ขอปรึกษาท่านผู้มีอภิญญาสูง

เรามีปัญหาส่วนตัว เกิดความสงสัย ว่าสิ่งที่เรารับรู้จากสัมผัสกับสิ่งที่เป็นความจริง เราจะแยกแยะได้อย่างไร เพราะตอนนี้ไม่ได้ปฏิบัติ รู้สึกมืดแปดด้านไปหมด อยากได้คำชี้แนะค่ะ ขอบพระคุณค่ะ

 

ทำหรือยังถ้ายังก็ทำก่อนเริ่มต้นจากที่ชอบและอยากจะทำอย่าไปฟังมากอ่านมากทำก่อนสะสมไปเรื่อยๆอย่ารีบค่อยๆทำตามอัตภาพคงไม่ต้องบอกนะว่าเริ่มยังไงเพราะมันเริ่มต้นจากสิ่งเดียวกันแต่ทำแล้วจะเจออะไรบ้างขึ้นอยู่กับเรา

 

เราเพิ่งเริ่มได้แค่สวดมนต์ค่ะ แต่บางสิ่งที่ติดตามมา เราไม่รุความต้องการที่แท้จริงของเขา ว่าต้องการบุญหรือจะมาตามจองเวรน่ะค่ะ รู้สึกธาตุตัวเองไม่ปกติ ไม่รู้จะแก้ปัญหายังไงดี

 

ไม่ต้องไปพยายามแก้มันแต่เรียนรู้มันกรรมคืออะไรรู้ไหมไม่ใช่ว่าทุกสิ่งล้วนเป็นกรรมและกรรมมีทั้งกุศลและอกุศลเราไม่มีทางรู้มาก่อนแน่นนอนจึงต้องตั้งใจทำปัจจุบันอดีตที่ทำมาเราก็รับไปตามธรรมชาติเพราะเราเป็นผู้ทำไม่ใช่ใครทำให้ที่ทำดีแล้วทำไปอย่าไปกังวลว่าจะเจอกับอะไรอะไรที่ว่ามาถ้าต้องเจอก็ต้องยอมรับได้ทันทีโดยไม่มีข้อแม้ไม่มีใครโง่และไม่มีใครฉลาดเพราะธรรมไม่ได้วัดกันที่ตรงนั้น

 

สวดในต์ไหว้พระก็ดีแล้วที่ต้องระลึกไว้เพราะวันนี้เราไม่รู้ว่าทำอะไรมาบ้างถ้าทำหรือปฏิบัติแล้วก็จะค่อยๆรู้และเข้าใจว่าทำไมถึงเป็นแบบนั้นก็จึงค่อยแก้ไขเมื่อเรารู้แล้วว่ากรรมที่ว่ามาจากอะไร

 

มีเสียงเตือนจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์มาว่าไม่ดีค่ะ แต่เขากลับบอกว่าอยากได้บุญ มันสวนทางกัน เรารู้สึกว่าเขามาขอบุญแต่บางทีก็เหมือนอาฆาต ความรู้สึกที่จิตเขาสื่อมามันอึดอัดค่ะ เพราะเราอยู่ร่วมกับคนที่ตายไปแล้วไม่ได้

 

เอางี้แล้วกันถ้าเราไม่รู้อะไรเลยเราก็ไม่ควรไปให้ค่าว่าสิ่งใดดีหรือไม่ดีหรือแม้กระทั่งสิ่งใดศักดิ์สิทธิ์หรือไม่ศักดิ์สิทธิ์ เราก็ตั้งใจทำแบบไม่รู้ไม่วางค่าสิ่งใดไว้รู้เพียงสิ่งที่ทำอยู่ตอนนี้ดีหรือไม่ดี เช่น สวดมนต์ไหว้พระดีหรือไม่ดีละ ถ้าดีดีอย่างไรและถ้าไม่ดีมันไม่ดีอย่างไร เป็นคำตอบที่เก็บไว้กับตัวเราแล้วทำ จะได้ไม่ต้องมารู้สึกถึงอะไรเพราะเราไม่ได้ทำหรือไม่ทำเพราะสิ่งอื่นที่ไม่ใช่ตัวเราแบบนี้พอทำได้ไหมคับ...น่าจะพอเข้าใจได้ไม่ยากนะคับ การที่เราหันมาปฏิบัติธรรมเบื้องต้นแท้จริงเราต้องการค้นพบความเป็นตัวเราจริงๆไม่ใช่เป็นเพราะใครบอกให้เป็นหรือแม้กระทั่งตัวเราเองบอกให้เป็นซึ่งนั้นเมื่อถึงจุดหนึ่งที่ควรรู้เราจะรู้และเข้าใจเองส่วนเรื่องอื่นๆ มีแต่มันเป็นสิ่งรบกวนซึ่งมันเกิดจากเราเองทั้งหมดคับ

