ข้อแตกต่าง ในพรหมวิหาร4 ระหว่างปุถุชนกับพระโสดาบัน นั้นคือ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ผู้ธรรมดา, 4 มิถุนายน 2015.

  1. ผู้ธรรมดา

    ผู้ธรรมดา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 เมษายน 2015
    โพสต์:
    155
    ค่าพลัง:
    +369
    เคยสงสัยใคร่รู้กันไหมว่า ระหว่างปุถุชนคนธรรมดา กับ พระอริยะบุคคลโสดาบัน มีลักษณะของพรหมวิหาร4ในแต่ละข้อ ที่แสดงออกมาแตกต่างกันอย่างไรบ้าง มันต้องต่างแน่นอน เอ้าอยากรู้จริงๆ
     
  2. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    อย่าว่าอย่างงู้นอย่างนี้เลยนะครับลุง

    เอากระทู้ที่แล้วเนี่้ยะ มันค่อนข้างแน่ชัดอยู่ว่า ไม่ได้ถามเพื่อธรรม เท่าไหร่

    การถามแบบ ท้าทาย ใครมาตอบ ก็มีแววเป็นโสดาบันหน้าส้นตี เนี่ยะ การถาม
    ตอบธรรมะแบบนี้ มันสุ่มเสี่ยงไปหน่อย

    จะให้ดี คุณต้องหาให้เจอ หาคนที่คุณเคารพด้วย ศีล วัตร ให้เจอ แล้วเอาคำถาม
    นั้นถามคนที่คุณเคารพคนนั้น โดยที่คนๆนั้น ก็ ขอข้าวคุณหาเลี้ยงชีวิต ให้คุณได้
    พอมั่นใจว่า เขาตอบคำถามเพื่อเลี้ยงชีวิต เพื่อตอบแทนบุญคุณของคุณลุง

    การถาม ธรรมะเอากับคนที่ ลุงมีบุญคุณต่อเขา และ เขาก็ตอบคำถามลุงด้วยจิตใจกตัญญู
    รู้คุณใน ข้าวสุก ที่เลี้ยงชีวิตเขา คำตอบที่ได้มา ลุงจะ รับเอาไปพิจารณา อ่านด้วยดี
    อ่านแล้วอ่านอีก อ่านซ้ำทวนหลายๆครั้ง แล้วก็ นมสิการธรรมเหล่านั้นเอาด้วยตัวเอง

    ไม่ใช่ ถามแล้ว ถามอีก ถามแล้ว ก็ถามอีก ไม่ใคร่ครวญด้วยปัญญาอันยิ่งที่มีพร้อม
    ทุกรูปทุกนาม และทุกเวลา ไม่จำกัดกาล ให้ดี


    คำตอบนี้ ลุงไม่ต้องด่ากลับนะขอรับ เพราะไม่จำเป็น โพสนี้จะเป็นโพสสุดท้ายที่ผม
    กล่าวกับลุง ......[ คือ ถ้าลุงหา คนที่ลุงเคารพไม่เจอ มันไม่จบอยู่แล้ว ]
     
  3. ผู้ธรรมดา

    ผู้ธรรมดา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 เมษายน 2015
    โพสต์:
    155
    ค่าพลัง:
    +369
    ผมเคารพทุกคนที่มีมารยาทดีเป็นกัลยาณมิตรต่อผม ซึ่งอาจจะเว้นบางประเภทที่ไม่มีประโยชน์ที่ผมจะต้องพยายามทำความเข้าใจในสิ่งที่เขากำลังแสดงออกมามัน
    ซึ่งมันไร้เหตุผลสิ้นดี ถ้าผมจะต้องทำแบบนั้น
     
  4. ผู้ธรรมดา

    ผู้ธรรมดา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 เมษายน 2015
    โพสต์:
    155
    ค่าพลัง:
    +369
    ธรรมก็คือธรรมใคร ผู้ใดจะแสดงธรรมก็ย่อมได้ แต่ถูกมากถูกน้อยมันก็ขึ้นอยู่กับความเห็นของแต่ละคน ดังนั้นบอร์ดธรรมเพื่อสาธารณะนี้ ก็ไม่ได้จะมีไว้ตอบคำถามเอาใจเฉพาะใครบางคนเท่านั้น คนอื่นที่เขาสนใจอีกก็มีอยู่ ใครตอบได้ก็ตอบใครตอบไม่ได้ก็ผ่านไปเสีย ไม่เสียหายอะไรเลย
     
