ปรึกษา+ระบาย เกี่ยวกับผู้เป็นพ่อ

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย ukitake, 9 มกราคม 2015.

  1. ukitake

    ukitake เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    311
    ค่าพลัง:
    +140
    ก่อนอื่นขอแนะนำตัวก่อนนะครับ ผมเป็นเด็กมัธยมปลายคนนึงที่กำลังจะก้าวเข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัยอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ผมมีพ่อที่เป็นมิจฉาทิฐิอย่างมาก เวลาผมทำทาน และ เวลาสวดมนต์+กรรมฐาน มันจะมีคำประโยคเหล่่านี้

    "เอาเวลาไปอ่านหนังสือดีกว่ามั้ย วันๆท่องแต่อะไรก็ไม่รู้"(ทั้งๆที่ผมก็แบ่งเวลา)
    "ใส่บาตร ทำไมตอนนี้ ตอนมีเงินมากๆไม่ใส่"(ตอนนี้บ้านผมถังแตก)

    เวลาผมชวนไปปฎิบัติธรรมมันมีครั้งหนึ่งพ่อเคยพูดว่า
    "ไปแล้วมีข้าวให้กิน มีตังให้ใช้มั้ย"
    เวลาที่ผมพูดถึงว่าผมจะบวช(ผมตั้งใจจะบวชตอนหลังสงกรานต์)
    "บวชแล้วได้ตังใช้ปะละ เอาเวลาไปหาเงินดีกว่ามั้ย"

    นี้เป็นเพียงบางส่วนนะครับ หลายครั้งที่พ่อพูดแบบนั้นผมรู้สึกโกรธ แต่ไม่นานผมก็หายแล้วก็คิดสงสาร แต่ผมทำทุกวิถีทางแล้วก็ไม่อาจจะเปลี่ยนความคิดของชายวัยกลางคน คนนี้ได้

    หากพ่อผมยังคิดแบบนี้อยู่ พ่อผมจะต้องรับกรรมอย่างไรบ้าง?

    และผมจะช่วยเค้าได้ยังไงได้บ้างครับ?

    ขอบคุณครับ ^^
     
  2. alkuwaiti

    alkuwaiti เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    372
    ค่าพลัง:
    +1,257
    ผมจะตอบให้ จขกท.เข้าใจดังนี้(รับรองว่าต้องเข้าใจแน่ๆ)

    เรามักเปลี่ยนความคิดของผู้ที่เป็นมิจฉาทิฏฐิไม่ได้ เพราะขนาดพระพุทธเจ้าเองท่านก็ยังเปลี่ยนความคิดของผู้ที่เป็นมิจฉาทิฏฐิได้ยากหรือบางคนก็ไม่ได้เลย ดังนั้นในเมื่อเราเป็นแค่ฆราวาสคนธรรมดา ก็อย่าหวังไปเปลี่ยนความคิดของคนเหล่านี้ให้เสียเวลาเลยครับ (รอให้น้ำท่วมหลังเป็ดยังง่ายซะกว่า)

    การเป็นมิจฉาทิฏฐินั้น เป็นการทำบาปทางใจที่เป็นมโนทุจริต โทษที่ได้รับคือจะต้องไปมหานรก 8 ขุมในขุมใดขุมหนึ่งขึ้นอยู่กับว่าจะเป็นมิจฉาทิฏฐิหนักไปในทางเรื่องใด ถ้าเป็นมิจฉาทิฏฐิแบบปานกลางเบาบางลงมาหน่อยอาจไปนรกในชั้นรองลงมา เช่น โลหกุมภีนรก แต่ถ้าเป็นมิจฉาทิฏฐิแบบสุดโต่งครบถ้วนทุกด้านก็จะเป็น โลกันตนรก(การเชื่อว่าตายแล้วสูญหรืออุจเฉททิฏฐิ คือมิจฉาทิฏฐิที่ร้ายแรงที่สุดจะต้องไปโลกันตนรก)

    การเป็นมิจฉาทิฏฐินั้น มีโทษหนักกว่าหรือเท่ากับการกระทำอนันตริยกรรมเลยทีเดียว เป็นมโนทุจริตไม่พอบางคนยังเอาความเป็นมิจฉาทิฏฐิของตนไปเผยแพร่แก่ผู้อื่นอีกด้วยซึ่งก็จะยิ่งทำให้ได้รับโทษหนักมากขึ้นไปอีก

    สรุป จขกท.ช่วยอะไรพ่อไม่ได้หรอกครับ นอกซะจากว่า จขกท.จะไปบวชแล้วบรรลุอรหันต์แล้วก็กลับมาโปรดท่าน ท่านก็อาจได้เป็นโสดาบันก็เป็นได้

    จขกท.มีปัญญาที่จะรู้แจ้งในอริยสัจ 4 โดยได้รับอุปการะจากศรัทธา วิริยะ สติ และ สมาธิ ไม่มีสิ่งใดจะมาทำลายปัญญาของ จขกท.ได้ ผู้ที่เป็นสัมมาทิฏฐิแล้วจะไม่ย้อนกลับไปเป็นมิจฉาทิฏฐิอีก เหมือนกับการบรรลุธรรมในระดับโสดาบันขึ้นไป เมื่อบรรลุแล้วก็บรรลุเลย ไม่มีการเสื่อมธรรม ไม่มีการลดระดับ

    ส่วนผู้ที่เป็นมิจฉาทิฏฐิ เพราะมีการยึดทิฏฐิ ซึ่งเป็นความเจริญขึ้นในทางไม่ดี โดยได้รับการสนับสนุนจาก มิจฉาสังกัปปะ มิจฉาวายามะ มิจฉาสมาธิ ย่อมยึดในความเห็นผิดของตนไว้อย่างเหนียวแน่น จนพระสัมมาสัมพุทธเจ้าโปรดไม่ได้ เป็นกรรมของบุคคลนั้น

