ปกิณกะธรรม เรื่องพญานาค

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย NAMOBUDDHAYA, 16 ธันวาคม 2023.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,425
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,022
    ค่าพลัง:
    +70,063
    เหตุใดพญานาคไม่สามารถบวชได้?

    ข้อห้ามไม่ให้พญานาคบวช เกิดในสมัยมราพระพุทธเจ้ายังทรงมีพระชนม์ชีพอยู่ ความตามพุทธประวัติกล่าวว่า ครั้งนั้น มีพญนานาคตัวหนึ่งรู้สึกอึดอัด ระอา และเกลียดการเกิดเป็นนาคของตน เพราะต้องเลื้อยไปด้วยอก ไม่สง่างาน เลยมาคิดว่าทำอย่างไรจึงจะพ้นจากกำเนิดนาคนี้ได้ และไปเกิดเป็นมนุษย์ได้เร็วขึ้น แล้วก็คิดได้ว่า พระสมณะเชื้อสายศากยบุตรเป็นผู้ประพฤติธรรม ประพฤติสงบ ประพฤติพรหมจรรย์ กล่าวแต่คำสัตย์ มีศีล มีกัลยาณธรรม หากได้บวชในสำนักนี้ตนจะสามารถพ้นจากการเกิดเป็นนาคและเกิดเป็นมนุษย์ได้เร็วขึ้น คิดได้ดังนั้นก็ร่ายมนต์แปลงกายเป้นชายหนุ่มเข้าไปหาภิกษุทั้งหลายเพื่อขอบวช ภิกษุทั้งหลายไม่ได้แปลกใจอะไรจึงบรรพชาให้ตามความต้องการ พระนาคได้พักอยู่ในกุฏิท้ายวัดกับภิกษุรูปหนึ่ง ครั้นใกล้สว่างภิกษุรูปนั้นก้ตื่นนอนออกไปเดินจงกลมอยู่ด้านนอก พอภิกษุรูปนั้นออกไปแล้วพระนาคก้วางใจเผลอหลับสนิท จึงได้กลายร่างกลับเป็นนาคดังเดิม เมื่อภิกษุรูปนั้นกลับมาก็พบกับงูใหญ่นอนขดตัวอยู่เกือบเต็มกุฏิจึงตกใจร้องเอะอะขึ้น พราะนาคตกใจจึงแปลงกายเป็นมนุษย์ ภิกษุทั้งหลายจึงถามว่าท่านเป็นใคร พราะนาคตอบว่า ผมเป็นนาค ภิกษุทั้งหลายถามว่าท่านทำเช่นนี้เพื่ออะไร พระนาคจึงบอกเจตนาไป ภิกษุทั้งหลายจึงทูลต่อพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้ารับสั่งให้ประชุมภิกษุสงฆ์ และทรงประทานพระพุทโธวาทแก่นาคนั้นว่า พวกเจ้าเป็นนาค มีความไม่งอกงามในธรรมวินัยนี้เป็นธรรมดา ไปเถิอเจ้านาค จงไปรักษาอุโบสถศีลในวันที่ 14 ที่ 15 และที่ 8 แห่งปักษ์นั้นแหล่ะ (14 ค่ำ 15 ค่ำ 8 ค่ำ) การรักษาอุโบสถศีลนี้มีบุญมาก ด้วยวิธีนี้เจ้าจักพ้นจากกำเนิดนาค และจักรกัลได้อัตภาพเป็นมนุษย์เร็วพลัน เมื่อนาคได้ฟังว่าตนมีความไม่งออกงามในธรรมวิยันก็เสียใจจนหลั่งน้ำตาและส่งเสียงดังก่อนจะหลีกออกไป พระพุทธเจ้ายังคงรับสั่งกับภิกษุทั้งหลายว่า เหตุแห่งความปรากฏตามสภาพของนาคมีสองประการคือ เวลาเสพเมถุนธรรมกับนางนาคผู้มีชาติเสมอกัน หนึ่ง เวลาวางใจนอนหลับ หนึ่ง ก็จะปรากฏตามสภาพของนาคดังเดิม
    ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อนุปสัมบัน คือ สัตว์ดิรัจฉาน ภิกษุไม่พึงให้อุปสมบท ที่อุปสมบทแล้วต้องให้สึกเสีย (เนื้อความในพระไตรปิฎกจบเพียงเท่านี้) เมื่อพราะพุทธองค์ให้นาคสึก นาคเสียใจเป็นอย่างมากจนถึงกับหลั่งน้ำตา เพราะความน้อยเนื้อต่ำใจว่าตนไม่ได้เกิดเป็นมนุษย์ จึงขอร้องให้หมู่ภิกษุเรียกผู้ที่จะบวชว่านาค เพื่อให้ระลึกถึงตน และชื่อของตนจะปรากฏอยู่ชั่วกาลนาน นับแต่นั้นมาก่อนขะบวชเป็นพระจึงเรียกว่า บวชนาค มาจนถึงปัจจุบัน

    จากความศรัทธาและเพียรพยายามในการบำเพ็ญบารมีของนาค เราจึงเรียกพญางูซึ่งเป็นสัตว์กึ่งเทพนี้ว่า “พญานาค” เพราะแม้กำเนิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน แต่ก็ยังหมั่นแสวงหาคุณอันประเสริฐ ถึงพญานาคบางพวกจะมีมิจฉาทิฏฐิ แต่พอได้รับการกล่อมเกลาจิตใจก็กลับกลายเป็นผู้ประเสริฐได้




    เหตุใดพญานาคจึงไม่สามารถบรรลุธรรมได้?

