พุทธประวัติ(แบบสากลยอมรับ)ในวัยหนุ่ม

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย DevilBitch, 22 มิถุนายน 2005.

  1. DevilBitch

    DevilBitch เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มกราคม 2005
    โพสต์:
    9,776
    ค่าพลัง:
    +36,838
    ในที่สุด กาลเวลาได้ผ่านไป เจ้าชายได้ทรงเริ่มผ่านวัยขึ้นมาเป็นหนุ่ม แต่สิ่งอันน่ารื่นรมย์เหล่านั้น กล่าวคือปราสาทก็ตาม สวนก็ตาม สระน้ำก็ตาม ที่เดินที่เล่นที่ขับม้าก็ตาม ข้าบริพารอันงามที่พระราชาจัดประทานให้เป็นอย่างดีก็ตาม ก็ยังคงเป็นสิ่งที่ไม่มีคุณค่าอะไรในการที่จะหยุดความคิดอันลึกซึ้งของเจ้าชายได้เลย

    พระราชาได้ทรงสังเกตเห็นความจริงข้อนี้ พระองค์ได้ทรงเห็นว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่พระองค์จัดขึ้นเพื่อยึดหน่วงจิตใจเจ้าชาย ให้ติดอยู่ในความเพลิดเพลินนั้น ได้เป็นสิ่งที่ล้มเหลวไร้ผลโดยสิ้นเชิง พระองค์ทรงเรียกประชุมอำมาตย์ทั้งหลายของพระองค์ แล้วรับสั่งถามคนเหล่านั้นว่า ยังมีอะไรวิธีใดอีกบ้าง ที่พระองค์จะทรงสามารถจัดทำเพื่ออย่าให้ถ้อยคำพยากรณ์ของพระฤษีผู้สูงอายุนั้นเกิดเป็นความจริงขึ้นมา

    อำมาตย์ทั้งหลายได้กราบทูลถวายความคิดเห็นของตนๆ ว่า ทางที่ดีที่สุดในการยึดหน่วงจิตใจของเจ้าชาย อย่าให้คิดไปในทางสละโลกนั้น คือการจัดให้เจ้าชายได้สมรสกับสตรีสาวที่สวยที่สุดเสีย พร้อมกับทูลอธิบายว่าด้วยการทำอย่างนี้ เจ้าชายจักพัวพันอยู่กับพระชายา จนไม่มีเวลาที่จะหวนคิดถึงสิ่งอื่นใด จนเวลาล่วงไปๆ กระทั่งอยู่ในภาวะเหมาะสมที่จะขึ้นครองบัลลังก์ตามความประสงค์ของพระราชบิดา ตามแบบอย่างที่เขากระทำกัน

    พระราชาทรงเห็นชอบว่า คำแนะนำอันนี้เป็นคำแนะนำที่ดีที่สุด แต่พระองค์ยังไม่ทรงวางพระทัยในข้อที่จะเสาะหาสตรีสาวสวยมาได้อย่างไร ที่จะให้น่ารักน่าเสน่หา จนถึงกับเมื่อสมรสแล้ว จะทำให้เจ้าชายหลงใหลโดยสิ้นเชิง และมีชีวิตอยู่โดยไม่ต้องนึกถึงเรื่องอื่นใด นอกไปจากความคิดที่จะทำให้สตรีที่รักของตนนั้นมีความสุขอย่างยิ่ง แต่อย่างเดียว

    เมื่อได้ทรงพินิจพิจารณาอยู่ครู่หนึ่งแล้ว พระองค์ก็ทรงพบความคิดอันแยบคาย พระองค์ทรงบัญชาให้บรรดาหญิงที่มีรูปร่างงามที่สุดทั้งหมดในประเทศของพระองค์ มาสู่นครกบิลพัสดุ์ ในวันที่ได้กำหนดไว้ เพื่อให้เดินผ่านพระพักตร์เจ้าชายสิทธัตถะ ให้เจ้าชายมีโอกาสระบุว่าสตรีใดเป็นผู้ที่สวยที่สุดกว่าบรรดาสตรีทั้งหลาย และให้เจ้าชายประทานรางวัลเพื่อความงามของสตรีผู้นั้นเป็นพิเศษ แม้สตรีอื่นทุกคนที่ได้มาแสดงตัวในที่นั้นก็จักได้รับรางวัลอย่างใดอย่างหนึ่ง โดยสมควรแก่ความงามของตนจากพระหัตถ์ของเจ้าชายเองเช่นเดียวกัน

