เรื่องเด่น ประสบการณ์ การเข้าฌาน 4 ครั้งแรก

ในห้อง 'ประสบการณ์อภิญญา' ตั้งกระทู้โดย solardust, 7 กุมภาพันธ์ 2014.

  1. บารมี 10

    บารมี 10 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    442
    ค่าพลัง:
    +1,072
    - ประสบการณ์ส่วนตัว เคยนอนอยู่แล้วภาวนาไปด้วยจิตค่อยๆ ดิ่งลงเหมือนค่อยๆจมลงใต้น้ำ หูก็ค่อยๆ ดับจากเสียงภายนอก และความรู้สึกต่างๆเนื่องด้วยร่างกายก็ดับ

    - รู้สึกตัวอีกทีกำลังนั่งภาวนาอยู่ในถ้ำขนาดใหญ่ ด้วยความกลัวตายก็ภาวนาพุทธโธใหม่พร้อมลมหายใจ ( จริงๆแล้วเพราะความโง่มากกว่า )

    - จิตก็ค่อยๆ รับรู้อาการทางกายพร้อมทั้งหูก็ ค่อยๆได้ยินเสียงจากภายนอก แล้วรู้ตัวว่ากำลังนอนภาวนาอยู่ครับ
     
  2. ชมทรัพย์

    ชมทรัพย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มิถุนายน 2015
    โพสต์:
    551
    ค่าพลัง:
    +248
    โอ้ววโห แสดงว่ากายไม่ใช่จิตนี้ จิตนี้ก็ไม่ใช่กายนี้ จับได้ปล่อยได้
     
  3. Tanakorn

    Tanakorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    619
    ค่าพลัง:
    +1,537
    อาการเดียวกับผมครับ

    ที่คุณ Solardust กล่าวว่า "...ทีนี้มาวันนึง ตอนที่กำลังเข้าสมาธิตามปรกติ
    อยู่ๆก็ไม่รู้สึกว่ามีร่างกาย เหมือนความรู้สึกทั้งหมดมันวิ่งรวมเข้าไปในศูนย์กลางของอะไรซักอย่างภายในตัว
    สติทั้งหมด ความรู้สึกทั้งหมด เหมือนโดนอัดรวมเป็นก้อน หรือเป็นจุดเล็กๆ
    ไม่รับรู้อะไรอีกนอกจากสภาพความรู้สึกแค่ว่า นี่เรา ไม่รู้สึกแม้แต่การมีอยู่ของร่างกาย แต่สติมีอาการควบแน่นชัดเจนมาก
    ตอนนั้นก็ไม่ได้ทำอะไรนะครับ ก็ปล่อยมันนิ่งอยู่อย่างนั้น จนจิตถอนออกมาเอง..."

    อาการเหมือนกับผมเด๊ะเลยครับ มันรวมมาอยู่แถวๆศูนย์กลางกาย หรือไม่ก็บริเวณแถวหน้าอก เหมือนโดนบีบเข้ามา จากนั้น ร่างกายหายไปหมด เหลือแต่ความรู้สึก

    ขออนุโมทนาบุญด้วยกับคุณ Solardust ที่ทำได้ครับ

    ปล. เคยทำได้แล้ว มันก็ต้องทำได้อีกสักวัน ทำสบายๆ ไม่อยาก
     
  4. Tanakorn

    Tanakorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    619
    ค่าพลัง:
    +1,537
    ขออนุโมทนาด้วยครับ สาธุ

    เข้าฌาณ 1 ได้เมื่อไร จะรู้ได้ด้วยตนเองครับ

    แต่ถ้าอยากรู้ให้ชัด ก็ให้ดูทฤษฎีฌาณ 1 ต้องมีองค์ประกอบใดบ้าง

    ที่ดีที่สุดคือ ให้ปิดตำรา แล้วทำไปครับ ให้มันรู้ว่า บุญเก่ากับบุญใหม่ (ที่เรากำลังทำ) อะไรมันจะแน่กว่ากัน!
     
