ประวัติ ของเณรน้อย เจ้าปัญญา อิ๊กคิวซัง

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย thanan, 10 เมษายน 2005.

  1. thanan

    thanan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กันยายน 2004
    โพสต์:
    1,668
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +5,212
    อิ๊กคิวซังมีชื่อในวัยเด็กว่า <b>"เซนงิกามารุ"</b> เกิด 1 ม.ค. ค.ศ.1349 หรือ พ.ศ.1892 เมืองซะกะโน ใกล้เมืองเกียวโต พ่อเป็นจักรพรรดิฝ่ายเหนือ แม่เป็นเจ้าหญิงในราชวงศ์ฝ่ายใต้ ซึ่งถูกขับจากวังตั้งแต่อิ๊กคิวซังยังไม่คลอด เพราะถูกฝ่ายตรงข้ามใส่ร้ายป้ายสี ต่อมาทรงให้อิ๊กคิวซังบวชที่วัดอังโกะกุจิ ตอนอายุได้ 6 ขวบ เพื่อหนีภัยการเมือง ได้ฉายาว่า <b>"ชูเคน"</b>

    ท่านตั้งอกตั้งใจศึกษาพระธรรม ความเจ้าปัญญาฉายแววขึ้นตามอายุ ในวัยประมาณ 10 ขวบ อิ๊กคิวซังแต่งกลอน วิพากษ์วิจารณ์ความประพฤติที่ไม่เหมะสม ของพระภิกษุนิกายหนึ่งที่กอบโกยทรัพย์สินยศฐาบรรดาศักดิ์ บนความทุกข์ยากของชาวบ้าน

    พออายุ 13 ปี มีโอกาสเข้าพบแม่ทัพใหญ่ชื่อ <b>"อาซิคะงะโยชิมิสึ"</b> หรือ <b>"ท่านโชกุน"</b> ในการ์ตูน

    อายุได้ 17 ปี อิ๊กคิวซังาออกจากวัดอังโกะกุจิ ฝากตัวเป็นศิษย์ของ <b>"หลวงพ่อเคนโอ"</b> ที่วัดไซกอนจิ ได้ฉายาว่า <b>"โชจุน"</b> ที่วัดแห่งนี้หลวงพ่อเคนโอเน้นการปฏิบัติโดยต้องทำงานอย่างหนัก และต้องอยู่กับสิ่งสกปรกเสียส่วนใหญ่

    ต่อมาหลวงพ่อมรณภาพ อิ๊กคิวซังจึงเดินทางไปวัด <b>"อิชิยามา"</b> อดอาหาร 7 วัน 7 คืน สวดมนต์อุทิศส่วนบุญส่วนกศลให้อาจารย์ต่อหน้าพระโพธิสัตว์ ด้วยความเสียใจนี้เอง จึงคิดฆ่าตัวตาย

    ระหว่างที่เดินลงไปแม่น้ำเซตะ อิ๊กคิวซังจึงอธิษฐานจิตว่า<font color=blue>
    "ถ้าพระโพธิสัตว์ต้องการให้ข้าพเจ้ามีชีวิตอยู่ ก็ขอให้ข้าพเจ้าฆ่าตัวตายไม่สำเร็จ แต่หากชีวิตข้าพเจ้าไร้ซึ่งคุณค่าเสียแล้ว ข้าพเจ้าขออุทิศสังขารให้เป็นอาหารของปลาและสัตว์น้ำ"</font>

    ระหว่างที่ดิ่งลงในท้องน้ำ อิ๊กคิวซังก็นึกถึงหน้าท่านแม่และคำสอนขึ้นมาทันใด <font color=blue>"เป็นลูกผู้ชายต้องไม่ย่อท้อ"</font> อิ๊กคิวซังจึงตะเกียกตะกายกลับขึ้นฝั่ง

    หลังจากนั้นท่านอายุได้ 23 ปี ไปฝากตัวเป็นศิษย์ของหลวงพ่อ <b>"คะโซ"</b> แห่งวัดโคอัน ซึ่งเป็นพระสงฆ์ทรงสมณศักดิ์ แต่พอใจที่จะใช้ชีวิตอย่างสมถะและพอใจในวัตรปฏิบัติอย่างเคร่งครัดและหนักหน่วง

    อิ๊กคิวซังต้องทำงานทั้งวัน และปฏิบัติอย่างหนักหน่วง นอกจากใช้แรงงานในวัดแล้ว อิ๊กคิวซังยังต้องสานรองเท้า เย็บเสื้อผ้าตุ๊กตาผู้หญิง และออกไปขายแรงงานในหมู่บ้านละแวกนั้น ซ้ำยังโดนพระรุ่นพี่ที่ไม่ชอบหน้ากลั่นแกล้ง ทำร้าย เตะต่อยอยู่เสมอ แต่อิ๊กคิวซังก็อดทน

    ในที่สุดความพยายามที่จะค้นหาสัจธรรมก็สำเร็จ เมื่ออิ๊กคิวซังสามารถแก้ปริศนาธรรมที่หลวงพ่อคะโซตั้งไว้ได้สำเร็จ ด้วยวัยเพียง 25 ปีเท่านั้น และที่นี่เองที่ <b>"พระโชจุน"</b> ได้รับฉายาใหม่ว่า <b>"อิ๊กคิว โซจุน"</b><font color=green> หมายความว่า "รู้พ้นจากโลกสมมติตามบัญญัติของลัทธิเซน"</font>

