กรรมจากอดีตชาติ ...สมัยรัชกาลที่ 1

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย Lukhgai, 1 กรกฎาคม 2009.

  1. Lukhgai

    Lukhgai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    3,000
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +8,240
    <TABLE style="BORDER-RIGHT: #000000 1px solid; BORDER-TOP: #000000 1px solid; MARGIN-TOP: 30px; MARGIN-BOTTOM: 30px; BORDER-LEFT: #000000 1px solid; BORDER-BOTTOM: #000000 1px solid; BACKGROUND-COLOR: #000000" cellSpacing=2 cellPadding=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>​



    เรื่องที่จะเล่าในฉบับนี้เป็นเรื่องราวการใช้กรรมข้ามภพชาติของข้าราชการท่านหนึ่งซึ่งผู้เขียนขออนุญาตไม่เปิดเผย

    ตำแหน่งและหน้าที่การงานของท่าน แต่จะขอนำเรื่องของเธอมาเล่าไว้เป็นอุทธาหรณ์ให้เห็นผลของการทำบาปซึ่งไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานกี่ภพชาติ กรรมที่เราทำนั้นย่อมตามมาให้เราชดใช้ว่ากันว่า ภพปัจจุบันนี้แหละเป็นภพที่สำคัญที่สุดของ "การชดใช้กรรม"

    เรื่องมีอยู่ว่าข้าราชการท่านนี้มักจะนอนไม่ค่อยหลับอยู่เป็นประจำ พอเคลิ้มๆหลับก็มักจะเห็นผู้ชายคนหนึ่งคอยจ้องมองจะกินเลือดกินเนื้ออยู่ตลอดเวลา ทำให้ผวาตื่นอยู่บ่อยๆและแม้ว่าเธอจะพยายามทำบุญทำทานอุทิศส่วนบุญให้บ่อยๆก็ยังเห็นอยู่เรื่อยๆทำให้หวาดระแวง เกิดความกลัวอยู่ตลอดเวลา

    จนกระทั่งวันหนึ่งเธอไปงานที่วัดป่าเลไลย์ จ.สุพรรณบุรี ขณะที่อุ้มไตรเดินตามขบวนนาคซึ่งแห่รอบโบสถ์ 3 รอบ เธอเดินได้รอบเดียวก็รู้สึกมืดหน้าไม่รู้สึกตัวเลย คนที่เห็นเหตุการณ์ก็แตกตื่นตกใจเพราะจู่ๆก็เห็นข้าราชการท่านนี้ลุกพรวดขึ้นนั่ง เสียงพูดก็เปลี่ยนไปจากเดิมเป็นเสียงห้าวคล้ายผู้ชายบอกว่า "กูจะมาเอาชีวิตมัน กูรอมานานแล้วรอที่จะให้ร่างนี้มาที่นี่ ไม่นึกว่าวันนี้ก็มาจนได้" ว่าแล้วก็หัวเราะสมใจ

    คนที่เห็นเหตุการณ์ต้องนิมนต์เจ้าอาวาสให้มาดู ท่านก็ถามว่า "ท่านเป็นใคร มาจากไหน ต้องการอะไร อาตมาอาจจะพอช่วยได้" เสียงผู้ชายที่อยู่ในร่างข้าราชการท่านนั้นบอกว่า" ข้าเป็นทาส เดิมอยู่ที่เชียงใหม่แล้วมาตายที่นี่ในชาติก่อนเพราะผู้หญิงคนนี้เป็นเหตุ" วิญญาณทาสยังได้เล่าต่อไปว่า...

