ขอเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพซ่อมแซมบูรณะองค์หลวงพ่อโต ณ วัดตองปุ

toongpu9977 · 4 พฤศจิกายน 2009

ผู้ที่มีจิตศัทธาบริจาคทรัพย์ในการซ่อมแซมบูรณะองค์หลวงพ่อโตและพระสาวกพระประธานอุโบสถหลังเก่า ติดต่อสอบถาม โทร 0818519139

toongpu9977 · 5 พฤศจิกายน 2009

<meta http-equiv="Content-Type" content="text/html; charset=utf-8"><meta name="ProgId" content="Word.Document"><meta name="Generator" content="Microsoft Word 12"><meta name="Originator" content="Microsoft Word 12"><link rel="File-List" href="file:///C:%5CUsers%5Csoomjai%5CAppData%5CLocal%5CTemp%5Cmsohtmlclip1%5C01%5Cclip_filelist.xml"><link rel="themeData" href="file:///C:%5CUsers%5Csoomjai%5CAppData%5CLocal%5CTemp%5Cmsohtmlclip1%5C01%5Cclip_themedata.thmx"><link rel="colorSchemeMapping" href="file:///C:%5CUsers%5Csoomjai%5CAppData%5CLocal%5CTemp%5Cmsohtmlclip1%5C01%5Cclip_colorschememapping.xml"><style>  </style>
[FONT=&quot]ประวัติวัดตองปุ[/FONT][FONT=&quot]<o></o>[/FONT]
[FONT=&quot] วัดตองปุ ตั้งอยู่เลขที่ 86 หมู่ที่ 5 ตำบลบ้านเกาะ ( สวนพริก ) อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย มีที่ดิน ตั้งเขตวัด เนื้อที่ 21 ไร่ 2 งาน 76 ตารางวา พื้นที่ตั้งวัดเป็นที่ราบลุ่มริมแม่น้ำป่าสักและแม่น้ำลพบุรีไหลมาบรรจบกัน[/FONT][FONT=&quot]<o></o>[/FONT]
[FONT=&quot] ด้านหน้าวัดอยู่ทางทิศใต้ติดกับแม่น้ำป่าสัก[/FONT][FONT=&quot]<o></o>[/FONT]
[FONT=&quot] ด้านหลังวัดอยู่ทางทิศเหนือติดกับถนนเข้าชุมชน[/FONT][FONT=&quot]<o></o>[/FONT]
[FONT=&quot]ด้านข้างทางทิศตะวันออกติดกับวัดสะแกร้าง (ปัจจุบันเป็นที่ตั้งโรงเรียนเทศบาล[/FONT][FONT=&quot]<o></o>[/FONT]
[FONT=&quot]วัดตองปุโบราณคณิสสร)[/FONT][FONT=&quot]<o></o>[/FONT]
[FONT=&quot] ด้านข้างทางทิศตะวันตกติดกับแม่น้ำลพบุรี[/FONT][FONT=&quot]<o></o>[/FONT]
[FONT=&quot] วัดตองปุสร้างขึ้นตั้งแต่สมัยอยุธยาตอนต้น ประมาณพุทธศักราช 1920 ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาครั้งหลังเมื่อวันที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2499 ( เขตวิสุงคามสีมา กว้าง 40 เมตร ยาว 80 เมตร ได้ผูกพัทธสีมาเมื่อวันที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2507 )[/FONT][FONT=&quot] โดยมีพระครูสาธุกิจโกศล ( ไวทย์ มุตตกาโม ) เป็นเจ้าอาวาส<o></o>[/FONT]
[FONT=&quot]<o> </o>[/FONT]
[FONT=&quot]ประวัติวัดตองปุตามบันทึกประวัติศาสตร์สมัยกรุงศรีอยุธยา[/FONT][FONT=&quot]<o></o>[/FONT]
[FONT=&quot] เมือเดือนพฤษภาคม พุทธศักราช 2127 ครั้งสมเด็จพระนเรศวรมหาราชยกทัพไปพม่า พอถึงเมืองแครงก็ทราบข่าวความลับจากพระมหาเถรคันฉ่อง พระอาจารย์ใหญ่และพระยาเกียรติ พระยารามผู้นำของชาวมอญว่า พม่าคิดวางแผนหักหลังเพื่อลอบปลงพระชนม์พระองค์ เมื่อทราบความเช่นนั้นพระองค์ทรงพระพิโรธมาก พระองค์จึงขอประกาศอิสรภาพ โดยทำพิธีหลั่งน้ำลงบนพื้นพสุธา ณ เมืองแครง ไม่ขอเป็นมิตรกับพม่าและไม่ยอมเป็นเมืองขึ้นอีกต่อไป โดยมีพระมหาเถรคันฉ่องนั่งเป็นประจักษ์พยาน จากนั้นมา พระองค์ทรงกวาดต้อนคนไทยที่เป็นเชลย ณ กรุงหงสาวดี ลำเลียงพลข้ามแม่น้ำสะโตง พอพระมหาอุปราชาทราบเรื่องจึงสั่งสุรกรรมาเป็นนายกองหน้าตามทัพไทย จนทัพประจันหน้ากันคนละฝั่งแม่น้ำและเกิดการสู้รบกันด้วยการยิงปืนไฟข้ามฝั่ง ปรากฎว่าสมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงประทับปืนยาวยิงข้ามแม่น้ำสะโตงถูก สุรกรรมาตายบนหลังช้างทัพพม่าเสียขวัญจึงยกทัพกลับจึงเป็นที่มาของ“พระแสงปืนต้นข้ามแม่น้ำสะโตง”[/FONT][FONT=&quot]<o></o>[/FONT]
[FONT=&quot] หลังจากนั้นสมเด็จพระนเรศวรมหาราช จึงนำทัพกลับและแวะที่เมืองแครงอีกครั้ง พระองค์ทรงรำลึกถึงความดี และอุปการะของพระมหาเถรคันฉ่องและพระยามอญทั้งสอง พระองค์จึงอาราธนานิมนต์มาอยู่ที่เมืองไทยด้วยกัน จากที่พักเมืองพิษณุโลกทางตอนเหนือของไทย ต่อมาทรงเสด็จย้ายมาประทับ ณ วังจันทร์เกษม ( วังหน้า) ของกรุงศรีอยุธยา เพื่อตั้งมั่นสู้ศึก ครั้งถึงวังหน้าสมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงบูรณะซ่อมแซมวัดหนึ่งทางทิศตะวันออกของวังหน้าริมฝั่งแม่น้ำ ถวายเป็นที่จำพรรษาแด่ พระมหาเถรคันฉ่อง พระเถระผู้ใหญ่ชาวรามัญและพระราชทานนามวัดนี้ว่า “ วัดตองปุ ” [/FONT][FONT=&quot]<o></o>[/FONT]
[FONT=&quot] กาลครั้งหนึ่งประวัติศาสตร์จารึกว่า สมเด็จพระนเรศวรมหาราชประกอบพิธี ยัญญกิจและสวดพระปริตรซึ่งเป็นโบราณราชพิธีเสริมดวงเมือง เพิ่มพลังสลายปัญหา ปรับสถานการณ์ที่เลวร้ายให้กลายเป็นดี ป้องกันความวิบัติต่างๆ ในการนี้สมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงอาราธนานิมนต์พระมหาเถรคันฉ่อง พระเถรานุเถระวัดตองปุ เป็นองค์สวดทำน้ำมนต์ในพระราชวังชั้นในเพื่อถวายเป็นน้ำพระพุทธมนต์เป็นน้ำสรง พระพักตร์ สรงพระองค์ และประพรมเป็นทักษิณาวัตรรอบเขตพระมหามณเฑียรทุกวัน[/FONT][FONT=&quot]<o></o>[/FONT]
[FONT=&quot] ครั้งสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ เมื่อปีพุทธศักราช 2363 ประวัติศาสตร์จารึกอีกว่าเกิดโรคห่า ( อหิวาตกโรค ) ระบาดหนักในเขตพระนคร ทำให้ผู้คนล้มตายและบ้างก็ลอยน้ำตาย เป็นจำนวนมาก จนน้ำใช้อุปโภค บริโภคไม่ได้ สร้างความหวาดหวั่น ครั่นคร้ามไปทั่วพระนคร พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ( รัชกาลที่ 2 ) ทรงโปรดให้มีการอาราธนานิมนต์พระสวดพระปริตร ซึ่งเป็นพิธีกรรมที่ครูเทพบัญชาให้จัดพิธีขึ้น โดยยึดถือการถ่ายทอดพิธีกรรมตามแบบฉบับอย่างดั้งเดิมจากวัดตองปุอย่างเต็มสูตร จากนั้นต่อมา 15 วัน จึงเป็นผลให้โรคอหิวาตกโรคที่ระบาดหนักมีสภาพค่อยๆจางหายไปในที่สุด [/FONT][FONT=&quot]<o></o>[/FONT]
[FONT=&quot]ครูเอกชัย พงษ์อารี ไวยาวัจกรวัดตองปุ รวบรวม เรียบเรียง[/FONT][FONT=&quot]<o></o>[/FONT]
[FONT=&quot] จาก 1. บันทึกหนังสือประวัติสมเด็จพระนเรศวรมหาราชและหนังสือไทยรบพม่า[/FONT][FONT=&quot]<o></o>[/FONT]
[FONT=&quot] 2. หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ปีที่ 58 ฉบับที่ 18177 วันอาทิตย์ที่ 28 ตุลาคม <o></o>[/FONT]
[FONT=&quot] พ.ศ. 2550 หน้า 5 คอลัมน์ เหนือฟ้าใต้บาดาล โดย ก้อง กังฟู<o></o>[/FONT]
[FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]<o></o>[/FONT]
[FONT=&quot]จากการสอบถาม คุณลุงศิริ สัมมาขันธ์ อายุ 87 ปี ผู้รู้ เล่าเพิ่มเติมว่า คุณปู่ผิน สุขเวชกิจ ได้เล่าให้ฟังว่า วัดตองปุเป็นวัดที่สร้างในสมัยโบราณครั้งกรุงศรีอยุธยาตอนต้น แต่เดิมมีชื่อว่า “ วัดตองปู ” เหตุที่ตั้งชื่อนี้เพราะว่า ครั้งหนึ่งในสมัยนั้นบรรดาชาวไทยและชาวมอญที่ตั้งบ้านเรือนในละแวกนี้ ทุกครั้งของเทศกาลทำบุญ ตักบาตรและงานบุญต่างๆ ณ วัดตองปุนี้แล้วเสร็จ ผู้ที่มาร่วมทำบุญก็มักจะรับประทานอาหารร่วมกัน โดยห่ออาหารมาจากบ้านด้วยใบตอง และที่สำคัญคือจะนำใบตองมารองห่ออาหารและรองนั่งแทนเสื่อทุกครั้งไป และกล่าวต่ออีกว่าแม้แต่ทัพพม่าที่มาตั้งทัพก็นำใบตองมาใช้เช่นกัน จากการสังเกตพื้นที่ในวัดสมัยก่อน พบว่ามีดงต้นกล้วยขึ้นอยู่ทั่วไป โดยเฉพาะกล้วยตานี คนรุ่นหลังยังเคยพบเห็นอยู่ จากเหตุการณ์นี้จึงเป็นที่มาของชื่อ[/FONT][FONT=&quot]<o></o>[/FONT]
[FONT=&quot]วัดตองปู [/FONT][FONT=&quot]<o></o>[/FONT]
[FONT=&quot] ต่อมาวัดตองปุก็ทรุดโทรมเป็นวัดร้างอยู่พักหนึ่ง พระที่เคยจำพรรษาก็ย้ายไปอยู่ประจำ ณ วัดสะแก ซึ่งมีพื้นที่วัดอยู่ติดกันทางทิศตะวันออกของวัดตองปุและกำลังเป็นวัดที่เจริญรุ่งเรือง มีพระจำพรรษาอยู่หลายรูป หนึ่งในจำนวนนั้นมี พระปลัดนาค [/FONT][FONT=&quot]<o></o>[/FONT]
[FONT=&quot]จำพรรษาอยู่ด้วย พระปลัดนาคเป็นพระที่ชอบสมถะ ความเงียบสงบ ประจวบกับพื้นที่วัดตองปุเป็นวัดร้างอยู่ข้างวัดสะแกมีต้นไม้ใหญ่ปกคลุม เป็นป่าเงียบสงบดี หลังจากที่ท่านฉันภัตตาหารเสร็จทุกครั้ง ท่านก็มักจะมาท่องหนังสืออยู่ที่ป่าวัดตองปุนี้เป็นประจำ พอนานวันพระรูปอื่นๆ ก็ติดตามพระปลัดนาคมาท่องหนังสือ พร้อมให้ท่านสอนธรรมะและเป็นที่พักผ่อนด้วย ต่อมาบรรดาญาติโยมได้เห็นกิจวัตรของพระสงฆ์กลุ่มนี้ จึงเกิดแรงศรัทธาและรวมตัวกันปลูกเพิงเป็นที่พักอาศัยถวาย พอถึงวันเข้าพรรษาพระปลัดนาคเป็นประธานและพระอีกหลายรูปพร้อมใจอยู่จำพรรษา ณ เพิงกุฏิในวัดตองปุ ต่อมาบรรดาชาวบ้านที่เลื่อมใสและเป็นญาติโยมก็หันมาทำบุญ ณ วัดตองปุนี้อีกครั้ง จะด้วยเพราะพระปลัดนาคเป็นผู้มีความฉลาด เก่งด้านการเทศน์และเป็นพระอาจารย์สอนนักธรรมด้วย ปรากฏว่าวัดตองปุจึงมีการพัฒนาการก่อสร้างเสนาสนะ ศาสนสถานให้เจริญรุ่งเรืองอีกครั้ง ศาลาการเปรียญวัดเปิดเป็นที่ทำการสอนหนังสือแก่เด็กในหมู่บ้านและทั่วไปโดยมีพระเป็นผู้สอน ทั้งยังเปิดสำนักเรียนเปรียญธรรมประโยคต่างๆ แก่พระภิกษุสามเณรในวัดและวัดในละแวกนี้ นับว่าเป็นผลสำเร็จเจริญรุ่งเรืองจนถึงปัจจุบัน[/FONT][FONT=&quot]<o></o>[/FONT]
[FONT=&quot] ครูสำเริง สุมาลัย บุตรชายของ อาจารย์หวล สุมาลัย ปราชญ์จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เล่าเพิ่มเติมว่า พื้นที่ทุ่งหลังวัดตองปุเคยเป็นที่ตั้งรวมพลเกณฑ์ ทหารราบยามมีศึกสงครามเพื่อประจำกรุงศรีอยุธยา แต่เดิมมีเนินดินตั้งศาลาประจำการ ซึ่งสอดคล้องกับฝั่งตรงข้ามทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือเป็นพื้นที่ของเพนียด ( คล้องช้าง ) และเป็นทุ่งทะเลหญ้าเลี้ยงช้าง เป็นที่ตั้งโรงช้าง มีเหล่าทหารประจำช้าง มีคูเมืองล้อมรอบปรากฎให้เห็น[/FONT][FONT=&quot]<o></o>[/FONT]
[FONT=&quot] พื้นที่บริเวณริมแม่น้ำลพบุรีหลังวัดตองปุ ยังมีหลักฐานแหล่งผลิตกระเบื้องดินเผาโบราณ เช่นกระเบื้องกาบกล้วย เชิงชายลายเทพนม เพื่อนำไปมุงหลังคามหาวิหาร วัด มหาราชวังในกรุงศรีอยุธยาและทั่วไปด้วย[/FONT][FONT=&quot]<o></o>[/FONT]
[FONT=&quot]<o> </o>[/FONT]
[FONT=&quot]<o> </o>[/FONT]