  5. gratrypa

    gratrypa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2011
    โพสต์:
    1,283
    ค่าพลัง:
    +1,505
    เขียน ๑๑.๑๒

    อืม...เดาเอานะครับ ว่า
    น่าจะเป็นที่ความหนักแน่นมั่นคง
    และของแท้ อาจจะมีความยืดหยุ่นสูงกว่าแยะ

    เอ..แต่ก็ไม่แน่นะ โสดาบัน ที่เป็นโรคต้อภูเขา
    อาจจะแข็งแกร่งเกิน ขาดความยืดหยุ่น จะใช่ไม๊หว่า

    เอ๊.แต่โสดาบัน อาจจะมีหลายสปีชี่ รึเปล่าน๊า หึหึหึ


    กระต่ายป่า ข้างวัด / ค้างคาวแห่งแสง

    .
     
  6. ผู้ธรรมดา

    ผู้ธรรมดา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 เมษายน 2015
    โพสต์:
    155
    ค่าพลัง:
    +369
    ความจริงที่เอกวีว่ามันก็ถูก การถามคำถามแบบนี้มันเหมือนดาบสองคม ซึ่งถ้าไม่ใช่คนถามจะอวดภูมิตนเอง ก็กลายเป็นคนที่ตอบจะถูกมองว่าอวดภูมิตนเองไป
     
  7. GipBall

    GipBall เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    109
    ค่าพลัง:
    +182
    คนที่เป็นพระโสดาบันจะมีพรหมวิหาร4 150%

    คุณมีพรหม 4 75%
    เอกวีร์ 10%
    gratrypaม40%
    คุณลองยกตัวอย่างพระองค์ไหนก็ได้ที่คุณว่าเป็นอริยะลองดูว่าท่านมีกี่%
     
  8. ผู้ธรรมดา

    ผู้ธรรมดา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 เมษายน 2015
    โพสต์:
    155
    ค่าพลัง:
    +369
    หลวงพ่อฤาษีลิงดำครับ ที่สุดในดวงใจของผมแล้วครับ
     
  9. ผู้ธรรมดา

    ผู้ธรรมดา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 เมษายน 2015
    โพสต์:
    155
    ค่าพลัง:
    +369
    งั้นคุณบอลยี่หนึ่ง ลองแนะนำผมหน่อยสิครับว่า ทำอย่างไรพรหมวิหาร4ผมถึงจะเกินร้อยได้ เปิดใจโลด
     
  10. GipBall

    GipBall เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    109
    ค่าพลัง:
    +182
    คุณมาทาง วิปัสสนา ไม่ใช่มาทางสมาธิ คุณทำสมาธิแต่คุณทำฌานไม่ได้ คุณใช้ความคิดพิจารณา หาเหตุและผล เพื่อสอนตัวเองจิตของคุณดีขึ้นเรื่อยๆๆตามแนวนี้ แต่คุณไม่ได้ ทำความรู้สึรู้กาย รู้ความคิด รู้อารมณ์ เฉยๆๆ แต่คุณรู้ความคิด อารมณ์แล้วต่อด้วยการใช้ความคิดน่ะ ก็ทำไปแบบจริตของเราแหล่ะ

    พอพรหมวิหาร4ของคุณเกิน100%ก็ต้องรอสมาธิอีกว่าถ้าเกิน100%ปับ ทั้ง2อันนี้ พรหมวิหาร4ก็คือวิปัสสนาใช่ไหม พหรมวิหาร4 กับสมาธิมันจาเป็นมรรคสมังคี รวมกันเป็น 1 ที่ฌาน1 เพื่อที่จาทำลายกิเลส ทั้ง3กองให้น้อยลงเท่าระดับโสดาบัน แต่จาเกิดมรรคสมังคีหลายครั้งนะกว่าจาเป็นโสดาบัน ไม่เหมือนพวก สมาธินำหน้าพวกนี้จาเกิดครั้งเดียวหรือ2ครั้งก็เป็นโสดาบัน

    พอเป็นโสดาบันพรหมวิหาร4 ที่เป็นผลจริงๆๆเป็นผลนะจา150%เอง แต่ทุกคนที่ยังไม่เป็นโสดาบัน พรหมวิหาร4ของเขายังไม่เป็นผล ยังมีการแกล้งทำเป็นพรหมวิหาร 4อยู่
     
