ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,631
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ชื่นมื่นจีน-อินเดียจับมือเพิ่มความร่วมมือทุกด้าน | เดลินิวส์

    [​IMG]

    „ชื่นมื่นจีน-อินเดียจับมือเพิ่มความร่วมมือทุกด้าน ประธานาธิบดีจีนและนายกรัฐมนตรีอินเดียเห็นชอบการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างกันในทุกด้าน โดยเน้นเรื่องการลงทุนและการสร้างสันติภาพในภูมิภาคเป็นพิเศษ วันศุกร์ที่ 15 พฤษภาคม 2558 เวลา 10:20 น.

    สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงปักกิ่ง ประเทศจีน เมื่อวันที่ 15 พ.ค.ว่ากระทรวงการต่างประเทศจีนเผยแพร่แถลงการณ์ร่วมระหว่างประธานาธิบดีสี จิ้นผิง กับนายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี ผู้นำอินเดีย ซึ่งเดินทางเยือนกรุงปักกิ่งอย่างเป็นทางการนาน 3 วัน ตั้งแต่เมื่อวันพฤหัสบดี ว่าผู้นำทั้งสองประเทศเห็นพ้องเรื่องการทำงานร่วมกันเพื่อส่งเสริมความเข้าใจอันดีระหว่างทั้งสองฝ่าย รักษาสันติภาพในเอเชียใต้ และเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ปัญหาเหล่านั้นส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระดับทวิภาคี ทั้งนี้ ปัญหาใหญ่ด้านความมั่นคงที่ทั้งสองประเทศกำลังเผชิญ หนีไม่พ้นกรณีพิพาทเรื่องการแย่งชิงอาณาเขตในทะเลระหว่างจีนกับญี่ปุ่น และอีกหลายประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ขณะที่ความสัมพันธ์ระหว่างอินเดียกับปากีสถานอยู่ในระดับตึงเครียด นอกจากนี้ รัฐบาลปักกิ่งยังเรียกร้องการส่งเสริมความร่วมมือด้านระบบโครงสร้างพื้นฐานกับอินเดีย ไม่ว่าจะเป็นการก่อสร้างระบบรถไฟรางคู่ และการก่อสร้างนิคมอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ โดยผู้นำจีนให้คำมั่นเรื่องการเพิ่มการลงทุนในอินเดียด้วย ปัจจุบันจีนคือประเทศคู่ค้าอันดับ 1 ของอินเดีย ด้วยมูลค่าการค้าระหว่างกันที่สูงถึง 71,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ( ราว 2.34 ล้านล้านบาท ) เมื่อปีที่แล้ว อย่างไรก็ตาม อินเดียยังเป็นฝ่ายขาดดุลการค้าอยู่มาก หนึ่งในภารกิจสำคัญของโมดีในครั้งนี้ จึงรวมถึงการเดินทางไปยังนครเซี่ยงไฮ้เพื่อพบปะหารือกับกลุ่มนักธุรกิจชาวจีน และประชาสัมพันธ์ประเทศเพื่อดึงดูดการลงทุนให้มากขึ้นในอนาคต“

    อ่านต่อที่ : ชื่นมื่นจีน-อินเดียจับมือเพิ่มความร่วมมือทุกด้าน | เดลินิวส์
     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,631
    ค่าพลัง:
    +97,150
    อิหร่านยิงขู่เรือสินค้าสิงคโปร์ | เดลินิวส์

    [​IMG]

    „อิหร่านยิงขู่เรือสินค้าสิงคโปร์ กองทัพพิทักษ์การปฏิวัติอิหร่านยิงเตือนเรือสินค้าที่ติดธงสิงคโปร์ในอ่าวเปอร์เซีย ก่อนเรือลาดตระเวนของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์จะเข้ามาช่วย วันศุกร์ที่ 15 พฤษภาคม 2558 เวลา 1:43 น.

    สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่14พ.ค.ว่า เจ้าหน้าที่กลาโหมสหรัฐ2นายแถลงว่า เรือลาดตระเวนของกองทัพพิทักษ์การปฏิวัติอิหร่านได้ยิงเตือนขู่เรือสินค้าอัลไพน์ อีเทอร์นิที ที่ติดธงสิงคโปร์ในเขตน่านน้ำสากลของอ่าวเปอร์เซีย ซึ่งกำลังแล่นมุ่งหน้าไปยังสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแสดงให้เห็นถึงความตึงเครียดในภูมิภาคอ่าวเปอร์เซีย จากความขัดแย้งในเยเมนที่อิหร่านให้การสนับสนุนฝ่ายชีอะห์ที่ต่อสู่กับกองกำลังของรัฐบาลซึ่งได้รับการหนุนหลังโดยซาอุดีอาระเบีย หลังเรือลาดตระเวนอิหร่านยิงขู่ เรือสินค้าอัลไพน์ อีเทอร์นิทีได้สังสัญญาณขอความช่วยเหลือไปยังเรือลาดตระเวนของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ก่อนที่เรือของอิหร่านจะยิงกระสุนนัดที่สอง ทั้งนี้เมื่อเรือลาดตระเวนของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์มาถึง เรือของอิหร่านได้ออกจากจุดเกิดเหตุไปแล้ว ขณะเกิดเหตุพบว่า เรือของกองทัพเรือสหรัฐลำหนึ่งได้อยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ32กม. แต่ไม่ได้รับสัญญาณขอความช่วยเหลือ ขณะที่เรือสินค้าลำดังกล่าวไม่มีลูกเรือชาวอเมริกันอยู่บนเรือ อย่างไรก็ตามกองบัญชาการกลางสหรัฐ ที่ดูแลพื้นที่ในภูมิภาคตะวันออกกลาง จะจับตาดูสถานการณ์เรือตรวจการณ์อิหร่านกับเรือสินค้าในเขตน่านน้ำสากลอย่างใกล้ชิด ซึ่งเมื่อไม่นานนี้เรือตรวจการณ์อิหร่านเพิ่งยิงกระสุนขู่และยึดเรือสินค้าที่ติดธงหมู่เกาะมาร์แชล ก่อนจะปล่อยออกมาหลังอ้างว่า สามารถตกลงข้อพิพาททางการค้าได้แล้ว“

    อ่านต่อที่ : อิหร่านยิงขู่เรือสินค้าสิงคโปร์ | เดลินิวส์
     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,631
    ค่าพลัง:
    +97,150
    'แบคโฮ'ลุยไถจนเกลี้ยง ร้านอาหารริมลำตะคอง | เดลินิวส์

    [​IMG]

    „'แบคโฮ'ลุยไถจนเกลี้ยง ร้านอาหารริมลำตะคอง ผู้ว่าฯโคราช นำกำลังทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครอง ลุยรื้อร้านอาหารพื้นที่ริมอ่างเก็บน้ำลำตะคองต่อเนื่อง ใช้แบคโฮปรับพื้นที่จนโล่งเตียน ปิดฉากอย่างสมบูรณ์ ยันเสร็จสิ้นก่อน 28 พ.ค.นี้แน่นอน วันศุกร์ที่ 15 พฤษภาคม 2558 เวลา 10:39 น.

