มหาสติปัฏฐาน ควร พิจารณาอะไรก่อน "กาย เวทนา จิต ธรรม"

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย Xtrem, 14 มีนาคม 2016.

  1. อินทรี

    อินทรี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    418
    ค่าพลัง:
    +562
    ทำแบบนี้คือเอาที่กายก่อน เน้นการเดินจงกรมเป็นหลัก มีสติอยู่ในอริยาบถ4 ที่ถูกก้คือทำกายก่อนจะดีที่สุด มันอาจจะเหนื่อยกว่าเพื่อนแต่จริงๆคุ้มกว่าเพื่อน
    หลวงพ่อคำเขียนท่านก้เคยกล่าวไว้ ว่าทำกายกับเวทนาให้ได้ ทำได้ข้ออื่นตามมาหมด พูดถึงการเดินจงกรมได้บุญ2 เท่า นั่งและยืนภาวนาบุญเท่าเดียว มันก็แปลกแต่จริง

    ตามนั้นแหละครับ อธิบายสภาวะไม่ค่อยเก่ง พูดไม่ถูกไม่เปนไร แต่เน้นปฏิบัติเก่งเป็นพอ ถือว่ารู้แล้ว ชัดเจนแล้วเปลี่ยน
     
  2. ภควโต

    ภควโต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2010
    โพสต์:
    58
    ค่าพลัง:
    +933
    คุณต้องเห็นกายก่อนค่ะ ซึ่งเป็นสิ่งที่ยากที่สุด กายตัวเองนะคะ (เห็นด้วยตาใน) พิจารณากายตามความเป็นจริง ตัวอย่างง่ายๆลองนึกหน้าตัวเองดู ไม่เอาแบบนิมิตรนะคะ หลับตาแล้วนึกหน้าตัวเองเลย รูปร่างเป็นเช่นไร ถ้าคุณนึกหน้าคุณชัดเหมือนคุณเห็นหน้าคนอื่น เดี๋ยว เวทนา จิต ธรรม ที่เหลือก็จะตามมาเอง เราเห็นสิ่งต่าง ๆ ทั้งโลก แต่สิ่งที่ธรรมชาติปกปิดไว้ คือกายเราเอง ทุกอย่างล้วนรวมลงอยู่ที่กายเรานี่แหละคะ ไม่งั้นพระศาสดาคงไม่ให้ ศราตรา ให้อาวุธ คือกรรมฐาน 5 มาตอนบวชค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 มีนาคม 2016
  3. nilakarn

    nilakarn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2011
    โพสต์:
    3,604
    ค่าพลัง:
    +3,014








    ผู้ที่บรรลุธรรมแล้ว ย่อมทราบได้ว่า
    สติปัฏฐานทั้งสี่ เป็นของ สิ่งเดียวกัน
    และเป็นคนละสิ่งกัน

    แต่กับผู้ที่ยังไม่บรรลุธรรม
    จะไม่สามารถทราบได้เลยว่า
    ทั้งสี่อย่าง เป็นสิ่งเดียวกันยังไง
    และ เป็นคนละสิ่งกันได้อย่างไร

    เพราะฉะนั้น เมื่อเรายังไม่บรรลุธรรม
    ต้องฝึก แยกให้ได้ว่า
    สิ่งใดเป็นกายในกาย
    สิ่งใดเป็นเวทนาในเวทนา
    สิ่งใดเป็นจิตในจิต
    สิงใดเป็นธรรมในธรรม

    ฝึกแยกได้บ่อยๆ อาจจะมีสิทธิ์บรรลุธรรมได้
     
  4. animejanai

    animejanai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    520
    ค่าพลัง:
    +494
    นั่งตลอดสิ
    พักเฉพาะเวลากินกับนอน
    บรรลุแน่
     
  5. ฟางว่าน

    ฟางว่าน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    1,080
    ค่าพลัง:
    +968
    ให้มนต์กันและแก้เวลาปฏิบัติธรรมนะ
    1.ภาวนาในใจหรือออกเสียงหลายๆจบว่า " นะ พา ติ "
    2.ภาวนาในใจหรือออกเสียงหลายๆจบว่า " โกๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ "
     
  6. ฟางว่าน

    ฟางว่าน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    1,080
    ค่าพลัง:
    +968
    นั่งสมาธิดูจิต ดูภาพที่เกิดขึ้นนั่นคือละสักกายทิฏฐิ เห็นแล้วสักครู่ลืมตา นั่งต่อดูต่อเอาออกละออก มีเป็นชั้นๆหลายๆชั้นนะ ผู้ปฏิบัติดูด้วยนะ
     
  7. Xtrem

    Xtrem เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2016
    โพสต์:
    383
    ค่าพลัง:
    +275
    ทำสมาธิเฉพาะเวลา อยากนั่งอย่างเดียว ก็เจ๊ง ต้องปฎิบัติไปอีกนาน ลมหายใจนะมันอยู่กับเราตลอดเวลา ถ้าไปกำหนดเอาเฉพาะเวลานั่ง ถึงเวลาก็เลิก อย่างนี้ปฎิบัติไม่เป็น ปฎิบัติมันได้หมดอริยาบท ๔ ยืน เดิน นั่ง นอน ต้องทำต่อเนื่องตลอดเวลา กิน นอน ขับถ่าย ทำการทำงาน มันทำได้หมด ดูมันทำสิ กายคตาสตินะ มีสติตลอดเวลาในกิจวัตรทุกอย่างที่ทำ คนที่บอกไม่มีเวลาปฎิบัตินะมันโง่เหลือหลาย.
     