  11. ผู้ธรรมดา

    ผู้ธรรมดา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 เมษายน 2015
    โพสต์:
    155
    ค่าพลัง:
    +369
    สรุปแล้วเวลาผมทำสมาธิก็ให้ผมพิจารณาธรรมไปโดดๆเลยใช่ไหมครับ เดี๋ยวสมาธิจะตามมาเองหรือเปล่า
     
  12. ผู้ธรรมดา

    ผู้ธรรมดา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 เมษายน 2015
    โพสต์:
    155
    ค่าพลัง:
    +369
    คือนิสัยผมนี่ถ้าอยากจะรู้อะไรมันต้องรู้ให้ละเอียดๆแบบยิบเลย ถ้าไม่ยิบไม่ย้ำหนักๆนี่ผมมันเข้าใจยากครับ
     
  13. ผู้ธรรมดา

    ผู้ธรรมดา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 เมษายน 2015
    โพสต์:
    155
    ค่าพลัง:
    +369
    เคยจุดธุปลาพุทธภูมิมาแล้วสงสัยเพราะอย่างงี้แหละที่เป็นคนเข้าใจอะไรยาก เพราะอยากรู้ให้มันละเอียดๆไปเลย
     
  14. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,436
    ค่าพลัง:
    +35,021
    ถ้าจะเรียกว่า บุคคลใดจะเริ่มเป็นโสดาบันได้นะครับ..
    ในกิริยาทางจิตก็คือ ในระหว่างใช้ชีวิตประจำวัน
    หรือลืมตาปกติทั่วๆไป ตัวจิตจะต้องไม่มีอะไรมายึดเกาะเลยครับ..
    และไม่มีอะไรมาเกาะเลยได้บ้าง ได้นานพอสมควรครับ.
    ต้องเข้าถึงสภาวะนี้ได้บ้างอย่างน้อยซักวินาทีหรือนาทีนะครับ
    แล้วค่อยพิจารณาเรื่องเกี่ยวกับโสดาบันอะไรเนี่ย...
    .
    พูดง่ายๆว่า ตัวจิตมันโล่ง มันโปร่งมันคลายครับ..
    และไม่ใช่นิ่งๆ หรือเฉยๆ ไม่รับรู้อะไรนะครับ.คือมันต้องคลายตัวเลยครับ
    และตามตำราที่เราได้อ่าน ได้ฟังมานั้น ก็ไม่ผิดครับ
    แต่ว่าเราใช้เอาไว้ตรวจสอบเพื่อเป็นแนวทางเฉยๆ
    ไม่ใช่ว่าเราทำอย่างในตำราแล้วเทียบกับตำราแล้ว
    ลักษณะนิสัยเราเหมือนตามตำราแป๊ะๆ.และจะคิดเอาเองว่า
    ตัวเองบรรลุโน้น บรรลุนี้ เป็นโสดาฯ เป็นอะไรแล้วเนี่ย
    เราจะเสร็จ และกลายเป็นคนหลงตัวเองได้อย่างคาดไม่ถึงครับ
    เพราะมันจะมีตัวปัญญาทางโลก มีตัวสติที่คอยที่จ้อง
    ไปรับรู้ ที่มันยังมาปิดบังตัวจิตเราอยู่ครับ..
    และยิ่งถ้าเราฝึก สมาธิ มีสัมผัสมีอะไรมา มีกำลังจิต มีตบะ ฌาน ญาน
    สติทางธรรม ปัญญาทางธรรม รวมทั้งปัญญาทางโลกด้วยแล้ว
    แต่ว่า เราตัดพวกนี้ยังไม่ได้จริงๆ
    คือตัวที่เล่าให้มามันยังตั้งท่าอยู่ มันยังแช่อยู่ ตัวพวกนี้มันก็จะเกาะตัวจิตเราอยู่
    อีกชั้นหนึ่งครับ..ทำให้จิตเรายังไม่คลายตัวจริงๆ มันจะทำให้เรา
    ยังอยู่ภายใต้การแยกแยะ การแบ่งฝักแบ่งฝ่าย การตัดสินต่างๆ
    ทำให้เราเลือกข้างว่านั่นดีหรือไม่ดี การชี้ชัดว่าต้องเป็นนั้นเป็นนี่อยู่ครับ...
    มันจะทำให้เมตตาที่เรามี ปนไปด้วยการเลือกข้างอย่างไม่ตั้งใจ
    ทำให้เป็นเมตตาแบบที่ไม่ใช่ไม่มีประมาณ ทำให้ตัวจิตเราไปซึมซับ