    เมื่อวันที่ 15 พ.ค. นายธงชัย ลืออดุลย์ ผวจ.นครราชสีมา นายวินัย วิทยานุกุล รอง ผวจ.นายปัญญา วงศ์ศรีแก้ว นายอำเภอปากช่อง นายมิชา พงษ์สว่าง นายก อบต.หนองสาหร่าย พร้อมกำลังทหาร ตำรวจ เจ้าหน้าที่และอาสาจากหน่วยงานกว่า 300 นาย นำรถแบคโฮรวมทั้งเครื่องมือเข้ารื้อทุบร้านอาหาร "มอปลาย่าง" ริมอ่างเก็บน้ำลำตะคอง ต.หนองสาหร่าย อ.ปากช่อง รวมทั้งร้านที่เจ้าของร้านอาหารไม่ยินยอมให้เจ้าหน้าที่รื้อถอนเมื่อวันที่ 8 พ.ค. ที่ผ่านมา โดยวันนี้เจ้าหน้าที่รื้อถอนทั้งหมดจำนวน 32 ร้าน เพื่อปรับเคลียร์พื้นที่ให้เร็วที่สุด ด้านนายวินัย กล่าวว่า วันนี้นำเจ้าหน้าที่พร้อมรถแบคโฮเข้ารื้อทุบร้านอาหารที่เหลือ ทั้งนี้เจ้าของร้านยินยอมให้เจ้าหน้าที่รื้อถอนแต่โดยดี ส่วนอาคารร้านไหนที่ไม่ปิดบังทัศนียภาพก็จะเก็บเอาไว้ให้เจ้าหน้าที่เป็นที่พักสายตรวจ หรือหลบแดดหลบฝนชั่วคราวก่อน ทั้งนี้ยังมีร้านค้าอีกส่วนหนึ่งที่อยู่ในพื้นที่ ต.คลองไผ่ อ.สีคิ้ว ที่ยังไม่เรียบร้อย เจ้าหน้าที่จะได้ทำการรื้อถอนต่อไป แต่ระยะแรกต้องทำการรื้อในจุดที่มีปัญหาก่อน โดยจะทำให้แล้วเสร็จไม่เกินวันที่ 28 พ.ค.นี้แน่นอน. “

    อ่านต่อที่ : 'แบคโฮ'ลุยไถจนเกลี้ยง ร้านอาหารริมลำตะคอง | เดลินิวส์
     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,631
    ค่าพลัง:
    +97,150
    “รสนา” ดักคอ แบ่งปันผลผลิตรัฐต้องได้มากกว่าเดิม ไม่ใช่น้อยกว่าเดิมอย่างที่ กพช.ให้นโยบายไปเจรจา โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 15 พฤษภาคม 2558 07:46 น. (แก้ไขล่าสุด 15 พฤษภาคม 2558 10:16 น.)


    [​IMG]
    คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น
    “รสนา” ดักคอ แบ่งปันผลผลิตรัฐต้องได้มากกว่าเดิม ไม่ใช่น้อยกว่าเดิมอย่างที่ กพช.ให้นโยบายไปเจรจา
    น.ส.รสนา โตสิตระกูล (แฟ้มภาพ)



    “รสนา” เหน็บรัฐมักน้อยกับเอกชน สวนทางขายพลังงานให้ ปชช. กลับมักมาก แนะแบ่งปันผลผลิตกับเจ้าเดิม 5 ปี แล้วค่อยเปลี่ยนใช้ระบบรัฐ - ปชช. ได้ประโยชน์สูงสุดแก้ปัญหาช่วงรอยต่อหมดสัมปทาน ดึง ปตท.สผ กลับมาเป็นของรัฐ 100% เข้าไปเป็นคู่สัญญากับเจ้าของสัมปทานเดิม ย้ำใช้ระบบแบ่งปันผลผลิตรัฐต้องได้มากกว่าเดิม ไม่ใช่น้อยกว่าเดิม อย่างที่กพช.ให้นโยบายไปเจรจา

    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น.ส.รสนา โตสิตระกูล สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ด้านพลังงาน โพสต์ข้อความลงเฟซบุ๊กส่วนตัว รสนา โตสิตระกูล เสนอความคิดเห็นกรณี กพช. มีมติให้คณะกรรมการปิโตรเลียมไปพิจารณากรอบการจัดการกับสัมปทาน 2 แปลง คือ แหล่งเอราวัณ และ แหล่งบงกช ที่จะหมดอายุในปี 2565, 2566 โดย กพช. มีกรอบแนวทางให้พิจารณาทำนองจะให้ “ต่ออายุสัมปทานเจ้าเดิมไปอีก โดยระบุว่ารัฐต้องได้ผลประโยชน์ไม่น้อยกว่าเดิม” ดังนี้

    1) ไม่เห็นด้วยที่รัฐจะต่อสัมปทานใน 2 แปลงนี้ให้ผู้รับสัมปทานอีกเพราะเท่ากับต้องให้สัมปทานกับเจ้าเดิมไม่สิ้นสุด

    2) ที่ว่ารัฐต้องได้ผลประโยชน์ไม่น้อยกว่าเดิม รัฐควรได้รับประโยชน์มากขึ้นกว่าเดิมจากการบริหารแบบมืออาชีพเมื่อหมดสัมปทานแล้ว เพราะทรัพย์สินแหล่งปิโตรเลียมกลับมาเป็นชองชาติ จึงควรใช้ระบบที่ประเทศต้องได้ประโยชน์เพิ่มขึ้น ระบบ Thailand 1 ที่ใช้กับ 2 แปลงใหญ่ดังกล่าว เป็นระบบที่รัฐได้ประโยชน์น้อยเพราะเป็นสัมปทานยุคแรกที่รัฐยังไม่มีความรู้ ระบบ Thailand 1 โดยเปรียบเทียบยังได้ผลประโยชน์น้อยกว่าแปลงสัมปทานในระบบ Thailand 3 ด้วยซ้ำ