  5. Tanakorn

    Tanakorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    619
    ค่าพลัง:
    +1,537
    ทำไปครับ ผมมั่นใจว่า ต้องถึงจุดหมายด้วยกันทุกคน ต่างแค่ช้าหรือเร็วกว่ากัน
     
  6. Tanakorn

    Tanakorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    619
    ค่าพลัง:
    +1,537
    ตราบใดที่ยังมีผู้ปฏิบัติธรรม
    พระอรหันต์จะไม่สิ้นไปจากโลก
     
  7. ยศวดี

    ยศวดี ยายแก่แล้ว*_*

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2010
    โพสต์:
    4,255
    กระทู้เรื่องเด่น:
    11
    ค่าพลัง:
    +5,796
    อันนี่ก็ใช่ฌาน4 หรือคะ
     
  8. ยศวดี

    ยศวดี ยายแก่แล้ว*_*

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2010
    โพสต์:
    4,255
    กระทู้เรื่องเด่น:
    11
    ค่าพลัง:
    +5,796
    take me to you heart.....please!
     
  9. nilakarn

    nilakarn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2011
    โพสต์:
    3,613
    ค่าพลัง:
    +3,015




    ญานที่สี่ คือ ญานสุข
    อารมณ์ก็ต้องเป็นสุขด้วย
    ตลอดเวลาที่ทรงญานสี่

    ส่วน เวลาที่จิตแยกออกจากกาย
    อันนี้ให้ผู้ที่ฝึกใหม่ ก่อนที่จะทำสมาธิ
    ให้ก้มลงมองดู ที่ร่างกายตนเองไว้
    แล้วจดจำความรู้สึกนั้นไว้
    เมื่อเข้าญานสี่ได้แล้ว
    ความรู้สึกถึงร่างกาย ก็จะหายไป
    เหมือนไม่มีอะไรอยู่ตรงนั้นเลย
    ร่างการเรา ก็ไม่มี มันไม่รู้สึกถึง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 29 เมษายน 2016
  10. ยศวดี

    ยศวดี ยายแก่แล้ว*_*

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2010
    โพสต์:
    4,255
    กระทู้เรื่องเด่น:
    11
    ค่าพลัง:
    +5,796
    ตรงส่วนใหนของร่างกายที่ค่อยๆหายไป
    จำเป็นใหมที่ต้องหานไปทั้งหมดครั้งเดียว
    หรือค่อยๆสลายไปทีละนิดๆ
    เช่นเริ่มที่เท้าไล่ขึ้นมาขาเหหมือนค่อยๆสลายๆออกสลายออกเหมือนทรายปลิวและเรารับรู้ว่าส่วนนั้นเริ่มไม่มีมันยึบๆเหมือนค่อยๆสลายๆ ค่อยๆสลาย
    ตั้งแต่ปลายเท้าขึ้นมา
    ไม่ได้เป็นทั้งหมดครั้งเดียว
    มีส่วนหรือเปล่าคะ
     
  11. nilakarn

    nilakarn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2011
    โพสต์:
    3,613
    ค่าพลัง:
    +3,015


    ผู้ฝึกใหม่ เท้าจะหายไปก่อน
    แล้วส่วนอื่นๆ ก็จะค่อยหายไป
    ที่นิดๆ ทีละส่วนๆ แยกกันชัดเจน
    เหมือนอาการของ เท้าชา
    ที่จะไม่เหลือความรู้สึก
    แต่อาการเท้าชา จะปวด
    ส่วน การเข้าญานสี่ ไม่มีปวดเหมื่อย
    มีแต่ เบาสบาย หรือ สุข เท่านั้น


    ผู้ที่ชำนาญแล้ว
    จะหายไป ทีเดียวทั้งตัวเลย
    เหมือนกับ พรึบ แล้ว หายไป
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 29 เมษายน 2016
  12. จิตเปโม

    จิตเปโม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2012
    โพสต์:
    91
    ค่าพลัง:
    +253
    ชอบกระทู้นี้เพราะสนใจมากเรื่องสมาธิเพราะผมทำไม่เก่ง อยากรู้รสชาดของฌานสมาบัติ