    ความกรุณาเข้ามาในจิตจนทำให้จิตเรามันทุกข์ มันสุขไปด้วยอย่างใด
    อย่างหนึ่ง และพอจิตมันส่งออกไปรับรู้แล้ว มันทำให้เราไปยึดเอาสิ่ง
    ที่เรารับรู้จนกลายเป็นตัวเราสร้างเป็นตัวตนของเรา
    กลายเป็นทุกข์เอง สุขเองนั้นหละครับ
    และพอยึดพอไปรู้อย่างไม่รู้ตัวก็
    เลยเป็นเหตุให้เราดึงเข้ามาจนเกิดการเปรียบเทียบกับตนเอง
    หรือเปรียบเทียบกับบุคคลต่างๆ ว่าต้องเป็นอย่างเราหรือเป็น
    อย่างนี้เท่านั้นเพราะมันเลือกข้างไปแล้ว...
    เป็นเหตุให้เราเกิดความอิจฉาเห็นคนอื่นๆดีกว่าตนเองไม่ได้
    เป็นเหตุให้ชมคนอื่นๆไม่เป็นครับ.

    .และด้วยความรู้ทางโลกที่เราวาง
    มันไม่ได้ พอเราไปรู้ว่าโน่นนี่ใช่ โน่นนี้ไม่ดี เราก็เลยเผลอมายึดว่า
    การแนะนำการช่วยเหลือไปแล้วไม่ว่าสิ่งใดๆเรื่องใดๆกลายเป็นตัวเรา
    เข้าไปอีก เราจึงต้องติดตามผลไปช่วย ไปแนะนำ เพื่อให้ได้ผลอย่างใจ
    เรานึกโดยไม่รู้ตัว เป็นเหตุให้เราอุเบกขาไม่เป็นครับ ทำให้เราเข้าถึง
    การอุเบกขารับรู้แบบภายในไม่ได้นั่นเอง..
    หรือพูดง่ายๆว่าอะไรควรยุ่งหรือไม่ควรไปยุ่งนั่นหละครับ.

    ปล.ค่อยๆอ่านนะครับ ถ้าประเด็นเกี่ยวกับเรื่องพรหมวิหาร ๔ นะครับ
    หวังว่าจะพอเข้าใจนะครับ
     
  15. ผู้ธรรมดา

    ผู้ธรรมดา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 เมษายน 2015
    โพสต์:
    155
    ค่าพลัง:
    +369
    แล้วคุณNopพอจะนำขั้นตอนการปฏิบัติที่เหมาะสมกับจริตผมให้เกิดผลดีมากที่สุดเป็นขั้นเป็นตอนได้ไหมครับ
     
  16. ณฉัตร

    ณฉัตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 เมษายน 2015
    โพสต์:
    633
    ค่าพลัง:
    +790
    ท่านลาพุทธภูมิได้จริงหรือครับ ยิ่งอยากรู้อย่างนั้น จะเอาให้ละเอียดอย่างนี้ ผมว่าท่านลาไม่ได้นะครับ นิสัยมันไม่หายนะครับ เท่าที่ทราบพุทธภูมิจะลาได้จริงก็ต่อเมื่อจิตไปถึงจุดที่วิปัสสนาญาณเกิดขึ้น ตอนนั้น นั้นแหละจุดตัดขาดครับ ถ้าจิตท่านปัจจุบันไม่แรงกว่าแรงอธิษฐานเดิมของโพธิจิตเดิมที่เป็นอดีตชาติของท่าน จิตท่านไม่อาจคลายพุทธภูมิได้ง่ายอย่างนั้น พุทธภูมิโดยมากเกิดจากกุศลจิตที่เกิดจากการได้เห็นพระพุทธเจ้าในอดีต เป็นที่ประทับลงในจิตอย่างแรง เกิดกุศลอย่างแรง แค่ช้างม้า สัตว์เดรัจฉานได้เห็นพระพุทธเจ้า ก็รับพระเมตตาไปเกิดเป็นเทพขั้นยามาได้แล้ว กุศลจิตที่เกิดย่อมแรงมากครับ ถ้าไม่อาศัยกุศลจิตในเชิงนิพพานทันทีที่มีปัญญามาก มีบุญกุศลมากมากกว่าการลาพุทธภูมิจะยากมาก ปรกติปรากฏว่าลาต่อพุทธองค์ในอนาคตทั้งนั้น ที่มาลาเองนั้น บารมีก็เกินแล้ว คือเกินอรหันต์ภูมิไปนานแล้ว จึงมีกำลังตัดได้ แสดงความเห็นตามที่ทราบนะครับ ท่านรู้มากกว่าผมอธิบายได้ ผมรออ่านครับ
     