    "อดีตชาติที่ผ่านมาในสมัยรัชกาลที่ 1 เมื่อแม่ทัพตีชนะได้หัวเมืองฝ่ายเหนือเป็นเมืองขึ้นแล้วก็ทำการกวาดต้อนชาวบ้านมาเป็นทาสรับใช้และทำการจ่ายแจกให้แก่ขุนนางและเหล่าคหบดีไว้ใช้สอย ครั้งนั้นวิญญาณทาสหนุ่มผู้นี้ก็ไดตกเป็นทาสรับใช้ของข้าราชการท่านี้ในอดีตชาติเพราะพ่อของเธอเป็นคหบดีใหญ่ที่ร่ำรวยมากของเมืองสุพรรณ

    ทาสคนนี้เป็นคนขยันได้ช่วยงานในบ้านของคหบดีอย่างแข็งขันและซื่อสัตย์ แต่วันหนึ่งก็มาถึงคราวเคราะห์ของทาสผู้นี้เพราะลูกสาวคหบดีอาบน้ำแล้วทาสหนุ่มคนนี้เผลอไปแอบดูเข้า เมื่อเธอจับได้ก็โกรธมากจึงไปบอกพ่อให้จัดการ ความที่รักและหวงลูกสาวมาก คหบดีจึงสั่งให้ทาสคนอื่นจับทาสหนุ่มคนนี้ใส่ขื่อคา ตีตรวน ใส่โซ่ที่ข้อเท้าทั้งสองข้างแล้วยังจับแขนสองข้างมัดไขว้กันไว้ไม่ให้กินข้าวดื่มน้ำแถมยังเฆี่ยนตีด้วยหวายจนตาย แต่ก่อนสิ้นใจตายทาสผู้นี้ได้กล่าวอาฆาตจองเวรกับลูกสาวคหบดีไว้ว่า "ความตายของข้าในครั้งนี้มีเหตุเนื่องจากเจ้า ข้าขอจองเวรจองล้างจองผลาญ กินเลือดกินเนื้อเจ้าทุกภพทุกชาติ" พูดจบก็ขาดใจตาย

    หลังจากที่ตายแล้วคหบดีก็ให้ทาสคนอื่นเอาศพทาสหนุ่มผู้นี้ไปฝังไว้ที่ริมรั้วหลังบ้าน จนกระทั่งลูกสาวของคหบดีแต่งงานออกเรือน ดำเนินชีวิตจนสิ้นอายุขัยตายจากไป เป็นอันว่าจบสิ้นภพชาติไปชาติหนึ่ง จากนั้นเวลาได้ผ่านไปหลายยุคสมัยลูกสาวคหบดีได้มาเกิดใหม่ในสมัยรัชกาลที่ 9 วิญญาณทาสผู้นี้ก็ได้มาก่อกวนจองเวรเพื่อรอจังหวะที่จะล้างแค้น จนกระทั่งถึงวันที่ข้าราชการท่านนี้มายังวัดป่านเลไลย์ สถานที่เกิดเหตุการณ์ในอดี วิญญาณทาสตนนี้จึงได้โอกาสเข้าสิงร่างเพื่อล้างแค้นโดยจะบีบคอข้าราชการท่านนี้ให้ถึงแก่ความตาย

    เจ้าอาวาสวัดป่าเลไลย์ในขณะนั้นเห็นเหตุการร์เข้าถึงกับต้องขอร้องโดยบอกว่า "คุณโยม การฆ่าสัตว์มันเป็นบาปนะ แม้เราตายไปแล้ววิญญาณยังมาผูกอาฆาตก็เป็นบาปด้วย วิญญาณคุณโยมจะเดือดร้อนอยู่ไม่เป็นสุข อาตมาขอบิณฑบาตรเถิด เวรนั้นย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร จะทำบุญสร้างกุศลให้โยมต้องการแบไหนว่ามา อาตมาจะบอกร่างนี้ให้เขารีบจัดการให้ขอให้ความพยาบาทนี้ยุติลงที่นี่"