    ทิฏฐิ กับ ปัญญา คือด้านมืดและด้านสว่าง คือสิ่งตรงกันข้าม
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 มกราคม 2015
  3. bluebaby2

    bluebaby2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2010
    โพสต์:
    2,471
    ค่าพลัง:
    +4,288
    ไม่มีใครทำอะไรผิดหรอก ทุกคนต่างใช้ชีวิตไปตามสิ่งที่ตัวเองเชื่อ ไปตามความเข้าใจชีวิตของแต่ละคน คนที่เข้าใจว่าชีวิตคือร่างกาย เกิดครั้งเดียว ตายครั้งเดียว ก็อาจจะสนใจเพียงการแสดงหาสิ่งอำนวยความสะดวกของร่างกาย ความคิดมุ่งแต่จะสะสมสิ่งที่ทำให้ร่างกายพึงพอใจ พยายามทำให้ชีวิตมั่นคงและปลอดภัย ความคิดจะวนเวียนอยู่แค่นี้ สิ่งที่นอกเหนือจากนี้เขาจะมองว่าไร้ประโยชน์ ส่วนคนที่เข้าใจว่าเราไม่ใช่ร่างกาย เข้าใจว่าสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ก็ไม่อาจทำให้เราพอใจไปได้ตลอด ความสัมพันธ์ต่างๆ ในชีวิตก็เป็นเรื่องชั่วคราว แม้ชีวิตที่เกิดมาก็เป็นเรื่องชั่วคราว ไม่มีอะไรจะทำให้เราพอใจได้อย่างแท้จริง ก็จะพอใจกับการพัฒนาจิตมากกว่าการสะสมวัตถุ ทุกอย่างนี้ขึ้นกับความเข้าใจชีวิตของแต่ละคน แต่สำหรับทุกคนมันจะมีช่วงเวลาที่เราแสวงหาการตื่นรู้มากกว่าการสะสมวัตถุ เวลาของพ่อคุณอาจจะยังมาไม่ถึง ถ้าแนะนำแล้วเขาไม่ฟังใคร ก็ปล่อยเขาไปเถอะให้เขาเรียนรู้เองในแบบของเขาไป
     
  4. momogo

    momogo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    570
    ค่าพลัง:
    +1,158
    สวดมนต์ แผ่เมตตาถวายบุญกุศลให้เทพเทวาที่คุ้มครองพ่ออยู่ ให้พ่อเข้าใจเรื่องกุศลผลบุญ คลายจากมิจฉาทิฐิ

    ถือโอกาสกราบขอขมาท่าน "หากลูกเคยล่วงเกิน ทำให้พ่อไม่สบายใจ เป็นทุกข์ ตั้งแต่อดีตเป็นต้นมา ลูกขอขมา ขอพ่อ อโหสิกรรมให้ลูกด้วยเถิด" กราบเท้าท่านด้วยความตั้งใจ ขอขมาท่าน เพราะเราอาจเคยล่วงเกินกันมา แต่ไม่รู้ ให้ท่านใจเย็นลงก่อน ปฏิบัติตอนนอน สวดจนหลับก็ได้ค่ะ
    ทำให้ท่านสบายใจก่อน ทำทานตามกำลัง มุ่งเน้นที่เจตนาของเราเป็นหลัก เอาเศษอาหารให้หมาแมว แบ่งขนมให้มด เชื้อจุลินทรีย์

    มีความสุขขณะทำ ให้นึกถึงท่าน ขอท่านมีความสุข สวดคาถาเงินลัาน หรือ จักรพรรดิ์ อธิษฐานถึงปัญหา ดัานการเงิน และคุณพ่อ ทำไปเรื่อยๆ นะคะ สู้ๆค่ะ
     
  5. momogo

    momogo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    570
    ค่าพลัง:
    +1,158
    เรื่องกรรมเป็นอจินไตย ไม่มีใครรู้แน่ชัดหรอกค่ะ
    ยังไม่มีเงิน ทำบุญอื่นที่ไม่ใช้เงิน

    ถวายข้าวพระพุทธ แล้วลามาทานก็ได้บุญ
    โปรยข้าวให้นก ก็ได้บุญ
    เศษอาหารเอาให้หมาแมวก็ได้บุญ
    เอาเงินค่าขนมที่เหลือ หยอดกระปุก ถวายพระรัตนตรัย สะสมไว้ทำบุญทีหลังก็ได้บุญ
    ทำกับข้าว ทำความสะอาดบ้าน ล้างจาน ปรนนิบัติบุพการี ก็ไดับุญ
    มันอยู่ที่เทคนิค และความใจเย็นค่ะ ถ้าน้องทำได้ ทำให้ท่านสบายใจก่อน แล้วค่อยเกลี้ยกล่อม พี่เชื่อว่า พ่อแม่ทุกคนเห็นใจลูกค่ะ ว่านั่นคือความสุขของเรา อาจต้องใช้เวลา ใจเย็นๆค่ะ
     
  6. ukitake

    ukitake เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    311
    ค่าพลัง:
    +140
    ขอบคุณทุกท่านที่มันให้คำแนะนำนะครับ ผมคงไม่อาจบรรลุอรหันต์หรือแม้แต่โสดาบันได้ในชาตินี้แน่นอน เพราะ มีเหตุผลบางอย่าง ตอนนี้ผมก็พยายามทำบุญแล้วอุทิศให้พ่อผมหวังว่าสักวันเค้าจะมีสัมมาทิฎฐิ ยอมรับนับถือพระรัตนตรัยขึ้นมา^^
     
  7. kengloveyou

    kengloveyou เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    282
    ค่าพลัง:
    +2,077
    ขอตอบเรื่องนี้สั้นๆและได้ใจความ

    "เห็นคุณ ukitake ปรารถนาพุทธภูมิด้วยมิใช่หรือ ผู้เป็นพระโพธิสัตว์ย่อมมีความอดทน
    ทนอดต่ออกุศลกรรมทุกอย่างทุกประการอย่างสูง ต้องมีเมตตาเป็นยิ่งยวด พูดโดยรวมแล้ว
    บารมีทั้ง 30 ทัศ ต้องเก็บให้หมด

    การที่คุณ ukitake ได้พบเจอเช่นนี้ในชีวิตถือว่าเป็นเรื่องปรกติธรรมดาของผู้ปรารถนา
    พุทธภูมิ ที่จะต้องสร้างกำลังใจสร้างกำลังบารมีของตนเองให้ยิ่งยวดขึ้นไปจนถึงที่สุด คือ
    ความตายเข้ามาถึง ถือว่าหมดสิ้นการสร้างบารมีในวาระของการเป็นมนุษย์ไปชาติหนึ่ง เพื่อ
    รอที่จะได้กลับมาสร้างบารมีทั้ง 30 ทัศ ให้เข้มแข็งยิ่งขึ้นไปอีกจนกว่าจะเต็ม