    และที่สำคัญพวกชอบมั่วทำตัวเป็นอาจารย์ ไม่เข้ามาแจมนี่ชอบมาก 55
    ผมภาวนาไม่เป็นแบบนี้เลย

    จิตมันตัดการรับรู้หดเข้าเป็นดวงผู้รู้เลย

    เช่นนั่งสมาธิจนร่างกายหายไปแล้ว เห็นนิมิตเป็นแสงเส้นเล็กวิ่งม้วนกันเหมือนก้อนด้าย
    ก็เลยค่อยๆ ประคองจิตขยับเข้าไปดูไกล้ๆ แต่ขยับไปไกล้แล้วมันดูดความรู้สึกเข้าไปหลงวนอยู่ในกลุ่มแสง

    คราวนี้จิตมันรู้สึกตัวขึ้นมาว่ากำลังหลงไปจึงดีดกลับออกมา
    ตอนรู้สึก มันรู้ ตื่น จิตมันหดรวมเหมือน เม็ดถั่วเขียว มีกำลังแรงมาก
    สังเกตดูมันจะมีกระแสพลังกระจายออกรอบตัว คือเราคือตัวเม็ดถั่วเขียวนะครับ
    ไม่ใช่เห็น แต่เราอยู่ในนั้น

    จากการสังเกตุมาหลายครั้ง คือตัวนี้เป็นบ่อยเป็นปรกติ
    กระแสที่กระจายออก ไม่ไกลนะครับจิตมันหดรวมอยู่ กระแสนี้คือกระแสรู้ครับ

    พอดีดออกมาตัวผู้รู้ก็กระจาย คลายออกมาเป็นผู้ดูใหม่
    ก็ปรากฏแสงนิมิตรแบบเดิม ก็ขยับจิตเข้าไปดูแบบเดิม
    แล้วก็โดนดูดเข้าไปหลงวนอีก จิตก็รู้สึกตัว รู้ตื่นและดีดตัวออกมาใหม่

    คราวนี้ก็ดูนิมิตอีก ก็เป็นแบบเดิมอีก รอบนี้รอบที่สาม
    รอบที่ผ่านๆ มาจิตจะวิตกวิจารย์เรื่อง ต่อมผู้รู้นี้ว่ามันคืออะไร
    พอดีดออกรอบที่สาม เกิดมีความรู้บอกขึ้นมาในจิตว่า "นี่แหละจิตผู้รู้"

    คราวนี้จิตถอนออกจากสมาธิมาสู่ภาวะปรกติครับ

    มีอีกเยอะนะครับ เช่นมีคืนหนึ่งนั่งสมาธิจิตเริ่มสงบมาก จนรู้สึกร่างกาย
    เริ่มเป็นเปลือกทรงกระบอกเหมือนต้นไม่ที่เป็นโพรง
    แล้วมีเสียงกวาดของบนโต๊ะที่อยู่ข้างหลังผม ผมอยู่คนเดียวเวลานั่งประมาณตีสอง
    เหมือนเอามือกวาดอย่างแรงไปๆมาๆอยู่

    จิตมันกลัว ผีแน่นอน คราวนี้มันก็ตัดหดลงเป็นตัวผู้รู้แบบที่เล่ามาตอนต้น
    ผู้รู้ตรงนี้มันไม่นิ่งจะแผลังแบบกร้านๆ หยาบออกมาและมีการส่ายไปมา ประเปรียวมาก
    มันวิ่งเข้าไปในโพรงกาย ฟรึบเข้าไป เข้ากวัดแกว่งในโพรง แล้วรู้สึกปลอดภัย
    แต่แว๊ปหนึ่งก็วิตกถึงกายข้างนอกว่าผีจะทำอะไร

    มันก็กระจายตัวออกไปเป็นผู้ดูใหม่ แต่แปลกว่ามันเคยมีความรู้บอกว่านี่คือจิตผู้รู้

    แต่จิตมันกลับเหมือนจะยังสงสัยในเหตุการณ์อยู่ มันก็หดตัววิ่งเข้าไปในโพรงใหม่
    แล้วออกมาใหม่