    ข้าราชการของเราดูมักน้อยกับเอกชนจัง เห็นใจแต่เอกชนว่าเขาลงทุนสูง กลัวเขาจะได้กำไรน้อย แต่ทีจะขายพลังงานให้ประชาชน กลับใช้วิธีมักมาก ไม่เคยเห็นใจประชาชน โดยอ้างว่าต้องสะท้อนราคาตลาดโลก ทั้งที่ของมาจากในประเทศ ยกให้เอกชนแบบถูกๆ มีบางคนอธิบายเหตุผลว่าเหมือนเวลาเจอทองในบ้าน มีใครบ้างไม่ขายทองในราคาตลาด ถ้าทองที่พบในบ้านขายราคาตลาด แล้วเป็นรายได้ของครอบครัว เป็นรายได้ของประเทศ ก็ไม่มีใครคัดค้าน แต่ที่เป็นอยู่คือยกทองให้เอกชนในราคาต่ำ แต่ให้เอกชนนั้นเอากลับมาขายเอากำไรสูงสุดจากคนในบ้านโดยอ้างว่าต้องสะท้อนราคาตลาดโลก

    แต่พอตลาดโลกราคาลด ก็ไม่ลดให้ประชาชน ดูตัวอย่างก๊าซ LPG ในขณะนี้ราคาเฉพาะเนื้อก๊าซจากอ่าวไทยขายคนไทย 19 บาท/กก. แต่ราคานำเข้าแค่ 16 บาท/กก. คนในบ้านต้องใช้ของแพงตลอด แต่บริษัทเอกชนได้ใช้ของถูกกว่าประชาชนเสมอ

    3) ข้อเสนอแปลงปิโตรเลียมที่กำลังจะหมดสัมปทาน รัฐควรเปลี่ยนมาใช้ระบบแบ่งปันผลผลิตโดยทำสัญญากับเจ้าเดิม 5 ปี หลังหมดสัมปทาน เพื่อให้รัฐสามารถส่งบริษัทพลังงานแห่งชาติที่เป็นของรัฐ 100% เข้าไปควบคุมดูแลในฐานะเจ้าของ ในระบบแบ่งปันผลผลิต บริษัทพลังงานแห่งชาติจะทำหน้าที่เป็นเจ้าของแทนรัฐ แทนประชาชน (ไม่เหมือนระบบสัมปทาน ที่เอกชนผู้ได้สัมปทานเป็นเจ้าของ) บริษัทพลังงานแห่งชาติจะบริหารในฐานะเจ้าของเพื่อว่าหลังจากหมดสัญญาแบ่งปันผลผลิต 5 ปีแล้ว บริษัทพลังงานแห่งชาติจะสามารถตัดสินใจได้ว่าจะดำเนินการกับแปลงปิโตรเลียมในรูปแบบใดต่อไปที่ประเทศและประชาชนจะได้ผลประโยชน์สูงสุด

    เมื่อหมดสัมปทาน 2 แปลงใหญ่ในปี 2565, 2566 เคยมีข้อเสนอว่ารัฐควรใช้ระบบจ้างผลิต แต่จากการฟังบริษัทผู้เป็นเจ้าของสัมปทานเดิมใน กมธ. พลังงาน ใน สปช. ได้ข้อมูลว่าผู้รับสัมปทานเดิมไม่ยอมรับระบบจ้างผลิต เพราะจะได้ผลประโยชน์น้อยกว่าที่เคยได้ จึงเห็นได้ชัดเจนว่าระบบสัมปทานจะมีปัญหาในช่วงรอยต่อก่อนหมดอายุสัมปทานเสมอ ที่รัฐบาลไม่สามารถเข้าไปจัดการอะไรในช่วงรอยต่อก่อนหมดสัมปทานเพื่อรักษาระดับการผลิต เว้นแต่มีข้อเสนอที่ผู้รับสัมปทานรายเดิมพอใจ เจ้าของสัมปทานเดิมอ้างว่าถ้าไม่มีข้อเสนอที่จูงใจพอ เขาจะไม่ลงทุนต่อ ซึ่งจะทำให้ปริมาณก๊าซที่ผลิตได้ลดน้อยลง เป็นการบีบบังคับให้รัฐต้องให้เจ้าเดิมผลิตต่อไป

    ดังนั้น เพื่อแก้ไขปัญหาในช่วงรอยต่อ จึงควรใช้ระบบแบ่งปันผลผลิตกับเจ้าเดิม แต่ผลประโยชน์ของรัฐต้องได้มากกว่าเดิม ไม่ใช่ “ได้ไม่น้อยกว่าเดิม” อย่างที่ กพช. ให้นโยบายไปเจรจา

    ระบบแบ่งปันผลผลิตต้องมีบริษัทพลังงานแห่งชาติของรัฐเข้าไปเป็นคู่สัญญากับเจ้าของสัมปทานเดิม และเมื่อสิ้นสุดสัญญาแบ่งปันผลผลิต 5 ปี ค่อยพิจารณาว่าจะใช้ระบบจ้างผลิต หรือแบ่งปันผลผลิตต่อไป

    4) การจัดตั้งบริษัทพลังงานแห่งชาติ รัฐอาจพิจารณานำปตท.สผ กลับมาเป็นของรัฐ 100% เพื่อให้เป็นบริษัทของรัฐที่เข้าไปดำเนินการในระบบแบ่งปันผลผลิตร่วมกับเจ้าของสัมปทานเดิม

    5) ให้บริษัทพลังงานแห่งชาติเป็นบริษัทที่บริหารแบบมืออาชีพโดยมีรัฐเป็นเจ้าของ 100% มีระบบที่ออกแบบไม่ให้นักการเมืองเข้าไปแทรกแซงหาประโยชน์ และมีระบบที่ประชาชนสามารถตรวจสอบความโปร่งใส มีธรรมาภิบาลปลอดการคอร์รัปชันในการบริหารงาน

    6) มักมีการพูดว่านักการเมืองก็ขี้โกง ส่วนข้าราชการก็ไร้ประสิทธิภาพ จึงต้องยกการบริหารทรัพยากรในรัฐวิสาหกิจให้เอกชน แต่มีคำถามว่าเอกชนทำเพื่อใคร? เอกชนทำเพื่อผู้ถือหุ้น ไม่ใช่ทำเพื่อประชาชนทั้งประเทศ และประชาชนมีสิทธิเข้าไปตรวจสอบหรือไม่? ถ้าไม่ใช่ผู้ถือหุ้นก็ไม่มีสิทธิตรวจสอบ

