ขอคำแนะนำด้วยครับ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย คนกรุงเทพ, 15 พฤศจิกายน 2011.

  1. คนกรุงเทพ

    คนกรุงเทพ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    25
    ค่าพลัง:
    +5
    เวลานั่งสมาธิ ทำไมรอบๆร่างกายจึงมีความรู้สึกร้อนๆตลอดทั่วร่าง
    ทั้งๆที่เปิดพัดลมจ่อตลอดนะครับ

    ช่วยชี้แนะด้วยครับขอบคุณครับ
     
  2. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,787
    ค่าพลัง:
    +7,918
    อันแรก

    รู้ว่ากายร้อน มีไออุ่น มีชีวตินทรีย์ มันดีกว่า รู้กายเย็ลล ไม่มีไออุ่น หมดชีวตินทรีย์

    เพื่อรู้ความเป็นธรรมดาของสภาพธรรม

    ทีนี้มายกขึ้นเป็นกรรมฐาน

    เวลารู้ว่ากายร้อน มันไม่ได้ร้อนไปทั้งหมด บางส่วนมันเย็น หรือ ส่วนเดิม
    ที่ร้อนตะกี้เดี๋ยวมันก็เย็น เดี๋ยวมันก็ร้อน

    พยายามรู้เฉพาะใน สกลกายของเรานะครับ อย่าไปรู้กายร้อนแล้วส่งไปรู้
    อากาศที่สัมผัสจุดเดียวกันว่าเย็นกว่า อันนี้ไม่ได้ มันส่งนอก ส่งใน ไม่พอดี

    ให้รู้ที่ผิวกาย แต่ให้เห็นว่าเดี๋ยวร้อน เดี๋ยวเย็น หรือ เดี๋ยวรู้ได้ว่าร้อน เดี๋ยว
    ก็ไม่รู้เลยว่าร้อน เพื่อตามเห็น "ความไม่เที่ยง" เป็นสำคัญ

    เมื่อตามเห็น "ความไม่เที่ยงได้" คราวนี้มันจะไม่ถูกยึดมั่นถือมั่น รู้อยู่ที่จุดๆเดียว
    มันจะถอยเข้ามาในกายลึกขึ้นมา ส่วนมากไปรู้ที่กระดูกข้างใน ว่าร้อน ว่าเย็น

    ซึ่งรู้แล้วก็ไม่ต้องใส่ใจ ไปเพ่งมัน เรายังรู้เพื่อ ตามดูความไม่เที่ยง ตัวเดิมไว้
    เนืองๆเสมอ นี่เป็นงานเลย แต่ ตอนรู้กระดูกนี่ ส่วนใหญ่ไปพบความเจ็บ ความ
    ปวด หากส่งกลับไปรู้ที่ผิวจะรู้แสบรู้แสน แสนจริงๆ(แสนเจ็บแสนคันว่ากันไป) คือ
    มันรู้ร้อนได้ชัดขึ้น ซึ่งก็ไม่ต้องทำอะไร ไม่ต้องตกใจ ตามดูความไม่เที่ยงสถาน
    เดียว เดี๋ยวรู้ชัด รู้ไม่ชัด แล้วมันจะละเอียดขึ้น จะลึกขึ้น

    ถัดจากกระดูกแล้ว ส่วนใหญ่ก็ไปเส้นเอ็น ถัดจากนั้นก็เส้นเลือด ถัดจากเส้นเลือด
    เป็นระบบไร้ท่อ จากระบบไร้ท่อ ก็เข้าสู่กลางกาย ราวๆหัวใจ มันจะ จิ๊กๆ จิี๊ดๆ
    เหมือนเข้ามาเห็นแหล่งกำหนิดของไออุ่นทั้งหมด แต่......

    เราตามเห็นความไม่เที่ยง เหมือนเดิม แล้วมันจะแยกตัวออก ระหว่าง กายที่กำลัง
    ถูกรู้ กับ สิ่งที่เป็นธาตุรู้ มันจะแยกกัน ระหว่าง รูป กับ นาม

    เมื่อรูปกับนามแยกกัน โดยอาศัยการดูร้อน หรือไม่ร้อน เย็นหรือไม่เย็น ตึงหรือไม่ตึง
    ไหว(สั่น)หรือไม่ไหว(สั่น) เป็นคนละส่วนกับ ผู้รู้ผู้ดู ผู้รู้ผู้ดู ไม่ได้ร้อน เย็น ตึง ไหว
    ด้วย ก็จะทำให้เริ่มเห็น ฐานของจิต หรือ เจอใจ

    เมื่อ เจอใจ ต่อไป ทำอะไร เจออะไร จิตใจเราจะมั่นคง ตั้งมั่น ไม่หวั่นไหวไปกับ
    โลกธรรม(มหาภูตรูป4) รูปจะเป็นอย่างไร ไม่เกี่ยวกับจิต และ เวทนา(ความยินดี
    ยินร้าย หรือ เฉยๆ) ก็จะแยกตัวออกด้วย

    พอภาวนามาถึงตรงนี้ ก็ทำไปเรื่อยๆ เห็นซ้ำๆ บางวันก้เริ่มจากรู้ผิวกาย บางวันรู้ได้
    ทันทีที่หทัยวัตถุ ถ้าส่งออกจุดนี้ ก็ตัวโยก ตัวโคลง ตัวลอย ก็อย่าลืมว่า งานคือ
    ตามดูความไม่เที่ยง ไม่ได้ให้เอา ตัวโคลง ตัวลอย คนนะไม่ใช่ลุกโป่ง

    แล้วมันจะก้าวหน้า ไม่ทันจะรู้ธาตุ รูปกับนามก็กระจายตัวออกแล้ว ให้รู้สึกว่าไม่มีตัวมีตน
    มีเรามีเขาตรงไหน มีแต่เหตุปัจจัย อาหาร4 ที่ปรุงแต่งสิ่งหนึ่งให้เราหมายมั่น มี"ทิฏฐิ"ว่า
    คือตัวคือตน

    เห็นแบบนี้ซ้ำๆ จนกว่าจะทัน จะถึงพร้อมกับทิฏฐิ หรือ แจ้งอริยสัจจ4

    การทำกรรมฐานนี้ จะเป็น กายคตา หากทำสำเร็จก็ได้กสิณทุกกอง* รวมทั้งปฏิสัมภิทา
    ญาณด้วย ท่านว่าไม่ยากหรอก

    "หากจะท้อแท้ก็ขอให้สู้" แค่นั้นเอง

    ----------------------------

    * (ถ้าผ่านอวัยวะน้อยใหญ่ได้นะ แต่บางคนปัญญามากมันก็รวมเข้ามาดูที่ ใจ หรือ จิตไปเลย
    และการผ่าน จะต้องผ่านด้วยการตามเห็นความไม่เที่ยง ไม่ใช่ไปนั่งไล่เอาเอง ไล่ฐานเองตามใจ
    ชอบแบบนั้นไม่ใช่ แบบนั้น บ้า )
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 พฤศจิกายน 2011

แชร์หน้านี้

Loading...