toongpu9977 · 5 พฤศจิกายน 2009

อดีตเจ้าอาวาส(ที่พอจะมีรูป)ไว้เป็ประวัติกับวัดตองปุ

toongpu9977 · 5 พฤศจิกายน 2009

ขออนุโมทนากับคุณโยมที่ได้บริจากทรัพย์ในการซ่อมแซมหลวงพ่อโตขอให้คุณโยมและครอบครัวมีแต่ความสุขความเจริญ อย่าได้มีความทุกข์ใดๆเลย

wirotp · 5 พฤศจิกายน 2009

ขอทราบชื่อธนาคารและหมายเลขบัญชีร่วมบุญด้วยครับ

toongpu9977 · 5 พฤศจิกายน 2009

ขอเชิญผู้มีจิตศัทธาร่วมเป็นเจ้าซ่อมแซมองค์หลวงพ่อโตและพระสาวกเป็นพระประธานอุโบสถเก่าสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนต้นซึ่งองค์หลวงพ่อเป็นปูนเก่าจึงชำรุดทรุดโซมปูนแตกกล่อน งบประมาณในการซ่อมแซม จำนวน ๒๐๐,๐๐๐ บาท

ชื่อบัญชี วัดตองปู ธนาคารนครหลวงไทย
บัญชีเงินฝากออมทรัพย์ เลขที่ 570-2-25979-0 สาขาตลาดเจ้าพรหม