    นอกจากจะบวชไม่ได้แล้ว พญานาคนั้น แม้อยากจะบรรลุธรรมก็ทำไม่ได้เหมือนกัน บุญที่เกิดจากการรักษาอุโบสถศีลนั้นส่งผลให้เป็นมนุษย์เร็วขึ้นเท่านั้น

    เหตุที่พญานาคไม่สามารถบรรลุธรรมได้ ก็เพราะพญานาคเป็นสัตว์อยู่ใน ติรัจฉานภูมิ (โลกเดรัจฉานอยู่ในโลกมนุษย์ สัตว์เดรัจฉาน โลกของสัตว์ที่มีความยินดีในเหตุ 3 ประการ คือ การกิน การนอน การสืบพันธ์) เป็นอยู่ด้วยสัญญา 3 อย่าง คือ
    1. กามสัญญา คือ การรู้จำในกามกิเลส
    2. อาหารสัญญา คือ การรู้จำในการกินอาหาร
    3. มรณะสัญญา คือ เดรัจฉานทุกชนิดย่อมรู้จักตาย

    สิ่งที่พญานาคไม่มีก็คือ “ธรรมสัญญา” จึงไม่สามารถบรรลุพระนิพพานได้ แม้จะเป็นพวกที่มีสัมมาทิฐิ มีธรรมศัญญาอยู่บ้าง ขึ้นอยู่กับบาปบุญที่สะสมมา แต่ไม่อาจบรรลุธรรมได้อยู่ดี

    พญานาคนั้นเป็นอภัพพสัตว์ คือ ไม่สามารถบรรลุนิพพานได้




    เหตุใดพญานาคจึงต้องรักษาอุโบสถศีล?

    จากพระพุทธโธวาทแก่นาคที่ว่า การรักษาอุโบสถศีลนี้มีบุญมาก ด้วยวิธีนี้เจ้าจักพ้นจากกำเนิดนาค และจักรกัลได้อัตภาพเป็นมนุษย์เร็วพลัน หลังจากที่พญานาคได้ยินดังนั้นก็มีความปรารถนาอย่างแรงกล้าตั้งใจรักษาอุโบสถศีล เพื่อจะได้ไปเกิดเป็นมนุษย์อย่างเร็วพลัน ว่ากันตามพระไตรปิฎกแล้ว เรื่องการรักษาอุโบสถศีล เป็นสิ่งที่พญานาคถือปฏิบัติและเชื่อมั่นมาตั้งแต่ก่อนพุทธกาลแล้ว ว่าจะทำให้ได้บุญมหาศาลและสามารถไปเกิดในภูมิที่ดีกว่าได้ดังความตอนหนึ่งใน ภูริทัตต์ พระโพธิสัตว์นาคราช

    ภูริทัตต์นั้นได้เคยไปเทวโลกกับพระราชบิดาอยู่เสมอ และเห็นว่าเป็นทีน่ารื่นรมณ์ จึงตั้งใจว่าจะคอยรักษาอุโบสถศีล เพื่อจะได้ไปเกิดในเทวโลก จากนั้นจึงเริ่มรักษาอุโบสถศีล แต่เมื่อถูกนาคบริวารทั้งหลายห้อมล้อมก็เกิดความรำคาญจึงขึ้นไปอยู่ที่เมืองมนุษย์ โดยขดรอบจอมปลวกใกล้ต้นไทรริมแม่น้ำยมุนา และตั้งสัจอธิษฐานว่า แม้ผู้ใดต้องการหนัง เอ็น กระดูก เลือดเนื้อของตน ก็จะยอมบริจาคให้ ขอเพียงให้รักษาศีลให้บริสุทธิ์ก็พอ

    จัมเปยยะ พระโพธิสัตว์นาคราช อดีตชาติของพระพุทธเจ้าก็เช่นกัน ยึดมั่น มุ่งมั่น และมีความตั้งใจในการรักษาอุโบสถศีลมาก ดังใจความตอนหนึ่งว่า เมื่อครองนาคทิพย์สมบัติและเสวยสุขอยู่ในนาคภิภพนานวันเข้า พญาจัมเปยยะนาคราช ก็รู้สึกเบื่อหน่าย อยากจะสึกษาธรมมและรักษาอุโบสถศีล บางครั้งพระองค์ก็ออกมาผู้เดียวเพื่อหวังให้จิตใจสงบ แต่นางนาคม๊ณวิกาก็ตามไปยั่วยวน จนบางครั้งก็ทำให้ศีลขาดอยู่เนื่องๆ พญาจัมเปยยะนาคราชจึงมีดำริว่า หากจะรักษาศีลให้บริสุทธิ์จะต้องขึ้นไปยังโลกมนุษย์เท่านั้น จากนั้นก็ขึ้นมายังโลกมนุษย์ ขนดกายรักษาศีลอยู่บนจอมปลวกใกล้ทางเดินแห่งหนึ่ง โดยตั้งสัจอธิษฐานว่า แม้ชีวิตจะสิ้นก็จะไม่ทำให้ศีลวิบัติ ทว่า...แม้มีความตั้งใจท้วมท้นเพียงใด เรื่องของกำหนดเวลาและความสม่ำเสมอนั้นยังไม่ไคร่มีเท่าใดนัก อยากทำตอนไหนก็ทำ อยากหยุดตอนไหนก็หยุด กระทั้งพระพุทธเจ้าตรัสรู้และประทานพุทธโธวาทแก่นาคว่า การรักษาอุโบสถศีลควรปฏิบัติวันใดบ้าง นับแต่นั้นพญานาคทั้งหลายที่มีสัมมทิฐิ ต่างรักษาอุโบสถศีลอย่างเคร่งครัด ทั้งยังจำสีลจนครบพรรษาเหมือนกับพระพุทธเจ้าและพราะสงฆทั้งหลายอีกด้วย

    และเมื่อวันออกพรรษาที่ 7 มาถึง พระพุทธเจ้าก็เสด็จลงมาจากเทวโลกอย่างยิ่งใหญ่หลังไปแสดงธรรมโปรดพุทธมารดาเป็นเวลา 3 เดือน ระหว่างเสด็จลงมาพระองค์ทรงแสดงพุทธานุภาพเปิดโลกทั้ง 3 ออก เมื่อพญานาคได้เห็นก็เกิดแรงมหาปีติอย่างท้วมท้นโดยเฉพาะพวกที่รักษาอุโบสถสีลตลอดพรรษา ได้พ่นบั้งไฟที่มีความสุกสว่างใสขึ้นบนท้องฟ้า เพื่อแสดงความนอบน้อมและศรัทธาต่อพระพุทธเจ้า และเพื่อถวายเป็นพุทธบูชาแด่พระองค์ นับแต่นั้นทุกวันออกพรรษา พญานาคที่จำศีลจนครบพรรษาก็จะออกมาพ่นบั้งไฟพญานาค เพื่อระลึกถึงพระพุทธเจ้าเมื่อครั้งเสด็จลงจากเทวโลกไม่เคยขาด




    พญานาคเคยทำบาปบ้างไหม?