    กรณีท่านพ่อของคุณนี้ คุณต้องนำบารมีทั้ง10 ทัศ มากำกับจิตใจของคุณให้มากที่สุด คือ
    ทานบารมีคุณต้องให้เป็นประจำ ศีลบารมีต้องรักษาเป็นปรกติ เนกขัมมะบารมีต้องพยาม
    ทรงอารมณ์ฌานเพื่อทำลายนิวรณ์กิเลสกวนใจเป็นปกติ ปัญญาบารมีต้องพยามใช้ปัญญา
    ว่าคนทุกคนที่เกิดมาในโลกนี้ย่อมมีกรรมเป็นของๆตน ตอนนี้พ่อเรากำลังถูกอกุศลกรรมเข้า
    ให้ผลอยู่ ท่านจึงมีมิจฉาทิฏฐิอย่างนี้ นี่เป็นกรรมของท่าน สิ่งที่เราทำได้ตอนนี้คือเป็นคน
    ดีแล้วสร้างบารมีของเราต่อไป วิริยะบารมีต้องพยามทำความดีทุกอย่างที่เราสามารถทำได้
    ละความชั่วทุกอย่างที่เราเห็นว่าเป็นสิ่งที่ไม่ดี ทำใจให้สงบผ่องใสด้วยการทรงฌาน พระ
    โพธิสัตว์ใจย่อมไม่ห่างจากอารมณ์ทรงฌาน ขันติต้องอดทน ทนอดต่อสิ่งอกุศลทั้งปวงที่มา
    บั่นทอนกำลังใจของเราให้ท้อแท้อ่อนแอท้อถอยต่อการทำความดีทุกอย่าง สัจจะเราต้อง
    ตั้งใจมั่นว่าเราจะไม่ยอมก้มหัวให้กับอกุศลกรรมความชั่วทั้งปวงเราจะสร้างบารมีจะทำแต่สิ่ง
    ที่เป็นความดีเท่านั้น อธิษฐานบารมีเราจะตั้งใจความดีสร้างบารมีทั้ง30 ทัศให้ครบถ้วนเพื่อ
    พระโพธิญาณของเราในอนาคตให้จงได้ ไม่ว่าจะมีอุปสรรคเพียงไรเราก็จะไม่ยอมแพ้
    เมตตาบารมีเราจะมีเมตตาทั้งต่อคนและต่อสัตว์ ทั้งคนดีและคนชั่ว เสมอเหมือนเรารักตัวเรา
    เอง เราจะไม่คิดว่าคนนั้นไม่สมควรช่วย เพราะทุกดวงจิตย่อมมีกรรมเป็นของตนเอง ดีหรือ
    ชั่วนั้นเป็นเพียงผลของกรรมอกุศลมาให้ผลเขาเท่านั้น อุเบกขาเราจะวางเฉยในอกุศลกรรม
    ชั่วต่างๆของผู้อื่นที่เรายังไม่สามารถจะช่วยเหลือเขาได้ แต่ถ้าถึงเวลาเรามีโอกาสช่วยเขา
    เมื่อไรเราจะช่วยเขาให้พ้นทุกข์พ้นความชั่วให้ถึงที่สุด

    จากที่เขียนมาบารมีก็น่าจะครบทั้ง10ทัศแล้ว เหลือแต่เพียงว่าเราจะเพียรสร้างกำลังใจของเราให้
    ครบถ้วน ทั้งระดับขั้นต้น ขั้นกลาง และขั้นปลาย ได้ครบถ้วนจนกลายเป็นบารมีทั้ง 30 ทัศ
    เมื่อไรเท่านั้นเอง จำไว้ว่าพระโพธิสัตว์ย่อมมีจิตใจเข้มแข็งต่ออุปสรรคทั้งปวงที่มาก่อกวน
    ขัดขวางซึ่งมารเขาชอบทดสอบอยู่เป็นปรกติอยู่แล้ว และต้องมีเมตตาเป็นยิ่งยวดคิดช่วย
    เหลือผู้อื่นที่กำลังตกทุกข์อยู่เสมอๆ แต่ถ้าเรายังไม่ถึงเวลาจะช่วยใครได้ด้วยบารมีเรายังไม่
    เพียงพอหรืออาจจะยังไม่ถึงเวลาที่เหมาะสมเราก็วางอุเบกขาไว้ก่อน แล้วก็ตั้งใจเพียรสร้าง
    บารมีทั้ง 30 ทัศของเราให้เข้มแข็งครบถ้วนยิ่งๆขึ้นต่อไป

    ขออนุโมทนาบุญนะครับ ผมก็เคยปรารถนาพุทธภูมิมาด้วยเช่นกัน แต่ชาตินี้ขอลาเพื่อเข้าสู่
    พระนิพพานแล้ว หวังว่าสิ่งที่เขียนบรรยายมาทั้งหมดคงจะเป็นกำลังใจให้คุณ ukitake ได้
    มีกำลังใจที่ดียิ่งๆขึ้นเพื่อสร้างบุญญาบารมีความดียิ่งขึ้นต่อไปนะครับ สู้ๆ แค่นี้ยังเล็กน้อย
    สำหรับผู้ปรารถนาพุทธภูมิครับ อนุโมทนาสาธุ บารมีทั้ง 30 ทัศ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 10 มกราคม 2015
  8. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,650
    ค่าพลัง:
    +20,326
    สิ่งที่คุณพ่อกล่าวตักเตือนนั้น ลองมองลงไปให้ลึก คือท่านปราถนาดี ให้คุณ ได้เจริญก้าวหน้าในทางโลก [ลองทบทวนดู เช่นท่านบอกให้อ่านหนังสือ ท่านบอกให้ใช้เวลาในการหาเงิน นี่แสดงว่า ท่านปราถนาดีให้เราเจริญรุ่งเรืองก้าวหน้าในทางโลก ดีกว่าท่านตำหนิเราในทางเสียๆหายๆ]

