ถ้าป่วยจะอยู่ได้ไม่เกิน10ปี จะสร้างบารมีเต็มที่อย่างไรบ้างคะ?

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย ณรา, 30 ตุลาคม 2015.

  1. ณรา

    ณรา สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ตุลาคม 2015
    โพสต์:
    37
    ค่าพลัง:
    +21
    คือรู้สึกว่าอาจจะเป็นโรคร้ายค่ะ (แต่ยังไม่ชัดเจน)

    ประเด็นคือ ถ้าสมมติเพื่อนๆชาวพลังจิตรู้ว่าตัวเองจะอยู่ได้ไม่เกิน10ปี(หรืออาจไม่ถึง) เพื่อนๆจะทำอะไรกันบ้างคะ ถึงจะคุ้มค่าที่สุดของสายโพธิญาณนี้ และสามารถทำได้ดีที่สุดในอาการที่ไม่สบายนัก

    เราควรเลิกเรียน เลิกทำงานเลยหรือเปล่าคะ ควรใช้ชีวิตแบบไหนดีน๊อ (อายุ20ต้นๆค่ะ) :boo:
     
  2. markdee

    markdee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    745
    ค่าพลัง:
    +1,911
    ฝึกทำแบบมีสติตลอดเวลาค่ะ
     
  3. view2004

    view2004 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    233
    ค่าพลัง:
    +1,107
    พระพุทธเจ้าทรงพรรณนาคุณ อานิสงส์แห่งกายคตาสติ

    ภิกษุทั้งหลาย ! กายคตาสติอันภิกษุรูปใดรูปหนึ่งเจริญแล้ว กระทำให้มาก
    แล้ว กุศลธรรมอย่างใดอย่างหนึ่งซึ่งเป็นไปในส่วนวิชชา ย่อมหยั่งลงในภาย
    ในของภิกษุนั้น เปรียบเหมือนมหาสมุทรอันผู้ใดผู้หนึ่งถูกต้องด้วยใจแล้ว
    แม่น้ำน้อยสายใดสายหนึ่งซึ่งไหลไปสู่สมุทร ย่อมหยั่งลงในภายในของผู้นั้น
    ฉะนั้น;


    ภิกษุทั้งหลาย ! ธรรมข้อหนึ่ง อันบุคคลเจริญแล้ว กระทำให้มากแล้ว
    เป็นไปเพื่อความสังเวชมาก เป็นไปเพื่อประโยชน์มาก
    เป็นไปเพื่อความเกษมจากโยคะมาก

    เป็นไปเพื่อสติและสัมปชัญญะ เป็นไปเพื่อได้ญาณทัสสนะ
    เป็นไปเพื่ออยู่เป็นสุขในปัจจุบัน เป็นไปเพื่อทำให้แจ้งซึ่งผล คือวิชชาและวิมุตติ.
    ธรรมข้อหนึ่ง คืออะไร คือ กายคตาสติ.

    ...
    ภิกษุทั้งหลาย ! ธรรมข้อหนึ่ง อันบุคคลเจริญแล้ว กระทำให้มากแล้ว
    แม้กายก็สงบ แม้จิตก็สงบ แม้วิตกวิจารก็สงบ ธรรมที่เป็นไปในส่วนแห่งวิชชา
    แม้ทั้งสิ้นก็ถึงความเจริญบริบูรณ์.
    ธรรมข้อหนึ่ง คืออะไร คือ กายคตาสติ.