    จากคำกล่าวที่ว่าพญานาคไม่สามารถบรรลุธรรมได้ เพราะเป็นวัตว์เดรัจฉาน ยังมีกิเลสเป็นเครื่องห่อหุ้ม แสดงให้เห็นว่าในหมู่พญานาคนั้นนอกจากจะมีพวกสัมมทิฐิแล้ว พวกมิจฉาทิฐิก็มี สร้างบุญได้ก็สร้างบาปได้เช่นกัน อย่าง นันโทปนันทนาคราช และพญานาคของชฏิล 3 พี่น้อง ที่แสดงฤทธิ์หวังทำร้ายและต่อต้านพระพุทธเจ้า

    แม้ในปัจจุบัน พระอริยสงฆ์ผู้ดำรงค์มั่นในศีลาจารวัตรก็เคยมีประสบการณ์กับพญานาคพวกมิจฉาทิฐิมาบ้างเหมือนกัน เช่น เหตุการณ์ที่หลวงปู่หลุย จันทสาโร ถูกพญานาคครึงรัด และเหตุการณ์พญานาคปล่อยพิษลงในแหล่งน้ำ เมื่อครั้งที่หลวงปู่ชอบติดตามพระอาจารย์มั่นไปวิเวกแถบฝั่งแม่น้ำโขง

    พิษพญานาคนั้นร้ายกาจอย่างไร?

    ใน “คัมถีร์ปรมัตถโชติกพมหาอภิธรรมมัตถสังหฏีกา” ปริเฉทที่ 5 จัดหมู่ของนาคตามชนิดของพิษไว้ 4 จำพวก ดังนี้
    1. ปูติมุขะ พญานาคนี้กัดผู้ใดแล้ว รอยแผลจะเปื่อยเน่า น้ำเหลืองไหลไม่หยุด และตายอย่างรวดเร็ว
    2. กฎฐะมุขะ พญานาคนี้กัดผู้ใดแล้ว ร่างกายจะแข็งทื่อไปทั้งตัว แขนขางอไม่ได้ เจ็บปวดแสนสาหัส และตายในที่สุด
    3. อัคคิมุขะ พญานาคนี้กัดผู้ใดแล้ว จะเกิดอาการเร่าร้อนไปทั้งตัวดุจไฟเผา แผลจะมีลักษณะคล้ายถูกไฟไหม้
    4. สัตถะมุขะ พญานาคนี้กัดผู้ใดแล้ว จะตายทันทีเหมือนถูกฟ้าฝ่า (สันนิษฐานว่าเป็นนาคพ่นพิษเหมือนมังกรพ่นไฟ)

    อีกทั้งพญานาคทั้ง 4 ประเภทยังสามารถทำอันตรายได้ถึง 4 วิธี คือ
    1. ทัฏฐะวิสาพญานาค เมื่อขบกัดแล้ว จะเกดพิษซ่านไปทั่วร่างกาย
    2. ทิฏฐะวิสะพญานาค ใช้วิธีมอง แล้วพ่นพิษออกทางตา
    3. ผุฏฐะวิสะพญานาค ใช้ลมหายใจ พ่นเป็นพิษแผ่ซ่าน
    4. วาตาวิสะพญานาค มีพิษที่กาย จะแผ่พิษจากตัว

    พญานาคจะใช้พิษก็ต่อเมื่อ เพื่อป้องกันตัว ต่อสู้ หรือทำร้ายผู้ที่มาทำให้โกรธ เพราะพญานาคนั้นโกรธง่าย เมื่อโกรธก็จะไม่มีสติยั้งคิด และใช้พิษเข้าทำร้าย แต่มีพญานาคบางตนสามรถยับยั้งความโกรธได้เหมือนกัน

    เขียนโดย Unknown ที่ 21:59
    ขอบคุณที่มาจาก https://payanakara.blogspot.com/2012/06/blog-post_2864.html
     
  2. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,425
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,022
    ค่าพลัง:
    +70,063
    พญานาค ผู้มีสัมมาทิฐิหลายท่าน ปฏิญานตนบำเพ็ญตบะธรรมอย่างยิ่งยวด
    เพื่อประโยชน์ตนและพระพุทธศาสนา
    ช่วยรักษาพระศาสนา

    เป็นอีกภพภูมิที่ยังต้องการเกิดมาเกิดในภพมนุษย์เพื่อกระทำมรรคผลนิพพานให้เกิด

    การที่มีข่าวว่า บางชีวิตเข้าใจผิดว่าตนบรรลุมรรคผลขั้นสูง เป็นเทวนาคา
    มาเกิด ...
    ผู้ได้ยินข่าวแล้ว ต้องใช้โยนิโสมนสิการให้สูงมากๆ
     
  3. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,425
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,022
    ค่าพลัง:
    +70,063
    นาคในพระไตรปิฎก
    พระไตรปิฎก ฉบับบาลีสยามรัฐ (ภาษาไทย) เล่มที่ ๑๗
    พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๙ สังยุตตนิกาย ขันธวารวรรค ข้อที่ ๕๑๙ – ๕๓๐ หน้าที่ ๒๗๐-๒๗๕

    นาคสังยุต
    ๑ . สุทธกสูตร
    ว่าด้วยกำเนิดนาค ๔ จำพวก


    [ ๕๑๙ ] พระนครสาวัตถี . ณ ที่นั้นแล พระผู้มีพระภาคได้ตรัสว่า

    ดูกรภิกษุทั้งหลาย กำเนิดของนาค ๔ จำพวกนี้ . ๔ จำพวกเป็นไฉน ?
    คือ นาคที่เป็นอันฑชะ เกิดในไข่ ๑ นาคที่เป็นชลาพุชะ เกิดในครรภ์ ๑
    นาคที่เป็นสังเสทชะ เกิดในเถ้าไคล ๑ นาคที่เป็นอุปปาติกะ เกิดผุดขึ้น ๑ .