  17. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,436
    ค่าพลัง:
    +35,021
    ถ้าให้ผมแนะนำตามแบบผมนะครับ.ส่วนจะสัมผัสได้หรือไม่ได้
    ตอนนี้ค่อยว่ากันนะครับ..ส่วนตัวมองว่า ตัวจิตคุณขอตามธรรม
    ค่อนข้างมีต้นทุน ณ เวลานี้ค่อนข้างดีแล้วครับ ไม่ว่าจะกะแสที่หนุน
    สัมผัสทางด้านภายในต่างๆหรือหนุ่นทางด้านอภิญญาจิตภายใน
    ที่ท้องค่อนข้างกว้างว่าคนปกติและนักปฏิบัติทั่วๆไป
    กระแสเมตตาตรงหน้าอกก็มีนะครับ
    และมันก็ยังขึ้นไปเชื่อมสัมพันธ์กับครูบาร์อาจารย์ข้างบนด้วยครับ
    เพียงแต่กระแสที่ท้อง กับที่หน้าอกมันยังไม่เชื่อมต่อกันครับ..

    ที่ส่วนตัวชอบก็คือกระแสเรื่องเกี่ยวกับการเห็นคล้ายตาทิพย์มันยัง
    หน่วงสัมพันธ์กับครูบาร์อาจารย์ข้างบนอยู่แล้วเป็นปกติด้วยครับ...
    ตรงนี้มันขยายกว้างดีปกติถ้าเป็นอย่างนี้ มันจะทำให้เราสัมผัสรับรู้
    หรือเห็นหรือเข้าใจเรื่องนามธรรมต่างๆได้ดีครับ..

    โดยภาพรวมแสดงให้เห็นว่า สัมผัสความสามารถภายในต่างๆขึ้นอยู่
    กับระดับเมตตาที่ตัวจิตเป็นทุน ที่มันจะสามารถดึงให้กระแสที่ท้อง
    ตรงนี้มาเชื่อมกันได้ แต่มันติดตรงที่เรื่องของความลังเลสงสัยและการเผลอ
    ใช้ความคิดจากสมองที่มันจะมาทำให้กระแสพวกนี้มันขาดๆครับ...
    ถ้าฝึกปรับระบบหายใจใหม่ให้ยาวถึงท้องแต่ไม่ต้องตามลม
    เพื่อเป็นอุบายให้กระแสจากหน้าอกและท้องมันเข้าถึงกันได้
    และทำความรู้สึก
    รับรู้ว่ามีลมกระทบเข้าออกที่ปลายจมูกในระหว่างวันเพิ่มได้ จะได้กำลังสติทางธรรม
    ที่จะมาหนุน เพื่อคอยควบคุม พฤติกรรมของจิต ควบคุมความคิดที่เกิดจากสมอง
    ที่มันจะช่วยหนุนให้กระแสทั้ง ๓ ส่วนที่ว่ามามันเชื่อมกัน
    ได้ตรงและขึ้นข้างบนได้ในอนาคตครับ..แล้วไปฝึกพวกวิชาพิเศษ
    ต่างๆที่เกี่ยวกับรู้เห็นแบบภายในก็จะไปได้ดีมากๆครับ แต่ต้องปรับระบบหายใจ
    อย่างที่บอกก่อนนะครับ..และอยู่ที่การเคลียร์จิตให้คลาย ตรงนี้ต้องรู้จัก
    เมตตาแบบอุเบกขารับรู้นะครับ อย่าไปสนใจในทุกเรื่อง พูดง่ายเมตตา
    ก็ต้องวางเป็นนะครับ.และก็อย่าไปคิด ไปสนใจกิริยา หรือไปอยากรู้เรื่อง
    อื่นๆที่ทำให้จิตเรามันไม่สงบร่วมด้วยนะครับ..