    แล้วเข้าไปอีกเป็นรอบที่สาม จึงเกิดเสียงธรรมบอกขึ้นมาว่า "ผู้รู้"

    คราวนี้หมดสงสัยก็เลยถอนออกจากสมาธิออกมาเลยเลิกนั่ง แล้วนอน

    แต่มาดูที่โต๊ะไม่มีของเกลื่อนกลาดเลย ยังเรียบร้อยดี ก็ขนลุกสิครับ

    เป็นอยู่สามวัน แต่วันที่สองกับวันที่สาม เป็นเสียงเขย่าตู้เสื้อผ้า จิตก็เข้าโพรงแล้วก้มีคำตอบเดิมว่า ผู้รู้

    พอเป็อยู่สามวันถึงวันนี้ก็ไม่เคยสงสัยอีก แต่มีแบบที่เข้าไปดูกระบวนการคิดในภวังคจิต ตอนนี้อัศจรรย์มาก
    แต่ยังไม่เล่านะครับมันจะต้องเขียนเยอะเพราะซับซ้อนมาก

    ครูอาจารย์บอกมันเกิดความรู้ที่จิตบางทีมันโง่มันไม่จำ มันคนละตัวกับสมอง
    สมองมันจำจดจำสิ่งที่เรียกว่า Know how
    คนจบเปรียญเก้า จึงยังละกิเลสไม่ได้ เพราะมันละกันที่จิต จิตเขารู้เองเป็นเอง
    โง่ที่จิต ฉลาดที่จิต เป็นเอง

    มีอีกเยอะแต่ไม่เคยนั่งแล้วสงบค่อยๆเข้าฌาน อย่างนี้สนใจมาก
    เลยชอบกระทู้นี้ ทำไม่ได้ก็อ่านเอา ชอบครับขอบคุณที่นำมาแชร์
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 เมษายน 2016
  13. Tanakorn

    Tanakorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    619
    ค่าพลัง:
    +1,537
    คุณจิตเปโม มีอาการ "...นั่งสมาธิจิตเริ่มสงบมาก จนรู้สึกร่างกาย
    เริ่มเป็นเปลือกทรงกระบอกเหมือนต้นไม่ที่เป็นโพรง..." ผมเองก็เคยเป็น ผมใช้คำว่าทรงกระบอกเหมือนกันครับ เวลาอธิบายให้คนอื่นฟัง ขอเล่าประสบการณ์ร่วม เผื่อว่าท่านอื่น ๆ ที่สนใจ
     
  14. จิตเปโม

    จิตเปโม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2012
    โพสต์:
    91
    ค่าพลัง:
    +253
    ผมยังไม่เคยไปเล่าถวายครูอาจารย์เลย ความจริงผมน่ะสนใจสมาธิมาก
    พอใครเล่านี่สนใจมาก

    จิตมันสนใจความรู้ประเภทนี้ คือ อาการบางอย่างที่เจอมันไม่ได้
    สังหารกิเลส แต่มันแสดงความเร้นลับอัศจรรย์มาก จนต้องกราบพระพุทธองค์ กราบครูอาจารย์
    ว่าท่านสอนของจริง มันอิ่มมันซึ้ง มันมีกำลังใจที่จะปฏิบัติต่อไป มันเชื่อ ศรัทธา
    ว่าเราไม่ถูกหลอกให้นับถือ ท่านเห็นมาแล้ว และแสดงใว้ เราทำไปแล้วเห็นตาม
    มันถูกอย่างที่ท่านสอนใว้ทุกอย่าง
    แม้เป็นแค่ความรู้แปลกๆ ที่ไม่ทำลายกิเลสความเห็นผิด แต่ใจมันอยากค้นหาให้แตกให้ทะลุไปเลย
    แต่ผมรู้ตัวนะ ว่าภูมิผมไม่ได้มาเพื่อเป็นครู แต่มันต้องการรู้ซึ้ง ในธรรมชาติเร้นลับของจิต
    อย่างมาก