    ดูกรภิกษุทั้งหลาย กำเนิดของนาค ๔ จำพวกนี้แล .

    จบ สูตรที่ ๑ .

    ๒ . ปณีตตรสูตร
    ว่าด้วยความประณีตของกำเนิดนาคแต่ละจำพวก


    [ ๕๒๐ ] พระนครสาวัตถี . ดูกรภิกษุทั้งหลาย กำเนิดของนาค ๔ จำพวกนี้ .

    ๔ จำพวก เป็นไฉน ? คือ นาคเป็นอัณฑชะ ๑ นาคที่เป็นชลาพุชะ ๑ นาคที่เป็นสังเสทชะ ๑
    นาคที่เป็นอุปปาติกะ ๑ . ในนาค ๔ จำพวกนั้น นาคที่เป็นชลาพุชะ สังเสทชะ และอุปปาติกะ
    ประณีตกว่านาคที่เป็นอัณฑชะ . นาคที่เป็นสังเสทชะและอุปปาติกะ ประณีตกว่านาคที่เป็นอัณฑชะ
    และชลาพุชะ . นาคที่เป็นอุปปาติกะ ประณีตกว่านาคที่เป็นอัณฑชะ ชลาพุชะและสังเสทชะ .

    ดูกรภิกษุทั้งหลาย กำเนิดของนาค ๔ จำพวกนี้แล .

    จบ สูตรที่ ๒ .

    ๓ . อุโปสถสูตรที่ ๑
    ว่าด้วยเหตุปัจจัยให้นาคที่เป็นอัณฑชะรักษาอุโบสถ


    [ ๕๒๑ ] สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน อารามของท่าน
    อนาถบิณฑิกเศรษฐี ใกล้พระนครสาวัตถี . ครั้งนั้น ภิกษุรูปหนึ่งเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาค
    ถึงที่ประทับ ถวายบังคมพระผู้มีพระภาคแล้ว นั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นแล้วได้ทูลถาม
    พระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ อะไรหนอ เป็นเหตุเป็นปัจจัยเครื่องให้นาคที่เป็นอัณฑชะ
    บางพวกในโลกนี้ รักษาอุโบสถและสละกายได้ ?

    พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า
    ดูกรภิกษุ นาคบางพวกที่เป็นอัณฑชะในโลกนี้ มีความคิด อย่างนี้ว่า
    เมื่อก่อน พวกเราเป็นผู้กระทำกรรมทั้งสองด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ
    พวกเรานั้น กระทำกรรมทั้งสองด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ เมื่อตายไป จึงเข้าถึงความเป็นสหาย
    ของพวกนาคที่เป็นอัณฑชะ ถ้าวันนี้พวกเราพึงประพฤติสุจริตด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจไซร้
    เมื่อเป็นอย่างนี้ เมื่อตายไป พวกเราจะพึงเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ เชิญพวกเรามาประพฤติสุจริต
    ด้วยกายด้วยวาจา ด้วยใจเสียในบัดนี้เถิด .

    ดูกรภิกษุทั้งหลาย ข้อนี้แล เป็นเหตุเป็นปัจจัยเครื่อง
    ให้นาคที่เป็นอัณฑชะบางพวกในโลกนี้ รักษาอุโบสถและสละกายได้ .

    จบ สูตรที่ ๓ .

    ๔ . อุโปสถสูตรที่ ๒
    ว่าด้วยเหตุปัจจัยให้นาคที่เป็นชลาพุชะรักษาอุโบสถ


    [ ๕๒๒ ] พระนครสาวัตถี . ครั้งนั้น ภิกษุรูปหนึ่งเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ
    ครั้นแล้วได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ อะไรหนอ เป็นเหตุเป็นปัจจัยเครื่อง
    ให้นาคที่เป็นชลาพุชะบางพวกในโลกนี้ รักษาอุโบสถและสละกายได้ .

    พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า
    ดูกรภิกษุ นาคบางพวกที่เป็นชลาพุชะในโลกนี้ มีความคิดอย่างนี้ว่า
    เมื่อก่อน พวกเราเป็นผู้กระทำกรรมทั้งสองด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ
    พวกนั้นกระทำกรรมทั้งสองด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ เมื่อตายไปจึงเข้าถึงความเป็นสหาย
    ของพวกนาคที่เป็นชลาพุชะ ถ้าวันนี้ พวกเราพึงประพฤติสุจริตด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจไซร้
    เมื่อเป็นอย่างนี้ เมื่อตายไปพวกเราจะพึงเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ เชิญพวกเรามาประพฤติสุจริต
    ด้วยกาย ด้วยวาจาด้วยใจ เสียในบัดนี้เถิด .

    ดูกรภิกษุ ข้อนี้แล เป็นเหตุเป็นปัจจัยเครื่องให้นาคที่เป็นชลาพุชะ บางพวกในโลกนี้
    รักษาอุโบสถและสละกายได้ .

    จบ สูตรที่ ๔ .