    และฝึกตามแบบที่ ลพ.ที่คุณเคารพท่าน
    สอนนั่นหละครับ.มันจะไปได้ดีมาก เพราะว่าลักษณะพลังงานจากจิตมัน
    มีต้นทุนมาดีครับ.ส่วนเรื่องกรรมฐานพิเศษเกี่ยวกับพลังงานพวกกสิณ
    ยังต้องวางไว้ก่อนครับ
    เพราะตัวกระแสจิตที่หน้าอก มันจะดึงให้เราไปช่วยเหลือโดยปราศจากการวางเฉย
    และมันจะดึงให้เราอยากเข้าถึงผลสำเร็จโดยเร็วเพื่อนำไปใช้งาน
    และมันจะส่งผลต่อทั้งร่างกายและจิตใจเราได้ในอนาคต เนื่องจากจะเคลียร์
    กระแสพลังงานส่วนเกินภายนอกต่างๆที่มาเกาะร่างกายเราได้ยากครับ....

    ปล.ประมาณนี้ครับ..
     
  18. GipBall

    GipBall เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    109
    ค่าพลัง:
    +182
    ตอบโจทน์สวยจริงๆๆ
     
  19. ผู้ธรรมดา

    ผู้ธรรมดา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 เมษายน 2015
    โพสต์:
    155
    ค่าพลัง:
    +369
    ถ้าสรุปตามที่คุณนพกล่าวมาแล้ว ผมไม่ใช่ผู้ที่จะบรรลุธรรมแบบสายสุขวิปัสโกแน่นอนใช่ไหมครับ อย่างน้อยต้องสายวิชชาสามขึ้นไปใช่ไหมครับ
     
  20. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,436
    ค่าพลัง:
    +35,021
    ใช่ครับคุณ ขอตามธรรม ถ้ากลุ่มที่เค้ามาสายสุขวิปัสสโก
    ไม่ใช่เค้าไม่มีกระแสที่ท้องนะครับ มีแต่ว่า
    กระแสสัมผัสภายในที่ท้อง และคนที่เริ่มมีปัญญาทางธรรมแล้ว
    ของท่านที่มาทางสายสุขวิปัสสโก
    กระแสจากท้องมันจะวิ่งมาหยุดตรงใต้กระโหลกศรีษะก่อนเพื่อมาหนุน
    กระแสปัญญาทางธรรมที่ใต้กระโหลกศรีษะ
    ซึ่งมันจะไปเกี่ยวกระแสกับตาที่ ๓ ให้โค้งดึงขึ้นไปข้างบน
    และมันจะโน้มไปในทางการเห็น
    การเข้าใจทางนามธรรมแทน นามธรรมเช่น กิเลส อารมย์ ฯลฯ
    และกระแสจากท้องก็จะไปเพื่อหนุนให้
    กระแสปัญญาทางธรรมมันขยายออกกว้างไปข้างนอก
    ซึ่งแล้วแต่ระดับปัญญาทางธรรมของท่านนั้นๆ
    ซึ่งปกติคนที่จิตเคยมีสัมผัสมาก่อน และจะใช้งานได้
    กระแสตรงท้องนี้ แม้ว่ามันหมุนแต่พอใช้งาน
    มันจะขึ้นตรงๆไปที่กระโหลกศรีษส่วนหน้าและขึ้นไปเชื่อม
    กับกระแสครูบาร์อาจารย์ข้างบนครับ..
    ยกเว้นว่า..ถ้าเราขอเน้นเรื่องปัญญาในการตัดกิเลส
    ล้วนๆ กระแสจิตของเราก็จะเป็นเหมือนทางสาย
    สุขวิปัสสโกที่เล่าให้ฟังได้เช่นกันครับ..
    ที่สำคัญตอนนี้คือต้องทำให้มันเชื่อมกันให้ได้ก่อน
    มันถึงจะเกิดผลและเราจะเริ่มสัมผัสและเข้าใจได้ดีครับ
    ส่วนอนาคตก็แล้วแต่เราจะเลือกด้วยตัวเราเอง
    ตามเหตุและปัจจัยครับ

    ปล.ประมาณนี้ครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...