    ...
    ภิกษุทั้งหลาย ! ธรรมข้อหนึ่ง อันบุคคลเจริญแล้วกระทำให้มากแล้ว
    อกุศลธรรมที่ยังไม่เกิด ย่อมไม่เกิดขึ้นได้เลย และอกุศลธรรมที่เกิดขึ้นแล้ว
    ย่อมละเสียได้.
    ธรรมข้อหนึ่ง คืออะไร คือ กายคตาสติ.
    ...
    ภิกษุทั้งหลาย ! ธรรมข้อหนึ่ง อันบุคคลเจริญแล้วกระทำให้มากแล้ว
    กุศลธรรมที่ยังไม่เกิด ย่อมเกิดขึ้นและกุศลธรรมที่เกิดขึ้นแล้ว
    ย่อมเป็นไปเพื่อความเจริญไพบูลย์ยิ่ง.
    ธรรมข้อหนึ่ง คืออะไร คือ กายคตาสติ.
    ...
    ภิกษุทั้งหลาย ! ธรรมข้อหนึ่ง อันบุคคลเจริญแล้ว กระทำให้มากแล้ว
    ย่อมละอวิชชาเสียได้ วิชชาย่อมเกิดขึ้น ย่อมละอัส๎มิมานะ*
    (*แปลว่าความเห็นว่าเที่ยง ว่าเป็นตัวตน ดูกรเมฆิยะ พึงเจริญอนิจจสัญญาเพื่อเพิกถอน
    อัสมิมานะ ดูกรเมฆิยะ อนัตตสัญญาย่อมปรากฏแก่ภิกษุผู้ได้อนิจจสัญญา
    ผู้ที่ได้อนัตตสัญญาย่อมบรรลุนิพพานอันเป็นที่เพิกถอนเสียได้ซึ่งอัสมิมานะ
    ในปัจจุบันเทียว ฯ)เสียได้ อนุสัยย่อมถึงความเพิกถอน ย่อมละสังโยชน์เสียได้.
    ธรรมข้อหนึ่ง คืออะไร คือ กายคตาสติ.
    ...
    ภิกษุทั้งหลาย ! ธรรมข้อหนึ่ง อันบุคคลเจริญแล้ว กระทำให้มากแล้ว
    ย่อมเป็นไปเพื่อความแตกฉานแห่งปัญญา ย่อมเป็นไปเพื่ออนุปาทาปรินิพพาน.
    ธรรมข้อหนึ่ง คืออะไร คือ กายคตาสติ.
    ...
    ภิกษุทั้งหลาย ! ธรรมข้อหนึ่ง อันบุคคลเจริญแล้วกระทำให้มากแล้ว
    ย่อมมีการแทงตลอดธาตุมากหลาย ย่อมมีการแทงตลอดธาตุต่างๆ
    ย่อมมีความแตกฉานในธาตุมากหลาย.
    ธรรมข้อหนึ่ง คืออะไร คือ กายคตาสติ.
    ...
    ภิกษุทั้งหลาย ! ธรรมข้อหนึ่ง อันบุคคลเจริญแล้วกระทำให้มากแล้ว
    ย่อมเป็นไปเพื่อทำโสดาปัตติผลให้แจ้ง ย่อมเป็นไปเพื่อทำสกทาคามิผลให้แจ้ง
    ย่อมเป็นไปเพื่อทำอนาคามิผลให้แจ้ง ย่อมเป็นไปเพื่อทำอรหัตตผลให้แจ้ง.
    ธรรมข้อหนึ่ง คืออะไร คือ กายคตาสติ.
    ...
    ภิกษุทั้งหลาย ! ธรรมข้อหนึ่ง อันบุคคลเจริญแล้ว กระทำให้มากแล้ว
    ย่อมเป็นไปเพื่อได้ปัญญา (ปญฺญาปฏิลาภาย)
    ย่อมเป็นไปเพื่อความเจริญแห่งปัญญา (ปญฺญาวุฑฺฒิยา)
    ย่อมเป็นไปเพื่อความไพบูลย์แห่งปัญญา (ปญฺญาเวปุลฺลาย)
    ย่อมเป็นไปเพื่อความเป็นผู้มีปัญญาใหญ่ (มหาปญฺญตาย)
    ย่อมเป็นไปเพื่อความเป็นผู้มีปัญญาแน่นหนา (ปุถุปญฺญตาย)
    ย่อมเป็นไปเพื่อความเป็นผู้มีปัญญาไพบูลย์ (วิปุลปญฺญตาย)
    ย่อมเป็นไปเพื่อความเป็นผู้มีปัญญาลึกซึ้ง (คมฺภีรปญฺญตาย)
    ย่อมเป็นไปเพื่อความเป็นผู้มีปัญญาสามารถยิ่ง(อสมตฺถปญฺญตาย)
    ย่อมเป็นไปเพื่อความเป็นผู้มีปัญญาเพียงดังแผ่นดิน(ภูริปญฺญตาย)
    ย่อมเป็นไปเพื่อความเป็นผู้มีปัญญามาก (ปญฺญาพาหุลฺลาย)
    ย่อมเป็นไปเพื่อความเป็นผู้มีปัญญาเร็ว (สีฆปญฺญตาย)
    ย่อมเป็นไปเพื่อความเป็นผู้มีปัญญาเบา(ลหุปญฺญตาย)
    ย่อมเป็นไปเพื่อความเป็นผู้มีปัญญาร่าเริง(หาสปญฺญตาย)
    ย่อมเป็นไปเพื่อความเป็นผู้มีปัญญาไว(ชวนปญฺญตาย)
    ย่อมเป็นไปเพื่อความเป็นผู้มีปัญญาคม (ติกฺขปญฺญตาย)
    ย่อมเป็นไปเพื่อความเป็นผู้มีปัญญาชำแรกกิเลส(นิพฺเพธิกปญฺญตาย).
