ทำอย่างไรจึงจะชักนำให้ลูกน้องหรือผู้ใต้บังคับบัญชา สนใจในการปฏิบัติธรรมได้ครับ

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย พฤติจิต, 23 ธันวาคม 2004.

  1. พฤติจิต

    พฤติจิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ธันวาคม 2004
    โพสต์:
    124
    ค่าพลัง:
    +230
    ทำอย่างไรดีครับถึงจะช่วยให้เพื่อนร่วมงาน หรือผู้ใต้บังคับบัญชานั้นสนใจในธรรมะและคิดจะปฏิบัติธรรม
    โดยปกติจะนั่งกรรมฐานสวดมนต์เป็นประจำโดยพวกเค้าก็รับรู้กันอยู่ และยังมีการบอกบุญและทำเป็นตัวอย่างทุกๆวัน เช่น สังฆทานวันละ 1 บาท พยายามยกเคสตัวอย่างเอามาสอนธรรมะเท่าที่ทำได้ ใช้วิธีการหลายอย่างแต่คิดว่าประสบผลสำเร็จไม่เท่าที่ควรครับ ใครมีความเห็นอื่นๆ ช่วยบอกหน่อยนะครับ
    ขอขอบพระคุณในคำแนะนำครับ
     
  2. Fat man

    Fat man เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กันยายน 2004
    โพสต์:
    248
    ค่าพลัง:
    +447
    น่าสนใจครับ

    ส่วนหนึ่งคงต้องบุญกุศลของคนๆนั้นนะครับ ที่จะรับได้หรือไม่
    แล้วก็บางคนจะเจอกับจุดหักเหของชีวิต(หรือจังหวะ) จึงจะหันมาสนใจ

    ถ้าคุณพฤติจิตเป็นหัวหน้าผม แล้ว(เมื่อก่อน)มาชวนผม ผมอาจจะเบื่อ เพราะ(เมื่อก่อน)ผมไม่สนใจ จะพูดกันไม่สนุก
    แต่ถ้าตอนนี้ผมสนใจเรื่องนี้อยู่แล้ว เราจะคุยกันถูกคอยิ่งขึ้นในฐานะเจ้านายกับลูกน้องน่ะครับ

    คงค่อยเป็นค่อยไป อาจจะดีกว่าไหม
     
  3. casy99

    casy99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2004
    โพสต์:
    311
    ค่าพลัง:
    +449
    ว่างๆก็ชวนคุยเรื่องที่เขาชอบก่อน แล้วค่อยวกไปหาเรื่องธรรมเรื่องศาสนา
     
  4. พฤติจิต

    พฤติจิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ธันวาคม 2004
    โพสต์:
    124
    ค่าพลัง:
    +230
    ขอบคุณครับถือเป็นหลักการที่ดีแต่มีข้อสังเกตอย่างนี้ครับ
    1.ผู้ร่วมงานของผมเกือบทุกคนอายุน้อยกว่า 25 ปี และเป็นผู้หญิงเกือบทั้งหมด ทุกคนนั้น รักสวย รักงาม และก็ชอบที่จะพูดคุยกันในเรื่อง ของ ผู้ชายอันนี้ หนึ่งหละและก็พูดเรื่องเกียวกับ SEX นี่เป็นเรื่องที่สองที่เค้ามักจะหยาบโลนกันประจำ จะให้ผมคุยเรื่องของผู้ชายคงยากส์นี๊ดสสส และจะให้หยาบดลนนี่ก็เกิดผิดศีลอีกหละแต่บางครั้งคำว่า สังคม ผมต้องทำ(จริงไม่ควรใช้คำว่าต้อง)
    2.ส่วนใหญ่พนง นั้นมักจะเป็นคนกลุ่มที่มีการศึกษาระดับป.ตรี ขึ้นทุกคนจะมีอัตตาสูงมากๆๆ จะทำไงดีสำหรับกรณีนี้
    3.ผมเคยจับเอาตอนที่เค้าเกิดความทุกขเวทนาเอามาใช้ จับจุดมาพูดให้เค้าได้พูดคุยถึงเรื่องที่เค้าทุกข์มาก เค้าก็พูดออกมามากมายจากนั้นผมก็จับประเด็น ให้เค้ารู้จักหาเหตุแห่งทุกข์นั้นก่อน
    เค้าก็หาได้ทางโลก แต่พอบอกว่าให้เค้าลองหาเหตุแห่งทุกข์จริงๆ ที่เกิดจากการเอาจิตออกนอกเค้าไม่ฟังเลย....บางครั้งเหนื่อยจนไม่พูดแต่อยากให้เค้ารู้จังว่าเป้นวิธีที่ดีที่สุดในโลกในการที่จะดับทุกข์ แต่ผมมิได้เป็นทุกข์กับเรื่องนี้นะครับ
    2.
     
