เรื่องเด่น 'พระพยอม' เชื่อกระแส 'ครูกายแก้ว' ไม่ถึงปี ก็หาย ดึงสติอย่าหลงหัวปักหัวปำ

'พระพยอม' เชื่อกระแส 'ครูกายแก้ว' ไม่ถึงปี ก็หาย ดึงสติอย่าหลงหัวปักหัวปำ

"พระพยอม" เชื่อกระแสความเชื่อ "ครูกายแก้ว" ไม่ถึง 1 ปี ก็จางหาย พร้อมดึงสติคนไทย อย่าหลงเชื่อหัวปักหัวปำ อย่าไปหลงคำว่า ไม่เชื่ออย่าลบหลู่ ถ้าเชื่อแล้ว จะต้องมีเหตุผล

ยังคงเป็นประเด็นวิพากษ์วิจารณ์ จากกรณีมีผู้ที่นับถือและศรัทธาและเชื่อกันว่า ครูกายแก้ว หรือบรมครูผู้เรืองเวทย์ ที่ช่วยประทานพรให้ประสบความสำเร็จ เงินทองไหลมาเทมา ให้โชคลาภกับผู้ที่กราบไหว้บูชา นอกจากนี้ ครูกายแก้ว ยังมีลักษณะคล้ายนกการเวก สัตว์ในตำนานจากป่าหิมพานต์ จึงเชื่อกันว่าหากบูชาจะช่วยให้เจรจาค้าขายสำเร็จ หยิบจับสิ่งใดก็จะได้กำไรและร่ำรวย



ในขณะเดียวกันมีนักวิชาการก็ออกมาแสดงความเห็นแย้งในหลายประเด็น ทั้งความเชื่อ ประวัติที่มา รวมถึงกระแสที่มีการบูชายัญ ครูกายแก้ว ด้วยสิ่งมีชีวิต เช่น หมา แมว ว่าไม่น่าจะเป็นหลักการที่ถูกต้อง

พระราชธรรมนิเทศ หรือ พระพยอม กัลยาโณ กล่าวถึงกรณี ครูกายแก้ว ว่าต้องยอมรับว่าประเทศไทย ความมั่นคง ความแน่วแน่ในพระรัตนตรัย เริ่มแกว่ง เห็นอะไรก็จะกราบไหว้ ตั้งแต่ จตุคามรามเทพ ไอ้ไข่ ส้มฉุน ฯลฯ มีการปั้นอวัยวะเพศตายาย ออกมากราบไหว้ อยากจะฝากให้คนไทย มาดูที่วัดสวนแก้ว สมัยพระพุทธเจ้าดับขันธ์ใหม่ๆ ยังไม่ได้ทำรูปปั้น พระพุทธเจ้าเรียนจนตรัสรู้ เรียน 18 ศาสตร์ เรียนในป่าอีก 6 ปี เขาเลยทำรูปเสมาเพื่อมากราบไหว้



กระทรวงศึกษาธิการ จึงนำรูปเสมามา มาเป็นโลโก้ เพื่อให้กราบไหว้ ความใฝ่รู้ ไม่ใช่กราบรูปผี รูปคน รูปยักษ์ รูปมาร ทำรูปปั้นตรีรัตน เพื่อให้รู้ว่าคำสอนของพระองค์เหมือนศาสตรา 3 อัน ไว้ฟาดฟันกับโจรฉกรรจ์ 3 ก๊ก (โลภ โกรธ หลง) ต่อมาทำรูปธรรมจักร เพื่อบทขยี้ทุกข์ให้เหล่ามนุษย์ สุดท้ายกราบไหว้พระพุทธองค์ในฐานะที่ไม่ยึดมั่น ถือมั่น แม้เป็นลูกกษัตริย์

ส่วนรูปที่เขาปั้นความหมายลึกซึ้ง สวยงาม ดูแล้วสบายตาสบายใจ ยุคสมัยนี้คนไทยเป็นแบบนี้อยากให้อาจารย์ที่เชี่ยวชาญทางประวัติศาสตร์ และหนักแน่นในพุทธศาสตร์ ช่วยมาให้สติคนไทย



อีกไม่นานจะได้เงินเป็นพันล้าน หมื่นล้าน จาก ครูกายแก้วโดยขณะนี้เห็นมีการถ่ายทำรูปภาพ ครูกายแก้ว เล็กๆ ใหญ่ๆ เตรียมจำหน่ายกันแล้ว ใครไม่อยากเป็นเหยื่อ ความเชื่อนี้ไม่เกิน 6 เดือน ถึง 1 ปี เดี๋ยวก็จะหายไปเหมือนจตุคามรามเทพ ไอ้ไข่ ส้มฉุน ฯ ถ้าภายใน 6 เดือน ถึง 1 ปี ก็จะไม่วิพากษ์วิจารณ์สายมูอีกต่อไป