    ๕ . อุโปสถสูตรที่ ๓
    ว่าด้วยเหตุปัจจัยให้นาคที่เป็นสังเสทชะรักษาอุโบสถ


    [ ๕๒๓ ] พระนครสาวัตถี . ภิกษุนั้นนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่งแล้ว
    ได้ทูลถามพระผู้มี พระภาคว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ อะไรหนอ เป็นเหตุเป็นปัจจัยเครื่อง
    ให้นาคที่เป็นสังเสทชะ บางพวกในโลกนี้ รักษาอุโบสถและสละกายได้ ?

    พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า
    ดูกรภิกษุ นาคบางพวกที่เป็นสังเสทชะในโลกนี้ มีความ คิดอย่างนี้ว่า
    เมื่อก่อน พวกเราเป็นผู้กระทำกรรมทั้งสองด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ พวกเรา
    นั้นกระทำกรรมทั้งสองด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ เมื่อตายไป จึงเข้าถึงความเป็นสหาย
    ของพวกนาคที่เป็นสังเสทชะ ถ้าวันนี้ พวกเราพึงประพฤติสุจริตด้วยกาย ด้วยวาจา
    ด้วยใจไซร้ เมื่อเป็นอย่างนี้ เมื่อตายไป พวกเราจะพึงเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์
    เชิญพวกเรามาประพฤติสุจริต ด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ เสียในบัดนี้เถิด .

    ดูกรภิกษุ ข้อนี้แล เป็นเหตุเป็นปัจจัยเครื่องให้นาคที่เป็นสังเสทชะบางพวกในโลกนี้
    รักษาอุโบสถและสละกายได้ .

    จบ สูตรที่ ๕ .

    ๖. อุโปสถสูตรที่ ๔
    ว่าด้วยเหตุปัจจัยให้นาคที่เป็นอุปปาติกะรักษาอุโบสถ


    [ ๕๒๔] พระนครสาวัตถี. ภิกษุนั้นนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่งแล้ว
    ได้ทูลถามพระผู้มี พระภาคว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ อะไรหนอเป็นเหตุเป็นปัจจัยเครื่องให้นาค
    ที่เป็นอุปปาติกะบางพวกในโลกนี้ รักษาอุโบสถและสละกายได้?

    พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า
    ดูกรภิกษุ นาคบางพวกที่เป็นอุปปาติกะในโลกนี้
    มีความคิดอย่างนี้ว่า เมื่อก่อน พวกเราได้เป็นผู้กระทำกรรมทั้งสองด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ
    พวกเรานั้นกระทำกรรมทั้งสองด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ เมื่อตายไป จึงเข้าถึงความเป็นสหาย
    ของพวกนาคที่เป็นอุปปาติกะ ถ้าวันนี้ พวกเราพึงประพฤติสุจริตด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ
    เมื่อเป็นอย่างนี้ เมื่อตายไป พวกเราจะพึงเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ เชิญพวกเรามาประพฤติสุจริต
    ด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ เสียในบัดนี้เถิด.

    ดูกรภิกษุ ข้อนี้แล เป็นเหตุ เป็นปัจจัยให้นาคที่ เป็นอุปปาติกะบางพวกในโลกนี้
    รักษาอุโบสถและสละกายได้.

    จบ สูตรที่ ๖.

    ๗. สุตสูตรที่ ๑
    ว่าด้วยเหตุปัจจัยให้บุคคลเข้าถึงความเป็นสหายของนาคที่เป็นอัณฑชะ


    [ ๕๒๕] พระนครสาวัตถี. ภิกษุนั้นนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่งแล้ว
    ได้ทูลถามพระผู้มี พระภาคว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ อะไรหนอเป็นเหตุ เป็นปัจจัยให้บุคคลบางคนในโลกนี้
    เมื่อตายไปเข้าถึงความเป็นสหายของพวกนาคที่เป็นอัณฑชะ พระเจ้าข้า?

    พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า
    ดูกรภิกษุ บุคคลบางคนในโลกนี้ เป็นผู้กระทำกรรมทั้งสอง ด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ เขาได้สดับมาว่า
    พวกนาคที่เป็นอัณฑชะ มีอายุยืน มีวรรณะงาม มีความสุขมาก. เขาจึงมีความปรารถนาอย่างนี้ว่า
    โอหนอ เมื่อตายไป ขอเราพึงเข้าถึงความ เป็นสหายของพวกนาคที่เป็นอัณฑชะ.

    ดูกรภิกษุ ข้อนี้แลเป็นเหตุ เป็นปัจจัย ให้บุคคลบางคน ในโลกนี้ เมื่อตายไป เข้าถึงความเป็นสหาย
    ของพวกนาคที่เป็นอัณฑชะ.

    จบ สูตรที่ ๗.

    ๘. สุตสูตรที่ ๒
    ว่าด้วยเหตุปัจจัยให้บุคคลเข้าถึงความเป็นสหายของนาคที่เป็นชลาพุชะ


    [ ๕๒๖] พระนครสาวัตถี. ภิกษุนั้นนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่งแล้ว
    ได้ทูลถามพระผู้มี พระภาคว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ อะไรหนอ เป็นเหตุ เป็นปัจจัย ให้บุคคลบางคน
    ในโลกนี้เมื่อตายไป เข้าถึงความเป็นสหายของพวกนาคที่เป็นชลาพุชะ พระเจ้าข้า?

    พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า
    ดูกรภิกษุ บุคคลบางคนในโลกนี้ เป็นผู้กระทำกรรม ทั้งสองด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ เขาได้สดับมาว่า
    พวกนาคที่เป็นชลาพุชะ มีอายุยืน มีวรรณะงาม มีความสุขมาก. เขาจึงมีความปรารถนาอย่างนี้ว่า
    โอหนอ เมื่อตายไป ขอเราพึง เข้าถึงความเป็นสหายของพวกนาคที่เป็นชลาพุชะ. ครั้นตายไป เขาย่อมเข้าถึง
    ความเป็นสหายของ พวกนาคที่เป็นชลาพุชะ.