    วิญญาณทาสหนุ่มเมื่อได้ฟังก็ย่อมอ่อนข้อให้โดยบอกว่า "ก็ได้เราขอให้หญิงคนนี้ทำบุญให้เรา 90 วัน และเราต้องได้กินเลือดนางด้วย กระดูกของข้าเวลานี้ถูกฝังอยู่ที่ปากประตูทางเข้าโบสถ์ของวัดนี้ ให้ขุดเอากระดูกข้าขึ้นมาแล้วเอาเลือดหญิงคนนี้ป้ายที่ปากหัวกระโหลกข้า แล้วข้าจะอโหสิกรรมให้" ท่านเจ้าอาวาสวัดป่าเลไลย์ได้ฟังวิญญาณหนุ่มพูดก็บอกว่า

    "อาตมาบวชจำพรรษาอยู่ที่นี่ก็หลายพรรษาแล้ว ไม่เคยมีใครเอาศพใครไปฝังไว้ที่ปากประตูทางเข้าโบสถ์ของวัดเลย แต่เอาล่ะจะเชื่อ ถ้าอาตมาขุดพบกระดูกจะทำพิธีไปให้

    "เมื่อเจ้าอาวาสได้ตกปากรับคำร่างข้าราชการท่านนั้นก็คอพับนิ่งไป วิญญาณทาสออกจากร่างๆไปแล้ว บรรดาเพื่อนสนิทและญาติจึงช่วยกันเรียกชื่อให้ฟื้นคืนสติ เมื่อฟื้นแล้วเจ้าอาวาสท่านก็เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้ฟัง ซึ่งเธอก็เชื่อโดยไม่มีข้อสงสัยและบอกว่า" ไม่นึกว่ากรรมพัวพันนั้นจะข้ามชาติตามมาถึงชาตินี้ได้ทั้งๆที่ชาติปัจจุบันนี้ไม่เคยทำบาปฆ่าสัตว์ตัดชีวิตเลย"

    เสร็จแล้วเจ้าอาวาสก็ได้สั่งให้ลูกศิษย์ช่วยกันขุดหากระดูกทาสหนุ่ม ซึ่งก็เป็นเรื่องเหลือเชื่อเพราะได้พบโครงกระดูกมนุษย์ที่สมบูรณ์ทุกชิ้นแถมยังมีโซ่ล่ามอยู่ที่หัวไหล่และที่กระดูกข้อเท้าก็มีตรวนเมื่อพบกระดูกดังที่วิญญาณนั้นว่าก็พอดีมีหมอไปร่วมงานนั้นด้วย หมอคนนั้นมีเข็มเจาะดูดเลือดได้เลยทำการดูดเลือดที่แขนข้าราชการท่านนั้นมาทาที่ใบไม้แล้วเอาเลือดบนใบไม้ไปป้ายที่ปากของหัวกระโหลกอีกทีหลวงพ่อเจ้าอาวาสก็ทำการสวดมนต์อุทิศสวนกุศลให้กับวิญญาณ พิธีกรรมในวันนั้นจึงเสร็จเรียบร้อยตามที่วิญญาณทาสตนนั้นต้องการ

    เสร็จจากงานวันนั้นข้าราชการท่านนี้ก็เดินทางกลับกรุงเทพฯแล้วจัดการทำบุญใส่บาตรให้ทาสตนนั้นจนครบ 90 วัน อยู่มาวันหนึ่งเธอก็ฝันเห็นวิญญาณทาสหนุ่มอีก เขามาบอกว่าได้กินเลือดและได้รับอาหารแล้วแต่เขายังไม่อโหสิกรรมให้เพราะบาปกรรมที่สร้างกับเขานั้นมากจนยากที่จะให้อภัยได้

    ข้าราชการท่านนี้สะดุ้งตื่นขึ้นมาจากฝันเธอก็ไม่ได้นึกท้อแท้เบื่อหน่ายในการรอให้ทาสหนุ่มอโหสิกรรม เธอยังหมั่นทำบุญให้เสมอ และเมื่อเห็นว่าฝันนั้นทาสหนุ่มไม่ได้ใส่เสื้อก็ยังจัดแจงหาเสื้อผ้าของผู้ชายไปถวายหลวงพ่อที่วัดเพื่อให้ท่านชักบังสุกุลแล้วนำไปแจกจ่ายให้กับผู้ที่ยากจน
    ต่อไปเป็นการทำทานสร้างกุศลให้เกิดอานิสงฆ์เพื่อที่วิญญาณทาสตนนั้นจะได้มีเสื้อผ้าดีๆใส่