    ปัญหาคือเพราะน้องชาย อายุยังน้อย มุมมองและความคิดจึงไม่แยบยล ยังเป็นความเข้าใจแบบเด็กน้อยผู้อ่อนต่อโลก

    ดังนั้นจากสิ่งที่คุณพ่อกล่าว และสิ่งที่ตนเองคิด ซึ่งมันก็เป็นการสร้างกรรมดีทั้งนั้น ปัญหาจึงอยู่ที่ว่า คุณควรตอบคุณพ่อเพื่อให้กำลังใจท่าน อย่างไร อย่างเข้าใจและดีงาม

    ควรวางแผนสร้างหรือทำความฝันของตนให้สำเร็จสมปราถนาอย่างไร ควรจัดสรรพ์แบ่งเวลาอย่างไร ควรถ่ายทอดหรือแสดงผลลัพธ์ที่ดีส่งผลให้คุณพ่อท่านได้รับทราบหรือเข้าใจในสิ่งที่เราทำอันเป็นความดีอย่างไร

    ชีวิตที่ก้าวเดินพึงต้องใช้ทั้งศาสตร์ และศิลปะ ขอให้ลองทบทวนและค่อยๆแก้ไขปัญหา

    ปัญหาส่วนนี้ให้มองโลกในแง่ดี ที่เรายังโชคดีที่มีคุณพ่อที่ดี พยายามส่งเสริมให้เราเรียนหนังสือ ให้เราทำมาหากิน ให้ฉลาดในการเข้าหาท่านแล้วขอความรู้ประสพการณ์ดีๆของท่านในทางโลกเพื่อฝึกฝนตนเอง ส่วนทางธรรมเราก็ค่อยๆทำไปอย่างเข้าใจและมีโอกาสก็อธิบายท่าน ท่านต้องรับฟัง แต่ต้องทำแบบค่อยเป็นค่อยไป

    ผู้ใหญ่บางคนคิดว่า ยังไม่ถึงเวลาที่เด็กต้องปฏิบัติธรรมแบบเข้มงวด เพราะหน้าที่หลักสำคัญคือการศึกษาเล่าเรียนสั่งสมเป็นพื้นฐานให้ดีก่อนก็มี เมื่อเก่งแล้วก็ค่อยเพิ่มเติมความดีคือการส่งเสริมให้ปฏิบัติธรรมแบบเข้มงวดได้

    ซึ่งมันมีหลายวิธีคิดหลายวิธีการในการสอนบุตร พึงทำความเข้าใจให้มากๆและหลายๆด้านนะครับ

    ที่สุดแล้วจึงให้กลับมาอยู่บนทางสายกลาง เรื่องทางโลกหน้าที่ของเราคืออะไรทำให้สมบูรณ์ หน้าที่ทางธรรมเราก็ควรเจริญให้สมแก่ฐานะแก่กำลังแก่เวลาของตนนะครับ

    ขอเจริญพร
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 มกราคม 2015
  9. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,650
    ค่าพลัง:
    +20,326
    เวลามองใครให้มองให้ลึกถึงหัวใจ ถึงแก่นแท้ของจิตใจ แล้วเราจะเห็นความจริงที่แท้จริงของหัวใจ เมื่อเห็นแล้ว เราจะรู้ว่า ผู้ที่เป็นพ่อเป็นแม่เป็นครูอาจารย์ท่านมีแต่ความรัก ปราถนาดีต่อเราเสมอ เมื่อเข้าใจอย่างนี้ พึงฉลาดในการตอบแทนความดีของท่าน ด้วย กาย วาจา ใจ อย่างดีงามเหมาะสม อีกนิดอย่าลืม ชีวิตต้องก้าวต่อไป ด้วยสติปัญญาที่รอบรู้อาศัยทั้งศาสตร์และศิลปะ เพราะมนุษย์เป็นสัตว์สังคม นะครับ จำไว้
     
  10. deity

    deity เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2010
    โพสต์:
    1,139
    ค่าพลัง:
    +1,645
    คนที่มีใจฝักใฝ่ในทางธรรมะจริงๆต้องเคารพรักพ่อแม่ตัวเองอย่างไม่มีอคติใดๆครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 มกราคม 2015
  11. บุญทรงพระเครื่อง

    บุญทรงพระเครื่อง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    17,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +27,814
    สวัสดีครับหลายชาย เห็นไปตั้งกระทู้ที่ห้อง พุทธภูมิมิใช่หรือ ลองไปอ่าน ตัวอย่าง เรื่องของคุณ นักรบเงาดู ที่ลุง ไป เขียนไว้ เรื่อง บุพการีของลุง ของเรื่องหนู เป็นเรื่องธรรมดา ไม่หนักหนาอะไร เราปราถนาพุทธภูมิ เรื่องแค่นี้ ต้องแก้ไขได้ คนอื่นเขาหนักกว่าเรา นับไม่ได้ ลุงไม่ได้ เอาเรื่องของลุง มาข่มนะ ไปหาอ่านได้ครับ ในห้องพุทธภูมิ ลุงคิดว่า ไม่ต้องอธิบายอะไร มากแล้ว เพราะมีคน ออก ความเห็นแล้ว ถือว่าทุกท่านให้คติดี พอสมควรแล้ว เรื่อง ที่หลาน เล่ามา ยังไม่ได้ ๑ ในหมื่น ของแม่บังเกิดเกล้าของลุงเลย และของพ่อ ลุง ไม่ค่อยได้เล่า เท่าไหร่


