เรื่องเด่น รักษาใจไว้กับพระรัตนตรัย สามารถลด ละ ต้านทานภัยทั้งภายในและภายนอก

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย นโมพุทธายะ๕, 2 กรกฎาคม 2017.

  1. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,668
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,135
    ค่าพลัง:
    +70,509
    ในเรื่องของการปฏิบัติธรรมนั้น ถ้าหากกำลังใจของเราทรงตัวมั่นคง ไม่ต้องถึงระดับพระอริยเจ้าหรอก เป็นเพียงผู้ทรงฌานเท่านั้น สภาพจิตที่โดนอำนาจของฌานกดเอาไว้ ทำให้รัก โลภ โกรธ หลง ไม่สามารถที่จะเจริญงอกงามได้ ก็จะมีความสงบความเยือกเย็นอยู่ในระดับหนึ่ง

    19511262_1596919433692065_2024790686133696334_n.jpg
    ถ้าหากว่าทุกคนพร้อมใจกันทำจิตทำใจของตน ให้เข้าถึงความสงบความเยือกเย็นแบบนี้ ประเทศชาติบ้านเมืองของเรา ก็จะมีความสุขความสงบ ภัยธรรมชาติต่าง ๆ ก็จะลดน้อยลง

    อาตมาขอยืนยันว่า สภาพอากาศที่วิปริตแปรปรวน ภัยธรรมชาติต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นนั้น ล้วนแล้วแต่เกิดจากการกระทำของมนุษย์ทั้งสิ้น ถ้าเราจะกล่าวว่า มนุษย์ทำลายธรรมชาติ นั่นก็ถูก แต่ว่าเป็นสิ่งที่สายตาเรามองเห็นเท่านั้น

    ในส่วนที่สายตาของคนทั่วไปมองไม่เห็นนั้น ก็คือว่า การกระทำของเรานั้นทุกอย่าง เมื่อตั้งเจตนาและลงมือกระทำแล้ว จะประกอบด้วยพลังงานส่วนหนึ่ง ถ้าหากว่าเป็นพลังงานในส่วนที่ดี ก็จะฉุดรั้งให้เราขึ้นสู่ที่สูง ถ้าเป็นพลังงานในส่วนที่ชั่ว ก็จะกดทับให้เราตกลงสู่ที่ต่ำ

    คราวนี้กำลังที่เราทำไม่ว่าจะดีหรือชั่ว ไม่ได้หายไปไหน สิ่งทั้งหลายเหล่านี้รวมตัวกันอยู่ เพียงแต่ว่าในปัจจุบันนี้ บุคคลที่ปฏิบัติตามศีล สมาธิ และปัญญานั้นมีน้อย บุคคลที่ไร้ศีลไร้ธรรมมีมากกว่า เมื่อกำลังใจที่ประกอบไปด้วย รัก โลภ โกรธ หลง มีมากกว่า กำลังเหล่านี้พอสะสมมากเข้า ๆ ก็จะกลายเป็นพลังงานที่น่ากลัว สามารถทำให้ดินฟ้าอากาศ ตลอดจนธรรมชาติต่าง ๆ แปรปรวนวิปริตไปได้

    อย่างบ้านเราตอนนี้ ก็ไม่ทราบว่าจะไปอยู่ที่ไหนถึงจะปลอดภัย ภาคเหนือมีแผ่นดินไหว ภาคอีสานประสบภัยแล้ง ภาคกลางอยู่ ๆ ก็หนาวเย็น ลงไปภาคใต้น้ำท่วมไปหลายจังหวัดแล้ว ไม่ว่าจะเป็นนครศรีธรรมราช กระบี่ สุราษฏร์ธานี เป็นต้น

