ธรรม...........หลวงปู่แหวน

ในห้อง 'หลวงปู่แหวน' ตั้งกระทู้โดย rinnn, 5 ตุลาคม 2006.

  1. rinnn

    rinnn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    7,666
    ค่าพลัง:
    +24,024
    เป็นบทความที่ติดไว้เตือนใจตัวเองบนโต๊ะทำงาน เมื่อใดที่ทุกข์เกิดขึ้น ก็ได้อาศัยข้อธรรมะนี้เตือนใจตัวเองให้ละวางทุกข์นั้น ความสงบเย็นแห่งธรรมะนี้ได้ช่วยให้ผ่านทุกข์ต่าง ๆ มาได้ด้วยสติและใจสงบเสมอค่ะ

    หวังว่าธรรมะนี้จะเป็นประโยชน์กับหลาย ๆ คนนะคะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากใครที่กำลังมีทุกข์ ไม่ว่าในเรื่องใด ก็ขอให้ธรรมะจากหลวงปู่แหวนที่คัดลอกมานี้ ได้ช่วยให้เกิดความร่มเย็นในจิตใจ ผ่านพ้นทุกข์ได้ด้วยสติและใจอันสงบ เกิดปัญญาแก้ปัญหาได้ และปลูกสร้างศรัทธาให้เจริญในธรรมยิ่ง ๆ ขึ้นไปคะ

    หากท่านใดชอบใจ จะคัดลอกต่อเพื่อเผยแพร่ต่อ ๆ กันไป ก็ยินดี และขอร่วมอนุโมทนาด้วยค่ะ


    "การละอารมณ์"

    มรณาตัวนี้ตัวเดียว ทั้งโลกเต็มแผ่นดินนี้มีแต่มรณาทั้งนั้น เราก็คนหนึ่ง เราเกิดมาแล้ว มันต้องมีความแก่ ความเจ็บ ความตาย ทุกรูปทุกนาม มันเป็นกงจักรใหญ่ให้มนุษย์และสัตว์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย อยู่ในโลกอันนี้ ในไตรโลกทั้งสามนี้แหละ ไม่พ้นไปสักที

    ตัดอดีตอนาคตเป็นอันเดียวกัน อดีตอนาคตมีมาแต่ดึกดำบรรพ์ ทำดีก็ดี ทำร้ายก็ดี มุ่งอยู่ที่กามตัณหานี่แหละ ความพอใจก็ตัณหา ความไม่พอใจก็ตัณหา ภวตัณหาก็ดี วิภวตัณหาก็ดี ทั้งสามนี้ เหล่านี้ ละให้สิ้น มันเกิดขึ้นในใจ ก็นำออกจากจิตจากใจของตนเสีย

    ศีลห้า อยู่ที่ขาสอง แขนสอง หัวหนึ่ง รูป เสียง กลิ่น รส กามารมณ์ทั้ง 5 ปล่อยให้ผ่านไปผ่านมา ดีก็ไม่ว่า ไม่ดีก็ไม่ว่า เรื่องราวเต็มโลก เต็มบ้านเต็มเมือง เราก็วางเสีย ละเสีย ละอยู่ที่กายที่ใจตนนี่แหละ อย่าไปละที่อื่น

    การหอบอดีตและอนาคตมาหมักสุมไว้ในใจก็เป็นทุกข์ ตัดออกให้หมด หูของเรา ตาของเรา จมูกของเรา ก็เป็นปกติอยู่แล้ว รูป เสียง กลิ่น รส กามารมณ์นนั้นต่างหาก ปล่อยให้เขาผ่านไปผ่านมา อย่าเอาหมักไว้ในใจ ใจของเราก็ไม่ได้ไปไหน มันก็ตั้งอยู่เป็นปกติอยู่แล้ว เราก็ตัดอื่น ๆ ที่ผ่านไปผ่านมาออกเสีย ทำใจของเราให้สงบ มันก็ต้องวางหมด ตา หู จมูก ลิ้น กาย ทั้งอดีตอนาคตอันใดที่ได้ยินมาพอแล้ว ได้เห็นมาพอแล้ว อยู่ทางโลกก็ดี อยู่คนเดียวก็ดี อันใดก็ดี วางอยู่ที่นี่แหละ ละอยู่ที่นี่แหละ ความหลงก็พอแล้ว โลภก็พอแล้ว โกรธก็พอแล้ว ความโศก ความเศร้า กิเลส ตัณหา ความพอใจ ความไม่พอใจ ก็ตัณหาแหละ ละมันเสีย


    "การสละออกจากใจ"

    จาโค ปฏินิสสัคโค สละคืนถอนออกจากใจนี้เสีย

    คนเรามันรักสุข เกลียดทุกข์นี่ หนักก็หนักอยู่ตรงนี้แหละ ไม่รับความจริง

    เราเกิดมา นินทา สรรเสริญก็ดี อย่าไปรับเอามาหมักไว้ใจ ปล่อยผ่านไปเสีย

    ความรัก ความชัง ความโลภ ความหลง เกิดขึ้น เพราะกิเลสมันเสวนากันอยู่

    กามตัณหา ภวตัณหา วิภวตัณหาทั้งหลาย ก็ไหลมาจากเหตุ ให้ละเสียให้หมด ให้ตั้งอยู่ในศีล ตั้งอยู่ในทาน ตั้งอยู่ในการบำเพ็ญกุศล ละบาปทางกาย ทางวาจา ทางใจ บาปอันใดยังอยู่ละเสียให้หมด กายทุจริต วาจาทุจริต ใจทุจริต นำออกให้หมด แล้วรักษากายสุจริต วาจาสุจริต ใจสุจริตไว้ เมื่อนำทุจริตออกหมดแล้วจะเหลือแต่สุจริตธรรม ตั้งอยู่ในศีล กายก็เป็นศีล วาจาก็เป็นศีล ใจก็เป็นศีล เป็นธรรม เป็นมรรค เป็นผล ตั้งขึ้นในจิตในใจ ละวางทุจริตธรรม สุจริตธรรมตั้งอยู่แล้ว จิตก็เบาสบาย

    อดีตที่ล่วงไปแล้ว ยังหอบเอามาหมักไว้ในใจก็เดือดร้อน ต้องเอาศีลนั่นแหละนำออกให้หมด

    ธรรมปฏิบัติ เรื่องต้องน้อมเข้ามาสู่ใจ

    ให้รักษาพระไตรสรณคมน์ให้แน่นหนา รักษาพระไตรสรคมน์ให้ตลอดชีวิต รักษากาย วาจา ใจ ให้บริสุทธิ์ อย่าลืมตัว เอาใจนี้แหละเป็นผู้รู้ ให้พิจารณากาย ใจนี้ให้รู้แจ้ง

    หมายเหตุ: จากหนังสือ "ธรรมโอวาท 9 หลวงปู่อริยสงฆ์"

    ที่มาจาก
    http://www.budpage.com/budboard/show_content.pl?b=1&t=3043
     

แชร์หน้านี้

Loading...