    ดูกรภิกษุ ข้อนี้แล เป็นเหตุ เป็นปัจจัย ให้บุคคลบางคนในโลกนี้ เมื่อตายไป เข้าถึงความเป็นสหาย
    ของพวกนาคที่เป็นชลาพุชะ.

    จบ สูตรที่ ๘.

    ๙. สุตสูตรที่ ๓
    ว่าด้วยเหตุปัจจัยให้บุคคลเข้าถึงความเป็นสหายของนาคที่เป็นสังเสทชะ


    [ ๕๒๗] พระนครสาวัตถี. ภิกษุนั้นนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่งแล้ว
    ได้ทูลถามพระผู้มี พระภาคว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ อะไรหนอ เป็นเหตุ เป็นปัจจัย
    ให้บุคคลบางคนในโลกนี้เมื่อตายไป เข้าถึงความเป็นสหายของพวกนาคที่เป็นสังเสทชะ พระเจ้าข้า?

    พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า
    ดูกรภิกษุ บุคคลบางคนในโลกนี้เป็นผู้กระทำกรรมทั้งสอง
    ด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ เขาได้สดับมาว่า พวกนาคที่เป็นสังเสทชะ มีอายุยืน มีวรรณะงาม
    มีความสุขมาก. เขาจึงมีความปรารถนาอย่างนี้ว่า โอหนอ เมื่อตายไป ขอเราพึงเข้าถึงความเป็นสหาย
    ของพวกนาคที่เป็นสังเสทชะ. ครั้นตายไป เขาย่อมเข้าถึงความเป็นสหายของพวกนาคที่เป็นสังเสทชะ.

    ดูกรภิกษุ ข้อนี้แลเป็นเหตุ เป็นปัจจัย ให้บุคคลบางคนในโลกนี้ เมื่อตายไป
    เข้าถึงความเป็นสหายของพวกนาคที่เป็นสังเสทชะ.

    จบ สูตรที่ ๙.

    ๑๐. สุตสูตรที่ ๔
    ว่าด้วยเหตุปัจจัยให้บุคคลเข้าถึงความเป็นสหายของนาคที่เป็นอุปปาติกะ


    [ ๕๒๘] พระนครสาวัตถี. ภิกษุนั้นนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่งแล้ว
    ได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ อะไรหนอ เป็นเหตุ เป็นปัจจัย ให้บุคคลบางคน
    ในโลกนี้เมื่อตายไป เข้าถึงความเป็นสหายของพวกนาคที่เป็นอุปปาติกะ พระเจ้าข้า?

    พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า
    ดูกรภิกษุ บุคคลบางคนในโลกนี้ เป็นผู้กระทำกรรมทั้งสอง ด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ เขาได้สดับมาว่า
    พวกนาคที่เป็นอุปปาติกะ มีอายุยืน มีวรรณะงาม มีความสุขมาก. เขาจึงมีความปรารถนาอย่างนี้ว่า
    โอหนอ เมื่อตายไป ขอเราพึงเข้าถึงความเป็น สหายของพวกนาคที่เป็นอุปปาติกะ. ครั้นตายไป เขาย่อมเข้าถึง
    ความเป็นสหายของพวกนาคที่ เป็นอุปปาติกะ.

    ดูกรภิกษุ ข้อนี้แลเป็นเหตุ เป็นปัจจัย ให้บุคคลบางคนในโลกนี้ เมื่อตายไป
    เข้าถึงความเป็นสหายของพวกนาคที่เป็นอุปปาติกะ.

    จบ สูตรที่ ๑๐.

    ๑๑- ๒๐ อัณฑชทานูปการสูตรที่ ๑- ๑๐
    ว่าด้วยเหตุปัจจัยให้บุคคลเข้าถึงความเป็นสหายของพวกนาค


    [ ๕๒๙] พระนครสาวัตถี. ภิกษุนั้นนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่งแล้ว
    ได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ อะไรหนอ เป็นเหตุ เป็นปัจจัย ให้บุคคลบางคน
    ในโลกนี้เมื่อตายไป เข้าถึงความเป็นสหายของพวกนาคที่เป็นอัณฑชะ พระเจ้าข้า?

    พระผู้มีพระภาคตรัสว่า
    ดูกรภิกษุ บุคคลบางคนในโลกนี้ เป็นผู้กระทำกรรมทั้งสองด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ เขาได้สดับมาว่า
    พวกนาคที่เป็นอัณฑชะ มีอายุยืน มีวรรณะงาม มีความสุขมาก. เขาจึงมีความปรารถนาอย่างนี้ว่า
    โอหนอ เมื่อตายไป ขอเราพึงเข้าถึงความเป็น สหายของพวกนาคที่เป็นอัณฑชะ. เขาจึงให้ข้าว น้ำ ผ้า
    ยาน มาลา ของหอม เครื่องลูบไล้ ที่นอน ที่พัก ประทีป และอุปกรณ์แห่งประทีป เมื่อตายไป เขาย่อมเข้าถึง
    ความเป็นสหาย ของพวกนาคที่เป็นอัณฑชะ.

    ดูกรภิกษุ ข้อนี้แล เป็นเหตุ เป็นปัจจัยให้บุคคลบางคนในโลกนี้ เมื่อตายไป เข้าถึงความเป็นสหาย
    ของพวกนาคที่เป็นอัณฑชะ.

    จบ สูตรที่ ๑๑- ๒๐

    ๒๑- ๕๐ ชลาพุชาทิทานูปการสูตรที่ ๑- ๓๐
    ว่าด้วยเหตุปัจจัยให้บุคคลเข้าถึงความเป็นสหายของพวกนาค


    [ ๕๓๐] พระนครสาวัตถี. ภิกษุนั้นนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่งแล้ว
    ได้ทูลถามพระผู้มี พระภาคว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ อะไรหนอเป็นเหตุ เป็นปัจจัยให้บุคคลบางคน
    ในโลกนี้ เมื่อตายไป เขาย่อมเข้าถึงความเป็นสหายของพวกนาคที่เป็นชลาพุชะ ... ของพวกนาค
    ที่เป็นสังเสทชะ ... ของพวกนาคที่เป็นอุปปาติกะ?