เป็นเรื่องของความเชื่อ ไม่อยากไปทะเลาะกับคนที่มีความเชื่อ อยากให้ศึกษากัน ไม่เชื่ออย่าลบหลู่ แต่ถึงเชื่อก็ต้องเรียนรู้ให้ชัดเจนว่า จะเชื่อผิดหรือถูก ได้ผลหรือไม่มีผลตอบแทน เชื่อแล้วทุกข์ไม่เกิด เรื่องบูชายันต์ไม่รู้สรุปเป็นเทพหรือเป็นอะไร มาต้องการเรื่องหมาแมวบูชายันต์ อะไรก็อ้างเทพ อย่าไปหลงคำว่า ไม่เชื่ออย่าลบหลู่ เพราะถ้าเชื่อแล้ว จะต้องมีเหตุผล อยากให้คิดกันเอาเอง ศึกษาข้อมูล นิสัยคนไทยเห็นอะไรก็ตีเป็นเลขเป็นหวย ขอฝากสั้นๆ ไม่ว่าจะเชื่ออะไรก็ตามอย่าเชื่อแบบหัวปักหัวปำ เชื่อไปศึกษาไป จนเกิดสติปัญญา



สุรสิทธิ์ สินธ์ประเสริฐ์ จ.นนทบุรี

ขอบคุณที่มา
https://l.facebook.com/l.php?u=https://www.komchadluek.net/believe/spiritual/556141?fbclid=IwAR0SKHf0R9tbjCknJLc91t3_0kPR_wWJyQGJSld7zWNaQPIAVf2MHB-5l3E_aem_AbmIT0BrjkENWnBCw0Kl7ky7fTfI6WReuLX2p04ghVoBrjIK2cJZ1HUJg-nMgDgjt2w&h=AT30ph2PNAoddyX1D9zwkgM4kJRiSvROlKyOTQ114BnLXeYye1grp_lMEkAv_TaE-xW-P1mWVObXfVbFVdw6BR_v91Kw2tG7fPF5x-7DDw1q1Fdu49ex7zuCXpFFA8dqvMlkiKQ5FuvMUYw&s=1

 

'ครูกายแก้ว' ร้อนแรง ตัวแทน ชาวพุทธ จี้ย้าย รูปปั้น ออกจากพื้นที่โดยด่วน

สภาศิลปินส่งเสริมพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย ยื่นหนังสือ ผู้บริหาร ไนท์บาซาร์ พิจารณาย้าย รูปปั้น 'ครูกายแก้ว' ออกจากพื้นที่โดยเร็วที่สุด ไม่เป็นสิริมงคล

ภาพการกราบไหว้บูชา “ครูกายแก้ว” ที่เหล่าผู้ศรัทธาแห่แหนเข้าบูชาในฐานะ “บรมครูผู้เรืองเวทย์” หรือบ้างก็มองเป็น “เทพอสูร” กลางสี่แยกรัชดา-ลาดพร้าว ด้วยความเชื่อว่า จะนำมาซึ่งสิริมงคลและโชคลาภ เป็นประเด็นข้อถกเถียงในวงกว้าง เพราะเกิดคำถามว่า ประติมากรรมดำคล้ำ รูปลักษณ์น่ากลัว และมีส่วนผสมคล้ายปีศาจในชาติตะวันตก ผิดหลักพระพุทธศาสนาหรือไม่

ล่าสุด ตัวแทนชาวพุทธ โดยสภาศิลปินส่งเสริมพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย ได้ทำหนังสือถึงผู้บริหารโรงแรมไนท์บาซาร์ ขอให้พิจารณา ย้ายรูปปั้น “ครูกายแก้ว” ออกจากพื้นที่โดยเร็ว เพราะไม่เป็นสิริมงคล เกิดผลที่ไม่ดี

โดยหนังสือ ระบุว่า “การที่ โรงแรมไนท์บาร์ซ่า ถนนรัชดาภิเษก เขตห้วยขวาง กทม. ได้นำ รูปปั้น ที่มีลักษณะแปลกประหลาด และส่อไปในทางน่ากลัว มาตั้ง (มีชื่อว่ากายแก้ว) ให้คนได้สักการะขอพร ที่ดูเป็นเรื่องผิดกาละเทศะทางพระพุทธศาสนา และเทววิทยา และทางผู้รู้ทางพระพุทธศาสนา และ โหราศาสตร์ หลายคน ในโซเชียล ได้ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ ในทางที่ไม่ควร อย่างยิ่ง