    อาการร่างกายเป็นโพรงผมอยากรู้เหมือนกันนะว่ามันเป็นสมาธิส่วนใหน
    เคยไปนั่งฟังเพื่อนสหธรรมิกส่งการบ้านครูอาจารย์ เห็นมีคนพูดเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน

    แต่ครูอาจารย์บอกว่า พระพุทธองค์เคยสอนเรื่อง กายเป็นคูหาเป็นเหมือนถ้ำให้จิตอาศัยอยู่

    สงสัยว่าถ้าจิตมันเริ่มสงบแล้วจะแสดงความจริงให้เห็นกระมังครับ

    แต่ไม่ทราบว่าในลำดับสามาธิ จะต้องผ่านและเห็นตรงนี้ทุกครั้งหรือไม่
    ต้องถามคนที่เขาทำฌานเก่งๆให้มาช่วยตอบครับ

    แต่ไม่ชอบเลยคนที่ไม่ปฏิบัติและเห็นจริง แล้วชอบก๊อปเอาคัมภีร์มาวาง
    มันไม่อิ่มไม่ซึ้งเหมือนคนที่ทำจริงเห็นจริงมาคุยกัน

    และจากนั้นก็ทะเลาะยาวไป น่าเบื่อครับ

    ถ้ามีประสพการณ์แปลกๆ อยากให้เอามาแชร์หน่อยครับชอบ

    เชื่อใหมเวลาเราคุยกรรมฐานคนที่ไม่เคยเห็นเคยเป็นจะไม่รู้กับเราเลย
    แต่ถ้าเคยผ่านสภาวะมาคล้ายกันนี่มันลงใจเลย ใช่เลย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 เมษายน 2016
  15. nilakarn

    nilakarn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2011
    โพสต์:
    3,613
    ค่าพลัง:
    +3,015





    อาการที่รวมอยู่ตรง ศุนย์กลางกาย
    จะเรียกว่า อรูปญานที่สามครับ
    จะรุ้สึกว่า ไม่รับอารมณ์ใดๆ อีก
    จะเหลือแต่ จิต อย่างเดียว
     
  16. nilakarn

    nilakarn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2011
    โพสต์:
    3,613
    ค่าพลัง:
    +3,015



    โพรงในร่างกาย หรือ กายเป็นโพรง
    จะเกิดขึ้น กับ ผู้ที่ฝึกสติปัฏฐานสี่ เท่านั้น
    แต่ถ้าหากว่า เกิดขึ้นกับผู้ใด
    ก็แสดงว่า ผู้นั้น เหมาะสมแล้ว
    ที่จะฝึกสติปัฏฐาน

    กายเป็นโพรง
    จะเป็นชั้น กายในกาย นั่นเอง
    คือ อธิษฐานขอให้กายนี้
    จงเป็นโพรง เป็นถ้ำ
    ต่อไป ก็ให้สำรวจ
    อยู่แต่ในกายนี้
    ไม่ออกข้างนอกไปไหนอีก
    จะฝึกแต่ การอยู่กับอวัยวะน้อยใหญ่
    จะเหมือนนั่งดู หมอผ่าตัด
    เอาอวัยวะของเราออกมา
    จากร่างกายของเรา ทีละส่วนๆ
    เมื่อพิจารณา ก็ให้ปลงสังขารไปด้วย
    พิจารณาถึงความไม่เที่ยงไปด้วย
    ก็จะมีสิทธิ์ บรรลุธรรม เหมือนกัน
     
  17. เทพบุตรลั้ลลาลั้ลลั้ลลาาา

    เทพบุตรลั้ลลาลั้ลลั้ลลาาา เพื่อมวลมนุษย์แลสรรพสัตว์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤศจิกายน 2014
    โพสต์:
    872
    ค่าพลัง:
    +1,936
    ..อรูปฌาณ3คืออากิญจัญญายตนะรึป่าวครับ. ..ผมชักวงสัยว่าที่ผมเคยเข้า. เป็นฌาณ4 หรืออรูปฌาน3
     
