อัลบั้มพระ ประวัติ และวัตถุมงคล

วันที่ ๕ มกราคม วันคล้ายวันเกิด หลวงปู่บุุดดา วันกลางชูศรีเจริญสุข​

 

สวัสดีปีใหม่ครับพี่ตี๋ พี่โญ พี่ปู และกัลยาณมิตรทุกท่าน

ในวาระดิถีขึ้นปีใหม่ ๒๕๕๙ นี้ ขออ้างเอาคุณพ่อแม่ ครูบาอาจารย์ หลวงปู่หลวงพ่อ และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ท่านเคารพบูชา อำนวยอวยพรให้ทุกท่านอายุยืนยาว ร่ำรวยเงินทองญาติมิตร สมหวังในสิ่งที่ปราถนาทุกประการ เทอญ...​

 

<a href="http://s1093.photobucket.com/user/wannachai007/media/1-23.jpg.html" target="_blank"><img src="http://i1093.photobucket.com/albums/i434/wannachai007/1-23.jpg" border="0" alt=" photo 1-23.jpg"/></a>
<a href="http://s1093.photobucket.com/user/wannachai007/media/DSC04693.jpg.html" target="_blank"><img src="http://i1093.photobucket.com/albums/i434/wannachai007/DSC04693.jpg" border="0" alt=" photo DSC04693.jpg"/></a>
<a href="http://s1093.photobucket.com/user/wannachai007/media/DSC04697.jpg.html" target="_blank"><img src="http://i1093.photobucket.com/albums/i434/wannachai007/DSC04697.jpg" border="0" alt=" photo DSC04697.jpg"/></a>

 

สวัสดีครับพี่โญ พี่วรรณ พี่ตี๋ คุณปู คุณนอร์ คุณอาณัติ คุณloongtowและแฟนคลับทุกๆท่านครับ ^_^

 

น้อมกราบครูบาอาจารย์
สวัสดีพี่ปู พี่วรรณ พี่บอย และทุกๆท่าน

​

 

พระคลัง เพชรยอดมงกุฏ ปี ๒๕๕๖
เนื้อโลหะ ทองแดงร้อยละ ๙๕
น้ำหนักประมาณ ๑๑ กรัม
ความสูง ๓๐ มิลลิเมตร
จำนวนสร้าง ๔๐๐,๐๐๐ เหรียญ

 

;aa44
สวัสดีปีวอกครับทุก ๆ ท่าน
​

 

ไม่มีพระคลังกะเขา มีแต่ท้าวเวสสุวรรณเจ้าแห่งขุมทรัพย์

ขอบารมีหลวงพ่อและท้าวเวสสุวรรณประทานพรให้ทุกท่านร่ำรวย มีกินมีใช้ไม่ขาดมือตลอดไปครับ









เหรียญท้าวเวสสุวรรณ สุดยอดเหรียญแรงส่งท้ายปลายปี ที่สนนราคาดีดไปเท่าตัวแล้ว เหรียญนี้มีปลอมเฉียบขาดมากจะเช่าหาก็ให้ระวังด้วยน ศึกษาก่อนสะสมนะครับ​

 

สวัสดีปีใหม่ครับคุณอาณัติ ขอให้เจริญยิ่งๆขึ้นไปในหน้าที่การงานเช่นกันครับ

 

เหรียญพระคลังเพชรยอดมงกุฏ 2556 ด้านหลังเป็นรูปยันต์เกราะเพชร

ร้าน Gold Innovation นำไปเคลือบทองคำแล้วนำมาวางจำหน่ายให้บูชากันหน้าร้าน เห็นสวยดีด้านหลังมียันต์เกราะเพชรเลยถ่ายมาให้ชมกันครับ

 

สวัสดีปีใหม่คุณอาณัติ ปีใหม่นี้ขอให้มีความสุขกาย สุขใจ สุขภาพแข็งแรง ปราา
รถนาสิ่งใดขอใก
ห้สมปรารถนาทุกประการ

 

น้อมกราบครูบาอาจารย์
สวัสดีพี่ปู พี่วรรณ และทุกๆท่าน





​

​

 