 

อยู่เฉยๆ และทำเมื่อคิดว่าดีทั้งต่อตนเองและสิ่งอื่นๆ ถ้าคิดแบบปกติชนก็ดีต่อตัวเราเป็นเบื้องต้น จึงเผื่อแผ่ความดีนั้นให้สิ่งอื่นทั้งมีหรือไม่มีตัวตนก็ดี ถ้านั่นคือเรื่องจริงซึ่งก็เป็นไปตามแต่ละบุคคล ถ้ามีตัวตนจริงเขาจะยินดีและอนุโมทนาแต่ถ้าไม่มีผลดีจะเกิดกับเราทั้งหมด...ลดความตึงเครียดของจิตใจคับ

 

ขอบคุณค่ะ ถ้ามันเกิดจากกรรม มันคงแก้ไขอะไรไม่ได้ และคงไม่มีใครช่วยได้นอกจากตัวเราเอง อาจจะเพราะกลัวด้วยค่ะ เพราะเราไม่ชินกับการสัมผัสและการมองเห็นอะไรแบบนี้ เขามาในช่วงที่ธาตุเราอ่อนพอดี เขาจึงสบโอกาสตามมาได้ มันอธิบายไม่ถูก มันฟุ้งซ่านอาจถจะเพราะความกลัวด้วยค่ะ

 

พักผ่อนรักษากายรักษาใจ ความอ่อนหรือแข็งนั้นสื่อได้หลายอย่างถ้าธาตุในความหมายที่เข้าใจโดยปกติคืออะไรก็คือสิ่งนั้นคับ ถ้าอ่อนก็ทำให้มันแข็งซะ และมันอ่อนเพราะอะไรก็มาพิจารณาว่าทำไมถึงอ่อน เพราะธาตุในความหมายจริง มันไม่ได้มีร้อนเย็นอ่อนแข็งใดๆ นั้นเพราะเราไปให้ให้ค่ามัน มันจึงเป็นแบบนั้นคับ ลองปฏิบัติธรรมดูและศึกษาไปเรื่อยๆนะคับ แล้วจะมองเห็นและทำใจได้กับทุกสิ่งที่เกิดขึ้น (จริงหรือไม่มีแต่เราเท่านั้นที่รู้) ลองดูนะคับ ผมเอาใจช่วยอีกแรงคับผม

 

ของคุณถ้าสัมผัสได้ตอนที่ใจเบาๆคือใช่คับ
จิตเดิมมันมีต้นทุนมาทางนี้ครับ
มีอะไร สัมผัสอะไรไม่ต้องไปคิดมากครับ
ให้อุทิศส่วนกุศลอย่างเดียวครับ
และไม่ต้องไปหาเหตุ หรืออยากรู้ที่ไปที่มาครับ
เด่วเจริญสติให้ต่อเนื่องเพิ่มขึ้น
คุณจะมีเครื่องย้อนรู้ถึงวัตถุประสงค์
ที่สัมผัสได้ ที่ผ่านมาทั้งหมดได้ด้วยตัวเองครับ
และทุกๆเรื่องที่สัมผัสไม่ว่าจะแบบไหนให้
ถือว่าเป็นเรื่องปกติ เพราะเรื่องภพภูมิ
มีมานานมากแล้วครับ ขึ้นอยู่กับว่า
เราจะเริ่มสัมผัสได้เมื่อไร ซึ่งไม่จำเป็น
ต้องเคยฝึกสมาธิอะไรมาก็สามารถสัมผัสได้ครับ
ไม่งั้นถ้าไปคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้มันจะทำให้
ปวดศรีษะตรงท้ายทอยด้านซ้าย
กับแน่นๆศรีษะตรงกลางเยื้องมาด้านหน้าได้ครับประมาณนี้
ปล.คนธรรมดานะครับ

 

เขาอยู่ด้วยตลอดเวลา มันเป็นความรู้สึกที่อธิบายยากจริงๆค่ะ เขาเหมือนจะทำให้เรารุสึกถึงความรุสึกของเค้า มันไม่ใช่ผีเข้า ร้องไห้อะไรเหมือนในทีวี แต่มันเหมือนเขาและเรารับรุความคิดความรุสึกบางช่วง

 