ขอให้คุณโยมที่มีจิตศัทธาร่วมบริจากทรัพย์ในครั้งนี้มีความสุขความเจริญยิ่งๆขึ้นไป

toongpu9977 · 6 พฤศจิกายน 2009

ขอเชิญบูชาตะกรุดใบลาน เมตตามหาโชค มหาลาภ แคล้วคลาด ปลอดภัย
ประจุไตรมาสสามเดือนโดยคณาจารย์สายตะกรุด
วัตถุประสงค์เพื่อบำรุงการศึกษาพระปริยัติธรรมแผนกธรรมและบาลี
ไม่ต้องจอง บูชาได้แล้วที่วัดตองปุ
ขนาดเล็ก ๕+๙ ห้วเลส ราคา ๑๐๐
ขนาดเล็ก ๕+๙ ห้วทอง ราคา ๑๒๐
ขนาดใหญ่ ๑๒,๑๔+๗ ห้วดิ่งเลส ราคา ๒๐๐
ขนาดใหญ่ ๑๒,๑๔+๗ ห้วดิ่งทอง ราคา ๒๒๐
ประจุไตรมาสสามเดือนโดยคณาจารย์สายตะกรุด

หลวงปู่สวัสดิ์ วัดศาลาปูน

หลวงพ่อหวล วัดพุทไธศวรรย์

หลวงพ่อจำลอง วัดเจดีย์แดง
ใบลานอักขระขอมเก่าเป็นร้อยๆปีมีความขลังและศักคิ์สิทธิ์มาก เป็นคัมถีร์พระราชทานรุ่นเก่าแก่

สนใจติดต่อสอบถาม 0818519139
หรือมาเช่าที่วัดตองปุได้เลย

toongpu9977 · 7 พฤศจิกายน 2009

วิหารหลวงพ่อโต

องค์หลวงพ่อโตและพระสาวกที่ชำรุดเป็นบางแห่งถ้าปล่อยทิ้งไว้จะทำให้เสียหายมากขึ้น
จึงได้ขอเชิญผู้มีจิตศัทธาร่วมเป็นเจ้าภาพซ่อมแซมบูรณะองค์หลวงพ่อโตและพระสาวก

toongpu9977 · 7 พฤศจิกายน 2009

ขอเชิญไว้พระศักดิ์สิทธิ์สมัยอยุธยา อายุุ ๖๐๐ กว่าปี วัดตองปุ
ต.บ้านเกาะ
จ.พระนครศรีอยุธยา
จ.พระนครศรีอยุธยา

toongpu9977 · 7 พฤศจิกายน 2009

ขออนุโมทนากับคุณโยมผู้มีจิตศัทธาบริจาคทรัพย์เข้าธนาคารนครหลวงไทยในการบูรณะซ่อมแซมหลวงพ่อโตซึ่งเป็นพระประธานโบสถ์เก่า อายุ ๖๐๐ กว่าปี สาธุอย่าได้เจ็บอย่าได้จน ขอให้มีแต่ความเจริญรุ่เรืองยิ่งๆขึ้นไป เทอญ

toongpu9977 · 7 พฤศจิกายน 2009

บริเวณหน้าวัดตองปุจะเป็นแม่น้ำป่าสักก้บแม่น้ำลพบุรีมาประจบกันเป็นแม่น้ำเจ้าพระยา
เปิดดูไฟล์ 750114 เปิดดูไฟล์ 750115
เปิดดูไฟล์ 750116

nutcha1991 · 8 พฤศจิกายน 2009

*สังคมวิปริต วิกฤตที่ใจคน
*เป้าหมายชีวิตพอเพียง และเพียงพอ
*รักษาใจ รักษาธรรม
*ดับทุกข์ที่ต้นเหตุ ศึกษาจากในหลวงของเรา
*หนทางดับทุกข์ด้วย ศีล สมาธิ ปัญญา

ขออนุโมทนา สาธุ สาธุ สาธุ

toongpu9977 · 8 พฤศจิกายน 2009

<meta http-equiv="Content-Type" content="text/html; charset=utf-8"><meta name="ProgId" content="Word.Document"><meta name="Generator" content="Microsoft Word 12"><meta name="Originator" content="Microsoft Word 12"><link rel="File-List" href="file:///C:%5CUsers%5Csoomjai%5CAppData%5CLocal%5CTemp%5Cmsohtmlclip1%5C01%5Cclip_filelist.xml"><link rel="themeData" href="file:///C:%5CUsers%5Csoomjai%5CAppData%5CLocal%5CTemp%5Cmsohtmlclip1%5C01%5Cclip_themedata.thmx"><link rel="colorSchemeMapping" href="file:///C:%5CUsers%5Csoomjai%5CAppData%5CLocal%5CTemp%5Cmsohtmlclip1%5C01%5Cclip_colorschememapping.xml"><style>  </style>
[FONT=&quot]วิหารหลวงพ่อโต[/FONT]<o></o>
[FONT=&quot]วิหารหลวงพ่อโต[/FONT][FONT=&quot] แต่เดิมเป็นพระอุโบสถมหาอุดหลังเก่า สันนิษฐานว่า สร้างมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาตอนต้น ประมาณปี พ.ศ. ๑๙๒๐ และต่อมาเป็นวัดร้างอยู่ระยะหนึ่งจนถึงปี พ.ศ. ๒๑๒๗ สมัยสมเด็จนเรศวรมหาราช ได้มีการบูรณะ ปรับปรุงสร้างเป็นวัดขึ้นมาอีกครั้ง เพื่อเป็นที่จำพรรษาแด่พระเถระรามัญคือ [/FONT]“[FONT=&quot]พระมหาเถระคันฉ่อง[/FONT]” [FONT=&quot]และพระราชทานนามวัดว่า [/FONT]“[FONT=&quot]วัดตองปุ[/FONT]” [FONT=&quot]จากคำกล่าวขานต่อ ๆ กันมาว่า ในสมัยพระปลัดนาคอดีตเจ้าอาวาสย้ายมาจากวัดสะแกมาบำเพ็ญเพียรปฏิบัติธรรมและจำพรรษาในวัดนี้ คือ วัดตองปุเป็นวัดร้างอยู่ เพราะจากการที่ข้าศึกพม่าตั่งค่ายล้อมกรุงศรีอยุธยาได้เผาทำลายแต่ก็ยังคงเหลือซากปรักหังพังมีต้นไม้ขึ้นปกคลุมทิ้งไว้ให้เห็นสิ่งที่สำคัญคือฐานขอบเขตวิสุงคามสีมาและรากฐานแท่นพระอุโบสถหลังเก่าแต่ดั้งเดิม รวมทั้งพระประธานในโบสถ์ที่ชำรุดคงสภาพเหลือเป็นองค์หลวงพ่อโตพอจะปรากฎให้เห็นและต่อมาได้มีการบูรณะพระอุโบสถและองค์หลวงพ่อโตพระประธานต่อเนื้ออีกครั้งตามรากฐานโครงสร้างโบสถ์เดิมรูปทรงมหาอุดหน้าโบสถ์พระประธานหันหน้าไปทางทิศตะวันตกลักษณะโบสถ์รามัญในครั้งพระมหาเถระคันฉ่อง พระเถระเจ้าอาวาสสมัยนั้น[/FONT]<o></o>
[FONT=&quot] พระนามขาน [/FONT]“[FONT=&quot]หลวงพ่อโต[/FONT]”[FONT=&quot] แต่เดิมเชื่อว่ามีการกล่าวขานตามชื่อพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง คือ หลวงพ่อโต วัดพนัญเชิง เพราะชาวบ้านเกิดความเลื่อมใสศัทธาในความศักดิ์สิทธิ์ได้กราบไหว้บูชา ในสมัยนั้นจึงมีการเชื้อมโยงกล่าวขานนามเรียกต่อๆกันมา ในแต่ละยุคแต่ละสมัยสื่อจนถึงทุกวันนี้[/FONT]<o></o>
[FONT=&quot] คำว่าโบสถ์ [/FONT]“[FONT=&quot]มหาอุด[/FONT]” [FONT=&quot]นั้นแต่เดิมสร้างขึ้นเพื่อใช้ประกอบพิธียันกิจ พิธีสวดพระปริตร ปลุกเสกน้ำพระพุทธมนต์ศักดิ์สิทธิ์ ปลุกเสกเครื่องรางของขลังในสมัยกรุงศรีอยุธยาและเรื้อยมาจนถึงสมัยกรุงรัตนโกสินทร์[/FONT]