จดหมายเหตุ หลวงปู่บุดดา ถาวโร


ความจริงแล้ว หลวงปู่บุดดา ถาวโร ท่านเป็นพระอัจฉริยอรหันตเจ้าที่ทรงอธิคุณที่น่าอัศจรรย์อย่างลึกซึ้งยิ่ง เกินกว่าที่ใครทั่วไปจักคาดคิด โดยนอกจากท่านจะได้บรรลุธรรมขั้นสูงสุดเมื่อบวชได้เพียง "4" พรรษา ซึ่งนับได้ว่ารวดเร็ว เป็นขิปปาภิญญาอรหันต์ได้แล้ว หลวงปู่บุดดายังเป็นที่ “ยอมรับ” และ “ยกย่อง” ของพระเถรานุเถระ “ทุกสาย” ทั้งธรรมยุติและมหานิกาย หาได้จำกัดแต่เพียงในสายใดสายหนึ่งไม่ สมดังที่หลวงปู่สิม พุทฺธาจาโร พระอรหันต์แห่งสำนักสงฆ์ถ้ำผาปล่อง เชียงใหม่ ได้เคยกล่าวยกย่องสรรเสริญไว้เป็นที่ยิ่งว่า







“ หลวงปู่บุดดานี้ ยอดเยี่ยมที่หนึ่งเลย แก่ทั้งอายุ แก่ทั้งพรรษา แก่ทั้งมรรคผลนิพพาน..!!!!”

“ แก่ทั้งมรรคผลนิพพาน” ก็คือการที่หลวงปู่บุดดาท่าน “สำเร็จอรหัต” ล่วงหน้าไปก่อนพระผู้ได้ชื่อว่าเป็น “พระอริยอรหันต์” ในชั้นหลังหลายๆ องค์จะได้สำเร็จธรรมนานนักหนาแล้วนั่นเอง...

หากยังมีใดต้องสงสัย ก็ลองเอา พ.ศ. “2468” ที่หลวงปู่บุดดาท่านไปบรรลุธรรมไปเทียบดูได้ตามอัธยาสัยเทอญฯ

และอัจฉริยคุณอันยอดยิ่งของ “หลวงปู่บุดดา ถาวโร” ก็ยังได้จุดประกายแก่ผู้มี “นัยน์ตาถึง” จนมองทะลุถึงอธิคุณพิเศษที่ได้บรรลุธรรมแต่เยาว์พรรษาแห่งพระคุณท่านได้อย่างแจ่มแจ้ง ก่อให้เกิดแรงบันดาลใจในทางธรรมอย่างสำคัญ จนเป็นเหตุหนึ่งที่ทำให้ได้เจริญในบวรพระพุทธศาสนาเป็น “พระอริยะ” ชั้นสุดยอดและมีเกียรติคุณเลื่องลือไกลที่สุดในยุคนี้ในกาลต่อมาอย่างน้อย “2” องค์ด้วยกัน คือ....





1. พระภิกษุพระยานรรัตนราชมานิต (ธมฺมวิตกฺโกภิกขุ) วัดเทพศิรินทราวาส กรุงเทพมหานคร

ปฐมเหตุแห่งการอันเป็นความลับสุดยอดที่ถูกลืมเลือนจนจางใจมานานนับเป็นหลายทศวรรษนี้ เกิดจากครั้งที่หลวงปู่บุดดาพร้อมด้วยหลวงพ่อสงฆ์เดินทางมาแก้อธิกรณ์เมื่อปีพ.ศ. 2475 ที่วัดเทพศิรินทร์นั่นเอง

ในกาลนั้น หลวงปู่บุดดาได้ลงทำวัตรที่พระอุโบสถ วัดเทพศิรินทราวาส และได้สนทนาธรรมด้วยพระภิกษุพระยานรรัตนราชมานิต (ธมฺมวิตกฺโกภิกขุ) อยู่หลายวาระ

โดยตอนนั้น ท่านเจ้าคุณนรรัตน์ฯ เพิ่งอุปสมบทได้เพียง “6” พรรษา (เจ้าคุณนรรัตน์ฯ อุปสมบทพ.ศ. 2469) เท่านั้น

อาศัยที่ท่านเจ้าคุณนรรัตน์ฯนั้น ท่านเคยฝึกฝนทางด้านพลังจิตมาก่อนและมีวิชาดูลักษณะของผู้คนได้อย่างแม่นยำ เมื่อเห็นอากัปกิริยาทั้งภายในและภายนอกอัน “ไม่ธรรมดา” และ “เหนือโลก” ของหลวงปู่บุดดา ถาวโรแล้ว ท่านเจ้าคุณนรรัตน์ฯ ถึงกับประทับใจในคุณพิเศษแห่งหลวงปู่บุดดาเป็นอย่างยิ่ง

และถึงกับมีดำริที่จะติดตามออก “ธุดงค์” ไปเจริญสมณธรรมตามป่าเขาด้วยเลยทีเดียว..!!!!!