    หลังจากนั้นไม่นานข้าราชการท่านนั้นก็ฝันอีก ในฝันเธอเห็นทาสหนุ่มในอดีตชาติใส่เสื้อผ้าชุดใหม่ที่เธอทำบุญไปให้ และเขายังมาลาโดยบอกว่าจะไปเชียงใหม่ เนื่องจากเขาได้รับกุศลผลบุญตามความต้องการของเขาทุกอย่างแล้ว และหลังจากนั้นเธอก็ไม่เคยฝันเห็นเขาอีกเลย เป็นอันว่าความแค้นข้ามภพชาติได้ยุติลง วิญญาณทาสตนนั้นอโหสิกรรมให้ข้าราชการผู้นี้แล้ว

    เรื่องที่เล่ามาทั้งหมดนี้ขอให้ผู้อ่านโปรดใช้วิจารณญาณของท่านพินิจดู เพื่อที่ท่านจะได้ประโยชน์จากเรื่องราวซึ่งถือเป็น " กฎแห่งกรรม" ของข้าราชการท่านนี้มาเป็นข้อคิดและแนวทางในการดำเนินชีวิตอันสมควร
    พระประธานปางป่าเลไลย์ในวิหาร วัดป่าเลไลย์ จ.สุพรรณบุรี
    ทางเดินรอบพระอุโบสถ วัดป่าเลไลย์ สถานที่เกิดเหตุ
    พระอุโบสถวัดป่าเลไลย์ที่ทางเข้าโบสถ์ เคยเป็นที่ฝังศพทาสสมัย ร.1





    ที่มา : นิตยสารหญิงไทย
     
  2. Markdaddy

    Markdaddy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    175
    ค่าพลัง:
    +171
    อนุโมทนาสาธุครับ ขออนุญาตฺท่าน จขกท. เพิ่มเติมรายละเอียดครับ เรื่องนี้อยู่ในหนังสือกฎแห่งกรรมของคุณ ท.เลียงพิบูลย์ ด้วยนะครับ

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 กรกฎาคม 2009
  3. kritpichan

    kritpichan สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    15
    ค่าพลัง:
    +14
    เป็นเรื่องราวที่ดีมาก ๆ ครับ อย่าท้อในการทำบุญนะครับทุกทุกคน
     
  4. หนูแว่น

    หนูแว่น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤษภาคม 2007
    โพสต์:
    1,188
    ค่าพลัง:
    +3,207
    ซึ้งจัง
     
  5. tikbio1

    tikbio1 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    17
    ค่าพลัง:
    +11
    ขอนุญาตินำไปเผยแพร่ต่อนะค่ะ
     
  6. chakaktrai

    chakaktrai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    195
    ค่าพลัง:
    +430
    ชอบอ่านเรื่องแบบนี้มากเลย
    เพราะทำให้ได้คติเตือนใจหลาย ๆ อย่าง
    ไม่ทำให้ตัวเรากล้าทำในสิ่งที่ไม่ดีอีก
    อนุโมทนาครับ
     
  7. ผู้พันจุ่น

    ผู้พันจุ่น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    1,396
    ค่าพลัง:
    +2,983
    ถ้าเป็นเรื่องจริงนับว่าเป็นอุทาหรณ์สำหรับผู่ที่คิดจะทำกรรมใด ๆ ควรคิดก่อนทำนะครับ.
     
  8. itoursab

    itoursab สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    24
    ค่าพลัง:
    +11
    เฮ่อผูกต่อกันไป เมือ่ไหร่จะจบ
    ละๆ กันซะบ้างจะได้ต่างคนต่างหมด
    สาธุ แง่บๆ
     

แชร์หน้านี้

Loading...