ถ้ามาอาฆาตจ้องจะเล่นงาน อยู่ด้วยตลอดเวลา อันนั้นคือเจ้ากรรมนายเวร

เพราะคนที่ตายไปแล้วจะต้องถูกพิพากษาโดยกรรมของตน ถ้าไม่ขึ้นสวรรค์ ขึ้นชั้นพรหม ก็ตกอบายภูมิ 4 หรือไม่ก็เกิดเป็นมนูษย์เหมือนเดิมอีก คนเหล่านี้เมื่อตายแล้วจะมาหาเราเป็นบางครั้งบางคราวและมักจะมาในฝัน ส่วนใหญ่มักมาบอกกล่าว มาเตือน หรือมาขอให้ช่วย แต่หนึ่งในสัตว์เหล่านี้อาจจะเป็นเจ้ากรรมนายเวรของเรา เมื่อถึงวาระกรรมส่งผลเขาก็จะมาเล่นงานเราได้

มีอยู่ 3 วิธีในการรับมือกับเจ้ากรรมนายเวร
1.ทำบุญกรวดน้ำอุทิศไปให้เขา เมื่อถึงเวลาลงมือเขาอาจเลือกที่จะไม่ทำเราหรืออโหสิกรรมให้ หรือทำแต่เบาลง แต่เจ้ากรรมนายเวรบางคนก็อาฆาตหนักไม่รับบุญจากเราใดๆทั้งสิ้น แล้วเลือกที่จะเล่นงานเราอย่างเดียว วิธีที่1 นี้ก็ยังรับประกันอะไรไม่ได้ 100% ขึ้นอยู่กับระดับความอาฆาตแค้นของเจ้ากรรมนายเวรด้วย แต่ก็ยังดีกว่าไม่ทำอะไรเพราะบุญนั้นเมื่อทำแล้วไม่หายไปไหนแล้วจะกลับมาให้คุณแก่เราในภายหลัง

2.ไม่ทำบุญไปให้ แต่อาศัยสร้างบุญใหม่เพื่อให้เจ้ากรรมนายเวรตามไม่ทัน บุญแบบนี้จะต้องเป็นบุญแรงสักหน่อย เช่น สวดมนต์บางบทอยู่เสมอ , ทำบุญกับพระสงฆ์ที่บรรลุธรรมแล้ว หรือต่อชีวิตให้กับสัตว์บางอย่าง

3.ไม่ทำอะไรทั้งนั้น รอชดใช้กรรมอย่างเดียว

ดังนั้นจะเห็นได้ว่าการหลีกเลี่ยงกรรมเป็นอะไรที่ทำได้ยาก และถึงพอจะทำได้ก็ไม่ใช่ว่าจะได้ผลแน่นอนอาจได้หรือไม่ได้ และถึงจะได้ผลก็อาจจะได้ผลไม่ 100%

สำหรับปัญหาของ จขกท.นั้น มองอีกความเป็นไปได้อาจไม่ใช่เจ้ากรรมนายเวรก็ได้ เขาอาจจะเป็นเจ้าที่เจ้าทางหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ประจำบ้านคุณก็ได้ เพราะจากเดิมที่ไม่เคยมีใครสวดมนต์ แต่พอมีใครสักคนในบ้านเริ่มสวดมนต์พวกเขาเหล่านี้ก็จะมาฟังการสวด หรือหนักหน่อยก็อาจถึงขั้นมาขอส่วนบุญส่วนกุศลจากเราไปด้วย ทางที่ดีก็แผ่เมตตาหลังจากสวดมนต์เสร็จ พอแผ่เมตตาเสร็จก็กรวดน้ำอุทิศผลบุญจากการสวดมนต์ให้พวกเขา พวกเขาจะได้ไม่มารบกวน

 

อันนี้ ใช่เลยฮับ

ไม่ต้อง ถามคนอภิญญาสูง อะไร

เพราะมันเป็นเรื่อง มารยาทผู้หญิง ธรรมดาๆ

ลุง วรณ์นิ อะไรนี่ แกมี ลูกสาว

คำสอนที่ใช้ พร่ำสอนลูกสาว ในการ ปฏิสันฐาน คนรู้จัก คนไม่รู้จัก
ผู้ใหญ่ให้ของ คนที่เป็น ผู้หญิง จะต้องวางตัวอย่างไร

ก็ให้ทำตามประเพณีไทย กุลสตรีไทย ไปได้เลย กับ ทุกสรรพสิ่ง
ที่มาเกี่ยวข้อง


แล้ว ระวังอย่าให้ ความตื่นตา ตื่นใจ บีบคั้นหัวใจแล้วไปเชื่อสิ่งนั้น
ว่าจริงกว่า คำสอนของ บุพการี เป็นใช้ได้


ถ้าไปเอาอาการ ตื่นตา ตื่นใจ "ปั่นปิติ" เป็นใหญ่ ก็จะเสียสติ เสียผู้ เสียคน

 