ภาพพระอุโบสถมหาอุดเก่าก่อนที่จะรื้อเพราะชำรุดมาก

รื้อแล้ว หลวงพ่อโต พระประธานโบสถ์เก่า

กำลังจะสร้างวิหารใหม่

วิหารหลวงพ่อโตที่สร้างใหม่

หลวงพ่อโต (พระประธานโบสถ์มหาอุดเก่า อายุ ๖๐๐ กว่าปี

ขอเชิญนมัสการขอพรเป็นศิริมงคล
[FONT=&quot]<o></o>[/FONT]
<o> </o>
[FONT=&quot]<o> </o>[/FONT]

toongpu9977 · 8 พฤศจิกายน 2009

ตอนนี้ทางวัดกำลังจะลงมือทำการซ่อมแซมองค์หลวงพ่อโตและพระสาวกที่ชำรุดแต่ยังขาดจตุปัจจัยที่จะทำให้แล้วเสร็จต่อไป สาธุ

toongpu9977 · 9 พฤศจิกายน 2009

วัดตองปุ (อันเป็นวัดที่สมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงสร้างถวายพระมหาเถรคันฉ่อง)สวดทำน้ำมนต์ในพระราชวังชั้นใน เพื่อถวายเป็นน้ำพระพุทธมนต์ เป็นน้ำสรงพระพักตร์ สรงพระองค์ และประพรหเป็นทักษิณาวรรตรอบเขตพระมหามณเฑียรทุกวัน

toongpu9977 · 9 พฤศจิกายน 2009

<meta http-equiv="Content-Type" content="text/html; charset=utf-8"><meta name="ProgId" content="Word.Document"><meta name="Generator" content="Microsoft Word 12"><meta name="Originator" content="Microsoft Word 12"><link rel="File-List" href="file:///C:%5CUsers%5Csoomjai%5CAppData%5CLocal%5CTemp%5Cmsohtmlclip1%5C01%5Cclip_filelist.xml"><link rel="themeData" href="file:///C:%5CUsers%5Csoomjai%5CAppData%5CLocal%5CTemp%5Cmsohtmlclip1%5C01%5Cclip_themedata.thmx"><link rel="colorSchemeMapping" href="file:///C:%5CUsers%5Csoomjai%5CAppData%5CLocal%5CTemp%5Cmsohtmlclip1%5C01%5Cclip_colorschememapping.xml"><style>  </style> [FONT=&quot]มณฑป [/FONT][FONT=&quot]หลวงพ่อหินและรอยพระพุทธบาทจำลองแต่เดิมหลวงพ่อหินได้ชะลอมาจากวัดนางคำซึ่งเป็นวัดร้างในสมัยกรุงศรีอยุธยา อายุกว่า ๕๐๐ ปี องค์หลวงพ่อหินประดิษฐานอยู่ริมแม่น้ำป่าสักตอนใต้ของวัดตองปุซึ่งใกล้จะพังลงแม่น้ำชาวบ้านที่ศัทธาเลื่อมใสจึงได้ชลอมาประดิษฐานไว้ ณ วัดตองปุตรงที่ปัจจุบัน และได้สร้างมณฑปถวาย มีการบูรณะมาแล้วครั้งหนึ่งเมื่อ พ.ศ.๒๔๖๓ และซ่อมครั้งหลังสุดได้บูรณะ มณฑปใหม่และองค์หลวงพ่อหินเมื่อปี พ.ศ.๒๕๔๑ และได้อันเชิญรอยพระพุทธบาทจำลองที่อยู่คู่วัดตองปุมากกว่า ๑๐๐ ปี มาประดิษฐานถาวร เพื่อให้สาธุชนทั่วไปได้ปิดทองกราบไหว้บูชา ขอพรในความศักดิ์สิทธิ์[/FONT]

มณฑปหลวงพ่อหินเก่า
เป็นรูปทรงลักษณะของชาวมอญ
ที่รื้อสร้างใหม่เพราะชำรุดพังลง

องค์หลวงพ่อหินเก่า

องค์หลวงพ่อหิน ทางวัดได้บูรณะใหม่เป็นองค์ทองเมื่อปี ๒๕๔๑

พระสังฆจาย มีผู้ศัทธาสร้างถวาย

มณฑปในปัจจุบัน

[FONT=&quot]<o></o>[/FONT]

toongpu9977 · 9 พฤศจิกายน 2009

รรอยพระพุทธบาทจำลองที่ประดิษฐานอยู่ในมณฑปหลวงพ่อหิน

toongpu9977 · 10 พฤศจิกายน 2009

<meta http-equiv="Content-Type" content="text/html; charset=utf-8"><meta name="ProgId" content="Word.Document"><meta name="Generator" content="Microsoft Word 12"><meta name="Originator" content="Microsoft Word 12"><link rel="File-List" href="file:///C:%5CUsers%5Csoomjai%5CAppData%5CLocal%5CTemp%5Cmsohtmlclip1%5C01%5Cclip_filelist.xml"><link rel="themeData" href="file:///C:%5CUsers%5Csoomjai%5CAppData%5CLocal%5CTemp%5Cmsohtmlclip1%5C01%5Cclip_themedata.thmx"><link rel="colorSchemeMapping" href="file:///C:%5CUsers%5Csoomjai%5CAppData%5CLocal%5CTemp%5Cmsohtmlclip1%5C01%5Cclip_colorschememapping.xml"><style>  </style>
[FONT=&quot]อานิสงส์การซ่อมแซมพระพุทธรูป (นางวิสาขา)[/FONT][FONT=&quot]<o></o>[/FONT]

[FONT=&quot]วิสาขาคนสวย[/FONT][FONT=&quot]<o></o>[/FONT]