    อย่างไรก็ตาม ในเมื่อประชาชนต้องจ่ายภาษีเลี้ยงนักการเมืองขี้โกง และข้าราชการไร้ประสิทธิภาพอยู่แล้ว จึงต้องปฏิรูประบบราชการและการบริหารประเทศให้มีประสิทธิภาพ และปลอดการคอร์รัปชั่นให้จงได้ เพื่อให้คนเหล่านี้ที่กินเงินเดือนจากภาษีประชาชนสามารถทำงานอย่างมืออาชีพเหมือนเอกชนและดูแลกิจการของประชาชนให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับประชาชนผู้เป็นเจ้าของหุ้นส่วนประเทศไทยตัวจริง

    ถ้าไม่มีการปฏิรูปกิจการพลังงานให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชนอย่างแท้จริงในช่วงนี้ ประชาชนเริ่มตั้งคำถามว่าการยึดอำนาจในครั้งนี้เสียของหรือไม่?

    http://manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9580000055246
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,631
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ตามคาด! หลัง “ปิยสวัสดิ์” ขู่มติ กพช.ขีดเส้น 1 ปี ศึกษาต่ออายุสัมปทาน “เอราวัณ-บงกช” โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 14 พฤษภาคม 2558 15:55 น. (แก้ไขล่าสุด 14 พฤษภาคม 2558 16:45 น.)

    [​IMG]

    แหล่งก๊าซบงกช (แฟ้มภาพ)

    ตามคาด! หลัง “ปิยสวัสดิ์”ขู่! “คุรุจิต” เผยมติ กพช.สั่งตั้งคณะอนุกรรมการศึกษา ขีดเส้น 1 ปี ผลสรุปแนวทางบริหารสัมปทานปิโตรเลียม เน้นผลการต่ออายุสัมปทาน “แหล่งเอราวัณ-บงกช” ที่จะหมดอายุ สัมปทานในปี 2566 พร้อมกัน 4 แนวทาง

    จากกรณีวานนี้ (13 พ.ค.) นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ แกนนำกลุ่มปฏิรูปพลังงานเพื่อความยั่งยืน (ERS) ออกมาเปรยว่า รัฐจะสูญรายได้ 7.15 แสนล้านบาท รวมถึงค่าไฟฟ้าจะสูงขึ้น 90 สตางค์ต่อหน่วย หากสิ้นปี 2558 นี้รัฐบาลไม่มีความชัดเจนต่ออายุสัมปทาน แหล่งก๊าซธรรมชาติเอราวัณและแหล่งก๊าซบงกช

    วันนี้ (14 พ.ค.) ภายหลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานงานแห่งชาติ (กพช.) ครั้งที่ 2/2558 นายคุรุจิต นาครทรรพ รองปลัดกระทรวงพลังงาน แถลงว่า ที่ประชุมได้เห็นชอบกรอบแนวทางการดำเนินการบริหารจัดการแหล่งก๊าซธรรมชาติเอราวัณ และบงกช ที่อ่าวไทย ที่สัมปทานจะสิ้นสุดอายุในปี 2565-2566 ใน 4 แนวทาง คือ 1. การรักษาความต่อเนื่องระดับการผลิตก๊าซไม่ให้ลดต่ำลง 2. ให้มีการคัดเลือกผู้ดำเนินการต่อเนื่องหลังหมดอายุ โดยจะมีการเปิดกว้างทั้งรายใหม่และรายเก่า 3. ต้องเพิ่มสัดส่วนของรัฐบาลในการดำเนินการของภาคเอกชนเพื่อให้รัฐได้รับประโยชน์มากขี้น และ 4. ศึกษาการเรียกเก็บผลประโยชน์เข้ารัฐในแต่ละรูปแบบ ซึ่งได้มอบหมายให้กระทรวงพลังงานตั้งคณะอนุกรรมการเพื่อพิจารณาและศึกษารายละเอียดตามกรอบใน 4 แนวทางให้ได้ข้อยุติภายใน 1 ปี

    “ในส่วนของแหล่งก๊าซธรรมชาติเอราวัณและแหล่งก๊าซบงกช มีกำลังการผลิตรวม 2,100-2,200 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน หรือคิดเป็นสัดส่วน ร้อยละ 76 ของการผลิตในอ่าวไทย ซึ่งหากรัฐยังไม่มีแนวทางชัดเจนเกี่ยวกับกรณีดังกล่าวอาจส่วผลให้ผู้ได้รับสัปทานจะไม่มีการลงทุนเพิ่มก่อนที่จะหมดอายุการสัมปทาน”

    ทั้งนี้ ที่ประชุมยังเห็นชอบแนวทางการปรับลดปริมาณสำรองน้ำมันตาม พ.ร.ก.ป้องกันแก้ไขการขาดแคลนน้ำมันเชื้อเพลิง เหลือสำรองทั้งสิ้น 6-7% จากเดิม 12% หรือจาก 43 วันเหลือ 24-25 วัน เนื่องจากช่วงนี้ไม่มีความจำเป็น เพราะสถานการณ์น้ำมันดิบในตลาดโลกเปลี่ยนแปลงไป ซึ่งการลดสำรองดังกล่าวผู้ค้าทุกรายจะได้รับประโยชน์ในด้านต้นทุนที่ลดลงเท่าเทียมกัน ไม่เพียงแต่เฉพาะ บมจ.ปตท.(PTT) เท่านั้น

    ที่ประชุมฯ ได้เห็นชอบแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย พ.ศ. 2558-2579 หรือแผน PDP 2015 ซึ่งเป็นแผนจัดหาไฟฟ้าในระยะยาว โดยปรับลดค่าพยากรณ์ความต้องการใช้ไฟฟ้าให้สอดคล้องกับทิศทางการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ลดลงเหลือร้อยละ 3.94 จากเดิมขยายตัวร้อยละ 4.41 รวมทั้งให้สอดคล้องกับแผนอนุรักษ์พลังงาน และแผนพัฒนาพลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือก ซึ่งการจัดทำแผน PDP 2015 นี้ ได้พิจารณาจากหลักเกณฑ์สำคัญ 3 ด้านหลัก คือ

    1) ด้านความมั่นคงของระบบไฟฟ้าของประเทศ (Security) โดยคำนึงถึงการกระจายแหล่งและชนิดเชื้อเพลิง เพื่อลดสัดส่วนการพึ่งพาก๊าซธรรมชาติที่ปัจจุบันสูงถึงร้อยละ 65 ให้เหลือไม่เกินร้อยละ 40 ในปี 2579 โดยเพิ่มสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนหรือพลังงานหมุนเวียน ถ่านหินสะอาด และการรับซื้อไฟฟ้าจากเพื่อนบ้าน ในขณะที่สัดส่วนการผลิตไฟฟ้าสำรองของประเทศจะอยู่ในระดับไม่ต่ำกว่าร้อยละ 15 ของปริมาณความต้องการไฟฟ้าสูงสุด