ตามหลักความเชื่อ ทั้งทางพระพุทธศาสนา และทางเทววิทยา ซึ่งนำมาให้เกิดความเสียขวัญ กำลังใจ ของประชาชนในเขต กทม. และในพื้นที่ใกล้เคียง ด้วยมีความเชื่อส่วนใหญ่ว่า จะไม่เป็นสิริมงคล และทำให้เกิดผลกระทบที่ไม่ดี ต่อการดำรงชีวิตอยู่ สืบต่อไป อีกทั้ง ยังเป็นทางเผยแพร่ความเชื่อที่ผิด (มิจฉาทิฐิ ในทางพระพุทธศาสนา ที่ได้กล่าวไว้ว่า การบูชาบุคคลที่ควรบูชาเป็นอุดมงคล

ถึงแม้จะเป็นความเชื่อสิทธิส่วนบุคคล และเป็นสิทธิของเอกชนก็ตาม แต่เมื่อเกิดการเผยแพร่ในทางที่ไม่ดีไม่งาม ไม่เป็นสิริมงคลอย่างกว้างขวาง และมีการนำมาตั้งในทางสัญจรไปมา ได้พบได้เห็นได้ชัดเจน อาจทำให้เกิดความวิตก กังวล และความหวาดกลัวเกิดขึ้น ต่อขวัญและกำลังใจ ของประชาชนจำนวนมากได้

ทางสภาศิลปินส่งเสริมพระพุทธศาสนาฯ ในฐานะหน่วยเผยแพร่ศีลธรรม ในความอุปถัมภ์กรมการศาสนาฯ ได้รับการร้องเรียน และความคิดเห็นต่างๆ นานา จากพระสงฆ์และพุทธศาสนิกชน ทั้งศิลปิน และบุคคลในสังคม ในทิศทางของความไม่เป็นสิริมงคล

ซึ่งทางหลักพระพุทธศาสนา กายแก้ว คือกายบริสุทธิ์สูงสุด เป็นอาทิสมานกายของพระพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า และพระอรหันต์ที่นิพพานแล้ว จะปรากฎเป็นกายแก้วใสประกายพฤกษ์ แม้เทวดา และพรหม ก็ยังไม่มีกายเป็นแก้ว แต่เป็นกายทิพย์

ดังนั้น การใช้ นามกายแก้ว เสมือนว่า รูปปั้นดังกล่าวได้สำเร็จธรรมขั้นสูง จนมีกายเป็นแก้วใส ดังนั้น เพื่อความสบายใจ และขวัญกำลังใจ ของพุทธศาสนิกชนและประชาชน ในเขต กรุงเทพมหานคร ทางผู้แทนคณะกรรมการสภาศิลปินส่งเสริมพระพุทธศาสนาฯ และองค์กรเครือข่าย ชาวพุทธ อันประกอบไปด้วย พระสงฆ์- ศิลปิน- บุคคลในสังคมวิชาการ จะรวมตัวกันไปยื่นหนังสือเสนอแนะ และร้องเรียน พิจารณา แก่ ผู้บริหารโรงแรมไนท์บาร์ซ่า ถนนรัชดาภิเษก ในการ ยุติ การให้สักการะ และ นำรูปปั้นนี้ออกจากพื้นที่ เพื่อความสบายใจ และเป็นขวัญกำลังใจ ของประชาชนต่อไป

โดยจะรวมตัวกัน อ่านแถลงการณ์ และ ยื่นหนังสือต่อผู้บริหารโรงแรมไนท์บาร์ซ่า ถนนรัชดาฯ ในวันศุกร์ที่ 18 ส.ค. 2566 เวลา 18.00 น. ณ ล็อบบี้ โรงแรมไนท์บาร์ซ่า ถนนรัชดา กรุงเทพฯ

ทั้งนี้ นับตั้งแต่ข่าวรูปปั้น "ครูกายแก้ว" ติดคานสะพานลอย ขณะนำมาตั้ง ที่บริเวณแยกรัชดา-ลาดพร้าว มีประชาชนเดินทางเข้ากราบไหว้ไม่ขาดสาย แม้ว่าขณะนี้จะมีการกั้นรั้วสแลนสีเขียว โดยรอบบริเวณ เนื่องจากอยู่ระหว่างงานก่อสร้างเทเสาทำโครงหลังคา

ประชาชนที่มากราบไหว้ ต่างบอกว่า มีความเชื่อในเรื่องเหล่านี้อยู่แล้ว และกราบไหว้เพื่อความสบายใจ เพื่อความเป็นสิริมงคล ส่วนกระแสการบูชายัญ ต่อให้เป็นเรื่องจริง ก็ไม่เห็นด้วยและไม่คิดจะทำตาม แต่ส่วนตัวเชื่อว่าไม่ใช่เรื่องจริง



ขอบคุณที่มา
https://www.komchadluek.net/news/society/556266