  18. nilakarn

    nilakarn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2011
    โพสต์:
    3,613
    ค่าพลัง:
    +3,015




    คนไม่ฉลาดพอ
    อาจอยากจะเห็น กายในกาย
    เป็นแสน เป็นล้านครั้ง
    แต่กับคนฉลาด
    ในการวางจิต ให้เป็นกลาง
    เห็นครั้งเดียว ก็สามารถบรรลุธรรมได้เลย

    แต่ถ้าหาก ทำแล้ว
    ยังไม่อาจบรรลุธรรมได้
    แสดงว่า ยังไม่พอ ต้องทำต่อไปเรื่อยๆ
    หรือ ทำแล้วแต่ไม่ถูกวิธี เท่าไหร่
    เพราะว่า วิธีที่ถูกต้องนั้น
    จะต้องนำ ไตรลักษณ์ คือ
    ไม่เที่ยง เป็นทุุกข์ ไม่มีตัวตน
    มาประกอบการทำวิปัสสนา
    หรือ ทำสติปัฏฐานสี่ ทุกครั้ง

    หากไม่นำ ไตรลักษณ์
    มาพิจารณาทุกครั้ง
    การทำก็จะศูนย์เปล่า
    เป็นแต่เพียง การทำสมาธิ ทั่วไป
    ไม่ใช่ การทำวิปัสสนา
     
  19. nilakarn

    nilakarn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2011
    โพสต์:
    3,613
    ค่าพลัง:
    +3,015




    ช่ายเล่าอาการที่คุณเข้าได้
    มาให้ฟังหน่อยครับ
    จะได้ช่วยกันวิเคราะห์
    บางครั้ง ต้องวิเคราะห์หลายครั้งหลายหน
    จึงจะตอบได้ถูกต้อง


    เพราะก่อนหน้านี้
    พระอาจารย์ ฝั่งวิปัสสนา
    มักจะเล่าเรื่องของ
    การเข้าญานสี่ บางครั้งผสม
    อรูปญาน มาด้วย
    เพราะอารมณ์ของ อรูปญาน
    ไม่ได้สอนต่อเนื่องมานานแล้ว
    มหาเปรียญก็แปลผิด จากของเก่า
    เมื่อฝั่ง พระวิปัสสนา นำคำแปล
    นั้นมาปฏิบัติ
    เนื่องจากแปลสลับกันไปมา
    ระหว่าง อรูปญานที่สาม และ สี่
    พระนักวิปํสสนา จึงเข้า อรูปญาน
    ได้แค่ขั้นที่สาม
    แล้วอารมณ์ ก็จะไม่ต่อเนื่อง
    จะดรอปลงมา
    สุดท้าย นักปฏิบัติรุ่นหลัง
    จึงได้แต่วิธีการ
    แต่ไม่ได้ อารมณ์ของอรูปญาน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 29 เมษายน 2016
  20. เทพบุตรลั้ลลาลั้ลลั้ลลาาา

    เทพบุตรลั้ลลาลั้ลลั้ลลาาา เพื่อมวลมนุษย์แลสรรพสัตว์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤศจิกายน 2014
    โพสต์:
    872
    ค่าพลัง:
    +1,936
    ตั้งแต่ตอนอายุ17ผมเพ่งกสินไฟ ทำตามหนังสือโลกทิพย์
    ประมาณคืนที่4 จิตก็ดิ่งลิ่วๆ ทิ้งโลกทางวัตถุรวมทั้งกาย
    ไปหยุดอยู่ที่ ความระลึกรู้อยู่ แต่ไม่รับรู้ด้านรูปธรรมใดๆ
    ไม่มีเพศ ไม่มีหน้าหลังบนล่างแสงสีเสียงใดๆทั้งสิ้น
    แต่ก้อรู้อยู่ว่า ก่อนมาถึงจุดนี้เรานั่งเพ่งกสินอยู่..ประมาณนี้ครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...