ถามเกี่ยวกับเรื่องการระวังรักษาศีล

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย tamsak, 9 กรกฎาคม 2008.

แท็ก:
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. tamsak

    tamsak ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2004
    โพสต์:
    7,857
    กระทู้เรื่องเด่น:
    22
    ค่าพลัง:
    +161,172
    ถาม : ..........................

    ตอบ : เรื่องของ ทาน ศีล ภาวนา ทุกสิ่งที่เราทำคนได้ก็คือเราเอง ถามว่าดีอย่างไรก็ต้องดูว่าตัวผลคืออานิสงส์ที่จะได้เป็นอย่างไร ? เอาเรื่องของศีลเป็นตัวอย่าง ทุกคนไม่มีใครอยากให้คนอื่นมาฆ่าเราทำร้ายเรา เพราะฉะนั้นเราก็ไม่ควรที่จะฆ่าใครไม่ควรที่จะทำร้ายใคร เราไม่อยากให้ใครมาลักขโมยของเรา เราก็ไม่ควรจะลักขโมยของ ๆ ใคร คนที่เรารักเราไม่อยากให้คนอื่นมาแย่งไป เราก็อย่าแย่งคนอื่นเขา เราไม่อยากให้ใครมาโกหกเรา เราก็ไม่ควรที่จะโกหกใคร เป็นคนมีสติสัมปชัญญะสมบูรณ์รู้ผิดรู้ถูกรู้อะไรควรรู้อะไรไม่ควรเป็นสิ่งที่ดี ยังไงก็อย่าไปเอายาเสพติดมาย้อมใจตัวเองให้มันมึนเมาจนขาดสติสัมปชัญญะไป ทุกสิ่งที่พระพุทธเจ้าท่านสอนมา ท่านสอนเพื่อให้ตัวเราได้เองทั้งนั้น สิ่งที่เราทำคือเราได้ก่อนแล้ว หลังจากนั้นพอเราทำแล้วตัวเราดี สิ่งที่เราทำดีพอตัวเราดีเสร็จมันก็จะส่งผลไปถึงคนรอบข้างด้วย คนรอบข้างก็เออ...เห็นตัวอย่างที่ดีก็เลียนแบบทำตามมันก็เป็นสังคมที่อยู่เย็นในวงเล็กๆ อาจจะเป็นว่าเฉพาะครอบครัวของเราก่อน

    แต่อย่าลืมว่าทุกครอบครัวตั้งใจทำดีอย่างนี้ หมู่บ้านนั้นทั้งหมู่บ้านก็ดี ทุกๆ หมู่บ้านถ้าตั้งใจทำตำบลนั้นก็จะดี ถ้าทุกตำบลตั้งใจทำอำเภอนั้นก็ดี ทุกอำเภอตั้งใจทำจังหวัดนั้นก็ดี ถ้าทุกจังหวัดพร้อมใจกันทำประเทศของเราต้องดี ทุกสิ่งที่พระพุทธเจ้าท่านสอนท่านสอนเพื่อประโยชน์สุขของเราทั้งนั้น

    สุขในปัจจุบัน คือไม่ต้องไประแวดระวังไม่ต้องไปกลัวภัยอะไร เพราะทุกคนไม่เบียดเบียนกัน สุขในอนาคต ผลที่เราทำ ถ้าหากว่าเกิดจากการให้ทานต่อไปในภายภาคหน้าก็จะเป็นผู้ที่มีฐานะร่ำรวย ผลของการที่เรารักษาศีลก็จะเป็นผู้ที่มีรูปสวย มีจิตใจที่ดีงาม ผลของการเจริญภาวนาเกิดมาก็จะมีปัญญามาก ถ้าหากว่าเป็นทางโลกมีอุปสรรคอะไรก็แก้ไขได้ ถ้าเป็นทางธรรมต้องการจะต้ดกิเลสก็มีปัญญาสามารถตัดกิเลสได้เหล่านี้เป็นต้น

    เพราะฉะนั้นสิ่งที่ท่านสอนท่านสอนให้อยู่สุขทั้งปัจจุบันและสุขทั้งอนาคตค่อยๆ ดูไปค่อยๆ ทำไป สิ่งทั้งหลายเหล่านี้พิสูจน์ได้ในระยะยาวๆ อย่าเพิ่งเชื่ออะไรง่ายๆ ตามพิสูจน์ตามค่อยๆ ดูไป เขาบอกว่าพระองค์นี้ดีหลวงปู่องค์นี้ดีหลวงพ่อองค์นี้ดีค่อยๆ ดูไป ถ้าหากว่าไม่ดีจริงถึงเวลาก็จะมีสิ่งที่ไม่ถูกไม่ควรไม่เหมาะไม่สมหลุดออกมาให้เราเห็นจนได้