    หากว่าเรามีความยึดมั่นในคุณพระศรีรัตนตรัยเป็นที่พึ่งที่ระลึกจริง ๆ อันตรายต่าง ๆ จะมาไม่ถึงเรา พูดง่าย ๆ ว่า อำนาจคุณพระสามารถคุ้มครองป้องกันเราได้แน่นอน ยกเว้นว่า วาระซึ่งกฎของกรรมที่เราเคยทำไว้ในอดีตมาถึง ก็อาจทำให้ตัวเราประสบความเสียหายบ้าง แต่ก็จะไม่ถึงแก่ชีวิต เป็นต้น

    เรื่องทั้งหลายเหล่านี้รุมเร้าอยู่รอบตัวของเรา ยิ่งเกิดขึ้นมากเท่าไร เราก็ยิ่งต้องวิ่งเข้าหา ศีล สมาธิ ปัญญา ให้มากขึ้นเท่านั้น จึงจะพอสมน้ำสมเนื้อ พอที่จะคานกับสิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในด้านไม่ดีได้


    ถ้าเรารักษากำลังใจของเราอยู่ในด้านดี อยู่ในศีล ในสมาธิ ในปัญญาได้ ตัวเราจะสามารถเอาตัวรอดได้ก่อนเป็นอันดับแรก ในส่วนต่อไปก็คือว่า เราจะเป็นที่พึ่งของคนอื่นได้ ถ้าหากว่าสามารถทำจนถึงระดับเป็นที่พึ่งของคนหมู่มากได้ก็ยิ่งดี อย่าคิดว่าเราแค่ไม่กี่คน ทำไปแล้วจะช่วยเหลือคนส่วนใหญ่เป็นแสนเป็นล้านได้อย่างไร ?

    ขอบอกว่าความดีนั้น โดยเฉพาะความดีในศีล สมาธิ ปัญญา เป็นความดีที่มีอานิสงส์หรืออานุภาพที่สูงมาก เปรียบไปเหมือนสิ่งเล็กที่มีความเย็นสูงมาก เมื่อนำเข้าไปในแหล่งความร้อน ก็สามารถที่จะสะกดหรือระงับยับยั้งความร้อนทั้งหลายเหล่านั้นให้ผ่อนคลายลง หรือถ้าหากว่าความร้อนนั้นมีน้อย อาจจะถึงกับสลายตัวไปเลยก็ได้

    ดังนั้น..พวกเราทั้งหลายที่ปฏิบัติกันอยู่นี้ อันดับแรก นอกจากสร้างความสงบให้เกิดแก่ตนเอง จะได้มีปัญญาเพื่อนำไปใช้ในการตัดกิเลสแล้ว เรายังสามารถสร้างความสงบสุขให้แก่สรรพสัตว์ทั้งหลาย ทั้งในโลกนี้และโลกอื่น ๆ เนื่องจากว่ากำลังที่ไม่ดีมีมาก เราก็ต้องเร่งสร้างกำลังความดีให้มากตามไปด้วย จึงพอที่จะทดแทนกันได้

    โดยเฉพาะว่ากำลังของสมาธินั้น คือตัวเปลี่ยนแปลงทั้งสภาพร่างกายและจิตใจที่มากที่สุด ถ้าหากว่าใครสามารถรักษาตัวสมาธิภาวนา ให้ทรงตัวได้ต่อเนื่อง เป็นระยะเวลาที่ยาวนานพอ เราจะเห็นความเปลี่ยนแปลงในตนได้อย่างชัดเจน คือจะมีความสงบกาย สงบวาจา สงบใจ มีกำลังในการระงับยับยั้งจิตใจของตนเอง ไม่ให้ไหลไปในทางที่ต่ำ จะไม่ตกเป็นทาสของรัก โลภ โกรธ หลงได้ง่าย ๆ อีก

    พระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ
    เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน ณ บ้านวิริยบารมี
    วันศุกร์ที่ ๑ เมษายน ๒๕๕๔

    ที่มาวัดท่าขนุน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 2 กรกฎาคม 2017

แชร์หน้านี้

Loading...