    ธรรมข้อหนึ่ง คืออะไร คือ กายคตาสติ.
    ภิกษุทั้งหลาย ! ธรรมข้อหนึ่งนี้แล อันบุคคลเจริญแล้ว กระทำให้มากแล้ว
    ย่อมเป็นไปเพื่อได้ปัญญา ฯลฯ ย่อมเป็นไปเพื่อความเป็นผู้มีปัญญาชำแรกกิเลส;
    ภิกษุทั้งหลาย ! ชนเหล่าใด ไม่บริโภคกายคตาสติ
    ชนเหล่านั้นชื่อว่าย่อมไม่บริโภคอมตะ.
    ภิกษุทั้งหลาย ! ชนเหล่าใด บริโภคกายคตาสติ
    ชนเหล่านั้นชื่อว่าย่อมบริโภคอมตะ;
    ภิกษุทั้งหลาย ! กายคตาสติอันชนเหล่าใด
    ไม่บริโภคแล้ว อมตะชื่อว่าอันชนเหล่านั้นไม่บริโภคแล้ว.
    ภิกษุทั้งหลาย ! กายคตาสติอันชนเหล่าใด
    บริโภคแล้ว อมตะชื่อว่าอันชนเหล่านั้นบริโภคแล้ว;
    ภิกษุทั้งหลาย ! กายคตาสติของชนเหล่าใด
    เสื่อมแล้ว อมตะของชนเหล่านั้นชื่อว่าเสื่อมแล้ว.
    ภิกษุทั้งหลาย ! กายคตาสติของชนเหล่าใด
    ไม่เสื่อมแล้ว อมตะของชนเหล่านั้นชื่อว่าไม่เสื่อมแล้ว;
    ภิกษุทั้งหลาย ! กายคตาสติอันชนเหล่าใด
    เบื่อแล้ว อมตะชื่อว่าอันชนเหล่านั้นเบื่อแล้ว.
    ภิกษุทั้งหลาย ! กายคตาสติอันชนเหล่าใด
    ชอบใจแล้ว อมตะชื่อว่าอันชนเหล่านั้นชอบใจแล้ว;
    ภิกษุทั้งหลาย ! ชนเหล่าใดประมาทกายคตาสติ
    ชนเหล่านั้นชื่อว่าประมาทอมตะ.
    ภิกษุทั้งหลาย ! ชนเหล่าใดไม่ประมาทกายคตาสติ
    ชนเหล่านั้นชื่อว่าไม่ประมาทอมตะ;
    ภิกษุทั้งหลาย ! กายคตาสติอันชนเหล่าใด
    หลงลืม อมตะชื่อว่าอันชนเหล่านั้นหลงลืม.
    ภิกษุทั้งหลาย ! กายคตาสติอันชนเหล่าใด
    ไม่หลงลืม อมตะชื่อว่าอันชนเหล่านั้นไม่หลงลืม;
    ภิกษุทั้งหลาย ! กายคตาสติอันชนเหล่าใด
    ไม่ส้องเสพแล้ว อมตะชื่อว่าอันชนเหล่านั้นไม่ส้องเสพแล้ว.
    ภิกษุทั้งหลาย ! กายคตาสติอันชนเหล่าใด
    ส้องเสพแล้ว อมตะชื่อว่าอันชนเหล่านั้นส้องเสพแล้ว;
    ภิกษุทั้งหลาย ! กายคตาสติอันชนเหล่าใด
    ไม่เจริญแล้ว อมตะชื่อว่าอันชนเหล่านั้นไม่เจริญแล้ว;
    ภิกษุทั้งหลาย ! กายคตาสติอันชนเหล่าใด
    เจริญแล้ว อมตะชื่อว่าอันชนเหล่านั้นเจริญแล้ว;
    ภิกษุทั้งหลาย ! กายคตาสติอันชนเหล่าใด
    ไม่ทำให้มากแล้ว อมตะชื่อว่าอันชนเหล่านั้นไม่ทำให้มากแล้ว;
    ภิกษุทั้งหลาย ! กายคตาสติอันชนเหล่าใด
    ทำให้มากแล้ว อมตะชื่อว่าอันชนเหล่านั้นทำให้มากแล้ว;
    ภิกษุทั้งหลาย ! กายคตาสติอันชนเหล่าใด
    ไม่รู้ด้วยปัญญาอันยิ่ง อมตะชื่อว่าอันชนเหล่านั้นไม่รู้ด้วยปัญญาอันยิ่ง;
    ภิกษุทั้งหลาย ! กายคตาสติอันชนเหล่าใด
    รู้ด้วยปัญญาอันยิ่ง อมตะชื่อว่าอันชนเหล่านั้นรู้ด้วยปัญญาอันยิ่ง;
    ภิกษุทั้งหลาย ! กายคตาสติอันชนเหล่าใด
    ไม่กำหนดรู้แล้ว อมตะชื่อว่าอันชนเหล่านั้นไม่กำหนดรู้แล้ว;
    ภิกษุทั้งหลาย ! กายคตาสติอันชนเหล่าใด
    กำหนดรู้แล้ว อมตะชื่อว่าอันชนเหล่านั้นกำหนดรู้แล้ว;
    ภิกษุทั้งหลาย ! กายคตาสติอันชนเหล่าใด
    ไม่ทำให้แจ้งแล้ว อมตะชื่อว่าอันชนเหล่านั้นไม่ทำให้แจ้งแล้ว;
    ภิกษุทั้งหลาย ! กายคตาสติอันชนเหล่าใดทำให้แจ้งแล้ว
    อมตะชื่อว่าอันชนเหล่านั้นทำให้แจ้งแล้ว,ดังนี้.

