คำสอนของหลวงพ่อพระราชพรหมยานเถระเรื่องมัชฌิมาปฏิปทา

ในห้อง 'หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ' ตั้งกระทู้โดย joni_buddhist, 26 ตุลาคม 2007.

  1. joni_buddhist

    joni_buddhist Legal returns ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2005
    โพสต์:
    13,555
    กระทู้เรื่องเด่น:
    203
    ค่าพลัง:
    +63,444
    <TABLE width="97%" align=center border=0><TBODY><TR><TD>มัชฌิมาปฏิปทา <HR SIZE=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE width="97%" align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top width=160>[​IMG]
    [​IMG]

    </TD><TD vAlign=top>คำว่า มัชฌิมาปฏิปทา คำนี้เป็นถ้อยคำที่พระพุทธสาวกจำกันจนขึ้นใจ เป็นพระพุทธพจน์ที่ยืนยันถึงผลของการปฏิบัติ เพราะการปฏิบัตินั้นมีแนวอยู่สามแนวคือ

    ๑. อัตตกิลมถานุโยค การดำรงความเพียรอย่างเคร่งเครียด กินน้อยนอนน้อยว่ากันหามรุ่งหามค่ำ บางรายถึงกับอดมื้อกินมื้อ บางรายพยายามกินน้อยๆ ลดลงไปทุกวันจนร่างกายผอม และมีการกลั้นลมหายใจ กลั้นกันนานๆ เพื่อให้มรรคผลนิพพานเกิดขึ้น แต่มันก็ไม่เกิด เพราะมันไม่ใช่ทางของผลที่ฌานและมรรคผลจะเกิด พระพุทธเจ้าเองท่านยืนยันว่า วิธีนี้พระองค์ทำมาแล้วสิ้นเวลาหกปีเต็ม อดข้าวจนมีร่างกายผอมเกือบเดินไม่ไหว ขนที่พระกายเวลาเอามือลูบถึงกับหลุดติดมือออกมา กลั้นลมโดยเอาลิ้นกดเพดานจนลมออกหูอู้ ทำอย่างนี้พระองค์ตรัสว่า เป็นการทรมานตน ให้ลำบากเปล่าไม่เกิดมรรคผลเลย นอกจากจะเพิ่มทุกขเวทนาให้มากขึ้น
    </TD></TR></TBODY></TABLE>สมัยนี้เห็นจะได้แก่การอัดขันธ์ของอาจารย์บางคณะ เคยไปพบที่เขาสนามแจงจังหวัดลพบุรี เห็นอุบาสิกาสองคนนั่งครางเสียงกระหึ่ม ได้เข้าไปถามว่าโยมเป็นอะไรไป เพราะคิดว่าแกป่วย ได้รับคำตอบว่า "อาจารย์ท่านสั่งให้อัดขันธ์ค่ะ" ถามว่า "อัดขันธ์เป็นอย่างไร" ได้รับคำตอบว่า "อาจารย์ให้กลั้นใจ" ฟังแล้วก็สลดใจ คิดว่าพระพุทธเจ้าท่านสอนมาแล้ว ท่านทำมาแล้วยิ่งกว่านี้ ท่านทราบว่าไม่เป็นทางสำเร็จ ไม่คิดเลยว่าสมัยนี้ยังมีคนเอามาสอนกันอีก แบบนี้จงอย่าแตะต้องเลย ผู้เขียนเองก็ลองฝืนและได้รับผล คือ ของเก่าที่ได้มาแล้วพลอยสูญไปด้วย ที่เป็นโรคเส้นประสาท และถูกประสาทหลอนก็เพราะทำนอกรีตนอกรอยอย่างนี้แหละ

    ๒. กามสุขัลลิกานุโยค มีอารมณ์จิตพัวพันกับกามารมณ์ ไม่ถอนจิตจากกามารมณ์ ยิ่งเอากายเข้าไปใกล้ชิดเพศตรงข้ามด้วยยิ่งเป็นผลร้ายเต็มที่ เป็นทางกั้นมรรคผลโดยตรงทีเดียว จงระมัดระวังให้มาก อยากได้ดีต้องหลีกเลี่ยงได้ ถ้าอดใจหรือหลีกเลี่ยงไม่ได้ ก็เป็นกรรมของสัตว์ ไม่มีใครช่วยได้

    ๓. มัชฌิมาปฏิปทา ทำพอสบายๆ ไม่เกียจคร้านเกินไป ไม่ขยันเกินไป นั่งนาน เมื่อยก็นอน ยืน หรือเดิน ตามแต่จะเห็นว่าสบาย กำหนดอารมณ์ภาวนา หรือพิจารณาไปด้วย จงถือว่าสมาธิจะตั้งมั่น หรืออารมณ์จะผ่องใสจากกิเลสนั้น มีความสำคัญที่จิตใจไม่ใช่ที่กาย กินอาหารให้อิ่ม อิ่มพอดีนะ ระวังอย่ารับประทานอาหารที่เป็นโทษแก่ร่างกาย อะไรเคยกินแล้วเป็นพิษเป็นภัยแก่ร่างกาย ควรเว้นไม่กินต่อไปเด็ดขาด

    ตัดสังคมที่มีความเห็นไม่เสมอกันเสียให้เด็ดขาด อยู่ในสถานที่เงียบสงัด อย่าให้วันเวลาล่วงเลยไปโดยที่มิได้พิจารณาเห็นโทษของสังขาร ทำอย่างนี้น่าจะพูดรับรองผล แต่ท่านห้ามพูดก็เลยเฉยไว้เพียงนี้ อย่างน้อย ฌานสมาบัติเป็นของท่านแน่นอน อย่างดีก็ถึงจุดหมายปลายทาง พระพุทธเจ้าท่านว่าไว้อย่างนี้ ก็จงใคร่ครวญและปฏิบัติตามเถิดไม่เสียเวลาเปล่าแน่
    ที่มา

    </TD></TR></TBODY></TABLE>http://www.geocities.com/4465/indexx.html
     

แชร์หน้านี้

Loading...