[FONT=&quot]โดย[/FONT][FONT=&quot] หลวงพ่อพระราชพรหมยาน[/FONT][FONT=&quot]<o></o>[/FONT]
[FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]<o></o>[/FONT]
[FONT=&quot] ท่านสาธุชนทั้งหลาย วันนี้ขอพบกับบรรดาท่านพุทธบริษัทในด้านของอานิสงส์แห่งพุทธบูชา คำว่าพุทธบูชา มหาเตชวันโต แปลเป็นใจความว่า การบูชาพระพุทธเจ้าย่อมมีเดชมีอำนาจมาก คำว่าเดชอำนาจในที่นี้ไม่ได้หมายความว่า คนที่บูชาพระพุทธเจ้าแล้วจะต้องเป็นนักเลงโต ไม่ใช่อย่างนั้น[/FONT][FONT=&quot]<o></o>[/FONT]
[FONT=&quot] คำว่าเดชอำนาจในพระพุทธศาสนาหมายถึงความดี ฉะนั้น การที่บูชาพระพุทธเจ้าโดยยอมรับนับถือความดีที่พระพุทธเจ้าทรงสั่งสอน โดยการให้ทาน รักษาศีล เจริญภาวนาและมีความสามัคคีซึ่งกันและกัน ช่วยกันสร้างสรรค์ความดีให้เกิดขึ้น ไม่ใช่มาช่วยกันสร้างสรรค์ความเดือดร้อน ทำลายชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และปวงชนชาวไทยและชาวโลกทั้งหลายให้มีความเดือดร้อน การมีเดชมีอำนาจในพระพุทธศาสนา หมายถึงเดชอำนาจในด้านของความดีโดยเฉพาะ เป็นทางนำมาซึ่งสันติสุข[/FONT][FONT=&quot]<o></o>[/FONT]
[FONT=&quot] ตอนนี้จะขอนำบุคคลที่บูชาพระพุทธเจ้า ที่กล่าวว่า พุทธบูชา มหาเตชวันโต มาเล่าให้บรรดาท่านพุทธบริษัทฟังว่า ท่านบูชาแล้วท่านมีอานิสงส์เป็นประการใดบ้าง ท่านผู้นี้คือนางวิสาขามหาอุบาสิกา ที่มีความเคารพในองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นเหตุ การที่นางบูชาองค์สมเด็จพระบรมโลกเชษฐ์ มีผลหลายประการเป็นตัวอย่าง จะนำมาคุยกับบรรดาท่านพุทธบริษัทเป็นตอน ๆ ไป สำหรับตอนนี้จะนำเอาความรูปสวยของนางวิสาขามาคุยกับท่านพุทธบริษัท[/FONT][FONT=&quot]<o></o>[/FONT]
[FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]<o></o>[/FONT]
[FONT=&quot]สตรีมีรูปเป็นทรัพย์[/FONT][FONT=&quot]<o></o>[/FONT]
[FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]<o></o>[/FONT]
[FONT=&quot] สำหรับนางวิสาขา เคยแปลในพระธรรมบทปรากฎว่า เธอมีความงามเป็นพิเศษ ตอนนี้จะขอพูดเรื่องพุทธบูชา ได้ความงามเป็นพิเศษ เพราะบรรดาสุภาพบุรุษก็ดี สุภาพสตรีก็ดี ต้องการความสวยสดงดงามด้วยกันทุกคน ที่กล่าวว่าทุกคนก็ถือว่าเป็นส่วนมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่มีสติสัมปชัญญะสมบูรณ์ ต้องการความสวย ต้องการความเรียบร้อยของร่างกาย บุคคลิกลักษณะของร่างกาย ต้องการให้เป็นที่ถูกตาถูกใจของบุคคลผู้ทัศนา หรือว่าได้เห็นคำว่า ทัศนา แปลว่า ดู[/FONT][FONT=&quot]<o></o>[/FONT]
[FONT=&quot] โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับท่านสุภาพสตรีถือว่ารูปเป็นทรัพย์ คือเราจะเห็นได้ว่าสตรีคนใดมีความงาม ถึงแม้ว่าจะมีฐานะเดิมยากจนเข็ญใจ ก็อาจจะหาคู่ครองที่มีฐานะดี ๆ มีศักดิ์ศรีใหญ่ได้ ฉะนั้น องค์สมเด็จพระจอมไตรจึงกล่าวว่า สตรีมีรูปเป็นทรัพย์ ฉะนั้นตอนนี้จะได้คุยเรื่องสตรีมีรูปเป็นทรัพย์ และมีทรัพย์สินมากด้วย เอากันแค่รูปเป็นทรัพย์ก่อน คือมีความสวย[/FONT][FONT=&quot]<o></o>[/FONT]
[FONT=&quot] นางวิสาขามีความสวยเป็นกรณีพิเศษ คือสวยไม่เหมือนชาวบ้านเขา สวยเป็นสาวอายุ 16 ปี เมื่อถึงคราวอายุ 16 ปี รูปร่างยอดนารีมีลักษณะเช่นใด และอยู่ต่อไปถึง 120 ปี ก็ยังเป็นสาวแค่อายุ 16 ปีอยู่นั่นเอง ลักษณะความสาวและความสวยของนางวิสาขา ตามบาลีท่านกล่าวว่ามีอยู่ 5 อย่างด้วยกัน ตามภาษาบาลีท่านเรียกว่า เบญจกัลยาณี[/FONT][FONT=&quot]<o></o>[/FONT]
[FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]<o></o>[/FONT]
[FONT=&quot]เบญจกัลยาณี[/FONT][FONT=&quot]<o></o>[/FONT]
[FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]<o></o>[/FONT]
[FONT=&quot] สำหรับลักษณะ 5 ประการ ถ้าจะกล่าวเป็นภาษาบาลีมันฟังยาก ตอนนี้มากล่าวกันเป็นภาษาไทย เจ้าคุณราชเมธี วัดประยูรวงศาวาส ท่านเคยประพันธ์ไว้เป็นกลอน แต่ว่าคำกลอนนี้จะถูกต้องตามแบบฉบับของนักแต่งกล่อนหรือไม่ อาตมาไม่ทรบ ท่านกล่าวไว้ดังนี้[/FONT][FONT=&quot]<o></o>[/FONT]
[FONT=&quot] 1. งามผมสมพักตร์ ลักขณา[/FONT][FONT=&quot]<o></o>[/FONT]
[FONT=&quot] 2. โอษฐาจิ้มลิ้ม ดูพริ้มเพรา[/FONT][FONT=&quot]<o></o>[/FONT]
[FONT=&quot] 3. งามทนต์ยลปลั่ง ดังสังข์ขัด[/FONT][FONT=&quot]<o></o>[/FONT]
[FONT=&quot] 4. ผิวทัศน์กรรณิกา งามราศี[/FONT][FONT=&quot]<o></o>[/FONT]
[FONT=&quot] 5. จะคลอดบุตรสักเท่าไร วัยยังดี หญิงเช่นนี้ใครได้มางามหน้าเอย[/FONT][FONT=&quot]<o></o>[/FONT]
[FONT=&quot] ที่นางวิสาขามีความสวย 5 ประการ ถ้าหากว่าบรรดาสุภาพสตรีในสมัยปัจจุบันมีความสวยครบ 5 ประการอย่างนางวิสาขา จะเป็นการลดค่าครองชีพลงมาก และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ก็จะเป็นการลำบากสำหรับนักตั้งสำนักงานสร้างความเสริมสวย เพราะว่าหน่วยการสร้างความเสริมสวยนี้จะตั้งขึ้นมาไม่ได้เลย เพราะว่าคนงามเสียแล้วทั้งหมดก็ไม่มีใครเขาไปจ้างเสริมความงามกัน ความงามของนางวิสาขาจะพูดให้ฟังตามกลอนของท่านเจ้าคุณราชเมธี วัดประยูรวงศ์ฯ ท่านแต่งมาจากเนื้อแท้ของบาลีว่า[/FONT][FONT=&quot]<o></o>[/FONT]
[FONT=&quot] 1. งามผมสมพักตร์ลักขณา ผมของนางวิสาขานี้สลวยอยู่ตลอดเวา เรียบไม่ต้องตัด ไม่ต้องชำระสะสางก็ไม่เหม็นสาบ ผมจะไม่ยาวเกินไป ไม่สั้นเกินไป ไม่เหม็นสาบไม่เหม็นสาง ถ้าสมัยไหนเขาต้องการเรียบ ผมของนางก็เรียบ ต้องการหยิกผมก็หยิก ต้องการเป็นผมลอนผมก็เป็นลอน ในสมัยใดต้องการแบบใด ลักษณะ ผมของนางวิสาขาจะเป็นไปตามสมัย ไม่ต้องดัดแปลง ไม่ต้องแก้ไข ไม่ต้องตกแต่ง ไม่ต้องตัด ไม่ยาวเกินไป ไม่สั้นเกินไป เป็นอันว่างามผม[/FONT][FONT=&quot]<o></o>[/FONT]
[FONT=&quot] 2. โอษฐาจิ้มลิ้ม ดูพริ้มเพรา ริมฝีปากของนางวิสาขาไม่มีริ้ว ไม่มีรอย เป็นริมฝีปากสวย มีความแดงระเรื่อพอสมควร ไม่ต้องไปแตะไปต้องอะไรทั้งหมด ปรากฎว่าสวยอยู่ตลอดเวลา[/FONT][FONT=&quot]<o></o>[/FONT]
[FONT=&quot] 3. งามทนต์ยลปลั่งดังสังข์ขัด ฟันของนางวิสาขาเรียบและเป็นเงางามคล้ายมุก ไม่ต้องแต่งเหมือนกันอยู่ตลอดเวลา[/FONT][FONT=&quot]<o></o>[/FONT]