    พระผู้มีพระภาคตรัสว่า
    ดูกรภิกษุ บุคคลบางคนในโลกนี้ เป็นผู้กระทำกรรมทั้งสองด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ
    เขาได้สดับมาว่า พวกนาคที่เป็นอุปปาติกะ มีอายุยืน มีวรรณะงาม มีความสุขมาก.
    เขาจึงมีความปรารถนาอย่างนี้ว่า โอหนอ เมื่อตายไป ขอเราพึงเข้าถึงความเป็นสหายของพวกนาค
    ที่เป็นอุปปาติกะ. เขาจึงให้ข้าว น้ำ ผ้า ยาน มาลา ของหอม เครื่องลูบไล้ ที่นอน ที่พัก ประทีป
    และอุปกรณ์แห่งประทีป เมื่อตายไป เขาย่อมเข้าถึงความเป็นสหายของพวกนาคที่เป็นอุปปาติกะ.

    ดูกรภิกษุ ข้อนี้แลเป็นเหตุ เป็นปัจจัยให้บุคคลบางคนใน
    โลกนี้ เมื่อตายไป เข้าถึงความเป็นสหายของพวกนาคที่เป็นอุปปาติกะ.

    จบ สูตรที่ ๒๑- ๕๐

    จบ นาคสังยุต.
     
  4. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,425
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,022
    ค่าพลัง:
    +70,063
    พระพุทธองค์ ทรงตอบคำถามภิกษุ เรื่องตัวแทนแห่งพระศาสดาเมื่อทรงละกายสังขารไปแล้ว

    ทรงบอกไว้ มีใจความคือ ธรรมและวินัยที่พระองค์ทรงบัญญัติไว้ดีแล้ว จักเป็นศาสดาแทนพระตถาคต

    ------------------

    ไม่ได้มอบหมาย สั่งสอน ให้ยึดติดตัวบุคคลหรือพระสาวกเพื่ยงองค์ใดองค์หนึ่ง
    เราเคารพพระสาวกและผู้ปฏิบัติดีตามพระธรรม-พระวินัย เป็นองค์หนึ่งในพระรัตนตรัย
    เป็นผู้ควรสักการะ

    แต่ไม่ใช่ให้ความสำคัญเทียบเท่าพระพุทธองค์


    มาพิจารณา ปลงสังเวช
    สั่งสอนตัวเองว่า

    " ดูสิ สมัยที่พระพุทธองค์พระสมณโคตมยังทรงกายสังขาร เพียงแค่เทวฑัตแปลงร่าง แสดงฤทธิ์ต่อพระเจ้าอชาติศัตรู และผู้หลงผิดจำนวนมาก ก็ยังพากันเป็นกบฏต่อพระพุทธองค์
    ประสาอะไรกับยุคนี้ ที่วัตถุเจริญ สื่อเท็จมากมาย จะนำคนให้หลงผิดไปมากมายขนาดนี้ "
     
  5. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,425
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,022
    ค่าพลัง:
    +70,063
  6. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,425
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,022
    ค่าพลัง:
    +70,063
    ที่เขื่อนภูมิพล มีพญานาคตนหนึ่งถูกขังไว้อยู่ที่นั่น พญานาคตนนี้มีนิสัยอันธพาลดุร้าย ไปล่มเรือทำให้มีคนตาย พญานาคตนนี้ล่มเรือพระและชาวบ้านตายมาหลายคนแล้ว
    พญานาคตนนี้มีฤทธิ์เดชมาก ไม่มีพญานาคตนไหนในแม่ระมิงค์สู้ฤทธิ์ของมันได้ ถ้าพญานาคตนนี้ไม่ถูกขังไว้ มันจะทำร้ายคนและสัตว์ให้ได้รับอันตรายล้มตาย เพราะอำนาจฤทธิ์ของมัน
    ถามท่านว่า พญานาคตนนี้ถูกขังไว้ยังไง
    หลวงปู่ชอบท่านบอกว่า
    "ถูกขังด้วยข่ายฤทธิ์ครอบไว้ ถ้าจิตมันแสดงโทสะ ข่ายฤทธิ์นี้ก็จะบีบรัดตัวมันให้แรงเข้า เท่ากับโทสะที่มันมีในตอนนั้น มันจะเดินทางไปไหนมาไหน หรือจะแสดงฤทธิ์ไม่ได้เพราะถูกข่ายฤทธิ์นี้ครอบเอาไว้
    พญานาคตนนี้จะพ้นจากการถูกขังด้วยเหตุ 2 ประการ สำนึกในบาปกรรมของตนเอง หรือพ้นจากชาติการเกิดเป็นพญานาค
    แต่ที่น่ากลัวที่สุดคือพญานาคตนนี้หลังจากพ้นภูมิพญานาคแล้ว จะตกนรกทันที เนื่องจากกรรมปาณาติบาตฆ่ามนุษย์"

    หลวงปู่ชอบ ฐานสโม

    ?temp_hash=65e175f3689e1b16312f31f781745fef.jpg
    *****************

    ที่มา https://web.facebook.com/profile.php?id=100070872792773&__cft__[0]=AZVDd8IQWjYw_HSPdG5esqOecy6Y7EizpASaoS5jGD6KcNWA3MZFbHggswPhDbK2yiR74UzMnkhqSsExe9kuEnfNpOWTE-GtW0DdBPkpYj3fEbooBiH32Lsm1GzSNHznGC_Suli997VtZfmJZud5HQUuOs93YNuTTiilAcd2b2iTzpb8f_vmYlo5eFy07h_jt6U4g2LwkrFvcm6eUDaH13ll&__tn__=-UC,P-R
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  7. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,425
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,022
    ค่าพลัง:
    +70,063
    พระชาติในอดีตของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์ปัจจุบัน
    ****************************************************************************
    ?temp_hash=31a879d554c0a1831a6f5aa2ca660427.jpg