    (ภาษาไทย) เอก. อํ. ๒๐/๔๒/๒๒๕-๒๔๖
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 ตุลาคม 2015
  4. Veeravit

    Veeravit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    152
    ค่าพลัง:
    +278
    เจริญสติ(ปัฏฐาน4)นั่นแหละครับ ได้บุญและสร้างบารมีไปในตัว พระพุทธเจ้าตรัสว่าธรรมที่ทำให้กุศลธรรมเจริญ และทำให้อกุศลธรรมสิ้นไปก็คือ"สติ"

    เมื่อเจริญสติจิตก็ตั้งมั่น เมื่อจิตตั้งมั่นปัญญาและสมาธิก็จะเจริญ บารมีตัวอื่นก็จะค่อยๆเพิ่มตาม

    ส่วนการงานถ้าทำได้ก็ทำไปตามปกติ แต่ถ้าไม่มีภาระจะบวชก็ดี
     
  5. บุญทรงพระเครื่อง

    บุญทรงพระเครื่อง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    17,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +27,814
    สวัสดีครับคุณ ณรา พี่ๆน้องๆทุกๆท่าน ผมขอตอบแบบง่ายๆเข้าใจง่ายๆนะครับ ถ้าพวกพุทธภูมิ ผมว่าเขามีความฉลาดอยู่แล้ว ถ้า อุปบารมี กับปรมัตถบารมี ท่านจำพวกนี้ ท่านพวกนี้มีความฉลาดสูง ไม่ต้องอธิบาย ให้มากความ ยิ่ง ปรมัตถบารมี เขาไม่ถามเช่นนี้แน่นอนครับ แค่บารมีต้น ท่านก็ฉลาดอยู่แล้ว ฉลาดกว่าคนธรรมดาทั่วไป มาพูด ถึงการทำบุญ พุทธภูมิ เขาทำทุกอย่าง ไม่เลือกว่า กิจการงานนั้น จะต่ำต้อย ขนาดไหน พุทธภูมิน่ะ เขาต้องผ่านหมด ไปตามกำลังบารมี ของๆตน ที่จะพึงกะทำได้ ด้วยความสามารถ