    พ่อลุงตายมานานแล้ว ไปขายถ่าน ๓๐ กว่าปีแล้ว ขอเล่า ย้อนอดีด ใกล้ ปัจจุบัน ให้ฟังสักหน่อย พ่อลุง เป็นหมอ โบราณ หมอ ไสยเวท หมอหวายตีโรค ต่างๆ และบางครั้ง หรือบ่อยๆ รู้คนใกล้ตาย บางคน ก่อน ๑ อาทิตย์ บ้าวิชา ก้เคย นำมาล่ามโซ่ รักษา บางช่วงบางตอน ท่านยังเป็น มิจฉาทิฏฐิ เลย ถือว่า เป็นธรรมดา ท่านเคยว่าผม หลังจาก ผมไม่ไปหาปูปลา กุ้งหอย มาทำอาหาร เลี้ยง พ่อแม่พี่น้อง ท่านด่าว่าผม ท่านบอก ว่า กุ้งปูปลา หอย มันเป็นอาหารของเรา ทั้งๆ ผมก็เข้าวัดวา รู้จัก อะไรต่อมิอะไรพอสมควรแล้ว ตอนหลังๆ ผมโดนท่านว่าด่าว่า บ่อยๆ ผมก็ออกไปหาปลา มาให้ท่าน เรียกว่า หามาพอเหลือกินแล้ว ยังหา มาให้ขายอีกต่างหากครับ ท่านว่าผม ไอ้นักบุญใจบาป ไอ้เหี้ย ไอ้สัตว์ แช่งด่าผมสารพัด และเรื่องมากมาย ไม่ขอ มาเอ่ยอีกครับ ผมเคยโดนท่านตี นี้ จนแตกเอาเกลือทา ยังเคยบ่อยๆ แต่ยังโดนน้อยกว่าพี่ชายผม ตีอย่างเบาๆก็ขนาด แดง คล้ายเลือด เป็นปื้น ของหลาน มันจิ๊บๆ แค่ความเห็นต่างนิดเดียวเองครับ


    ยังไงก็เข้าไปอ่านห้องพุทธภูมินะ ของนักรบเงา เกี่ยวกับ บุพการี มีมิจฉาทิฏฐิ ลุงไปตอบไว้ หลายบทความ ลุงไม่ได้เอา พ่อแม่ มาประจาน แต่อยากให้ใครหลายๆคน นำไปคบคิดดู คนอื่นที่เขา ลำบากกว่าเรา นั้น ยังมีอีกเยอะ และหนักกว่าเราหลายเท่า ประวัติ ปู่ บุญเหลือ ศาลาแก้วกู่ จ.หนองคาย ท่านตอนเป็นเด็ก พ่อท่านให้เรียนหนังสือ แต่ท่าน ไม่เรียน ต้องการจะบวช แต่พ่อ ไม่ให้บวช ท่านลักลอบ ไปอยู่วัด และปล่อยปลา ที่พ่อของท่าน นำมาไว้ เพื่อ ทำเป็นอาหาร ไว้เลี้ยงคน ท่าน ลักปล่อยปลาไป ท่านโดนพ่อ ของท่าน ตีจน สลบไป ๓ วัน ๓ คือเลยนะครับหลาน ท่านโดนพ่อ ของท่านตีบ่อยๆ ด้วยไม้คาน เรื่องของหลาน ลุงว่า มันไม่ได้หนักอะไรเลย มันมีวิธีเยอะแยะ ที่หลายๆคนเขาบอกมา ค่อยๆคิด ค่อยๆทำ จ้า แค่นี้ ทำไม่ได้ ไอ้ที่หลาน ปราถนา พุทธภูมิ มันยิ่งใหญ่กว่านั้น จนคำนวนไม่ได้


    รู้สึกลุงจะตอบหลานไปบ้างแล้ว ห้องพุทธภูมิในการทำบุญจ้า แค่นี้ก่อนนะจ๊ะ มีโอกาศ จะเข้ามาเยือนไม่จ้า
     
  12. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,730
    คุณพ่ออาจเครียดจากการงานและการหาเงินเพื่อใช้จ่ายในครอบครัวค่ะ ท่านเป็นผู้นำครอบครัวท่านมีความรับผิดชอบ คุณธรรมตรงนี้ท่านมีเต็มเปี่ยม ได้โปรดเห็นใจท่านด้วย
     
  13. tsukino2012

    tsukino2012 หยุดจึงพบ สงบจึงเกิด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    1,311
    ค่าพลัง:
    +3,090
    เกิดมาคนเดียว ตายก็คนเดียว
    กตัญญูตามอัตภาพ ตายไปไม่อาลัย
     
  14. ถิ่นธรรม

    ถิ่นธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    1,824
    ค่าพลัง:
    +5,398
    ก่อนจะเป็นสัมมาทิฐิก็ต้องเป็นมิจฉาทิฐิกันกันมาแล้วทั้งนั้น อย่าว่าแต่พ่อคุณเลย ขนาดพระพุทธเจ้าของเราพระองค์นี้ ในพุทธันดรก่อนในศาสนาของพระกัสสปพุทธเจ้า พระองค์ก็ยังเป็นมิจฉาทิฐิเลยขนาดกล่าวดูหมิ่นพระกัสสปพุทธเจ้าเลย แต่อาศัยกัลยาณมิตรชักนำจนได้เป็นสัมมาทิฐิในภายหลัง ดังนั้นอย่าไปวิตกอะไร ค่อยๆปรับแก้ไปเดี๋ยวคุณพ่อก็ดีขึ้นเอง ตอนนี้ถ้ายังคิดไม่ออกก็ใช้บุญละเอียดไปก่อนโดยทำบุญอุทิศให้ท่านอธิษฐานให้กลับใจมาเลื่อมใสในพระพุทธพระธรรมพระสงฆ์ บุญจะแทรกไปปรับปรุงใจของท่านให้ละเอียดไปเรื่อยๆ ส่วนหยาบก็ต้องทำตัวเราเองให้ท่านเลื่อมใสในความประพฤติของเรา คือทำดีสม่ำเสมอ มีกตัญญูต่อท่าน ต่อไปไม่ว่าเราจะทำอะไรท่านก็จะไม่ขัด เราก็สามารถชักชวนเรื่องกูศลและนำธรรมะไปสั่งสอนให้ท่านเข้าใจได้ไม่ยาก
     
  15. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,941
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    ลูกจะแก้ พ่อ แก้ แม่ บอกตรงๆ ยากนะ

    เอาว่า

    1.เวลาปฏิบัติ ยืน เดิน นั่ง นอน ได้ครับ

    เราไม่ต้องไปนั่งหลับตาอะไร ให้ พ่อ แม่ เห็นหรอก ปฏิบัติได้ทุกลมหายใจเข้าออก ครับ

    เดี่ยวไปเห็นแล้วจะก่อกรรมซะป่าวๆ


    2.ให้ จขกท ไป ภาวนา คาถาเงินล้าน วัดท่าซุง วันละ 108 จบ ติดต่อกัน 2 เดือนขึ้นไปครับ