  5. NewSaRaN

    NewSaRaN สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ธันวาคม 2004
    โพสต์:
    7
    ค่าพลัง:
    +1
    คงต้องพยายามไปเรื่อย ๆ ละมังครับ

    ให้คิดซะว่าเหมือนน้ำหยดลงหิน ซักวันหินมันก็จะกร่อน

    แต่อย่าคิดนะว่า สอนไปก็เหมือนกับตักน้ำรดหัวตอ

    ถ้าเป็นแบบนั้น ความตั้งใจของคุณที่คิดดีมาตลอด

    จะสูญเปล่าเอานะครับ
     
  6. casy99

    casy99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2004
    โพสต์:
    311
    ค่าพลัง:
    +449
    1.พยายามสังเกตว่าพวกเขาดูละครเรื่องอะไรหรือดาราคนไหนกำลังเป็นยอดนิยมกันเป็นส่วนใหญ่ ลองดูละครบ้างอ่านเรื่องของดาราที่เป็นจุดสนใจของกลุ่มบ้าง พอเขาจับกลุ่มคุยกันเรื่องละครเรื่องดาราก็เสริมเลยแลงจากนั้นลองสังเกต(จะความรู้ระดับไหนเรื่องละครTVถ้าเรื่องไหนกำลังฮิตร้อยละ 90 ดูแน่นอน)
    2.แสดงให้พวกเขาเห็นว่างานที่เราสั่งไป เราทำได้และทำได้อย่างดีด้วย สามารถให้คำแนะนำเรื่องงานได้อย่างชัดเจนถูกต้อง อัตตาจะลดไปเอง
    3.คนทุกคนสภาวะธรรมในการรับรู้ เข้าใจ สูง-ต่ำ ไม่เท่ากัน บางคนไม่มีเลยและไม่สนใจที่จะสร้าง แต่ส่วนใหญ่หากผู้ที่ต้องการจะอบรมสั่งสอน สามารถประยุกต์ให้เข้ากับสถานะการปัจจุบันทั่วไป สามารถเห็นได้เปรียบเทียบได้ ส่วนใหญ่จะค่อยๆยอมรับ แต่ก็คงไม่เร็วนัก
     
  7. บูริณ

    บูริณ บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    ในความคิดผม

    ถ้าเราอยากให้เค้าทำอย่างไร เราก็ต้องทำให้เค้าดูก่อน ในตอนแรกเชื่อดิครับว่าจะดูแปลกๆในสายตาของลูกน้อง น้อยคนที่จะเห็นดีเห็นงามอยากร่วมด้วย แต่ไม่ใช่ว่าเค้าเป็นคนไม่ดีนะครับ แต่คุณต้องดูสภาพแวดล้อม เค้าก่อน คือ ในตอนนี้เค้ายังต้องการปัจจัย4 ให้เพียงพอก่อน เค้ายังไม่เห็นถึงความจำเป็นใดที่จะทำบุญ หรือปฎิบัติธรรม เพราะเค้าคิดว่าตอนนี้ลูกเมียต้องอิ่มท้องก่อน ทำบุญไว้ตอนมีเหลือเก็บก่อนค่อยไป คุณจะต้องใจเย็นที่จะชี้แจงว่าเราไม่ต้องจำเป็นไปที่วัด หรือ ใช้ปัจจัยอะไรมากนัก เอ... ไงต่อดีนี่ คุณเข้าใจผมเปล่านี่ ผมพูดเรื่องจริงๆใกล็ๆตัวนะครับ ต่อนะ เราต้องเป็นแม่แบบว่าการที่เราได้ปฎิบัติธรรมมีอนิสงยังไงบ้าง ทำไม่ยาก อ้อ อีกอย่างสำหรับผู่ที่เราจะคุยเรื่องแบบนี้เราต้องอย่าใช่คำพูดที่ฟังยาก หรืออธิบายแบบขั้นสูงเกินไป ต้องพยายามเปรียบเทียบชี้ให้ชัดๆ และ เข้าถึงไดง่าย พอก่อนนะครับ เพราะรู้ว่าคุณคงจะได้พอสังเขปนะครับ
     