    2) ด้านสิ่งแวดล้อม (Ecology) โดยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของปัญหาภาวะโลกร้อนลงกว่าร้อยละ 37 ในปี 2579 เมื่อเทียบกับปี 2556 ซึ่งเป็นผลมาจากการเพิ่มสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน รวมถึงการอนุรักษ์พลังงานอย่างเต็มศักยภาพ ผ่านมาตรการต่างๆ ไปสู่ 4 กลุ่มเป้าหมายหลัก คือ อุตสาหกรรม อาคารธุรกิจ ที่อยู่อาศัย และภาครัฐ ส่งผลให้ความต้องการใช้ไฟฟ้าลดลงถึง 89,672 ล้านหน่วย (GWh) ในปี 2579

    และ 3) ด้านเศรษฐกิจ (Economy) โดยกำหนดให้ราคาค่าไฟฟ้ามีความเหมาะสม โดยให้สะท้อนต้นทุนที่แท้จริงและบริหารระบบผลิต ระบบส่ง และระบบจำหน่ายอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะกระทบต่อค่าครองชีพของประชาชนน้อยที่สุด ทั้งนี้คาดว่าราคาค่าไฟฟ้าเฉลี่ยตลอดอายุของแผน PDP ฉบับนี้อยู่ที่ 4.587 บาท/หน่วย

    ทั้งนี้ เพื่อให้สอดคล้องกับแผน PDP 2015 ฉบับใหม่ ที่ประชุมฯ จึงมีมติเห็นชอบแผนระบบรับส่งและโครงสร้างพื้นฐานก๊าซธรรมชาติ โครงการลงทุนในระยะที่ 1 ของโครงข่ายระบบท่อส่งก๊าซฯ โดยมอบหมายให้ บมจ.ปตท.เป็นผู้ดำเนินการ จำนวน 3 โครงการ วงเงินลงทุนรวม 13,900 ล้านบาท และรับทราบในหลักการสำหรับการลงทุนในระยะที่ 2 และ3 ของโครงข่ายระบบท่อส่งก๊าซฯ (ส่วนที่1) และโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับการจัดหา/นำเข้าก๊าซ LNG (ส่วนที่ 2) ทั้งนี้ ได้มอบหมายให้ บมจ.ปตท.ไปศึกษารายละเอียดเสนอต่อ กบง. เพื่อพิจารณาเห็นชอบก่อนนำเสนอต่อ กพช.ต่อไป

    พร้อมกันนี้ จากสถานการณ์ที่เกิดภาวะปริมาณน้ำมันดิบล้นตลาดและสามารถจัดหาได้ง่ายขึ้น ส่งผลทำให้ราคาน้ำมันมีแนวโน้มลดลง ที่ประชุมฯ จึงได้เห็นชอบในหลักการให้ลดอัตราสำรองน้ำมันเชื้อเพลิงตามกฎหมายให้เหลือจำนวนวันสำรองประมาณ 25 วัน จากเดิม 43 วัน โดยแบ่งเป็นน้ำมันดิบร้อยละ 6 และน้ำมันสำเร็จรูปร้อยละ 1 พร้อมทั้งมอบหมายให้กระทรวงพลังงานไปดำเนินการกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการที่เหมาะสมต่อไป ซึ่งจะส่งผลดีต่อประชาชนเพราะทำให้ต้นทุนในการสำรองของประเทศลดลงและคาดว่าจะทำให้ราคาน้ำมันลดลง 9 สตางค์ต่อลิตร

    นอกจากนี้ ที่ประชุมฯ ยังเห็นชอบให้เลื่อนกำหนดวันออกประกาศรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนในแบบ FiT (Feed-in Tariff) ภายใต้กลไกการแข่งขันด้านราคา จากเดิมภายในไตรมาสแรกของปี 2558 เป็นภายในเดือนกรกฎาคม 2558 โดยไม่รวมพลังงานน้ำและขยะในการประกาศรอบนี้ และสำหรับพลังงานน้ำและขยะจะไม่ดำเนินการด้วยกลไกการแข่งขันด้านราคา เนื่องจากมีข้อจำกัดด้านพื้นที่และควรดำเนินการส่งเสริมเป็นการเฉพาะตามนโยบายรัฐบาล และยังเห็นชอบขยายระยะเวลาการจำหน่ายหุ้นของบริษัท สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ SPRC ให้แก่ประชาชนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ออกไปเป็นภายในปี 2558 โดยมอบหมายให้กระทรวงพลังงานเจรจากับ SPRC เพื่อกำหนดระยะเวลาเข้าจดทะเบียนและจำหน่ายหุ้นที่เหมาะสม และดำเนินการแก้ไขสัญญาฯ ต่อไป

    http://manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9580000055003
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,631
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ปธน.บุรุนดีกลับปท.ท่ามกลางข่าวรัฐประหาร สองฝ่ายสู้รบ'แย่งอำนาจ'ฝุ่นตลบ
    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 15 พฤษภาคม 2558 04:30 น.

    [​IMG]

    เอเอฟพี - ประธานาธิบดีปิแอร์ เอ็นคูรันซิซา แห่งบุรุนดี เดินทางกลับประเทศแล้วในวันพฤหัสบดี(14พ.ค.) ขณะที่เหล่าทหารที่ภักดีอ้างว่าตีโต้กลับรุกไล่ทหารฝ่ายตรงข้าม หนึ่งวันหลังจากนายพลคนอ้างพยายามก่อรัฐประหารยึดอำนาจ ก่อความสับสนอลหม่านในดินแดนแห่งนี้

    นายวิลลี เอ็นยามิตเว ที่ปรึกษาระดับอาวุโสด้านสื่อสารมวลชนของประธานาธิบดีเปิดเผยกับเอเอฟพีว่า "ตอนนี้ประธานาธิบดีปิแอร์ เอ็นคูรันซิซา อยู่ในบุรุนดีแล้ว มันเป็นสิ่งเดียวที่เราสามารถยืนยันได้ในตอนนี้ เนื่องจากเหตุผลด้านความปลอดภัย"