ขอบคุณทุกคนค่ะ เขามาไกลมาก ไม่ใช่คนไทย รับธรรมเนียมไทยรึป่าวอันนี้ไม่ทราบเลยค่ะ ทำบุญแบบไทยเขาจะรับรึป่าวก้อไม่รุ. และที่สำคัญเป็นหญิงสูงศักดิ์ไม่ใช่ชนชั้นปกติ แต่ตายไปแล้วก้อคือคนๆนึง ติดอันดับเฮี้ยนสุดในโลกเลยไม่รุจริงๆ ว่าทำบุญแบบไหนจึงจะเหมาะสม นี่ล่ะค่ะคือความเหลือเชื่อบนโลกใบนี้

 

จะสูงศักดิ์ มาจากไหน ก็คงไม่เกิน ท้าวสักกะเทวราช

ท้าวสักกะเทวราช จะชื่นชม อนุโมนา รับบุญชนิดใด

ท้าวสักกะ จะเชิดชู รับบุญของ มนุษย์ที่กตัญญูต่อพ่อแม่ ทำตามคำสอนพ่อแม่
เลี้ยงดูพ่อแม่ ไม่ดื้อ

บุญอื่น อันแปรปรวนไปตาม สิ่งแวดล้อมอื่นไม่ต้อง พูดถึง

กตัญญูต่อพ่อแม่ เป็น บุญสากล จะต่างภพ ต่างศาสนา ต่างอะไรต่อมีอะไร

ความกตัญญู ย่อมเป็น สากล ไม่ต้องเสียเวลาคิดเป็นอื่น



ในทางพุทธ

วิธีตอบแทนคุณพ่อแม่ ไม่ยาก แค่ให้ท่านสมาทานศีล สัททาใน พุทธธรรม ได้
ก็เป็นอันว่า ได้ทำในสิ่งที่เป็น กุศลสูงสุด ซึ่งการจะทำอย่างนั้นได้ ก็ต้อง
เริ่มที่ ตนต้องภาวนา สมาทานสิกขาเป็น

 

พระนางให้สัมผัสหรือความรู้สึกเหมือนเป็นคนรัก เธอติดอันดับเฮี้ยนสุดในโลก แต่นู๋ไม่ได้ติตตามข่าวเลยว่าเธอไปหลอกคนที่ไหนอีกรึป่าว เพราะถ้าเป็นอย่างนั้น ก้อแสดงว่าที่เธอสื่อมาไม่เป็นความจริงๆ ไม่ได้มาแบบบีบคอหรือจะมาสิงอะไรแบบนั้นนะคะ ซึ่งก้อถือว่าแปลกมากเพราะคนรุกันว่าพระนางอาฆาต แต่กับนู๋ดูเหมือนนิ่งๆค่ะ

 

หมายถึงให้สื่อหรอค้ะ. ทำไม่ได้ค่ะ เพียงแต่รุว่านิ่งๆ ถ้าจะรุสึกว่ามาก้อเฉพาะตอนสวดมนต์ และเสียวลำคอ แต่ตอนนี้มีสายสิญจน์พระท่านให้ใส่ไว้ห้ามถอด. ก้อเลยอาจจะสื่อไม่ค่อยได้ เหมือนจะสื่อได้เฉพาะตอนที่เธอต้องการจะสื่อ

 

ถ้าเป็นที่ใจจะลองปล่อยวางค่ะ แต่ถ้าเป็นเพราะเธอก้อทำอะไรไม่ได้นอกจากทำบุญ บางทีทำงานคิดเรื่องอื่น เทอก้อแวบเข้ามา บางทีไม่คิดเลย สวดมนต์ก้อมาค่ะ มาปลุกทุกวัน แต่หลังจากเห็นพระพิฒเนศมาเตือน เทอก้อไม่มาอีกเลย เสียงที่บอกในฝันเป็นชาย บอกว่าพระนางจะฆ่าก้อต่อเมื่อร่างกายอ่อนแอและมั่นใจค่ะว่าตอนนั้นเทอมา

 

ลองให้สื่อแล้วกับบางคนเทอไม่ยอมพูด แต่ผ่านตัวนู๋เทอพูดแค่ว่าทรมาน. ไม่ใช่สิงค่ะ แต่เพียงแต่ให้เทอพิมในสิ่งที่รุสึกและให้คนที่แปลได้ แปลได้ความว่าทรมานค่ะ ต้องการหลุดพ้นซึ่งก้อคือพยายามทำให้เทอทุกวันน่่ล่ะค่ะ ทำงานก่อนนะคะ