แต่หลวงปู่บุดดา ถาวโรได้เมตตาห้ามเอาไว้ ด้วยเล็งเห็นการณ์ล่วงหน้าแล้วว่า ต่อไป พระภิกษุพระยานรรัตนราชมานิตองค์นี้ จะได้สำเร็จเป็น “พระอรหันต์กลางป่าคอนกรีต” อันจะเป็นเนติแบบอันดีให้แก่พระภิกษุและสาธุชนรุ่นหลังได้ชื่นชมอนุโมทนาสาธุการสืบไปไม่รู้สุดสิ้น แผนการตามหลวงปู่บุดดาออกธุดงค์ของท่านเจ้าคุณนรรัตน์ฯ จึงมีอันได้ยุติลงแต่เพียงนั้นด้วยประการฉะนี้ฯ

หมายเหตุ 1. เกี่ยวกับเรื่องอันเป็นความลับสุดยอดที่น้อยคนนักจักล่วงรู้นี้ หลายๆ ท่านอาจจะเคยผ่านตาและผ่านใจจนมาบ้างแล้วในหนังสือประวัติเจ้าคุณนรรัตน์ฯ เล่มเก่าๆ บางเล่ม ซึ่งมีระบุไว้อย่างชัดเจนว่า ในสมัยแรกอุปสมบทนั้น

“ท่านเจ้าคุณนรรัตน์ฯ เคยมีดำริที่จะออกธุดงค์ตามป่าเขา จนถึงแก่ให้ทางบ้านเตรียมอัฏฐบริขารสำหรับธุดงค์ไว้เรียบร้อยแล้ว แต่มีการระงับไว้ในภายหลัง”

แต่ในบันทึกนั้นๆ หาได้ระบุไว้ว่า เหตุที่เจ้าคุณนรรัตน์ฯดำริออกธุดงค์ตามป่าเขานั้น เกิดจากอะไร และการที่ต้องระงับการออกธุดงค์นั้น เกิดมาจากสาเหตุใด..???

2. เรื่องเจ้าคุณนรรัตน์ฯ ดำริตามหลวงปู่บุดดา ถาวโรออกธุดงค์เมื่อปีพ.ศ. 2475 นั้น เป็นเรื่องจริงที่หลวงปู่บุดดา ถาวโรเคยเล่าให้ศิษย์ใกล้ชิดที่เป็นพระภิกษุสงฆ์ได้ฟ้งกับปากของหลวงปู่เอง (และเหมือนจะมีการบันทึกเทปคำบอกเล่าตอนนี้ไว้ด้วย) ความผิดพลาดเกี่ยวกับเรื่องราวอันเป็นประวัติศาสตร์ตรงจุดนี้ จึงเท่ากับ “0” เปอเซนต์อย่างชัดแจ้ง






2. คุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม วัดอาวุธวิกสิตาราม กรุงเทพมหานคร

สำหรับสาเหตุที่เป็นแรงบันดาลใจอย่างสำคัญที่ทำให้ คุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติมออกบวชจนสำเร็จธรรมและอิทธิฤทธิ์เบื้องสูงจนมีเกียรติคุณเลื่องลือไกลนั้น ก็เกิดจากได้มาฟังเทศน์ของหลวงปู่บุดดา ตอนที่ท่านได้รับอาราธนามายังวัดสัมพันธวงศ์เมื่อปีพ.ศ. 2475 ครั้งที่มาแก้อธิกรณ์ที่วัดเทพศิรินทร์จนได้พบกับท่านเจ้าคุณนรรัตน์ฯจนซาบซึ้งในรสพระธรรมอย่างยิ่ง ถึงกับโกนศีรษะออกบวชเป็นชีในสมัยแรกนั่นแล....