    ทำตามนี้ เดี่ยวดีขึ้นเอง

    ที่บ้านประสบปัญหา ผมก็คงต้องบอกว่า กรรมใหม่ไม่สร้าง อาศัยกินกรรมเก่า บุญกรรม เมื่อหมดลงก็ต้องรับผลไปตามกรรม ครับ

    ตัว จขกท ก็ภาวนาไป ยืน เดิน นอน จะทำอะไร อย่าหายใจทิ้ง ทำงานอะไรก็ ภาวนาควบไปได้ทุกลมหายใจเข้าออก ครับ

    ลองดูนะ
     
  16. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,941
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    เรื่องของ ศีล สมาธิ ปัญญา เป็นเรื่องของบุญใหญ่ ถ้าบุญใหญ่มาถึง กรรมก็จะตามได้น้อย ถ้ารู้จักทำให้สม่ำเสมอกรรมก็จะตามไม่ทัน


    เรื่องบางเรื่อง วาระกรรมมาถึง ที่บ้านมีปัญหา ก็เป็นไปตามกรรม

    กรรมของ พ่อ แม่ กรรมของที่บ้าน ก็ต้องเป็นไปตามกฏแห่งกรรมครับ

    จะช่วยได้ ก็ต้องไป ภาวนาคาถาเงินล้าน ถึงจะเห็นผลในชาติปัจจุบัน ครับ
    ต้องไปปฏิบัติกรรมฐาน สร้างบุญ กุศลกรรม นะครับ จขกท

    .
     
  17. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,941
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    เป็นหนี้ร้อยกว่าล้าน..! <hr style="color:#998049; background-color:#998049" size="1"> วันก่อนมีโยมคนหนึ่ง ไปถึงวัดก็ไปตะโกนเรียก อาตมากำลังจารตะกรุดอยู่ ก็บอกว่า "เข้ามาสิ..ประตูไม่ได้ล็อก" พอโผล่หน้าขึ้นมา เขาบอกว่าเขาเครียดมาก เพราะว่าตอนนี้มีหนี้อยู่ร้อยกว่าล้าน ตอนแรกกู้ธนาคารมา แล้วไปทำกิจการอยู่แถวอมตะซิตี้ ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ตัวเอง แต่ปัญหาไปอยู่ที่ผู้ว่าจ้าง ถึงเวลาก็ไม่จ่ายค่างวดให้ตรงเวลา ทีนี้เขากู้เงินมา ไม่มีเงินไปให้ธนาคาร เขาก็โดนเร่งรัด พอโดนเข้าบ่อย ๆ เขาก็ให้ปรับโครงสร้างหนี้ใหม่ การปรับโครงสร้างหนี้ใหม่แม้ว่าระยะเวลาจะยืดขึ้น แต่ว่าการจ่ายมักจะหนักกว่าเดิม เพราะต้องจ่ายดอกพร้อมต้นบางส่วนด้วย ก็เลยเครียด มาปรึกษาอาตมา

    จึงถามเขาว่า ก่อนที่คุณทำงานเคยคิดบ้างไหมว่าถ้าเกิดผิดพลาดขึ้นมาแล้วจะแก้ไขอย่างไร ?..เขาก็เงียบ ..ตอนที่คุณคิดจะทำงาน คุณเคยคิดบ้างไหมว่าถ้าหากว่าเจ๊งขึ้นมา คุณจะแก้ไขอย่างไร ?..เขาก็เงียบ..ถามว่าคุณคิดอย่างเดียวว่า ทำงานชิ้นหนึ่งจะได้กำไรเท่าไร ถ้าทำเท่านี้จะได้แค่นี้ ถ้าทำแค่นั้นจะได้เท่านั้น อย่างนี้ใช่ไหม ?..เขาบอกว่าใช่ จึงบอกเขาไปว่า ถ้าอย่างนั้นแสดงว่าคุณขาดธรรมะมาก ถ้าหากคุณทำแล้วได้ผลดี แปลว่าบุญเก่าของคุณดีจริง ๆ แต่ถ้าทำแล้วเจ๊งอย่างปัจจุบันถือว่าปกติ

    เพราะว่าคุณไม่ได้เอาธรรมะของพระพุทธเจ้ามาจับในเรื่องการงานเลย พระพุทธเจ้าท่านตรัสว่าทุกอย่างเป็นอนิจจัง ไม่เที่ยง เราจะไปกำหนดว่าทำหนึ่งต้องได้ห้า ทำสองต้องได้สิบ ทำยี่สิบต้องได้ร้อย นั่นไม่ใช่แล้ว..การทำงานเราต้องคิดในแง่ร้ายที่สุดไว้ก่อน อย่างเช่นว่ากิจการเจ๊งเราจะมีทางแก้ไขอย่างไร เราจะเอาตรงไหนมาสนับสนุน แล้วขณะเดียวกันเราจะมีเงินส่วนไหนมาค้ำจุน หรือจะถอยไปยืนอยู่ตรงจุดไหนเพื่อที่จะแก้ไขเหตุการณ์นี้ ถ้าสามารถคิดตรงนี้เอาไว้ให้เรียบร้อยก่อน คุณจะทำงานอะไรก็ได้ แต่ถ้าคิดตรงจุดนี้ไม่เป็น ไปคิดว่าหนึ่งบวกหนึ่งต้องได้สอง สองบวกสองต้องได้สี่ อย่างนั้นถ้าไม่ใช่บุญเก่าดีจริง ๆ ทำอะไรก็เจ๊ง

    โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ ทำงานก็เริ่มต้นผิด ให้สังเกตดูรุ่นปู่ย่าตาทวดของเรา ปู่ย่าตาทวดส่วนใหญ่มาจากเมืองจีน มาลักษณะเสื่อผืนหมอนใบ ค่อย ๆ ทำงาน ค่อย ๆ เก็บหอมรอมริบ พอมีเงินสักส่วนหนึ่งทำกิจการได้ อย่างสมัยนั้นก็อาจจะ ๒๐๐ บาทหรือ ๓๐๐ บาท ก็จะเปิดการค้าขายเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้ตัวเอง ถ้าเขาผิดพลาดก็จะหมดแค่นั้น หนี้สินไม่มี แต่ถ้าสมัยนี้ผิดพลาดขึ้นมา เราไม่หมดแค่นั้น เรายังมีหนี้กองโตรออยู่ เพราะว่าเราเริ่มต้นด้วยการเป็นหนี้เสียแล้ว แปลว่าเราบริหารผิดมาตั้งแต่แรกแล้ว เพราะเราดันไปเชื่อทฤษฎีตะวันตกที่ว่า คนที่มีหนี้สินคือคนที่มีเครดิตดี แต่ถ้าหากว่าเราทำตามแบบของปู่ย่าตาทวดที่ท่านทำมา อาจจะดูไม่เหมือนหวังความก้าวหน้า อาจจะเป็นกิจการเล็ก ๆ ก่อน แต่ความมั่นคงจะมีมากกว่า เพราะค่อยเป็นค่อยไป

    ตัวอย่างที่ชัดที่สุดต้องบริษัทสหพัฒนพิบูล อันนั้นของเขาค่อย ๆ ก้าว ค่อย ๆ ขยับขยายขึ้นมา พอโตก็แตกสายกระจายกว้างออกไป ๆ เป็นการประกันความเสี่ยง ประกอบธุรกิจหลายด้าน ขณะที่เศรษฐกิจตก เกิดการล้มละลายทางการเงินขึ้น บริษัทนี้เขาไม่สะเทือนเลย เพราะเขาไม่มีหนี้ต่างประเทศ คนอื่นจะลำบาก จะดิ้นรนก็ดิ้นไป เขาอาจจะลำบากหน่อยตรงที่กิจการไปได้ยากเพราะว่าบรรดาคู่ค้าต่าง ๆ ล้วนแต่ประสบปัญหาทางการเงินทั้งนั้น แต่ในเมื่อตัดปัญหาเรื่องหนี้สินออกไปเสีย อย่างไรก็พอที่จะประคับประคองกันไปได้

    ดังนั้น..พวกเราทุกคนควรมีธรรมะในส่วนที่พระพุทธเจ้าท่านว่าดำรงอยู่ในความไม่ประมาท จะต้องคิดเป็น ทำเป็น โดยเฉพาะปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นเฉพาะหน้า ถ้าเรารู้จักพิจารณาแยกแยะ จะเห็นความก่อนหลังเร็วช้าของแต่ละปัญหา ปัญหา ไหนที่มาถึงก่อน เราแก้ไขก่อน ถ้าอย่างนั้นเราจะมีปัญหาเดียวอยู่ตรงหน้าตลอดเวลา ซึ่งจะไม่หนักเกินกำลัง แต่ถ้าหากว่าเราไปเอาหลาย ๆ ปัญหามาสุมรวมกัน ถึงเวลาก็จะรู้สึกว่าปัญหานั้นใหญ่จนแก้ไม่ไหว

    ดังนั้นถ้าหากมีการปฏิบัติภาวนาสมาธิเสียหน่อย จะช่วยในเรื่องพวกนี้ได้มาก แล้วก็ยกตัวอย่างให้เขาดูว่า อาตมานั่งจารตะกรุดอยู่นี่ เพราะว่าติดหนี้เขาอยู่ ๓๐ กว่าดอก งานอื่นก็มีท่วมหัว แต่พรุ่งนี้ต้องรับสังฆทาน ก็แปลว่าตะกรุดนี่ต้องจารเสร็จ ถ้าไม่เสร็จเราไม่มีให้เขา ก็คือเรื่องนี้ด่วนกว่า ส่วนการส่งประวัติอุปัชฌาย์ ต้องส่งวันที่ ๑๕ เรากลับไปวันที่ ๑๒ มีเวลาอีก ๓ วัน อย่างไรก็ทำทัน ตรงนี้จึงวางไว้ก่อน มานั่งจารตะกรุดก่อน เพราะฉะนั้นปัญหาต่าง ๆ ถ้าเรารู้จักแยกแยะจะเห็นความก่อนหลังเร็วช้าของปัญหา อันไหนมาก่อนแก้ไขก่อน เราจะมีปัญหาเดียวอยู่ตรงหน้าตลอด แล้วก็จะไม่เครียดมาก

    เขานั่งฟังไปพักหนึ่ง เราไม่ได้ช่วยแก้ไขปัญหาอะไรให้เขาเลย แต่พอเล่าให้เขาฟังเสร็จ เขาบอกว่าสบายใจแล้วครับ ตอนก่อนที่จะมามีปัญหามาเป็น ๑๐๘ คำถามเลย นั่งฟังไปฟังมา ไม่รู้จะถามอะไร กลับได้แล้ว ก็เลยบอกเขาไปว่า วิธีแก้ไข อันดับแรกคือการประนอมหนี้ ถ้าเป็นสถาบันการเงินนี่มักจะกำหนดตายตัว เพราะว่าถ้ามีปัญหาขึ้นมา เขาเองก็เดือดร้อนด้วย เราก็แก้ไขตรงจุดนั้นก่อน อย่างเช่นว่ามีทรัพย์สินอะไรที่พอจะเปลี่ยนเป็นตัวเงินได้ โดยที่ไม่ได้สร้างความเดือดร้อนอื่นเพิ่มเติมขึ้นมา เราก็จำหน่ายเอาส่วนนั้นคืนเขาก่อน ส่วนที่เหลือก็พอจะเจรจากันได้ เพราะว่างานเราก็ยังทำอยู่ เพียงแต่ว่าเราสะดุดเรื่องเงินที่ลูกค้าเขาจ่ายไม่ตรงงวดเท่านั้น ถ้าหากว่าเขาจ่ายตรงงวดขึ้นมา เราก็รีบไปคืนให้เขา คู่ค้าต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องวัสดุก็ดี อะไรก็ดี ก็จะไม่มีปัญหาตรงจุดนี้ เพราะเขาเห็นว่าเราตรงไปตรงมา และท้ายที่สุดให้หันเข้ามาหาการภาวนา โดยเฉพาะถ้าภาวนาคาถาเงินล้านอย่างสม่ำเสมอได้ จะช่วยได้เยอะมากเลย

    ปัญหาพวกนี้มักจะมีเป็นปกติทั่ว ๆ ไป มีคำถามหนึ่งที่เขาถามว่า เขาจะอยู่ในลักษณะนี้อีกนานไหม บอกเขาไปว่า ถ้าตอบว่าสี่ปีแล้วอย่าช็อกนะ..! เขาบอกว่าถ้าพอหมุนได้ สี่ปีก็ไม่นานหรอก แต่ถ้าไม่ขยับเลย สี่ปีก็นานโคตร..!