    ทำด้วยกำลัง กาย กำลังใจ กำลังทรัพย์ แล้วแต่โอกาสจะมาถึง ยิ่งส่วนรวมด้วยแล้ว ที่เกี่ยวข้องกับ ประเทศชาติ ศาสนา พระมหากษัติย์ จะละไม่ได้ ทำตามกำลังนะครับ ไม่ใช่ ช้างขี้ จะไปขี้ตามช้าง อันนี้เฉพาะ บุคคลเท่านั้นครับ ทั้งนี้ทั้งนั้น ต้องดูกำลังใจกำลัง กาย กำลังทรัพย์ก่อน ทำได้แค่ไหน ก็แค่นั้น และบุญ ทุกอย่าง ถ้า เก็บได้ พุทธภูมิ เขาเก็บกันหมด ไม่ว่า เกิดเป็นเภทอะไร เภทหญิง หรือชายไม่เกี่ยว มีมือ ๒ มือ มีเท้า ๒ เท้า มีนิ้วมือ ตีน เท่ากัน ๒๐ นิ้วครับ อวัยวะ ๓๒ ครบถ้วน
     
  6. บุญทรงพระเครื่อง

    บุญทรงพระเครื่อง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    17,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +27,814
    ผมเอง ทำทุกๆวันเป็นปรกติ ปฏิบัติ ปฏิยัติ ปฏิเวท บุญทุกๆบุญ เก็บหมด เท่าที่จะทำได้ เอาง่ายๆ สังฆทาน วิหารทาน ธรรมทาน บารมี ๑๐ ต้องทำ เอาแค่กำลังใจเรา ถึงจะไม่อุกกฤษ ก้ไม่เป็นไรครับ กรรมฐาน ๔๐ มหาสติปัฏฐาน ๔ ทำได้แค่ไหน ก็แค่นั้นครับ แต่เมื่อเรารู้ว่าจะตาย ก็นึกถึง ความตาย อยู่เนืองๆ พิจรณากายตา เป็นปรกติ จะได้ไม่ประมาท ในชีวิต หรือนึกถึง พุทธานุสติ ธัมมา สังฆานุสติ ก้ว่ากันไป จะแบไหนก็ได้ ตามถนัดของจิตเราเป็นสำคัญ ไม่จำเป็นต้องไปนั่ง อริยาบท ทั้ง๔ นึกได้ตอนไหน ทำมันเมื่อนั้นครับสวัสดี
     
  7. zhayun

    zhayun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    136
    ค่าพลัง:
    +425
    แนะนำว่า ให้ใช้ชีวิตตามปกติต่อไปครับ

    และที่หลวงพ่อฤาษีฯท่านแนะนำมีดังนี้

    1. ทรงจรณะ15
    2. ทรงบารมี10 พร้อมกรรมบท10
    3. ทรงโพธิปักขิยธรรม 37
    4. ฝึกกรรมฐาน40 เริ่มกรรมฐานที่ชอบใจก่อน

    รายละเอียดไปหาเพิ่มเติมนะครับ

    เริ่มต้นตอนเช้า
    1. ตื่นขึ้นมา ก็อย่าเพิ่งลุก ให้กำหนดลมเข้าออกพร้อมภาวนาพุทโธก่อนสัก 10ครั้ง

    2. จากนั้นก็กำหนดว่า ถ้าเราตายในวันนี้ แล้วเราจะไปเกิดที่ไหน กำหนดไว้เลย

    3. จากนั้นก็ ระลึกถึง จรณะ15 บารมี10 พร้อมกรรมบท10 โพธิปักขิยธรรม37 และกรรมฐาน40 ว่ามีอะไรบ้างแล้วเราจะทำให้ได้
    (ถ้าเวลาไม่พอ ก็ ระลึกถึงแค่ จรณะ15 และบารมี10 พร้อมกรรมบท10 ก็ได้)

    4. ลุกขึ้นแล้วไปสวดมนต์ถ้ามีเวลาพอ ก็เดินจงกรม และนั่งสมาธิด้วยก็ดี
    ก่อนเดิน ก็ดูรายละเอียดใน ข้อ 7-9 ก่อนนะครับ

    5. จากนั้นทำกิจกรรมตามปกติ และระลึกลมหายใจเข้าออกไปด้วย
    ถ้ามีเวลาว่าง ก็ภาวนาพุทโธไปด้วย และถ้าเกิดจิตอยากคิด
    ก็คิดพิจารณาตามกฏไตรลักษณ์ ว่า ร่างกายทุกคนและสิ่งของทั้งปวง ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ และก็ต้องสลายตัวไปหมด

