเจกพุทธะ

    ปัจเจกพุทธะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    235
    ค่าพลัง:
    +121
    อายันตุ โภนโต อิธะ ทานะ สีละ เนกขัมมะ ปัญญา วิริยะ ขันติ สัจจาธิฏฐานะเมตตุเปกขา ยุทธายะ โว คัณหะถะอาวุธานีติ.
    ดูก่อนพระบารมีทั้งหลาย ขอเชิญพระบารมีคือ ทาน ศีล เนกขัมมะ ปัญญา วิริยะ ขันติ สัจจะ อธิฐานะ เมตตา และอุเบกขา จงมาที่นี่โดยเร็วพลัน แล้วพากันถือเอาอาวุธ เพื่อยุทธ์กับพญามาร (กิเลส) เถิด.
    อนุโมทนาครับ.
    บริจาคเงินช่วยวัดพระบาทน้ำพุ
    โทร.1900-222-200 6บาท/นาที
     

แชร์หน้านี้

Loading...