  8. ลีน่า

    ลีน่า บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    สำหรับลีน่านะค่ะ

    ต้องบังคับก่อนเลยค่ะ ไม่ต้องกลัวนะค่ะเพราะเราให้เค้าทำความดีเราไม่กลัวเค้าโกรธหรอกค่ะ แล้ววันหนึ่งเค้าก็จะเข้าใจเราเองค่ะ
     
  9. Fat man

    Fat man เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กันยายน 2004
    โพสต์:
    248
    ค่าพลัง:
    +447
    ขออนุญาตครับ

    ไม่น่าจะบังคับนะคุณลีน่า เพราะอาจจะมีคนกล่าวโทษพระศาสนา
    จะเป็นบาปทั้งผู้ชวนและผู้ถูกชวน แม้ว่าเราจะมีเจตนาที่ดีก็ตาม

    คงค่อยๆทำไปเรื่อยๆ..อาจจะเหมาะกว่านะ
     
  10. ปุถุชน

    ปุถุชน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ธันวาคม 2004
    โพสต์:
    184
    ค่าพลัง:
    +716
    ลองดูนะครับ

    ผมขออนุญาติลองตอบคุณพฤติจิตดังนี้ครับ

    1.ในกลุ่มลูกน้องทั่วๆไปในปัจจุบันประกอบไปด้วยคนทุกศาสนาและหลายความเห็นแม้แต่ในศาสนาเดียวกัน
    2.บริษัทบริวาร หรือสัทธิวิหาริกของคุณพฤติจิต อาจมีหรือไม่มีอยู่ในกลุ่มลูกน้องกลุ่มนี้ แต่อาจยังไม่มาพบกัน
    3. ในฐานะเป็นหัวหน้างาน ดูแลลูกน้องด้วยสังคหวัตถุเป็นอย่างต่ำเพื่อรักษาระดับ Performance ของหน่วยงานไว้ก่อน หัวหน้างานต้องพร้อมที่จะสนุกกับลูกน้อง อย่าให้กลายเป็นขวางโลกในสายตาของลูกน้อง
    4. เวลานี้ทาน ศีล สมาธิ ก็สร้างไปเรื่อยๆ ลูกน้องมีซองผ้าป่า กฐิน บวชนาค โกนจุก หรือของศาสนาอื่นก็ตาม ช่วยเขาไปและแสดงความชื่นชมให้เห็นชัดๆ ช่วงนี้เป็นเวลาเพาะกายให้มีกำลัง
    4. เมื่อบารมีเข้มข้นขึ้น บริษัทบริวารของคุณจะมาหาคุณเอง ตอนนั้นจะไม่มีเวลาให้ตัวเองและครอบครัว เพราะพบครอบครัวตัวจริงที่ใหญ่กว่า และมี Demand จากคุณมากขึ้นเป็นร้อยเท่า
    5. ถึงเวลานั้นไม่มีคำว่าบังคับไปทำบุญ ทำกุศล แค่คุณพูดบอกออกมา มีแต่คนอาสาที่จะทำ

    สรุปคือยังไม่ต้องกังวลเรื่องนี้มากดอกครับ
    ค่อยเป็นค่อยไป
     
  11. ลีน่า

    ลีน่า บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    ถึงทุกคนค่ะ

    ก็ลีน่าหวังดีนี่ค่ะ เลยอยากจะแค่บังคับในตอนแรกๆแล้วเดี๋ยวเค้าก็อาจจะเห็นดีเห็นงานในตอนหลังแค่นั้นเองค่ะ แต่ถ้าท่านอื่นมีวิธีที่ดีกว่าลีน่าก็ดีนะค่ะ ช่วยๆกันคิด อ้อ อย่าลืมเข้ามาตอบของลีน่าบ้างนะค่ะ ลีน่าจะรอค่ะ
     
  12. พฤติจิต

    พฤติจิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ธันวาคม 2004
    โพสต์:
    124
    ค่าพลัง:
    +230
    โธ่ ....คุณลีน่า ไม่น่าเลย เฮ้อๆๆแต่ดีใจมากๆที่คุณลีนามีจิตใจใฝ่ธรรม นะครับ ขออนโมธนา สาธุครับ สาธุ สาธุ ผมว่าคุณลีน่า ควร ใช้ กรรมฐานที่เป็น พรหมวิหาร ธรรมนะครับ คือเมตตา กรุณา มุทิตา อุเปกขา เพราะเหมาะกับจิตของคุณลีน่าครับผม ....และที่สำคัญ อยากให้ผู้ที่มีความรู้ความสามารถเกี่ยวกับการฝึก มโนมยิทธิ ช่วยแนะนำคุณลีน่าได้ไหมครับเกี่ยวกับวิธีการและผลดี-เสียอย่างไร เพราะคุณลีน่าน่าจะเหมาะกับมโนมยิทธิครับ
     