    สังเกตได้ว่าในเรื่องทำมาหากิน ในลักษณะที่จะต้องข้องเกี่ยวกับผู้อื่น คน ที่อยู่ในศีลในธรรมจะเสียเปรียบเขา เพราะหน้าด้านใจดำไม่พอ เรื่องของการค้าถ้าหากไม่มีคุณธรรมกำกับไว้ ก็จะเป็นเรื่องของคนกินคนเลย..!

    เราจะสังเกตว่าปัจจุบัน ร้านค้าเล็ก ๆ เจ๊งหมด ก็เพราะขาใหญ่เอากินเสียเกลี้ยง จริง ๆ แล้วถ้าหากว่าไม่ได้กู้เงินเขามา พูดง่าย ๆ ว่าเป็นเงินเย็น เปิดร้านสะดวกซื้อแข่งกับพวกห้างยักษ์ เขาได้ เพียงแต่ว่าเราต้องใช้การค้าขายแบบโบราณ ปัจจุบันนี้พวกบรรดาร้านสะดวกซื้อเขาฝึกพนักงานให้เป็นหุ่นยนต์ พอเสียงประตูเปิดดังติ๊ง ก็สวัสดีค่ะ แต่ที่เดินเข้ามาคือหมา เขาไม่ได้ดูเลย ไม่ได้เงยหน้าขึ้นมาจากงานแต่ก็สวัสดีไว้ก่อน เราไปซื้อของตอนบ่ายสองเขาถามว่า รับซาลาเปาเพิ่มไหมคะ ? บอกว่านี่อีหนูดูบ้างสิว่าใคร ไม่ใช่ถึงเวลาก็ถามส่งเดช อย่างไรเจ้านายของแกก็ไม่ลงทุนปลอมเป็นพระมาตรวจงานหรอก

    ขณะเดียวกันถ้าเราเปิดร้านขายของเบ็ดเตล็ด ถ้าเราใช้ จิตวิญญาณของคนโบราณ ก็จะมีปฏิสัมพันธ์กับลูกค้า มีการตอบโต้ มีการสอบถามกัน บางทีเจอหน้าก็ทักทายกัน แถมให้นิด ลดให้หน่อย แล้วแต่สภาพ นั่นเป็นจิตวิญญาณที่ไม่มีในการค้าสมัยใหม่ตามห้าง สมัยก่อนเขาจึงได้บอกว่า มีอะไรเกิดขึ้นเขารู้ทั้งหมู่บ้าน โดยเฉพาะบรรดาร้านค้าต่าง ๆ จะเป็นศูนย์รวมข่าว มาถึงก็ "เอ้อ...ลูกชายเป็นอย่างไรบ้าง ?" "วันก่อนลูกแกสอบได้หรือไม่ได้ ?" "ลูกสาวได้ข่าวไปสอบโรงเรียนในกรุงเทพฯ เป็นอย่างไรบ้างล่ะ ?" พนักงานสมัยนี้มีหรือที่จะถาม ไม่มีหรอก อันนั้นเป็นการรักษาสายสัมพันธ์ระหว่างคนต่อคนและระหว่างบุคคลในชุมชนเอาไว้ ด้วย

    จริง ๆ แล้วร้านขายของเบ็ดเตล็ดถ้าบริหารดี ๆ มีการจัดหมวดสินค้าให้น่าหยิบน่าใช้ เห็นง่าย หาง่าย สู้เขาได้สบายมาก เพียงแต่ว่าบางทีวิสัย ทัศน์ของคนเราไม่พอ แล้วก็ความเพียรพยายามไม่พอ ขาดอิทธิบาท ๔ ยังไม่ทันที่จะสู้เลย คิดอย่างเดียวว่าแพ้แน่ ถ้าอย่างนั้นก็แพ้ตั้งแต่ในมุ้งแล้ว


    ไม่ใช่ฟังเสร็จ แล้วไปเปิดร้านขายของกันหมดนะ เดี๋ยวจะกลายเป็นแย่งลูกค้ากันอีก จริง ๆ ถ้าบริหารเป็นแล้ว โดยความเคยชินของคน โดยเฉพาะร้านหรู ๆ เขาไม่กล้าเข้าหรอก เพราะเขากลัวของแพง จะว่าไปแล้วร้านขายของเบ็ดเตล็ดเป็นทางเลือกที่ดี แล้วร้านหรู ๆ เขาคงไม่มาถามหรอกว่า "อีแก่ที่บ้านเป็นอย่างไรบ้าง ? ได้ยินว่าป่วย หายดีหรือยัง ?"


    เทศน์ช่วงเช้า ณ บ้านอนุสาวรีย์
    วันศุกร์ที่ ๙ กันยายน ๒๕๕๒
    พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ)

     
  18. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,941
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    :cool:
     
  19. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,941
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    ท้ายที่สุดให้หันเข้ามาหาการภาวนา โดยเฉพาะถ้าภาวนาคาถาเงินล้านอย่างสม่ำเสมอได้ จะช่วยได้เยอะมากเลย

    :cool:
     
  20. (-*-)

    (-*-) เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 สิงหาคม 2014
    โพสต์:
    664
    ค่าพลัง:
    +1,060
    1) คุณเป็นลูกคนเดียวหรือป่าวครับ?
    ถ้าหากเป็นลูกคนเดียว ใครจะดูแลพ่อแม่ตอนแก่ครับ?

    2) การปฏิบัติธรรมขั้นสูงสุด สุดท้ายจะเกิดได้ทุกอิริยาบท
    ไม่จำเป็นต้องบวชก็ได้ครับ. อย่าไปคิดว่าบวชเท่านั้นจะได้บุญมาก
    คนบวชไปปฏิบัติไม่ถูกไม่ตรง ก็ไม่ได้มาก ซ้ำร้ายถ้าหากทำผิดบาปหนักกว่าอีก
     

แชร์หน้านี้

Loading...