[FONT=&quot] 4. ผิวทัศน์กรรณิกางามราศี คำว่าผิวในที่นี้ ถ้าเขานิยมดำก็ดำสวย ถ้าเขานิยมขาวผิวก็ขาว เขานิยมเหลืองผิวก็เหลือง เป็นไปตามความนิยม ไม่มีไฝ ไม่มีฝ้า ไม่มีขี้แมลงวัน ถึงแม้ว่าจะไม่อาบน้ำสักเดือนนึง ผิวของนางวิสาขาก็ไม่เลอะ ไม่สกปรก ไม่เหม็นสาบ ไม่เหม็นสาง[/FONT][FONT=&quot]<o></o>[/FONT]
[FONT=&quot] 5. จะคลอดบุตรสักเท่าไร วัยยังดี หมายความว่าหญิงประเภทนี้ ถ้าคลอดบุตรเมื่ออายุเท่าไร มีความงามของทรวดทรงอยู่ในระดับไหน ความงามของทรวดทรงจะอยู่ในระดับนั้นจนกว่าจะถึงวันตาย ไม่มีการเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งนางวิสาขามีความงาม 5 ประการ และคลอดบุตรเมื่ออายุ 16 ปี เมื่อนางแก่ถึงอายุ 120 ปี ก็ปรากฎว่าเป็นหญิงเหมือนอายุ 16 ปี นั่นเอง[/FONT][FONT=&quot]<o></o>[/FONT]
[FONT=&quot] ตัวอย่างในที่นี้ ก็ปรากฎมาในพระธรรมบทว่า สมัยหนึ่งเมื่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ายังดำรงพระชนม์อยู่ สมัยนั้นองค์สมเด็จพระบรมครูกำลังแสดงพระธรรมเทศนาโปรดพุทธบริษัท นางวิสาขาเป็นพระโสดาบัน แต่งงานเมื่ออายุ 16 ปี หรืออาจจะก่อนหน้าสักนิด และคลอดบุตรเมื่ออายุ 16 ปี หลังจากนั้นนางวิสาขาก็มีบุตร 20 คน วิสาขา แปลว่า งอกงาม เหมือนกับกิ่งก้านของไม้ที่มีสาขา คือกิ่งยาวสล้างเป็นพุ่มสวย ไม่ใช่ไม้ชะลูด ฉะนั้น คำว่าวิสาขาแปลว่ากิ่งงามมาก แค่กิ่งนั้นล่อเข้าไปตั้ง 20 กิ่ง คือลูก และนางวิสาขาก็ยังมีหลานอีก โดยลูกทั้งหมดปรากฎว่ามีบุตรมาคนละ 20 คน[/FONT][FONT=&quot]<o></o>[/FONT]
[FONT=&quot] ท่านทั้งหลายก็เอา 20 ตั้งเข้าไป แล้วก็ 20 คูณเข้าไป เข้าไปเท่าไรแล้ว แล้วก็เอาอีก 20 ของ 20 มาตั้ง คูณ ๆ กันลงไป ก็หมดเรื่องกันไป เท่าไรก็ช่าง จะเห็นว่าวิสาขานี้สมชื่อของนาง มีกิ่งก้านสาขางอกงามทั้งลูกทั้งหลาน รวมแล้วหลายร้อยคน ถ้าจะเดินขบวนกัน ก็เห็นจะไม่ต้องเกณฑ์ชาวบ้านชาวเมืองที่ไหน[/FONT][FONT=&quot]<o></o>[/FONT]
[FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]<o></o>[/FONT]
[FONT=&quot]สาวเท่าหลาน[/FONT][FONT=&quot]<o></o>[/FONT]
[FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]<o></o>[/FONT]
[FONT=&quot] เป็นอันว่าในสมัยนั้น เมื่อองค์สมเด็ยพระทศพลกำลังเทศน์อยู่ นางวิสาขานั่งอยู่ระหว่างท่ามกลางหลาน ๆ ซึ่งมีความเป็นเด็กรุ่นสาว พระเจ้าปเสนทิโกศล บรมกษัตริย์ พระบาทท้าวเธอได้ยินข่าวเขาเล่าลือกันว่า นางวิสาขามีลูก 20 คน และลูกมีลูกอีกคนละ 20 คน แต่ว่านางวิสาขายังสาวเท่าหลาน จึงต้องการอยากจะทราบ จึงย่อง ๆ ไปมองดู เห็นองค์สมเด็จพระบรมครูกำลังแสดงพระธรรมเทศนา บรรดาสาว ๆ ทั้งหลายนับเป็นจำนวนร้อยนั่งอยู่หน้าองค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าพร้อมด้วยพุทธบริษัท[/FONT][FONT=&quot]<o></o>[/FONT]
[FONT=&quot] แต่ความจริงนางวิสาขานั่งอยู่ท่ามกลางบรรดาหลานสาวๆ รุ่น ๆ พระองค์ทรงทอดพระเนตรดูก็ไม่รู้ว่าคนไหนคือนางวิสาขา จึงถามท่านหมอชีวกโกมารภัจจ์ว่า นางวิสาขาคนไหน ท่านหมอชีวกโกมารภัจจ์ก็ชี้ให้ดู บอกว่านางวิสาขาอยู่ท่ามกลางหลานพระพุทธเจ้าข้า พระเจ้าปเสนทิโกศลพระบาทท้าวเธอทอดพระเนตร ก็หาทราบไม่ว่าใครคือนางวิสาขากันแน่ เพราะหาคนแก่ไม่ได้ มีแต่เด็กสาวรุ่น ๆ ท่านหมอชีวกโกมารภัจจ์จึงได้กราบทูลว่า ถ้าพระองค์ไม่ทรงทราบ คอยดูเวลาลุกขึ้นเมื่อเทศน์จบ[/FONT][FONT=&quot]<o></o>[/FONT]
[FONT=&quot] ตามธรรมดาเด็กหนุ่ม ๆ สาว ๆ ก็มีกำลังมาก เวลาจะลุกเขาก็ลุกขึ้นมาปกติ ถ้าคนแก่เวลาจะลุกขึ้น จะต้องเอาสองมือยันพื้นก่อนจึงจะลุกขึ้น ฉะนั้น เวลาที่พระพุทธเจ้าทรงเทศน์จบ เขาก็ลุกกันตามปกติ หลานลุกไม่ต้องใช้มือยัน สำหรับนางวิสาขานั้นใช้มือทั้งสองข้างยันพื้นจึงลุกขึ้นได้ เป็นอันว่าพระเจ้าปเสนทิโกศลทราบแล้วว่า ใครคือนางวิสาขา ดูรูปร่างหน้าตาเป็นสาวรุ่น ๆ อายุราว 16 ปี เท่านั้นเอง[/FONT][FONT=&quot]<o></o>[/FONT]
[FONT=&quot] บรรดาท่านพุทธบริษัท สำหรับตอนนี้ เรื่องพุทธบูชากล่าวถึงอานิสงส์ก่อน มาหยุดกันไว้แค่ตอนนี้ เรื่องของนางวิสาขาไม่หมดเพียงเท่านี้ นี่เป็นตอนหนึ่งเฉพาะเป็นตอนสั้น ๆ ที่ตัดมาเฉพาะเรื่องพุทธบูชาทำให้คนสวย คือมีอานุภาพสามารถทำร่างกายให้คนสวย[/FONT][FONT=&quot]<o></o>[/FONT]
[FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]<o></o>[/FONT]
[FONT=&quot]เหตุที่เกิดมาสวย[/FONT][FONT=&quot]<o></o>[/FONT]
[FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]<o></o>[/FONT]
[FONT=&quot] ต่อไปนี้จะขอกล่าวถึงต้นเหตุที่นางวิสาขาทำไมจึงสวยเช่นนี้ ตามพระบาลีท่านกล่าวว่า ถอยหลังไปจากชาตินี้ ในสมัยพระพุทธกัสสปสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงอุบัติขึ้นในโลก เวลานั้น นางวิสาขาเป็นสาวชาวบ้านธรรมดา สาวหรือไม่สาวไม่ทราบ คงจะเป็นสาวก่อน และต่อมาก็คงจะเป็นแม่บ้าน ไปใช้ศัพท์ว่าสาวมันอาจจะผิดบาลี แต่ความจริงจะผิดเลยทีเดียวก็ไม่ได้ เพราะว่าคนเกิดมาเป็นเด็กแล้วก็เป็นสาว แล้วต่อไปจึงแก่เฒ่าทีหลัง[/FONT][FONT=&quot]<o></o>[/FONT]
[FONT=&quot] เป็นอันว่าในสมัยนั้น นางวิสาขาก็มีความเลื่อมใสในองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงพระนามว่าพระพุทธกัสสป เคารพในพระพุทธเจ้าจริง ๆ เวลาที่เขาจะเทศน์ เขาจะทำบุญกันที่ไหน นางวิสาขาไปด้วยความเต็มใจ ไปฟังด้วยความเคารพ และบำเพ็ญกุศลด้วยความเคารพ แต่ ว่านางวิสาขาเวลาที่บำเพ็ญกุศลในจรรยาสัมมาปฏิบัติแล้ว ไม่เคยอธิษฐานหลังจากทำบุญในศาสนาขององค์สมเด็จพระประทีปแก้วว่า ขอให้ได้เบญจกัลยาณี คือมีความงาม 5 ประการ ความจริงนางวิสาขาไม่ได้อธิษฐานอย่างนี้[/FONT][FONT=&quot]<o></o>[/FONT]
[FONT=&quot] มีความต้องการอย่างเดียว คือการบำเพ็ญกุศลในศาสนาขององค์สมเด็จพระชินสีห์ นางมีความต้องการเฉพาะคือพระนิพพาน หรือความสุขในปัจจุบัน การทำบุญ บรรดาท่านพุทธบริษัท เราได้รับผลกันในปัจจุบัน คือรับความสุขในชาติปัจจุบันนี้ก่อน แล้วต่อไปบุญจึงจะสะท้อนให้เราเข้าสู่พระนิพพานในเมื่อบุญบารมีเต็ม[/FONT][FONT=&quot]<o></o>[/FONT]
[FONT=&quot] ปรากฎว่า ในกาลครั้งหนึ่ง ตามพระบาลีท่านว่าอย่างนั้น เมื่อนางวิสาขาไปฟังเทศน์ เขาบอกกล่าวกันว่ามีพระท่านเทศน์ที่วัดโน้นวัดนี้ นางวิสาขาได้ฟังคำกล่าวว่ามีพระท่านเทศน์ จึงตั้งใจจะไปฟังเทศน์ แต่ในระหว่างทางปรากฎว่า นางวิสาขาไปพบพระพุทธรูปองค์หนึ่ง เขาสร้างไว้ในสถานที่โล่งแจ้ง คือตากแดด และพระพุทธรูปนั้นมีรอยร้าวเปลือกกระเทาะ ทองก็ล่อนไปหมด ปูนก็กระเทาะจนแหว่ง แลดูไม่สวยสดงดงาม ไม่เจริญตา นางวิสาขาจึงเข้าไปกราบนมัสการพระพุทธรูป ตั้งใจเจริญใจเป็นพุทธบูชากล่าวปฏิญาณว่า[/FONT][FONT=&quot]<o></o>[/FONT]
[FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]<o></o>[/FONT]
[FONT=&quot]สัจวาจา[/FONT][FONT=&quot]<o></o>[/FONT]
[FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]<o></o>[/FONT]
[FONT=&quot] “เมื่อข้าพเจ้ากลับมาจากฟังพระธรรมเทศนาแล้ว จะให้ช่างมาทำนุบำรุงพระปฏิมากร รูปแทนขององค์สมเด็จพระประทีปแก้วให้มีความสวยสดงดงาม”[/FONT][FONT=&quot]<o></o>[/FONT]
[FONT=&quot] เมื่อนางไหว้พระพุทธรูป นึกถึงคุณของพระพุทธเจ้า นางก็ไปฟังเทศน์ เมื่อเทศน์จบคนเขากลับ นางวิสาขาก็กลับ เมื่อกลับมาผ่านพระพุทธรูปนั้นก็เข้าไปกราบอีก กล่าวคำปฏิญาณตามนั้น หลังจากนั้นแล้ว นางวิสาขาเมื่อมาถึงบ้าน จึงได้สั่งให้นายช่างไปจัดการทำนุบำรุงพระพุทธปฏิมากร คือพระพุทธรูป ซ่อมแซมให้เรียบร้อย ให้ดีคงเดิม พอเสร็จแล้วก็ทาสีหรือว่าปิดทอง ทำตามความนิยมที่เห็นว่าสวยสดงดงาม เป็นที่เจริญตาเจริญใจ หลังจากนั้นนางวิสาขาจึงได้ให้นายช่างปลูกโรงทำหลังคาคลุมพระพุทธรูป ไม่ยอมให้ตากแดดตากฝนเหมือนเดิม[/FONT][FONT=&quot]<o></o>[/FONT]
[FONT=&quot] นี่แหละบรรดาท่านพุทธบริษัท เป็นปัจจัยให้นางวิสาขาได้เบญจกัลยาณี คือมีความงาม 5 ประการ ทั้งนี้ก็เพราะว่าองค์สมเด็จพระพิชิตมารบรมศาสดาทรงรับรองเรื่องนี้ว่า การที่นางวิสาขาทำนุบำรุงซ่อมแซมพระพุทธรูปที่เก่าคร่ำคร่า มีสภาพไม่ดี ให้กลับมีสภาพสวยสดงดงาม เพราะอานิสงส์ทำความงามให้แก่พระพุทธรูป อานิสงส์นี้จึงสร้างสรรค์ให้นางวิสาขาได้เบญจกัลยาณี[/FONT][FONT=&quot]<o></o>[/FONT]
[FONT=&quot] นี่แหละบรรดาท่านพุทธบริษัท ที่กล่าวว่า พุทธบูชา มหาเตชวันโต การบูชาพระพุทธเจ้าย่อมมีเดช มีอำนาจ ความจริงคำว่าเดช คำว่าอำนาจในที่นี้หมายความว่า เราจะได้รับความดีซึ่งเป็นเครื่องตอบสนอง[/FONT][FONT=&quot]<o></o>[/FONT]
[FONT=&quot] เอาละ บรรดาท่านพุทธบริษัท ถ้าบรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลายมีความปรารถนาความสวย ซึ่งเป็นเหตุสร้างความสุขใจให้เกิดขึ้นแก่ท่าน ก็ขอบรรดาท่านพุทธบริษัททุกท่านปฏิบัติตนเยี่ยงนางวิสาขา จะได้เบญจกัลยาณี 5 ประการ ตามที่กล่าวมาแล้ว[/FONT][FONT=&quot]<o></o>[/FONT]
[FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]<o></o>[/FONT]
[FONT=&quot]ความสุขใจชาตินี้[/FONT][FONT=&quot]<o></o>[/FONT]
[FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]<o></o>[/FONT]
[FONT=&quot] แต่ว่าก่อนที่ท่านทั้งหลายจะได้เบญจกัลยาณี ความดีย่อมจะปรากฎแก่บรรดาท่านพุทธบริษัทในชาติปัจจุบัน คือสำหรับนางวิสาขานั้น ปรากฎว่าเป็นผู้หนักไปด้วยการให้ทาน การให้ทานเป็นการสร้างมิตร บรรดาท่านพุทธบริษัท เป็นการทำลายจิตของบุคคลผู้เป็นศัตรู บุคคลผู้ให้ย่อมเป็นที่รักของบุคคลผู้รับทาน ในเมื่อเรามีคนรักมาก ๆ บรรดาท่านพุทธบริษัท ความสุขมันก็มาก[/FONT][FONT=&quot]<o></o>[/FONT]
[FONT=&quot] ทั้งนี้ เพราะว่าเราไปทางไหนไม่มีศัตรู มีแต่คนเป็นที่รัก ไปทางไหนก็ตามจะพบกับความยิ้มแย้มแจ่มใส จะมีความสุขใจตลอดเวลา[/FONT][FONT=&quot]<o></o>[/FONT]
[FONT=&quot] ทีนี้ถ้าเราเป็นคนมีศีลอีก คนที่มีศิลได้ก็เพราะอาศัยจิตเมตตาเป็นสำคัญ เราไม่ประทุษร้ายท่าน เราไม่ทำอะไรเขาให้รับความลำบาก เราไม่ฆ่าเขา เราไม่ลักทรัพย์สินของบุคคลใด เราไม่ยิ้อแย่งความรักของบุคคลอื่น เราพูดแต่ความจริง ทำสติสัมปชัญญะของเราให้สมบูรณ์ เป็นคนมีความมั่นคงในสติสัมปชัญญะ เมื่อเราไม่ละเมิดสิ่งเหล่านี้ เราก็เป็นที่รักของบุคคลอื่น ความชื่นในชีวิตมันก็ปรากฎ ฉะนั้น องค์สมเด็จพระบรมสุคตจึงได้กล่าวว่า[/FONT][FONT=&quot]<o></o>[/FONT]
[FONT=&quot] สีเลนะ สุคะติง ยันติ[/FONT][FONT=&quot]<o></o>[/FONT]
[FONT=&quot] “บุคคลใดปฏิบัติศีล ย่อมมีความสุขเป็นธรรมดา”[/FONT][FONT=&quot]<o></o>[/FONT]
[FONT=&quot] สีเลนะ โภคะสัมปะทา[/FONT][FONT=&quot]<o></o>[/FONT]
[FONT=&quot] “บุคคลใดรักษาศีลบริสุทธิ์แล้ว บุคคลนั้นจะมีทรัพย์สินเยือกเย็น บริบูรณ์ไปด้วยทรัพย์สมบัติ”[/FONT][FONT=&quot]<o></o>[/FONT]
[FONT=&quot] สีเลนะ นิพพุติง ยันติ[/FONT][FONT=&quot]<o></o>[/FONT]
[FONT=&quot] “ศีลย่อมเป็นปัจจัยให้เข้าถึงพระนิพพาน”[/FONT][FONT=&quot]<o></o>[/FONT]
[FONT=&quot] หากว่าท่านพุทธบริษัททุกท่านมีทั้งทาน มีทั้งศีล จะมีความสุขมาก ถ้าหากว่าปฏิบัติตามมติขององค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าอีกสักนิด คือทำใจให้สบาย ที่เรียกว่าทำจิตให้เป็นสมาธิ ก็คือ เอาจิตตั้งไว้ในอารมณ์ที่เป็นกุศล ไม่คิดทำลายตน และไม่คิดทำลายบุคคลอื่น สร้างความแช่มชื่นให้ปรากฎ[/FONT][FONT=&quot]<o></o>[/FONT]
[FONT=&quot] โดยยึดถือคุณพระพุทธเจ้า คุณพระธรรม คุณพระสงฆ์ เป็นประจำใจ[/FONT][FONT=&quot]<o></o>[/FONT]
[FONT=&quot] นึกถึงทานการบริจาคเข้าไว้ว่า เราตั้งใจจะสงเคราะห์บุคคลอื่นให้มีความสุข ตามกำลังที่เราจะทำได้[/FONT][FONT=&quot]<o></o>[/FONT]
[FONT=&quot] นึกถึงศีลที่เคยรักษาเข้าไว้[/FONT][FONT=&quot]<o></o>[/FONT]
[FONT=&quot] นึกถึงความดีของเทวดาว่า เทวดาท่านจะเป็นเทวดาได้เพราะอาศัยความอายบาป คืออายความชั่ว เกรงกลัวความชั่ว[/FONT][FONT=&quot]<o></o>[/FONT]
[FONT=&quot] ถ้าทำได้อย่างนี้บรรดาท่านพุทธบริษัท หากว่าท่านทั้งหลายจะยังไม่ตายจากชาตินี้ ยังไม่ได้เบญจกัลยาณี ก็จะมีแต่ความสุขใจ จะไปสถานที่ใดก็จะพบแต่คนที่เป็นมิตร จิตใจก็จะมีความสุข[/FONT][FONT=&quot]<o></o>[/FONT]
[FONT=&quot] เอาละบรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลาย การคุยกันเรื่อง พุทธบูชา มหาเตชวันโต คือการบูชาพระพุทธเจ้าย่อมมีเดชมีอานุภาพมาก สำหรับตอนนี้ก็ขอยุติไว้แต่เพียงเท่านี้ ขอความสุขสวัสดิ์พิพัฒนมงคล สมบูรณ์พูนผล จงมีแก่บรรดาท่านพุทธศาสนิกชนทุกท่าน สวัสดี.[/FONT][FONT=&quot]<o></o>[/FONT]
[FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]<o></o>[/FONT]
[FONT=&quot] *************[/FONT][FONT=&quot]<o></o>[/FONT]