    เมื่อพระเจ้าสุทโธทนะทรงมีพระราชบัญชาออกไปดังนี้แล้ว พระองค์ยังได้ทรงจัดเตรียมให้อำมาตย์ผู้มากด้วยปัญญาของพระองค์จำนวนหนึ่ง ไปคอยเฝ้าดูอยู่ ณ ที่ที่สตรีทั้งหลายเดินผ่านพระพักตร์เจ้าชาย เพื่อจะได้สังเกตว่าเจ้าชายจักพอพระทัยในสตรีคนไหนอย่างสูงสุด แล้วให้กำหนดตัวไว้ว่าเป็นผู้ใด มาจากไหน จักได้กลับไปกราบทูลให้พระองค์ทรงทราบ ในภายหลัง

    ในที่สุด วันแห่งการประกวดความสวยงามก็มาถึง บรรดาหญิงสาวที่งดงามที่สุดในประเทศ ได้เดินผ่านพระพักตร์เจ้าชายโดยลำดับทีละคนๆ เป็นขบวนแห่งความงามอย่างแพรวพราวทอตาเป็นที่สุด แต่ละคนได้รับพระราชทานรางวัลจากพระหัตถ์ของเจ้าชาย ตามที่เจ้าชายทรงเห็นว่าผู้ใดควรจะได้รับเพียงไร

    สตรีเหล่านั้น แทนที่จะรู้สึกร่าเริงยินดี ในการที่ได้มีเกียรติเข้ารับของรางวัลจากพระหัตถ์เจ้าชาย กลับมีแต่ความกลัวจนสะทกสะท้าน จะกลับมีใจร่าเริงได้ ก็ต่อเมื่อได้ผ่านพ้นไปสู่หมู่เพื่อนสาวของตน เป็นอยู่อย่างนี้คนแล้วคนเล่า มันเป็นการชอบด้วยเหตุผลแล้ว ที่พวกสตรีเหล่านั้นจะรู้สึก ดังนั้น เพราะว่าเจ้าชายของพวกเขาพระองค์นี้ ไม่เหมือนกับบรรดาชายหนุ่มอื่นๆ ที่พวกเขาเคยพบปะมา เจ้าชายไม่ได้ตั้งพระทัยตรวจมองความงามของหญิงเหล่านั้นเลย หรือหากจะกล่าวให้ตรงความจริงยิ่งไปกว่านั้น ก็คือว่าพระองค์ไม่ได้ทรงมีความรู้สึกนึกคิดใดๆ ในบรรดาสาวงามเหล่านั้นเลย

    พระหัตถ์ของเจ้าชายสิทธัตถะ ได้ยื่นประทานของรางวัลให้แก่สตรีเหล่านั้นก็จริง แต่พระหฤทัยนั้นกำลังคิดครุ่นอยู่ถึงสิ่งอื่นบางสิ่งโดยสิ้นเชิง มันเป็นสิ่งซึ่งใหญ่หลวงกว่า เป็นจริงยิ่งกว่าดวงหน้าอันยิ้มแย้มและท่าทางรูปร่างอันเย้ายวนของสาวๆ เหล่านั้น สตรีบางคนได้พูดว่า ขณะที่พระองค์กำลังประทับบนบัลลังก์เพื่อประทานรางวัลอยู่นั้น เธอรู้สึกราวกะว่า พระองค์เป็นเพียงเทวรูปองค์ใดองค์หนึ่ง มากกว่าที่จะเป็นมนุษย์ธรรมดาสามัญ

    บรรดาอำมาตย์ที่พากันเฝ้าสังเกตการณ์อยู่ตามพระราชโองการนั้นได้เกิดความรู้สึกหวั่นใจว่า พวกเขาทั้งหลายจะต้องกลับไปกราบทูลพระราชาในการไร้ผลโดยสิ้นเชิงแห่งแผนการของพระองค์ เพราะว่าเจ้าชายไม่ได้ทรงแสดงความพอใจใดๆ ให้ปรากฏในบรรดาสตรีงามที่ผ่านไปๆ นั้นแม้เพียงคนเดียว สตรีทั้งหลายก็ได้เดินผ่านไปๆ เกือบจะถึงคนสุดท้ายอยู่แล้ว สิ่งของอันได้จัดเป็นรางวัล ก็เกือบจะหมดอยู่แล้ว เจ้าชายก็ยังคงประทับนิ่ง ไม่ไหวติง มีพระหฤทัยเลื่อนลอยไปในทางอื่นอย่างเห็นได้ชัดว่า ไม่ทรงสนพระทัยในความงามอย่างยิ่งของหมู่สตรีสาว ซึ่งแต่ละคนๆ มีความงามอย่างจับตาจับใจคนธรรมดาสามัญทุกๆ คนเหล่านั้นเลย