  8. kengkenny2

    kengkenny2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    592
    ค่าพลัง:
    +289
    เข้ามาหาสาระดีอ่านบ้างคับข้างนอกมีแต่เรื่องไร้สาระทั้งพระทั้งคนเลยเอาไปเอามาในนี้ดูจะมีสาระมากกว่าเพราะหาทางนรู้กิเลสและละหรือระงับหรือหยุดสาเหตุดีกว่าข้างนอกเยอะ อนุโมทนาสาธุด้วยกับทุกท่าน
     
  9. kengkenny2

    kengkenny2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    592
    ค่าพลัง:
    +289
    ผมเลือกพิจารณากายก่อนเพราะเห็นง่ายเห็นอยู่่ทุกวันเห็นความไม่เที่ยงแล้วกระเสือกกะสนจะทำให้มันตั้งอยู่กันไปตอนแรกไม่รู้ว่าทำไปทำไมแต่พอรู้ทำเพื่อให้อยู่นานนๆ สรุปนานไปเพือสนองความอยากที่เกิดจากรูปส่วนหนึ่งจากนามส่วนหนึ่ง555ขำตัวเองเหมือนกันที่หลงได้ถึงเพียงนี้ แต่ถ้าพิจารณาจากนามคือเวทนากับจิตต้องใช้เยอะมากกว่าการดูไปเรื่อย
     
  10. kengkenny2

    kengkenny2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    592
    ค่าพลัง:
    +289
    คุยด้วยกันก็ได้นะคับเผื่อมีอะไรแลกเปลี่ยนเรียนรู้ธรรมกัน...ข้างนอกนั่นวุ่นวายจริงๆหนอ
     
  11. kengkenny2

    kengkenny2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    592
    ค่าพลัง:
    +289
    แต่ผมไม่คุยเรื่องบัญญัติเท่าไหร่คับแต่ถ้าอยากรู้ดูเหมือนในนี้มีตัวช่วยเยอะคับพระไตรปิฏกคับเยอะมากอ่านไม่หมดหรอกบางอันก็ง่ายบางอันก็ยากเลยเลือกเอาสิ่งที่เข้าใจแล้วปฏิบัติแบบลุยเลยแต่ถ้าทำให้ดูดีก็ดูดีได้แต่ยังไงก็บัญญัติเป็นสมมุติทั้งสิ้นคับ
     
  12. Xtrem

    Xtrem เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2016
    โพสต์:
    383
    ค่าพลัง:
    +275
    ข้างนอกไม่วุ่นวาย ที่วุ่นวายคือ ใจท่าน kenny ครับ. ^ ^
     
  13. kengkenny2

    kengkenny2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    592
    ค่าพลัง:
    +289
    :cool:อือคับ ทำไงได้เมื่อสถาวะรับรู้ยังมีอยู่จะทำเป็นไม่รู้ก็ทำไม่ได้มัยเลยรู้สึกว่าวุ่นวายคับ
     
  14. Xtrem

    Xtrem เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2016
    โพสต์:
    383
    ค่าพลัง:
    +275
    รู้แล้วก็วางมันไว้ที่เก่า มันก็ไม่วุ่นวาย ที่วุ่นวายเพราะเราไม่วาง พอเราไม่วางมันก็ทุกข์ รู้สักแต่ว่ารู้เฉยๆๆพอแล้ว อย่าเข้าไปปรุงแต่ง หรืออยากให้มันเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ อยากให้มันสงบไม่อยากให้มันวุ่นวาย อันนั้นทุกข์แล้ว อย่ายึดติดอะไรๆ เพราะมันยึดไม่ได้ ยึดแล้วทุกข์ทันที สัพเพสังขารา อนิจจา สัพเพธัมมา อนัตตา ติ
     
  15. nilakarn

    nilakarn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2011
    โพสต์:
    3,604
    ค่าพลัง:
    +3,014








    พิจารณากาย คือ ศิษย์สายหลวงปู่มั่น
    เจอที่ไหน ให้เข้าไปสนทนาธรรมครับ
    สายนี้ ท่านคล่องแคล่ว เรื่องกายในกายทั้งนั้น
    รับรองไม่ผิดหวังแน่นอน
     
  16. nilakarn

    nilakarn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2011
    โพสต์:
    3,604
    ค่าพลัง:
    +3,014






    รับรู้ก็ได้ครับ
    แต่อย่าไปดิ้นรนตามมัน
    เวทนาก็ได้ครับ
    แต่อย่าไปปรุงแต่ง-ปรุงต่อ มัน