[FONT=&quot]สาธุ สาธุ สาธุ<o></o>[/FONT]
[FONT=&quot]<o> </o>[/FONT]
[FONT=&quot]<o> </o>[/FONT]
[FONT=&quot]<o> </o>[/FONT]
[FONT=&quot]<o> </o>[/FONT]
[FONT=&quot]<o> </o>[/FONT]
[FONT=&quot]<o> </o>[/FONT]
[FONT=&quot]<o> </o>[/FONT]
[FONT=&quot]<o> </o>[/FONT]
[FONT=&quot]<o> </o>[/FONT]
[FONT=&quot]<o> </o>[/FONT]
[FONT=&quot]<o> </o>[/FONT]
[FONT=&quot]<o> </o>[/FONT]
[FONT=&quot]<o> </o>[/FONT]
[FONT=&quot]<o> </o>[/FONT]
[FONT=&quot]<o> </o>[/FONT]
[FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]<o></o>[/FONT]
[FONT=&quot]<o> </o>[/FONT]

toongpu9977 · 11 พฤศจิกายน 2009

หลวงพ่อห่อ (หลวงพ่อดำ)
เป็นพระศักดิ์สิทธิ์อีกองค์หนึ่งที่ประชาชนทั่วไปกราบไหว้บูชาขอพรให้ได้ในสิ่งที่พึงประสงค์ เมื่อได้ตามความประสงค์แล้วก็จะถวายหัวหมูและอื่นๆ
ขออะไรก็ได้สมความปรารถนาทุกประการจริงๆครับ

toongpu9977 · 13 พฤศจิกายน 2009

<meta http-equiv="Content-Type" content="text/html; charset=utf-8"><meta name="ProgId" content="Word.Document"><meta name="Generator" content="Microsoft Word 12"><meta name="Originator" content="Microsoft Word 12"><link rel="File-List" href="file:///C:%5CUsers%5Csoomjai%5CAppData%5CLocal%5CTemp%5Cmsohtmlclip1%5C01%5Cclip_filelist.xml"><link rel="themeData" href="file:///C:%5CUsers%5Csoomjai%5CAppData%5CLocal%5CTemp%5Cmsohtmlclip1%5C01%5Cclip_themedata.thmx"><link rel="colorSchemeMapping" href="file:///C:%5CUsers%5Csoomjai%5CAppData%5CLocal%5CTemp%5Cmsohtmlclip1%5C01%5Cclip_colorschememapping.xml"><style>  </style> [FONT=&quot]อานิสงส์การจัด สร้างพระพุทธรูป หรือสิ่งพิมพ์อันเกี่ยวกับ พระธรรม คำสอน[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]<o></o>[/FONT]
[FONT=&quot]เป็นกุศลดังนี้[/FONT][FONT=&quot]
1. อกุศลกรรม ใน อดีตชาติ แต่ปางก่อน จะเปลี่ยนจากหนักเป็นเบา จากเบาเป็นสูญ
2. สิ่งศักดิ์สิทธิ์ คุ้มครอง สรรพภยันตรายสลาย ปวงภัยไม่มีคนคิดร้ายไม่สำเร็จ
3. เจ้ากรรมนายเวร ใน อดีตชาติ แต่ปางก่อน เมื่อได้รับ ส่วนบุญ ไปแล้วก็จะเลิก จองเวร จองกรรม
4. เหล่า ยักษ์ ผีรากษส งูพิษเสือร้าย ไม่อาจเป็นภัยอยู่ในที่ใดก็แคล้วคลาดจากภัย
5. จิตใจสงบ ราศี ผ่องใส สุขภาพแข็งแรง กิจการงานเป็นมงคล รุ่งเรืองก้าวหน้าผู้คนนับถือ
6. มั่นคงในคุณธรรม ความอุดมสมบูรณ์ปรากฏ (เกินความคาดฝัน) ครอบครัวสุขสันต์ วาสนายั่งยืน
7. คำกล่าวเป็นสัจจ์ ฟ้าดินปราณี ทวยเทพ ยินดี มิตรสหายปรีดา หนี้สินจะหมดไป
8. คนโง่สิ้นเขลา คนเจ็บหายได้ คนป่วยหายดี ความทุกข์หายเข็ญ สตรีจะได้ เกิด เป็นชายเพื่อ บวช
9. พ้นจากมวล อกุศล เกิดใหม่บุญเกื้อหนุน มีปัญญาล้ำเลิศ บุญกุศลเรืองรอง
10. สิ่งที่สร้างจะบังเกิดเป็น กุศลจิต แก่ทุกคนที่ได้พบเห็น เป็นเนื้อนาบุญอย่างเอนกทุกชาติของผู้สร้างที่เกิดจะได้ฟัง ธรรม จาก พระอริยเจ้า ปัญญาในธรรมแก่กล้า สามารถได้ อภิญญาหก สำเร็จ โพธิญาณ<o></o>[/FONT]

เข้าสู่ระบบหรือลงทะเบียน

ขอเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพซ่อมแซมบูรณะองค์หลวงพ่อโต ณ วัดตองปุ

toongpu9977 เป็นที่รู้จักกันดี

toongpu9977 เป็นที่รู้จักกันดี

toongpu9977 เป็นที่รู้จักกันดี

toongpu9977 เป็นที่รู้จักกันดี

wirotp เป็นที่รู้จักกันดี

toongpu9977 เป็นที่รู้จักกันดี

toongpu9977 เป็นที่รู้จักกันดี

ไฟล์ที่แนบมา:

3 (2).jpg

toongpu9977 เป็นที่รู้จักกันดี

toongpu9977 เป็นที่รู้จักกันดี

toongpu9977 เป็นที่รู้จักกันดี

toongpu9977 เป็นที่รู้จักกันดี

nutcha1991 เป็นที่รู้จักกันดี

toongpu9977 เป็นที่รู้จักกันดี

ไฟล์ที่แนบมา:

ดี.jpg

toongpu9977 เป็นที่รู้จักกันดี

toongpu9977 เป็นที่รู้จักกันดี

toongpu9977 เป็นที่รู้จักกันดี

toongpu9977 เป็นที่รู้จักกันดี

toongpu9977 เป็นที่รู้จักกันดี

toongpu9977 เป็นที่รู้จักกันดี

toongpu9977 เป็นที่รู้จักกันดี

แชร์หน้านี้

แชร์หน้านี้

เข้าสู่ระบบหรือลงทะเบียน

ขอเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพซ่อมแซมบูรณะองค์หลวงพ่อโต ณ วัดตองปุ

ไฟล์ที่แนบมา:

3 (2).jpg

ไฟล์ที่แนบมา:

ดี.jpg

แชร์หน้านี้

การค้นหาที่มีประโยชน์

ติดต่อเรา