    เมื่อวันพุธ(13พ.ค.) ประธานาธิบดีเอ็นยามิตเว อยู่ระหว่างร่วมประชุมระดับภูมิภาคในแทนซาเซีย ตอนที่พลตรีโกดโฟรอิด ไนโยเอ็มบาเร อดีตผู้บัญชาการหน่วยข่าวกรอง แถลงรัฐประหารยึดอำนาจ ตามหลังเกิดเหตุประท้วงรุนแรงบนท้องถนนหลายสัปดาห์ ต่อต้านความพยายามหวนคืนสู่เก้าอี้ผู้นำประเทศสมัย 3 ของนายเอ็นยามิตเว

    อย่างไรก็ตามผลลัพธ์ของการรัฐประหารดูเหมือนจะไม่แน่นอนในวันพฤหัสบดี(14พ.ค.) เนื่องจากเกิดการปะทะกันระหว่างกลุ่มก๊กฝ่ายตรงข้ามภายในกองกำลังความมั่นคงรอบๆสถานีโทรทัศน์และวิทยุของรัฐ

    กรออกอากาศของสถานีโทรทัศน์แห่งรัฐหยุดลงช่วงสั้นๆ แต่ก็กลับมาออกอากาศได้อีกครั้ง หลังจากกองกำลังต่อต้านรัฐประหารสกัดการจู่โจมของทหารที่ภักดีต่อนายไนโยเอ็มบาเรได้สำเร็จ และในช่วงบ่าย ทางผู้อำนวยการสถานียืนยันว่าสถานีแห่งนี้อยู่ภายใต้การควบคุมของกองกำลังที่ฝักใฝ่ประธานาธิบดี ขณะที่ผู้สื่อข่าวเอเอฟพีรายงานว่าพบศพทหาร 3 นาย นอนเรียงรายบนท้องถนน

    วิกฤตก่อความกังวลว่าความรุนแรงที่ลุกลามกำลังหวนคืนสู่ประเทศที่ขัดสนแห่งนี้ ซึ่งยังคงอยู่ระหว่างการฟื้นตัวจากภาวะสงครามกลางเมือง 13 ปีที่คร่าชีวิตผู้คนหลายร้อยศพและเพิ่งสิ้นสุดลงเมื่อปี 2006

    คำแถลงยึดอำนาจของไนโยเอ็มบาเร กระพือเสียงประณามจากนานานาชาติและสหรัฐฯยืนยันว่านายเอ็นคูรันซิซา ยังคงเป็นประธานาธิบดีที่ชอบธรรมตามกฎหมาย ขณะที่คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติได้เรียกประชุมฉุกเฉินในวันพฤหัสบดี(14พ.ค.) จากนั้นก็ประณามการรัฐประหารและเรียกร้องคืนสู่หลักนิติธรรมตามรัฐธรรมนูญโดยทันที กระนั้นทูตรายหนึ่งบอกกับคณะมนตรีฯยังไม่เป็นที่ชัดว่าความพยายามรัฐประหารครั้งนี้ประสบความสำเร็จหรือไม่

    ผู้สื่อข่าวเอเอฟพีในเมืองหลวงของบุรุนดีบอกว่าได้ยินเสียงปืนอัตโนมัติและระเบิดดังขึ้นตลอดทั้งคืนวันพุธ(13พ.ค.) และหนักหน่วงขึ้นในช่วงรุ่งสางวันพฤหัสบดี(14พ.ค.) จากนั้นเกือบตลอดทั้งวัน ถนนสายต่างๆก็แทบไม่เห็นผู้คนเลย ท่ามกลางเสียงปะทะที่ยังได้ยินประปรายในพื้นที่อื่นๆของเมือง ขณะเดียวกันก็พบเห็นกลุ่มควันพวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า

    แม้ต่างฝ่ายต่างกล่าวอ้างว่าเป็นฝ่ายควบคุมท้องถนนของเมือง อย่างไรก็ตามผู้บัญชาการกองทัพบุรุนดี ซึ่งสนับสนุนประธานาธิบดี ได้ประกาศผ่านสถานีวิทยุแห่งรัฐว่าความพยายามก่อรัฐประหารของไนโยเอ็มบาเรนั้น "ล้มเหลว"

    การรัฐประหารยึดอำนาจเกิดขึ้น หลังจากมีประชาชนมากกว่า 20 รายต้องสังเวยชีวิตนับตั้งแต่การประท้วงบนท้องถนนปะทุขึ้นในประเทศแห่งนี้เมื่อกว่า 2 สัปดาห์ก่อน โดยผู้ชุมนุมอ้างว่านายเอ็นคูรันซิซา ละเมิดรัฐธรรมนูญและข้อตกลงสันติภาพของประเทศ ซึ่งจำกัดวาระการดำรงตำแหน่งของประธานาธิบดีไว้ที่ 2 สมัย แต่ศาลวินิจฉัยว่าสมัยแรกของนายเอ็นคูรันซิซานั้นไม่นับ เนื่องจากไม่ได้มาจากการเลือกตั้งของประชาชนแต่ถูกเลือกโดยสมาชิกรัฐสภา นำมาซึ่งเสียงกล่าวหาจากฝ่ายค้านที่โจมตีศาลว่าลำเอียง

    ไม่มีใครพบเห็นประธานาธิบดีเอ็นคูรันซิซา ตั้งแต่มีการกล่าวอ้างรัฐประหาร โดยในความเคลื่อนไหวสุดท้าย เขาบอกว่าจะพยายามเดินทางออกจากเมืองหลวงของแทนซาเนีย เพื่อมุ่งหน้ากลับบุรุนดีในทันที แต่ถูกขัดขวางโดยฝ่ายตรงข้ามที่เข้ายึดสนามบินและออกคำสั่งปิดพรมแดน

    โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐฯบอกว่าผู้นำบุรุนดียังคงค้างคืนในแทนซาเนีย แต่ไม่ทราบจริงๆว่าเขาพำนักอยู่ที่ใด ขณะที่สหภาพแอฟริกาใต้ในวันพฤหัสบดี(14พ.ค.) แถลงประณามเหตุความรุนแรง และเรียกร้องทุกฝ่ายแก้ปัญหาอย่างสันติ

    ในถ้อยแถลงยึดอำนาจ พลตรีไนโยเอ็มบาเร บอกว่าเขาไม่ได้ต้องการยึดอำนาจเพื่อตนเอง พร้อมประกาศจัดตั้งคณะกรรมาธิการเพื่อฟื้นฟูความปรองดองภายในชาติ และทำงานเพื่อคืนสู่กระบวนการเลือกตั้งในสภาพแวดล้อมที่สันติและยุติธรรม

    http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000055226
     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,631
    ค่าพลัง:
    +97,150
    'เคร์รี'จะบอก 'จีน' อย่าง 'ไร้ข้อกังขา” ว่าสหรัฐฯต้องทำให้เกิด 'เสรีภาพในการเดินเรือ' ในทะเลจีนใต้ โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 14 พฤษภาคม 2558 22:07 น.