    แต่ถ้าหากว่าเป็นสิ่งที่ดีจริง กายวาจาใจของท่านเป็นผู้ที่บริสุทธิ์จริงต่อให้ระยะเวลายาวนานแค่ไหน ไม่ว่าระยะใกล้ไกล ใกล้ชิดหรือห่างไกลขนาดไหนก็ตามเราไม่สามารถที่จะหาจุดบกพร่องของท่านได้ สิ่งที่จะต้องมาตำหนิกันมันไม่มี ค่อยๆ ดูไปนานๆ โบราณเขาว่าหนทางพิสูจน์ม้า เวลาพิสูจน์คนใช่มั้ย ? มันเกิดจากอะไรล่ะต้องใช้คำว่าประสบการณ์ ประสบการณ์ที่ตกผลึกลงมาจนกระทั่งกลายเป็นข้อคิด กลายเป็นคำคม กลายเป็นคำพังเพยขึ้นมา

    ฉะนั้นสิ่งที่ท่านพูดส่วนใหญ่มันก็แฝงไปด้วยความจริงเกือบๆ จะ ๑๐๐ เปอร์เซนต์เต็ม ท่านบอกหนทางพิสูจน์ม้าใช่มั้ย ? ม้าไม่ดีจริงมันเดินทางไกลไม่ไหวหรอก หรือไม่ก็เจอหนทางที่ทุรกันดารหน่อยหนึ่งก็ไปไม่รอดแล้ว มันต้องม้าดีถึงไปได้ ขณะเดียวกันเวลาเป็นเครื่องพิสูจน์คน จะดีจะชั่วยังไงไดูไปนานๆ คบกันไปนานๆ เดี๋ยวก็เห็นเอง

    ถาม : สงสัยมีอะไรดลใจช่วงเมื่อเช้า ?

    ตอบ : เรียกง่ายๆ ว่ามันถึงวาระที่สมควรแล้ว ในเมื่อถึงวาระถึงเวลาที่สมควรแล้วก็มา ถ้ายังไม่ถึงวาระไม่ถึงเวลา เอาโซ่ไปล่ามเอาเชือกไปลากยังไงก็ไม่มาหรอก ของทุกอย่างจะมีวาระมีเวลาของมัน มันเหมือนยังกับวงกลมสองวงเขาเจาะช่องไว้ข้างละวงหมุนไปหมุนมา ในที่สุดมันก็จะตรงช่องพอดี แต้าถ้าตรงช่องนั้นแล้วเราไม่รีบมุดผ่านไป ถึงเวลามันก็หายไปอีก ต้องรออีกรอบหนึ่งซึ่งไม่รู้เมื่อไหร่ ก็ถือว่าวาระนี้เวลานี้เป็นสิ่งที่เหมาะสมถือว่าเป็นมงคลแล้ว อยู่ๆ อุตส่าห์เปะปะมาเจอกันได้

    เพราะฉะนั้นอะไรดีๆ ถ้าเก็บไปได้ก็ตั้งหน้าตั้งตาทำเลย ใครเขาจะว่าบ้าก็ช่างมัน อาตมาทำมาก่อน ทั้งเพื่อนฝูงทั้งพี่น้องทั้งพ่อแม่เขาว่าเราบ้าทั้งนั้น ประกาศนียบัตรอันนี้ภูมิใจมากเลย ถ้าใครยังไม่ได้เจอคำว่าบ้าในสายตาของคนอื่นเขานี่ยังเอาดียาก อันดับแรกดูศีล ๕ ข้อของเราให้ดี ศีล ๕ ข้อตั้งใจว่าเราจะไม่ฆ่าสัตว์และไม่ทำร้ายสัตว์ให้ลำบากด้วยเจตนา จะไม่ลักขโมยไม่หยิบฉวยสิ่งของที่เจ้าของไม่ได้ให้ จะไม่ล่วงเกินบุคคลอื่นที่มีเจ้าของมีคนรักมีคนหวง จะไม่โกหก จะไม่ดื่มสุราหรือว่ายาเสพติดใด ๆ ทั้งปวงตั้งใจอย่างนี้ไว้

    ถาม : ทั้งหมดจะค้างอยู่ ๒ ข้อ ?