    หากตัดอาการรับรู้ได้ เป็นแค่ ญาน
    หรือ อรูปญาที่สี่ เพียงแค่นั้นเอง

    วิปัสสนา ไม่ต้องไปตัดการรับรู้ต่างๆ
    แต่พอรับรู้แล้ว นิ่งเฉยได้
    อันนี้เรียกว่า ถูกทาง
     
  17. kengkenny2

    kengkenny2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    592
    ค่าพลัง:
    +289
    มันก็จริงแต่ผมไม่อยากอ้างหลวงปู่ และครูบาอาจารย์ส่วนใหญ่ก็เป็นศิาย์หลวงปู่ผมเป็นเพียงเหลนศิษย์เท่านั้นครับ
     
  18. kengkenny2

    kengkenny2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    592
    ค่าพลัง:
    +289
    ที่จริงก็ไม่ได้ดิ้นรนอะไรเพียงแต่อย่างว่าเราต่างก็อาศัยความเป็นปุถุชนมาเรียนรู้ สดับ และพิจารณาก็เกิดความฉงนว่าเหตุใดเราทั้งหลายล้วนยึดมั่นถือมั่นในรูปเป็นส่วนใหญ่ ซ้ำร้ายเมื่อมองไม่เห็นรูปกลับคิดว่ามองเห็นนาม โดยตรรกะมันไม่ควรจะเป็นไปได้แต่โดยตรรกะอาจคิดว่าต้องเห็นรูปจึงเห็นนาม ทีนี้ก็ยังไม่เคยเห็นใครยอมรับเลยว่า ควรจะเห็นสิ่งใดก่อนเว้นแต่พระอรหันต์หรือพระขีณาสพโดยมากท่านเห็นรูปเป็นที่ตั้งท่านจึงเห็นนามเหมือนดูธรรมดาง่ายๆ แต่ไม่ง่าย โดยเฉพาะเรื่องการตัดหรือไม่ตัดการรับรู้ที่จริงก็เห็นแล้วว่าเป็นอะไรกับเจ้าตัวตัณหากับตัวราคะ...ว่าไหมครับ
     
  19. chura

    chura เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2005
    โพสต์:
    688
    ค่าพลัง:
    +1,971
    ต้องฝึกสัมมาสติ หรือสติปัฎฐานสี่ หรือสติสัมปชัญญะ ให้เกิดขึ้นก่อนการปฎิบัติ
    แนวสตินั้นจึงต้องเน้นที่ฐาน "กาย" เป็นหลักก่อนโดยมีสติตามระลึกถึงกายให้เป็น
    ปัจจุบัน และมีสัมปชัญญะ(ความรู้สึกตัวทั่วพร้อมเป็นกำลัง) เพื่อสติตั้งมั่นในฐานกาย
    ได้จึงมีกำลังพร้อมเข้าไปพิจารณาลงที่ เวทนา จิต ธรรม ที่เป็นของละเอียดขึ้นได้ใน
    ที่สุด เมื่อเห็นเวทนา หรือความรู้สึกต่างๆ กิเลสนิวรณ์ต่างๆไม่เที่ยงจางคลายได้ จิตก็จะ
    ตั่งมั่นได้เองตรงนี้ก็เป็นกำลังพร้อมเดินวิปัสสนาญาณได้...

    กาย นั้นสำคัญเมื่อเจริญฐานกายมั่นคง ก็ลงไปสู่ เวทนา จิต ธรรมได้ เพราะกาย
    เรานี้เป็นทวารทางเข้าของกิเลสต่างๆ ที่มาทาง ตา หู จมูก ลิ้น กาย และใจ นี่เป็น
    ช่องทางที่เราต้องเข้าไปเรียนรู้ด้วยการเจริญ อินทรีย์สังวรณ์ ซึ่งก็ต้องใช้สติสัมปชัญญะ
    ให้ตั้งมั่นในฐานกายเป็นหลัก

    ศิล เกิดจาก สติ
    สมาธิ เกิดจาก สติ
    ปัญญา ก็เกิดจาก สติ

    ถ้าไม่มีสติสัมปชัญญะ ศิล สมาธิ ปัญญา ย่อมไม่เกิด
    เพราะทางเดินมรรค8 ต้องเดินด้วย สัมมาสติ จึงเกิด
    สัมมาสมาธิ(มีบริขาร7)ได้
     
  20. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,650
    ค่าพลัง:
    +20,326
    =================

    ที่กล่าวอย่างนี้ได้เพราะอาศัยปฏิเวธ คือผล ที่ปรากฏจากสติปัฏฐานสี่ เพราะธรรม ที่อาศัยสติปัญญา ที่รู้แจ้งแล้วใน กาย เวทนา จิต และธรรม สัมปยุต รวมเป็นหนึ่งคือธรรมวิมุติ คือความไม่เที่ยง ความไม่ใช่ตัวตน คือสภาวะหนึ่งเดียว สรรพสิ่งรวมลงจุดเดียวทั้งสิ้นคือความว่าง ความไม่ยึดมั่นถือมั่น สภาวะเช่นนี้ ผู้ที่กล่าวเช่นนี้คืออรหันจิตเท่านั้น สาธุ
     

แชร์หน้านี้

Loading...