    [​IMG]
    (แฟ้มภาพ) ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน พูดคุยหารือผ่านล่ามกับนายจอห์น เคร์รี รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ

    รอยเตอร์/เอเจนซีส์ - รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ จอห์น เคร์รี ของสหรัฐฯ ซึ่งกำลังจะไปเยือนปักกิ่งสุดสัปดาห์นี้ จะบอกจีนอย่างชัดเจนชนิด “ไร้ข้อกังขาใดๆ ทั้งสิ้น” ว่าวอชิงตันมีความมุ่งมั่นผูกพันที่จะต้องทำให้เกิดเสรีภาพในการเดินเรือและในการบินในบริเวณทะเลจีนใต้ เจ้าหน้าที่อาวุโสผู้หนึ่งของกระทรวงนี้ระบุในวันพุธ (13 พ.ค.) ทางด้านเอกอัครราชทูตจีนประจำสหรัฐฯตอบโต้ว่า อเมริกาต่างหากที่แทรกแซงสถานการณ์ในทะเลจีนใต้ แถมมี “สองมาตรฐาน” วิจารณ์จีน แต่กลับปล่อยให้พันธมิตรของตัวเองสร้างเกาะเทียมเช่นเดียวกัน

    เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ผู้หนึ่งกล่าวยืนยันกับสำนักข่าวรอยเตอร์ในวันอังคาร (12) ว่า แอช คาร์เตอร์ รัฐมนตรีกลาโหม กำลังพิจารณาทางเลือกต่างๆ ที่อาจดำเนินการ โดยทางเลือกหนึ่งก็คือการจัดส่งเครื่องบินและเรือทางทหาร เข้าไปตรวจการณ์ล่วงล้ำบริเวณ 12 ไมล์ทะเลรอบๆ เกาะเทียมต่างๆ ซึ่งจีนถมที่ถมทะเลสร้างขึ้นมาในทะเลจีนใต้ เพื่อเป็นการยืนยันถึงเสรีภาพในการเดินเรือและในการบิน ในย่านน่านน้ำสำคัญแห่งนี้

    วันถัดมา (13) กระทรวงต่างประเทศจีนตอบโต้อย่างแข็งกร้าวว่า ปักกิ่งกังวลมากและต้องการความชัดเจนจากวอชิงตัน

    ทางด้านเดวิด เชียร์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ แถลงต่อวุฒิสภาในวันพุธว่า อเมริกามีสิทธิ์ในการใช้น่านน้ำบริเวณที่จีนอ้างสิทธิ์ตามอำเภอใจฝ่ายเดียว และว่า อเมริกากำลังประเมินผลกระทบทางการทหารจากการถมทะเลของจีน รวมทั้งยึดมั่นที่จะดำเนินมาตรการที่มีประสิทธิภาพและเหมาะควร

    ด้าน ชุ่ย เทียนข่าย เอกอัครราชทูตจีนประจำสหรัฐฯ ออกมาตอบโต้ในวันเดียวกันด้วยการให้สัมภาษณ์สื่อจีนในสหรัฐฯ โดยเตือนไม่ให้วอชิงตันแทรกแซงข้อพิพาทในทะเลจีนใต้ พร้อมประณามว่า อเมริกา "สองมาตรฐาน" ที่มาวิพากษ์วิจารณ์ปักกิ่ง

    ในวันพฤหัสบดี (14) สำนักข่าวซินหวาของทางการจีนรายงานโดยอ้างอิงคำพูดของ ชุ่ย ซึ่งระบุว่า ช่วง 2-3 ปีมานี้ อเมริกาเป็นฝ่ายแทรกแซงสถานการณ์ในทะเลจีนใต้อย่างครึกโครม และตั้งข้อสังเกตว่า หลายประเทศได้เริ่มถมทะเลตามแนวปะการังที่เป็นของจีน แต่วอชิงตันกลับเพิกเฉยไม่ได้ต่อว่าอะไร

    เกี่ยวกับเรื่องที่เพนตากอนมีแผนส่งเรือและเครื่องบินทางทหารไปตรวจการณ์ในทะเลจีนใต้นั้น ชุ่ยย้ำว่า ปัญหาหลายอย่างในโลกไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยการแสดงอำนาจบาตรใหญ่ และแนวคิด “สงครามเย็น” ที่เน้นการใช้กำลัง ก็ล้าสมัยไปแล้ว

    อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่อาวุโสของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯคนที่อ้างถึงข้างต้น บอกกับรอยเตอร์ว่า “คำถามที่ว่ากองทัพเรืออเมริกันทำหรือไม่ทำอะไรนั้น เป็นหนึ่งในคำถามที่จีนมีอิสระที่จะซักไซ้ไล่เลียง” ต่อ เคร์รี เมื่อรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯผู้นี้เดินทางเยือนปักกิ่งช่วงสุดสัปดาห์นี้ ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อเตรียมการสำหรับการหารือประจำปีว่าด้วยยุทธศาสตร์และเศรษฐกิจสหรัฐฯ-จีนในเดือนหน้าที่วอชิงตัน รวมทั้งการเดินทางไปเยือนวอชิงตันของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ที่คาดว่า จะเกิดขึ้นในเดือนกันยายน

    หวา ชุนอิง โฆษกหญิงของกระทรวงการต่างประเทศจีน ได้แถลงที่กรุงปักกิ่งในวันพุธว่า เสรีภาพในการเดินเรือและการบิน ไม่ได้หมายความว่า ประเทศใดประเทศหนึ่งสามารถส่งเรือและเครื่องบินทางทหารรุกล้ำน่านน้ำและน่านฟ้าของประเทศอื่นได้

    เจ้าหน้าที่อาวุโสของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯผู้นี้ ได้กล่าวในเชิงเป็นการตอบโต้ว่า สหรัฐฯไม่ยอมรับแนวความคิดที่ว่า การสร้างเกาะเทียมขึ้นบนแนวปะการัง จะทำให้จีนมีสิทธิ์ใดๆ เหนือดินแดนเหล่านั้น