    พระพุทธเจ้าเคยเกิดเป็นพญานาค
    (อตุลนาคราช)
    .
    ในอรรถกถาชาดก เอกนิบาต ขุททกนิกาย ชาดก เล่ม ๓ ภาค ๑ หน้าที่ ๕๘ กล่าวถึงพระพุทธเจ้าเคยเป็นพญานาคว่า ในกาลนั้น พระโพธิสัตว์เกิดเป็นพญานาคชื่อ “อตุละ” เมื่อได้ทราบข่าวการอุบัติขึ้นของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้วก็ปิติพระพุทธเจ้าเคยเกิดเป็นพญานาค (อตุลนาคราช)
    ในอรรถกถาชาดก เอกนิบาต ขุททกนิกาย ชาดก เล่ม ๓ ภาค ๑ หน้าที่ ๕๘ กล่าวถึงพระพุทธเจ้าเคยเป็นพญานาคว่า ในกาลนั้น พระโพธิสัตว์เกิดเป็นพญานาคชื่อ “อตุละ” เมื่อได้ทราบข่าวการอุบัติขึ้นของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้วก็ปิติยิ่ง รีบพาเหล่าญาติบริวารออกจากเมืองเข้าเฝ้าโดย กระทำอธิการอันยิ่งใหญ่ ได้แก่ถวายภัตตาหารแด่พระภิกษุสงฆ์จำนวนถึงหนึ่งแสนโกฏิ มีพระพุทธเจ้าเป็นประธาน ถวายผ้าจีวรรูปละ ๑ คู่ ขอถือพระพุทธองค์เป็นสรณะ พร้อมกล่าวคำขอเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งในอนาคต
    .
    พระบรมศาสดาสุมนะพุทธเจ้าตรัสพุทธพยาการณ์ว่าอีก ๒ อสงไขยแสนกัป จะได้เป็นสมปรารถนา คือ จะได้ตรัสรู้อนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณเป็นพระพุทธเจ้าในอนาคตอย่างแน่นอน โดยพระนครของพระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้นชื่อ เมขลา พระราชาทรงพระนามว่า สุทัตตะ เป็นพระราชบิดาพระราชมารดาทรงพระนามว่า สิริมา พระอัครสาวกสององค์คือ สรณะ และ ภาวิตัตตะ พระอุปราชนามว่าอุเทนะ พระอัครสาวิกาสององค์นามว่า โสณาและอุปโสณา และต้นนาคพฤกษ์เป็นไม้ตรัสรู้ พระสรีระสูงได้ ๙๐ ศอก ประมาณพระชนมายุได้ ๙๐,๐๐๐ ปี ด้วยประการฉะนี้
    อตุลนาคราชมีความยินดีเป็นอย่างยิ่ง พากันกลับเมืองนาค มีความปีติด้วยคำพยากรณ์จนสิ้นชีวิต
    .
    ในชาตินี้พระโพธิสัตว์มิได้ออกบวชเป็นภิกษุเพราะไม่ได้กำเนิดเป็นมนุษย์ และไม่ได้บำเพ็ญเพียรเจริญภาวนา ให้ได้ฌาน อภิญญา สมาบัติ อันใด เพราะเป็นการกระทำที่ยากเกินวิสัย คงบำเพ็ญความดีอันเป็นบุญกุศลที่พอเหมาะกับอัตภาพของตน เช่น เรื่องทาน เรื่องศีล เท่านั้น
    ยิ่ง รีบพาเหล่าญาติบริวารออกจากเมืองเข้าเฝ้าโดย กระทำอธิการอันยิ่งใหญ่ ได้แก่ถวายภัตตาหารแด่พระภิกษุสงฆ์จำนวนถึงหนึ่งแสนโกฏิ มีพระพุทธเจ้าเป็นประธาน ถวายผ้าจีวรรูปละ ๑ คู่ ขอถือพระพุทธองค์เป็นสรณะ พร้อมกล่าวคำขอเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งในอนาคต
    .
    พระบรมศาสดาสุมนะพุทธเจ้าตรัสพุทธพยาการณ์ว่าอีก ๒ อสงไขยแสนกัป จะได้เป็นสมปรารถนา คือ จะได้ตรัสรู้อนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณเป็นพระพุทธเจ้าในอนาคตอย่างแน่นอน โดยพระนครของพระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้นชื่อ เมขลา พระราชาทรงพระนามว่า สุทัตตะ เป็นพระราชบิดาพระราชมารดาทรงพระนามว่า สิริมา พระอัครสาวกสององค์คือ สรณะ และ ภาวิตัตตะ พระอุปราชนามว่าอุเทนะ พระอัครสาวิกาสององค์นามว่า โสณาและอุปโสณา และต้นนาคพฤกษ์เป็นไม้ตรัสรู้ พระสรีระสูงได้ ๙๐ ศอก ประมาณพระชนมายุได้ ๙๐,๐๐๐ ปี ด้วยประการฉะนี้
    อตุลนาคราชมีความยินดีเป็นอย่างยิ่ง พากันกลับเมืองนาค มีความปีติด้วยคำพยากรณ์จนสิ้นชีวิต
    .
    ในชาตินี้พระโพธิสัตว์มิได้ออกบวชเป็นภิกษุเพราะไม่ได้กำเนิดเป็นมนุษย์ และไม่ได้บำเพ็ญเพียรเจริญภาวนา ให้ได้ฌาน อภิญญา สมาบัติ อันใด เพราะเป็นการกระทำที่ยากเกินวิสัย คงบำเพ็ญความดีอันเป็นบุญกุศลที่พอเหมาะกับอัตภาพของตน เช่น เรื่องทาน เรื่องศีล เท่านั้น

    ที่มา https://web.facebook.com/profile.php?id=100063323823859
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...