    อิ๊กคิวซังน่าจะเป็นพระภิกษุที่บรรลุธรรมเมื่ออายุยังน้อยที่สุดรูปหนึ่งในพระพุทธศาสนา เพราะว่าท่านสามารถบรรลุธรรมในขณะที่นั่งสมาธิบนเรือริมฝั่งทะเลสาบ<font color=blue>"เหตุแห่งความทุกข์และความเศร้าหมองที่เกิดขึ้นในชีวิตล้วนเกิดจากจิตที่เต็มไปด้วยอัตตา"</font>

    คือแก่นธรรมที่ท่านค้นพบ

    เมื่อทราบว่าอิ๊กคิวซังสามารถบรรลุแก่นธรรม หลงพ่อคะโซมีความประสงค์ ที่จะมอบใบสำเร็จเปรียญธรรม และตำแหน่งเจ้าอาวาสให้อิ๊กคิวซังสืบทอด แต่อิ๊กคิวซังปฏิเสธด้วยเหตุผลว่า <font color=blue>"ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนเป็นสิ่งสมมติ"</font>
    ท่านจึงออกธุดงค์

    กระทั่งอายุ 34 ปี อิ๊กคิวซังมีโอกาสเข้าเฝ้าท่านพ่อ ซึ่งเป็นองค์จักรพรรดิ

    ชีวิตช่วงนี้เองที่เป็นที่กล่าวขวัญถึง และขยาดหวาดกลัวและเกลียดชังจากภิกษุด้วยกัน

    อิ๊กคิวซังเคยไปร่วมงานครอบรอบวันมณภาพของพระผู้ใหญ่รูปหนึ่งด้วยสภาพมอมแมมสกปรก จีวรหลุดลุ่ย พร้อมทั้งด่าทอพระที่มือถือสากปากถือศีล เพราะในสมัยนั้นมีพระภิกษุชั้นผู้ใหญ่จำนวนมากที่ทำตัวเคร่งพระวินัย ถึงขนาดบอกว่าผู้หญิงเป็นมารศาสนา แต่ว่ากลับลักลอบให้แม่เล้า-แมงดานำโสเภณีมาบำเรอถึงในกุฏิ นอกจากนี้อิ๊กคิวซังยังต่อต้านพระผู้มีอิทธิพลมีหลายรูปที่หลอกชาวบ้านว่าจะสามารถบรรลุธรรมได้หากบริจาคปัจจัยให้พระมากๆ

    อิ๊กคิวซังปฏิเสธสังคมพระในขณะนั้นอย่างรุนแง และทำทุกอย่างที่ถือว่าเป็นอาบัติ เช่นดื่มสุรา เล่นการพนัน ฉันเนื้อสัตว์(????)ไม่โกนผม+หนวดเครา เดินเข้าออกซ่องโสเภณีอย่างเปิดเผยเป็นว่าเล่น

    การกระทำแบบนี้อิ๊กคิวซังต้องการต่อ้าน และเสียดสี รวมทั้งสั่งสอนพระจอมปลอมในยุคนั้ให้ละอายกับการลวงโลก อิ๊กคิวซังคบหาและปฏิบัติกับโสเภณีอย่างเปิดเผย สุภาพและให้เกียรติ เคยแบ่งส้มจากบาตรให้ เคยปีนเขาเสี่ยงตายไปหาสมุนไพรมารักษาโสเภณี ที่ป่วยหนักแม้ว่าต่อมาจะเสียชีวิตก็ตาม

    เมื่อท่านอายุได้ 75 พรรษา ระหว่างที่ธุดงค์เร่ร่อน หลบภัยสงครามภายในประเทศมาอยู่ที่เมืองซึมิโยชิ
    ท่านได้พบกับ <b>"โมริ"</b> ศิลปินขอทานตาบอด ซึ่งภายหลังท่านได้รับนางเป็นภรรยา ทั้งคู่ได้ใช้ชีวิตร่วมกันคืนเดียว โมริก็หนีไปเพราะเกิดความอับอาย และเกรงว่าตนเองจะทำให้อิ๊กคิวซังเสื่อมเสียชื่อเสียง แต่นางก็กลับมาหาอิ๊กคิวอีกหนเพราะไม่สามารถดำรงชีวิตลำพังได้ในสภาวะสงคราม

    เมื่ออายุได้ 85 ตจักรพรรดิแต่งตั้งให้อิ๊กคิวซังเป็น เจ้าอาวาสวัดไดโตะกุจิ ซึ่งเป็นวัดหลวงที่สำคัญที่สุดในสมัยนั้น เมื่อไม่สามารถขัดพระราชประสงค์ได้ อิ๊กคิวซังจึงยอมรับตำแหน่ง แต่เพียงแค่วันเดียวก็ลาออก กลับมาอยู่วัดเมียวโชจิที่ท่านสร้างจวบจนวาระสุดท้าย

    หลังจากกลับมาอยู่วัดนี้ ได้เพียง 2 ปี ท่านเป็นมาเลเรีย ท่านละสังขารในทานั่งสมาธิ ในอ้อมกอดของโมริ ภรรยาสุดที่รัก ในเวลา 21 พฤศจิกายน ค.ศ.1481 หรือ พ.ศ.2024 เมื่ออายุได้ 88 ปี
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 เมษายน 2005

แชร์หน้านี้

Loading...