    ตอบ : จ้ะ...ติดข้อไหนบ้าง ?

    ถาม : พยายามอยู่ ๒ ข้อนี่ยังทำไม่ค่อยได้ ?

    ตอบ : อันไหนบ้างเดี๋ยวบอกวิธีให้ โกหกเขาบ่อยมั้ย ?

    ถาม : โกหกไม่มีค่ะ

    ตอบ : แล้วติดข้อไหน ?

    ถาม : ศีลข้อที่ของผู้อื่นเขายั่วยวนเราเหลือเกิน เราก็ไม่รู้ว่าจะทำไงดีตอนนี้เราก็แบบ....?

    ตอบ : ตอนนี้เราไม่ได้ทำจำไว้ ตอนนี้ เดี๋ยวนี้ ตรงนี้ตอนนี้ศีลทุกข้อเราบริสุทธิ์สมบูรณ์แบบเลย ตั้งแต่ตอนนี้จนกระทั่งกลับบ้านนอนสบายมาก เพราะฉะนั้นรักษาเอาไว้ ถึงเวลาตั้งใจไว้เลยว่ากุศลผลบุญการที่เราเป็นผู้มีศีล ๕ บริสุทธิ์นี้ขอไปนิพพานที่เดียว เกาะพระได้ก็หลับยาวไปเลยกำไรไปอีกคืนหนึ่งเต็มๆ

    ถ้าหากว่ามันลำบากมากให้รักษาเป็นเวลา เอาเป็นว่าตั้งแต่ตื่นนอนจนกระทั่งไปทำงาน กี่ชั่วโมง สมมติตื่นหกโมงไปทำงานแปดโมง ๒ ชั่วโมงเต็ม ๆ รักษาให้ได้ พ้นจากนี่แล้วมันจะขาดกระจายยังไงช่างมันแต่ ๒ ชั่วโมงนี่ต้องรักษาให้ได้ต้องเป็นคนมีสัจจะ คือมีความตั้งใจจริง เป็นคนจริงจัง คราวนี้พอเรารักษาได้แล้วนาน ๆ ไประยะเวลามันก็จะยาวขึ้น มันก็ได้เป็นวันเป็นคืนเอง

    คราวนี้พอทำได้รักษาได้แน่นอนแล้ว อันนี้แค่ตัวเอง มันจะไปยุให้คนอื่นเขาทำน่ะสิ ตัวเองรักษาได้แล้ว สมมติว่ามดเดินมาเราไม่ฆ่าสัตว์ บอกคนอื่นช่วยจัดการทีซิเอายามาฉีด ตายแหง ...ก็ศีลไม่บริสุทธิ์เพราะเท่ากับสนับสนุนให้คนอื่นเขาทำ ก็ต้องรักษาว่าตัวเองเว้นได้ไม่ยุให้คนอื่นทำ คราวนี้เราเว้นได้เราไม่ยุให้คนอื่นทำเจ้านั่นหวังดีคว้าไบก้อนมาได้ฉีดตายแหงไปเลย เราก็เอ้อ...มันน่าจะทำซะนานแล้ว อ้าว...ซวยอีกใช่มั้ย ? อันนี้ยินดีเมื่อเห็นคนอื่นทำ

    ถาม : .................................

    ตอบ : ต่อไปใช้วิธีนี้ว่า รักษาด้วยตัวเองได้แล้วก็อย่ายุให้คนอื่นเขาทำ แล้วก็ไม่ยินดีเมื่อเห็นคนอื่นเขาทำ ถ้าศีลได้ครบอย่างนี้สบายมาก สมาธิของเราต้องทรงตัวแน่ๆ แล้วก็หามาได้โดยถูกต้องตามศีลตามธรรมสิ ถ้าสมมติเราเห็นของๆ เขาสวยใช่มั้ย ? อยากได้ ถ้าไปลักขโมยมารู้ว่าผิดศีล ลองสอบถามดูว่ามีขายที่ไหน ราคาเท่าไหร่ ไปเก็บสตางค์หาซื้อเอาเอง เดี๋ยวมันก็ได้มา

    ถาม : ..................................

    ตอบ : ถ้าแฟนเขาไม่เป็นไร เดี๋ยวมันก็แก่ แล้วอีกไม่นานมันก็อาจจะตาย

    ถาม : ตอนนี้มันมีอยู่ ๒ ข้อที่กำลังทำคือ......?

    ตอบ : ต่อไปใครมาวอแวใกล้ๆ ชู้ดกระจายไปเลย ตอนนี้ฉันรักษาศีลแล้วอย่ามายุ่งกับฉันได้มั้ย ?