    แต่ในที่สุด ในขณะที่สตรีซึ่งทุกคนคิดว่าเป็นคนสุดท้ายได้เข้ารับรางวัลชิ้นสุดท้ายและเดินผ่านไปแล้ว ยังมีสตรีสาวอีกคนหนึ่ง ได้เดินเข้ามาช้ากว่ากำหนดด้วยอาการค่อนข้างรีบร้อน ทุกคนที่เฝ้าดูอยู่ในที่นั้น ได้สังเกตเห็นว่าเจ้าชายได้มีอาการสะดุ้งนิดหนึ่ง ในเมื่อสตรีผู้นี้เดินมาตรงพระพักตร์ แม้สตรีผู้นี้ก็เหมือนกัน แทนที่จะก้มหน้าอย่างเอียงอายเดินผ่านเจ้าชายไปอย่างสตรีทั้งหลาย กลับมองพระพักตร์เจ้าชายอย่างตรงๆ ยิ้มแล้วถามว่า
     
  2. DevilBitch

    DevilBitch เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มกราคม 2005
    โพสต์:
    9,776
    ค่าพลัง:
    +36,838
    เจ้าชายสิทธัตถะทรงขี่ม้าขาวชื่อ กัณฐกะ แสดงความสามารถอาจหาญในการขับขี่ ประกวดกับคนอื่นๆ จนเป็นที่ปรากฏว่าพระองค์ทรงมีความสามารถเท่า หรือยิ่งกว่าคนที่สามารถที่สุดในประเทศของพระองค์ ในการยิงศรพระองค์ทรงสามารถส่งลูกศรไปได้ไกลและแม่นยำกว่าคนหนุ่ม ที่ถือกันในเวลานั้นว่ายิงศรได้เก่งที่สุดในประเทศนั้นกล่าวคือ เจ้าชายเทวทัตซึ่งเป็นลูกเรียงพี่เรียงน้องของพระองค์นั่นเอง

    ในการประลองฝีมือทางการฟันดาบนั้นเล่า พระองค์ได้ทรงฟันต้นไม้รุ่นๆ ต้นหนึ่ง ขาดออกด้วยการฟันเพียงครั้งเดียว ด้วยฝีพระหัตถ์อันประณีตและเที่ยงจนถึงกับเมื่อดาบผ่านไปแล้ว ต้นไม้ก็ยังคงยืนต้นอยู่ ทำให้ผู้ที่คอยดูอยู่นั้นคิดไปว่าต้นไม้นั้นยังไม่ถูกตัด จนกระทั่งมีลมโชยมา จึงได้ค่อยๆ ล้มไปสู่พื้นดิน ทำให้คนทั้งหลายเห็นว่า แผลตัดนั้นเกลี้ยงอย่างกะรอยมีดตัดเนย ในการประกวดการฟันดาบคราวนี้ พระองค์ทรงเป็นผู้กำชัยชนะเลิศไว้ได้ กล่าวคือทรงชนะพระอนุชาต่างมารดาของพระองค์เอง ซึ่งมีพระนามว่า นันทะ อันเป็นผู้ซึ่งใครๆ คาดกันว่าไม่มีผู้ใดในประเทศนี้จะเอาชนะเจ้าชายพระองค์นี้ ในทางฟันดาบได้

    อันดับต่อไป เป็นการประลองฝีมือทางการแข่งม้าโดยอาศัยม้ากัณฐกะสีขาว ฝีเท้าเร็วของพระองค์ เจ้าชายสิทธัตถะสามารถขับขี่ทิ้งผู้อื่นทุกคนไว้เบื้องหลังได้ โดยง่ายดาย นักแข่งด้วยกันพากันไม่พอใจ บางคนพูดแก้เก้อว่า
     

แชร์หน้านี้

Loading...