    6. เวลาก่อนจะกินข้าว ก็ระลึกถึงอาหาเรปฏิกูลสัญญา ว่าอาหารนี้มันสกปรก
    เรากินเพื่อยังอัตภาพเท่านั้น กินเท่าไร ร่างกายนี้ก็แก่ ก็ป่วย ก็ไม่พ้นความตาย

    7. ก่อนนอน ก็ไปสวดมนต์ เดินจงกรม นั่งสมาธิ
    ก่อนจะเดินจงกรมและนั่งสมาธิ ท่านก็ให้กำหนดดังนี้

    7.1 ระลึกถึงลม 3 ฐาน ที่จมูก ที่อก และที่ศูนย์เหนือสะดือ
    7.2 เราจะไม่สนใจในเรื่องของผู้อื่น เราจะสนใจแต่การภาวนาและพิจารณาเท่านั้น
    7.3 ระลึกถึง ศีล5 และกรรมบท10
    7.4 ระงับนิวรณ์ 5 ประการ
    7.5 แผ่พรหมวิหาร4 ไปทั้ง 10 ทิศ

    8. จากนั้นก็พิจารณาใน วิปัสนาก่อน ถึงไตรลักษณ์
    พิจารณาว่า ไม่มีอะไรที่เป็นของเรา เราไม่มีในกายนี้ กายนี้ไม่มีในเรา
    เราคือจิต จิตคือธาตุรู้ เราคืออทิสมานกาย ที่มาอาศัยในร่างกายนี้เท่านั้น
    เรามาอาศัยร่างกายนี้แค่ชั่วคราว เปรียบร่างกายนี้เสมือนบ้านเช่าเท่านั้น

    9. แล้วก็ฝึกกรรมฐานที่ชอบใจ ในกรรมฐาน40

    10. ก่อนนอนก็กำหนดว่า ถ้าตายในคืนนี้แล้วเราจะไปไหน กำหนดไว้ตามเดิม

    11. จากนั้นก็ระลึกว่าวันนี้ เราปฏิบัติใน จรณะ15 บารมี10 โพธิปักขิยธรรม37 กรรมฐาน40 ได้ดีแค่ไหน ถ้ายังไม่ดีก็คิดว่าวันนี้ เราขาดทุน
    และเราจะตั้งใจทำให้ดีกว่านี้

    12. จากนั้นก็ภาวนาพุทโธและระลึกลมหายใจเข้าออก จนกว่าจะหลับครับ
     
  8. TheVisionMind

    TheVisionMind เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2014
    โพสต์:
    1,827
    ค่าพลัง:
    +2,227
    ทำไมต้อง. Boo :boo: ครับ?
     
  9. TheVisionMind

    TheVisionMind เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2014
    โพสต์:
    1,827
    ค่าพลัง:
    +2,227
    บวชเป็นผ้าขาวอยู่วัด ช่วยงานวัด ถืออุโบสถศีล
    แสวงทำงานเพื่อสร้างบุญทุกอย่าง

    เพราะวิบากกรรมที่ป่วยก็เพราะกรรมฝ่ายบาป ก็ต้องเพิ่มกำลังฝ่ายบุญมาแบ่งเบา
    ไม่เช่นนั้นถ้ารับกรรมฝ่ายบาปเต็มๆ จะลำบากเข้าไปอีก
     
  10. ณรา

    ณรา สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ตุลาคม 2015
    โพสต์:
    37
    ค่าพลัง:
    +21
    สาธุธรรมที่ทุกท่านให้สาระไว้เป็นประโยชน์ต่อไปค่ะ
     
  11. TheVisionMind

    TheVisionMind เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2014
    โพสต์:
    1,827
    ค่าพลัง:
    +2,227
    สมัคร user account เยอะนะเรา
     
  12. jikkiijang

    jikkiijang เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    215
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +335
    ทำในสิ่งที่เป็นมงคล และนึกถึงสิ่งที่เป็นมงคล สู้ ๆ ครับ
     