    ถาม : จะทำยังไงดี

    ตอบ : อันดับแรกตัดความสัมพันธ์ทั้งปวงเลย เลิกติดต่อไปเลย ภาษาพระเขาบอกไม่รู้ไม่เห็นได้ล่ะดี ถ้าจำเป็นว่าต้องรู้เห็นก็อย่าพูดด้วย ถ้าพูดด้วยก็พูดโดยธรรมคือเอาแต่เรื่องของธรรมะล้วนๆ มาฟัง เขาเบื่อเดี๋ยวก็ไปเองแหละ (หัวเราะ)

    ถาม : โทรศัพท์มาไอ้เราก็กำลังอ่านหนังสือพระอยู่อย่างนี้น่ะค่ะ ?

    ตอบ : "ฮัลโหล ตอนนี้ไม่ว่างนะจ้ะ ขออนุญาตวางหูค่ะ" และก็วางไปเลยง่ายมั้ย ? นั่นแหละหลาย ๆ ทีเดี๋ยวเขาก็เบื่อเลิกติดต่อมาเอง อนุญาตให้มองได้ อนุญาตให้คิดถึงได้ แต่ห้ามแตะต้อง (หัวเราะ) แรกๆ มันตัดยากนะ ให้คิดได้ให้มองได้แต่ห้ามแตะต้อง ค่อยๆ ทำไป เพราะว่าตอนนี้ก็ถือว่าเราทำได้แล้ว เพราะว่าเราอยู่ตรงนี้ศีลทุกข้อเราบริสุทธิ์แล้วก็รักษามันไปยาวเลย ตีซะว่าจนกระทั่งพรุ่งนี้มันไปทำงานโน่นแหละค่อยว่ากันใหม่ เราก็ได้ตั้งหลายชั่วโมง วันหนึ่งมี ๒๔ ชั่วโมงให้เวลาที่ใจของเราอยู่กับศีลกับธรรมให้มีให้มากกว่าเอาไว้ ถ้าหากว่ามันมีมากกว่าก็เป็นอันว่าเราเองได้กำไร แต่ถ้ามันน้อยกว่าเมื่อไรเราก็ขาดทุน

    ถาม : ถ้าเราทำศีลข้อนี้ไม่สำเร็จแล้วจะ.............?

    ตอบ : ก็อีกต้อง ๔ ข้อนี่มันก็ยังดีอยู่นี่ มันได้ไปตั้ง ๔ ส่วน

    ถาม : ก็พยายามแบบสุด......?

    ตอบ : ทำไปเถอะ พอถึงเวลากำลังใจจะมั่นคงขึ้น โดยเฉพาะถ้าเรานั่งภาวนาคือนั่งสมาธิร่วมไปด้วย ตัวสมาธิภาวนามันจะทำให้เราเป็นคนมีจิตใจเข้มแข็ง ไม่อ่อนไหว ไม่เตลิดเปิดเปิงตามเขาง่าย

    ถาม : เวลานี้ก็รู้ทุกอย่างเลยอะไรๆ ก็รู้หมด ก็จะพลาดหรือเปล่าเราก็พยายาม ?

    ตอบ : ถ้าหากว่ามีความตั้งใจอย่างนี้ต้องสำเร็จแน่ๆ เพียงแต่ใช้ความพยายามนิดหนึ่ง แรก ๆ ที่เราทำมันเหมือนกับว่ายทวนน้ำ มันจะเหนื่อยจะหนักหน่อย แต่พอเราซ้อมบ่อยๆ จนร่างกายแข็งแรงแล้วก็กลายเป็นของง่ายไป

    ถาม : แต่ฟังท่านพูดแล้วก็รู้สึกมีกำลังใจ ?

    ตอบ : โห....หมูมากเลยจ้ะ สมัยก่อนอาตมาชั่วกว่าโยมเยอะเลย (หัวเราะ) มันไม่มีใครหรอกที่มันไม่เคยทำความผิดมา แต่ถึงเวลาแล้วให้ลืมไปเลยว่าความผิดนั้นเคยทำอะไรไว้ ให้ตั้งหน้าตั้งตาเอาแต่ความดีอย่างเดียว ทำความดีเอาไว้โดยส่วนเดียวถึงเวลามันดีไปเอง




    สนทนากับพระเล็ก สุธมฺมปญฺโญ
    เดือนธันวาคม ๒๕๔๔
    ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ





    .
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...