  13. ลีน่า

    ลีน่า บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    ตอบคุณพฤติจิต

    ค่ะ ขอบคุณนะค่ะที่ร่วมอนุโมทนากับลีน่า แบบว่าลีน่าก็อยากเป็นผูหญิงที่ดีพร้อม คือ ทั้ง สวยและ ดีค่ะ
     
  14. Fat man

    Fat man เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กันยายน 2004
    โพสต์:
    248
    ค่าพลัง:
    +447
    สรุป

    สรุปว่าสวย แต่ยังไม่ดีเหรอครับ ( อิอิ)
     
  15. เสาวนีย์(ผู้รู้น้อย)

    เสาวนีย์(ผู้รู้น้อย) บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    เท่าที่อ่านและท่านอื่นๆ แนะนำมา ก็น่านำไปใช้นะค่ะ
    โดยเฉพาะ คุณปุถุชน พูดตรงประเด็นนะ
    แต่คนที่หวังดีเช่นนี้ ต้องมีความอดทน อดกลั้นสูงมากๆ นะค่ะ
    เพราะคนเรามันต่างจิตต่างใจกัน ถึงแม้จะเรียนมาถึงปริญญาตรีก็แล้วเถอะค่ะ มันไม่ใช้เครื่องวัดว่า
    เค้ามีคุณธรรมหรือจะมองเห็นธรรมได้มากแค่ไหน
    ลองมองหาลูกน้องที่มีจริตที่ค่อนข้างมาทางธรรม หรือ เค้าสนใจทางธรรม
    แต่หากเป็นองค์กรของเอกชน มีวิธีการเปิดเทป วีซีดีต่างๆ กล่อมเค้าทุกวันเลยค่ะ
    ตอนนี้มีดาวธรรม จะช่วยคุณได้เยอะจริงๆ นะ
    ส่วนเราใช้วิธีเปิดเน็ต www.dmc.tv ทิ้งไว้ ใครจะฟังก็ฟัง เพราะทำงานแบบครอบครัว ก็ส่วนใหญ่ๆ น้องเราเองทั้งนั้น
    ก่อนหน้านี้ น้องชายคนเล็กที่ต่อต้านวัดพระธรรมกายมากๆ จะด้วยเหตุผลใดก็แล้วแต่ เราไม่สนใจ ตอนนี้รู้สึกอ่อนลงมานิดหนึ่ง (ก็ยังดี)
    ใช้วิธีแทรกซึบเอาค่ะ เราเปิดนะ อย่าคิดว่าเค้าจะไม่ฟังนะ เค้าฟังนะ
    แต่ว่าเค้าจะยอมรับหรือน้อมรับไปกระทำนั้น ก็ต้องอาศัยเวลา
    สังเกตจากน้องชาย ไม่ว่าเรื่องเครสต่างๆ ที่หลวงพ่อธัมมะนำมาเหล่าให้ฟัง บางทีก็บอกว่ามีด้วยเหรอ ไม่อยากเชื่อ นรกมีจริงเหรอ สวรรค์มีจริงเหรอ เอานรกขู่เอาสวรรค์มาล่อ ฯลฯ
    ตอนแรกๆ นะ เปิดเบาๆ เหมือนฟังคนเดียว(เหมือนแอบฟัง) งานก็ทำไป ตัวไม่อยู่ก็เปิดทิ้งไว้อย่างงั้นแหละ แต่แนะนำว่า ต้องเป็นเน็ต ADSL การฟังจะลื่นมากๆค่ะ
    แต่หากติดจานดาวธรรมได้ จะดีค่ะ (กรุณาอย่าคิดว่า วัดต้องการขายจานให้คุณนะ ซึ่งตัวเราไม่มีส่วนได้เสียอะไรเลยเกี่ยวกับการติดจานดาวธรรม เพราะเราเห็นว่าดีจริงๆ) เพราะคุณสามารถเชื่อมต่อกับลำโพงแล้วกระจายไปได้ทั่วได้สะดวกกว่า เปิดเบาๆ ให้เค้าฟังไปเรื่อยๆ หากใครสนใจเค้าจะเดินมาดูที่ TV เองล่ะค่ะ
    หากเป็นองค์กรรัฐคงต้องอนุญาตสูงสุดขององค์กรล่ะมั่งค่ะ แล้วหากไม่มีงบในการซื้อจานดาวธรรม
    ก็สามารถติดต่อไปที่วัดได้นะค่ะ แล้วมีหนทางไหนที่จะช่วยกันได้ พวกเรายินดีจะช่วยเหลือกันไปค่ะ
    การสร้างบารมีทุกอย่างต้องอาศัยเวลา อย่าใจร้อน หากเค้ามีจริตรับรองว่า มาเองค่ะ
     