เจ้าคุณพระสิทธิสารโสภณ อดีตเจ้าอาวาสวัดอาวุธวิกสิตาราม (ผู้ดำริสร้าง “พระพุทโธน้อย” อันโด่งดัง) ก่อนจะมาอยู่วัดอาวุธฯ นั้นท่านเคยอยู่วัดสัมพันธวงศ์และได้พบกับหลวงปู่บุดดา ณ ที่นั้นเอง หลวงปู่แนะนำท่านเจ้าคุณให้รักษาศีลเท่าชีวิต ท่านก็นำมาปฏิบัติจนกระทั่งปรากฏแสงสว่างเกิดขึ้นเป็นที่น่าอัศจรรย์ ท่านจึงเลื่อมใสศรัทธาและฝากตัวเป็นศิษย์หลวงปู่ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

จนเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๒๐ ท่านเจ้าคุณได้ตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดอาวุธวิกสิตาราม ท่านก็นิมนต์หลวงปู่มาจำพรรษาที่วัดอาวุธฯ หลวงปู่ก็มาพักเป็นครั้งคราวและในปี พ.ศ. ๒๕๒๑ จึงได้มาจำพรรษาที่วัดอาวุธฯ ๒ ปี ท่านมาครั้งนี้ท่านเจ้าคุณได้มรณภาพแล้ว โบสถ์ วิหารที่ท่านสร้างไว้ก็ยังไม่เสร็จหลวงปู่ท่านมาอยู่ก็ช่วยสร้างศาลาและที่เก็บน้ำไว้ให้และทอดกฐินร่วมสร้างโบสถ์ที่ยังค้างอยู่

ขณะที่ท่านเจ้าคุณยังมีชีวิตอยู่ได้เคยเล่าให้ศิษย์ใกล้ชิดฟังว่า ตอนหลวงปู่บุดดาอยู่ที่วัดสัมพันธวงศ์ เวลาหลวงปู่แสดงธรรมมีคนมาฟังธรรมกันแน่นมาก รวมถึงคุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม ก็ได้มีโอกาสฟังธรรมและมอบตัวเป็นศิษย์ ได้นำคำสอนของหลวงปู่มาปฏิบัติและบำเพ็ญความเพียรด้วยตนเองจนได้บรรลุธรรมชั้นสูงสุดในกาลต่อมา

ลำพังเพียงเท่านี้ ก็ย่อมอาจเล็งเห็นถึง “อัจฉริยคุณ” อันยอดเยี่ยมที่สุดของพระคุณเจ้า “หลวงปู่บุดดา ถาวโร” ได้อย่างชัดเจนแล้วว่า ช่างประเสริฐสุดยอดเห็นเพียงไร....

และความ “ยอดเยี่ยมที่หนึ่งเลย” ของหลวงปู่บุดดาอย่างที่หลวงปู่สิม พุทฺธาจาโรกล่าวยกย่องไว้ในที่สูงสุดนั้น จะมีความหมายลึกซึ้งใหญ่หลวงสักเพียงไหน..???

แต่น่าอัศจรรย์ใจและน่าเสียดายอย่างที่สุดว่า เหตุใด “คนรุ่นหลัง” ในยุคปัจจุบันถึงได้ “ลืมเลือน” และ “มองข้าม” สุดยอดพระอัจฉริยเจ้าซึ่งเป็นถึง “อาจารย์ของปรมาจารย์” ลงคอเห็นปานนี้ได้..????




ที่มา: พุุทธวงศ์​

 

ช่วงปีที่ผ่านมา นอกจากพระสององค์หลัก(สมเด็จองค์ปฐม และพระปิดตาราชาอุตตโม)แล้ว ก็ยังมีจัดชุดเสริมจากครูบาอาจารย์ที่เคารพเสริมมาอีกตามแต่โอกาสอาทิ หลวงปู่โต๊ะ หลวงปู่ทิม วัดพระขาว หลวงปู่หงษ์ หลวงปู่คำพัน หลวงพ่ออุตตมะ หลวงปู่ทองดำ วัดท่าทอง หลวงพ่อแช่ม วัดดอนยายหอม โดยเฉพาะช่วงหลังมักจะห้อยครูบาวงศ์ หรือไม่ก็สมเด็จพระญาณสังวร

