พระราชพรหมยานเถระ สอนระงับนิวรณ์และเจริญพรหมวิหารในพระกรรมฐาน

ในห้อง 'หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ' ตั้งกระทู้โดย joni_buddhist, 12 พฤศจิกายน 2007.

  1. joni_buddhist

    joni_buddhist Legal returns ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2005
    โพสต์:
    13,555
    กระทู้เรื่องเด่น:
    203
    ค่าพลัง:
    +63,444
    ระงับนิวรณ์ ๕
    [​IMG]
    ท่านสอนให้ระงับนิวรณ์ห้าประการ โดยพิจารณาเห็นโทษของนิวรณ์ปกติ คือ

    ๑. เห็นโทษของกามฉันทะ ความมั่วสุมในกามารมณ์ว่า เป็นทุกข์เป็นภัยอย่างยิ่ง
    ๒. เห็นโทษของการจองล้างจองผลาญ เพราะการพยาบาทมาดร้ายซึ่งกันและกันเป็นเสมือนไฟคอยผลาญความสุข
    ๓. คอยกำจัดความง่วงเหงาหาวนอน เมื่อขณะปฏิบัติสมณธรรม
    ๔. คอยควบคุมอารมณ์ไม่ให้ฟุ้งซ่านออกนอกลู่นอกทางเมื่อขณะภาวนา
    ๕. ตัดความสงสัยในมรรคผลเสีย โดยมั่นใจว่าผลของการปฏิบัติมีแน่นอนถ้าเราทำถึง

    เจริญพรหมวิหาร ๔

    ๑. แผ่เมตตา ความรักไปในทางทิศทั้ง ๔ โดยคิดไว้ด้วยความบริสุทธิ์ใจว่า เราจะเป็นมิตรแก่คนและสัตว์ทั่วโลก จะยอมเคารพในสิทธิของกันและกัน จะรักสิทธิของผู้อื่นเสมอด้วยสิทธิของกันและกัน จะรักสิทธิของผู้อื่นเสมอด้วยสิทธิของตนเอง จะไม่ทำใครให้เดือดร้อนด้วย กาย วาจา แม้แต่จะคิดด้วยใจ จะรักษาและเคารพในบุคคลและสัตว์เสมอด้วยความรักตนเอง

    ๒. กรุณา จะสงสาร หวังสงเคราะห์สัตว์และมนุษย์ทั้งปวง ทั่วในทิศทั้ง ๔

    ๓. มุทิตา จะไม่อิจฉาริษยาคนและสัตว์ทั้งหลาย ทั่วทิศทั้ง ๔ จะพลอยส่งเสริมเมื่อผู้อื่นได้ดี มีโชค มีความรู้สึกในเมื่อได้ข่าวว่าผู้อื่นได้ดีมีโชค เหมือนตนของตนเป็นผู้ได้ดีมีโชคเอง

    ๔. อุเบกขา วางเฉยเมื่อผู้อื่นพลาดพลั้ง ไม่ซ้ำเติมให้ช้ำใจ และตั้งใจหวังสงเคราะห์เมื่อมีโอกาส

    การรักษาศีลบริสุทธิ์ ด้วยการไม่ล่วงเอง ไม่ใช้ให้ผู้อื่นล่วง และไม่ยินดีต่อเมื่อผู้อื่นล่วงศีล และตัดความพอใจในนิวรณ์ ๕ โดยระงับนิวรณ์ไม่ให้รบกวนจิต เมื่อขณะปฏิบัติสมณธรรมได้ และทรงพรหมวิหาร ๔ ประการได้อย่างครบถ้วนอย่างนี้ อารมณ์จิตก็เป็นฌานและฌานจะไม่รู้จักเสื่อมเพราะพรหมวิหาร ๔ อุ้มชู คนที่มีพรหมวิหาร ๔ ประจำใจ ศีลก็บริสุทธิ์ไม่เศร้าหมอง สมาธิก็ตั้งมั่นวิปัสสนาญาณก็ผ่องใส รวมความว่าพรหมวิหาร ๔ เป็นกำลังใหญ่ในการปฏิบัติสมณธรรมทุกระดับ

    การรักษาศีลบริสุทธิ์ เป็น อธิศีลสิกขา การกำจัดนิวรณ์ และทรงพรหมวิหาร เป็นอธิจิตตสิกขาคือทรงฌานสมาบัติไว้ได้ ท่านปฏิบัติได้ถึงระดับนี้ พระพุทธชินสีห์ตรัสไว้ในอุทุมพริกสูตรว่า มีความดีในระดับเปลือกของความดีในพระพุทธศาสนาเท่านั้น เรียกว่าเริ่มเป็นพุทธศาสนิกชนชั้นเด็กๆ
    ที่มาhttp://www.geocities.com/4465/samadhi/samp5.htm
     

แชร์หน้านี้

Loading...