  16. ปุถุชน

    ปุถุชน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ธันวาคม 2004
    โพสต์:
    184
    ค่าพลัง:
    +716
    แลกเปลี่ยนความเห็นกับคุณเสาวณีย์

    1. คนเราทำงานด้วยกัน ถึงแม้เราเป็นผู้บังคับบัญชา เป็นเจ้านาย แต่ก็ต้องเคารพสิทธิส่วนบุคคลของผู้ร่วมงานซึ่งเขาอาจไม่ชอบอย่างที่เราอยากให้ ปัจจุบันฟ้องร้องกันในศาลได้ เราชาวพุทธอบ่างไรเสียต้องอยู่ในขอบเขตที่บ้านเมืองอนุญาติ
    2. พระพุทธศาสนาไม่มีการทำ Marketing เพราะเป็นของดีของวิเศษอยู่แล้ว ไม่อย่างนั้นเราคงไม่เคารพเทอดทูนพระรัตนตรัยกันขนาดนี้ ขอให้เราถึงพระรัตนเป็นที่พึ่งได้จริงเป็นอันไม่ต้องกลัวว่าศาสนาใดจะมาครอบงำประเทศไทยได้
    3. ศาสนาอื่นต้องพึ่ง Marketing / Sales Tool เช่นล้างบาป ทำสงคราม ล้างสมอง และสารพัดวิธี ผมเองไม่เดือดร้อน
    4. รักลูกน้องเหมือนลูกของเรา ดีที่สุด
     
  17. Anonymous

    Anonymous Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2004
    โพสต์:
    53
    ค่าพลัง:
    +35
    อเวไนยสัตว์(สัตว์ที่ฝึกไม่ได้สอนไม่ไป)นั้นพระท่านยังไม่ยอมเสียเวลาคุยด้วยเลยครับ ดังนั้นปฏิบัติตัวเองให้ถึงพร้อมก่อนเป็นอันดับแรกจะดีกว่าครับ หากตัวเรายังเวียนว่ายอยู่ในทะเลแห่งทุกข์ ยังไม่ถึงฝั่งจะช่วยผู้อื่นได้อย่างไร
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 มกราคม 2005
  18. ธุลีดิน

    ธุลีดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กันยายน 2004
    โพสต์:
    139
    ค่าพลัง:
    +156
    แนะนำให้ติดตั้งจานดาวธรรมที่ทำงานครับ
    หรือเปิดเปิด case study ให้ฟัง
    เมื่อเขาได้เห็นตัวอย่างการให้ผลบุญและบาป
    บ่อยๆเข้า พวกเขาก็จะหันมาสนใจการให้ทาน
    รักษาศีลและภาวนาเอง ค่อยๆเป็นค่อยๆไปนะครับ
    ให้หลวงพ่อช่วยจะดีกว่า
     
  19. sa

    sa บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    ขออนุญาต แสดงความคิดเห็นด้วยคนคะ
    ถ้าเป็นตัวเองนะค่ะ จะทำแบบนี้ค่ะ
    1. จะสังเกตุดูผู้ร่วมงานเป็นรายบุคคลค่ะ คือถ้าคนไหนที่ดูแล้วพอจะมีความสนใจอยู่บ้าง เราก็จะเริ่มชักชวนคนนี้ก่อน อาจจะเริ่มโดยการเอาหนังสือธรรมมะมาให้อ่าน หรือแนะนำ เวป เกี่ยวกับธรรมมะ หรือชวนไปปฏิบัติธรรม
    2. สำหรับผู้ร่วมงานคนไหนที่ สังเกตุดูแล้ว ไม่สนใจ และต่อต้านเรื่องนี้ ก็อย่าไปชวนเลยค่ะ เพราะนอกจากเค้าไม่สนใจแล้ว เค้าอาจจะนำคุณไปพูดในทางที่ไม่ดีได้ นอกจากว่าจะมีเหตุการณ์อะไรมาทำให้เค้าเปลี่ยนใจมาสนใจธรรมะ ทีหลัง คุณก็ค่อยช่วยเค้าตอนนั้นก็แล้วกัน
     

แชร์หน้านี้

Loading...