  13. J47

    J47 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2010
    โพสต์:
    500
    ค่าพลัง:
    +3,405
    ก้อทำตัวปกตินี้ล่ะครับ
    พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่าเราเป็นฆราวาสให้รักษาศีล ๕ ให้บริสุทธิ์ไม่ด่างพร้อย ละเอียดขึ้นมาหน่อยถ้ามีโอกาสก้อรักษาศีลอุโบสถ(ศีล ๘)ครับ


    ว่างๆก้อลองอ่าน มรรคมีองค์ 8 หรือทางสายกลาง แล้วนำมาใช้กับชีวิตประจำวันเท่าที่มีอยู่นะครับ
    คลิ๊กอ่านตาม link นี้เลยนะครับ http://www.easyinsurance4u.com/buddha4u/core_3.htm
     
  14. ปราบปลิง

    ปราบปลิง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 สิงหาคม 2014
    โพสต์:
    138
    ค่าพลัง:
    +180
    ความคิดผมนะครับ : ใช้ชีวิตให้มีความสุข ทำความดี ตอบแทนบุญคุณพ่อ-แม่ หรือผู้ที่เคยช่วยเหลือเรา ไปสะสางปัญหากับเพื่อนหรือคนที่เราเคยมีเรื่องไม่เข้าใจกันขออโหสิกรรมเขา เข้าวัดไปถือศีล หรือบวชไปเลยก็ดีแต่ต้องมีใจรักในการบวชด้วย
    ทำความดีทิ้งไว้ให้คนอื่นได้เห็นเป็นแนวทางด้วยก็ได้

    ที่สำคัญก็ต้องเลิกฟุ้งซ่านก่อน ทำจิตใจให้ผ่องใส คิดว่าโลกนี้ไม่มีอะไรแน่นอน ความตายเป็นเรื่องธรรมดา ทุกๆคนต้องตาย ไม่มีใครอยู่ค้ำฟ้า สักวันคนอื่นๆก็ต้องตามเราไปเหมือนกัน แต่ปลายสุดเราเลือกที่จะไปในที่ดีๆ เราเลือกได้มากกว่าคนอื่นเพราะเรามีธรรมะครับ
     
  15. Jsus Christ

    Jsus Christ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2015
    โพสต์:
    138
    ค่าพลัง:
    +82

    ก็เข้าทางธรรมไปเลย สิ ... ตอนนี้ยังเข้าได้อยู่ ยังเดินเหิร สะดวกอยู่

    คิดดู ถ้านอนป่วยใน รพ ไปไหนมาไหน ไม่ได้แล้ว ... หมดโอกาสทันที


    เมื่อจิตถึงปลายทางแล้ว เหลือแต่ความบริสุทธิ์ มันไม่สนขันธ์แล้ว ... ยิ่งเร็วยิ่งดี ... แต่ถึงแม้ยังไม่เร็ว มันไม่มีความทุกข์เลย ความบริสุทธิ์มากลบหมด

    และถ้าดันไม่ตายขึ้น มาละก้อ อิอิ โบนัสครั้งใหญ่เลยนะจะบอกให้ กำไรชีวิตล้วนๆ

    คนเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย รพ ให้ไปตายที่บ้าน แต่ไปวัดแทน บรรลุธรรมเลย ปัจจุบันเดินเหิรอย่างยิ้มแย้ม ตัวเป็นๆ ก็เห็นมาแล้ว

    คนเป็นอัมพฤกษ์ มาเจ็ดปี ทั้งพี่ทั้งน้อง ปฏิบัติธรรมพร้อมกัน หายพร้อมกันทั้งคู่ ก็เห็นมาแล้ว


    ปฏิหารย์ มีจริง น้าจ้า ขอบอก ... .. .

    อย่าไปมัวกลุ้ม มัวทุกข์ กับ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ให้โง่เปล่าอยู่เลย ... หนักและเสียเวลา(ของชาตินี้ ไปอีกหนึ่งชาติ ฟรีๆ ชาติหน้าจะเกิดเป็นไร ยังไม่รู้เลย จะได้มีโอกาส ปฏิบัติธรรมรึเปล่า ... )


    ขนาด คนจบ ปริญญาเอก จาก อเมริกา บ้านก็รวยมากมากด้วย ... หลังจากจบมา ยังไปบวชเป็นแม่ชี ตลอดชีวิตเลย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 พฤศจิกายน 2015

แชร์หน้านี้

Loading...