สำหรับพระครูบาวงศ์ก็จะห้อยสลับกันอยู่สามสี่องค์ องค์นี้คือเหรียญตานใช้ เหรียญที่เป็นยอดนิยมเหรียญหนึ่งของครูบาที่เชื่อกันว่าวันหน้าจะเป็นเหรียญที่คู่กันกับเหรียญทำน้ำมนต์ของหลวงพ่อฤาษี(ที่ตอนนี้ราคาดีดหนีเหรียญท้าวเวสสุวรรณไปไกลแล้ว) ซึ่งหากบูชาอยู่ตามที่ครูบาอาจารย์แนะนำก็จะมีอานุภาพคลายกฏแห่งกรรมลงได้ แม้อารธนาเหรียญมาทำน้ำมนต์ประพรมบ้านเรือน สินค้า หรือใช้อาบใช้ดื่ม ก็จะเป็นสิริมงคลแก่ตัวครับ



ปล. มีโบเก้เล็กๆด้วยน๊า​

 

<a href="http://s1093.photobucket.com/user/wannachai007/media/Newest2014/5201090.jpg.html" target="_blank"><img src="http://i1093.photobucket.com/albums/i434/wannachai007/Newest2014/5201090.jpg" border="0" alt=" photo 5201090.jpg"/></a>
<a href="http://s1093.photobucket.com/user/wannachai007/media/Newest2014/5201092.jpg.html" target="_blank"><img src="http://i1093.photobucket.com/albums/i434/wannachai007/Newest2014/5201092.jpg" border="0" alt=" photo 5201092.jpg"/></a>
<a href="http://s1093.photobucket.com/user/wannachai007/media/Newest2014/5201093.jpg.html" target="_blank"><img src="http://i1093.photobucket.com/albums/i434/wannachai007/Newest2014/5201093.jpg" border="0" alt=" photo 5201093.jpg"/></a>

 

<a href="http://s1093.photobucket.com/user/wannachai007/media/Newest2014/5201105.jpg.html" target="_blank"><img src="http://i1093.photobucket.com/albums/i434/wannachai007/Newest2014/5201105.jpg" border="0" alt=" photo 5201105.jpg"/></a>
<a href="http://s1093.photobucket.com/user/wannachai007/media/wannachaiamulets/DSC06175.jpg.html" target="_blank"><img src="http://i1093.photobucket.com/albums/i434/wannachai007/wannachaiamulets/DSC06175.jpg" border="0" alt=" photo DSC06175.jpg"/></a>
<a href="http://s1093.photobucket.com/user/wannachai007/media/wannachaiamulets/DSC06177.jpg.html" target="_blank"><img src="http://i1093.photobucket.com/albums/i434/wannachai007/wannachaiamulets/DSC06177.jpg" border="0" alt=" photo DSC06177.jpg"/></a>

 

https://www.facebook.com/pae.pakchong/videos/785955344869562/
https://www.facebook.com/pae.pakchong/videos/785844854880611/?theater
https://www.facebook.com/pae.pakchong/videos/785861791545584/?theater

แป๊ะปากช่อง มาแฉพระหลวงพ่อกวยอีกแล้ว งานเข้าเต้มๆ

 

น้อมกราบครูบาอาจารย์
สวัสดีพี่ปู พี่วรรณ และทุกๆท่าน




​

 

น้อมรำลึกถึงวีรกรรมพระยาพิชัยดาบหัก

ในปี พ.ศ. 2313 - 2316 ได้เกิดการสู้รบกับกองทัพพม่าอีกหลายคราว และทุกคราวที่กองทัพพม่าแตกพ่ายไป ก็สร้างความอัปยศอดสูแก่แม่ทัพนายกองเป็นทวีคูณ พอสิ้นฤดูฝนปีมะเส็ง พ.ศ. 2316 โปสุพลายกกองทัพมาหมายตีเมืองพิชัยอีก "ศึกครั้งนี้พระยาพิชัยจับดาบสองมือคาดด้าย ออกไล่ฟันแทงพม่าอย่างชุลมุน ณ สมรภูมิบริเวณ วัดเอกา จนเมื่อพระยาพิชัยเสียการทรงตัว ก็ได้ใช้ดาบข้างขวาพยุงตัวไว้ จนดาบข้างขวาหักเป็นสองท่อน" กองทัพโปสุพลาก็แตกพ่ายกลับไป เมื่อวันอังคาร เดือนยี่ แรม 7 ค่ำ ปีมะเส็ง พ.ศ. 2316 (ตรงกับวันที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2316)


ที่มา: วิกิพีเดีย
ขอบคุณเจ้าของภาพด้วยครับ​