    เจ้าหน้าที่คนเดิมสำทับว่า เคร์รีจะย้ำกับจีนถึงผลลบที่มีต่อภาพลักษณ์และความสัมพันธ์ของจีนกับเพื่อนบ้าน รวมถึงกับอเมริกา จากการถมทะเลและพฤติกรรมโดยทั่วไปในทะเลจีนใต้ของปักกิ่งเอง

    ทั้งนี้ จีนอ้างอธิปไตยเหนือทะเลจีนใต้เกือบทั้งหมด ซึ่งเป็นเส้นทางขนส่งสินค้ามูลค่า 5 ล้านล้านดอลลาร์ต่อปี ทำให้มีข้อพิพาทกับฟิลิปปินส์ เวียดนาม มาเลเซีย ไต้หวัน และบรูไน ที่ต่างอ้างสิทธิ์ทับซ้อนในบริเวณนี้เช่นเดียวกัน

    เดือนที่ผ่านมา พลเรือเอกซามูเอล ล็อกเลียร์ ผู้บัญชาการทหารสหรัฐฯภาคพื้นเอเชีย-แปซิฟิก กล่าวว่า จีนอาจติดตั้งระบบเรดาร์และขีปนาวุธบนเกาะเทียมเหล่านี้ที่สร้างขึ้นในหมู่เกาะสแปรตลีย์ เพื่อใช้ในการบังคับประกาศเขตแสดงตนเพื่อการป้องกันภัยทางอากาศ (ADIZ) ในทะเลจีนใต้ในที่สุด

    ในปี 2011 ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ได้ประกาศยุทธศาสตร์หวนกลับมาปักหมุดในเอเชีย เพื่อตอบโต้อิทธิพลและอำนาจที่เพิ่มขึ้นของพญามังกร ทว่า มีเสียงวิจารณ์มากขึ้นเรื่อยๆ เกี่ยวกับความมุ่งมั่นของประมุขทำเนียบขาวต่อนโยบายนี้ เนื่องจากอเมริกากำลังถูกเบี่ยงเบนความสนใจจากวิกฤตการณ์ต่างๆ ทั่วโลก มิหนำซ้ำยังมีทรัพยากรจำกัดจำเขี่ย

    ข่าวการคิดใช้ท่าทีขึงขังของเพนตากอนคราวนี้ มีขึ้นขณะที่เสาหลักทางเศรษฐกิจของนโยบายปักหมุดเอเชีย กำลังเจอตอต้นใหญ่จากน้ำมือของพรรคเดโมแครตของโอบามาเองในวุฒิสภา โดยวุฒิสมาชิกเดโมแครตได้ออกเสียงขัดขวางในวันอังคาร (12) ที่ผ่านมา ทำให้สภาสูงของสหรัฐฯไม่สามารถลงมติผ่านร่างกฎหมายให้อำนาจ “ฟาสต์แทร็ค” แก่โอบามา ในการเร่งรัดการเจรจาจัดทำความตกลงหุ้นส่วนยุทธศาสตร์เศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก (TPP)

    ความล้มเหลวในการทำข้อตกลงดังกล่าวจะสร้างความเสียหายต่อฐานะความเป็นผู้นำของอเมริกาในเอเชีย โดยเฉพาะอย่างยิ่งขณะที่จีนมีความคืบหน้าสำคัญในการก่อตั้งและชักชวนชาติต่างๆ ทั่วโลก ไม่เว้นแม้แต่พันธมิตรใกล้ชิดที่สุดของอเมริกา เข้าร่วมในธนาคารเพื่อการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานแห่งเอเชีย (AIIB) ซึ่งถือเป็นการคุกคามโดยตรงต่อบทบาทความเป็นผู้นำระบบการเงินโลกของสหรัฐฯ

    http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000055183
     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,631
    ค่าพลัง:
    +97,150
    กรีซวอนอีซีบีเลื่อนชำระคืนพันธบัตร เล็งกู้คนอื่นมาใช้หนี้
    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 14 พฤษภาคม 2558 18:28 น.

    [​IMG]

    เอเอฟพี - รัฐมนตรีคลังของกรีซระบุในวันพฤหัสบดี (14 พ.ค.) ว่ารัฐบาลของเขานั้นอยากให้ธนาคารกลางยุโรปยอมเลื่อนกำหนดการจ่ายเงินบางส่วนของพันธบัตรกรีซที่อีซีบีถือไว้ 27 พันล้านยูโร มิฉะนั้นพวกเขาคงไม่สามารถชำระเงินคืนแก่เจ้าหนี้ได้

    ยานิส วารูฟาคิส บอกในการแถลงข่าวว่า เรื่องนี้เรียบง่ายเข้าใจได้ไม่ยาก นั่นคือกำหนดไถ่ถอนพันธบัตรเหล่านั้นจะต้องถูกขยายเวลาออกไปอีก นี่เป็นเรื่องที่ชัดเจนต่อธนาคารกลางยุโรป

    วารูฟาคิส บอกว่า พันธบัตรเหล่านี้ถูกซื้อไปโดยธนาคารกลางยุโรปในปี 2010 และ 2011 เขายังได้บอกอีกว่า ในเดือนกรกฎาคมและสิงหาคมนี้ กรีซมีกำหนดที่จะต้องชำระเงินคืนประมาณ 6 พันล้านยูโรให้แก่ธนาคารกลางยุโรป จากพันธบัตรชุดเดียวกัน

    "กระทรวงการคลังของกรีซจะต้องหาหนทางหยิบยืมเงินจำนวนนั้นมาจากคนอื่น เพื่อนำมาชำระคืนให้แก่พวกเขา" เขากล่าว

    วารูฟาคิส ได้เตือนว่า ประเทศของเขานั้นกำลังพบความเสี่ยงที่จะขาดสภาพคล่องภายใน 2 สัปดาห์ หากไม่สามารถบรรลุข้อตกลงกับบรรดาเจ้าหนี้ เพื่อปลดล็อคตามเงื่อนไขที่จะได้รับเงินช่วยเหลืองวดสุดท้าย

    รัฐบาลกรีซกับบรรดาเจ้าหนี้อย่างอียูและไอเอ็มเอฟ ต้องอับจนหนทางมาเป็นเวลานานนับ 4 เดือน เกี่ยวกับเรื่องการปฏิรูปเศรษฐกิจกรีซ เพื่อให้ได้รับเงินช่วยเหลืองวดสุดท้ายจำนวน 7.2 พันล้านยูโร ซึ่งสถานการณ์นี้ได้ก่อให้เกิดความกังวลว่ากรีซจะขาดสภาพคล่องอย่างหนัก จนต้องลงเอยด้วยการไม่ชำระหนี้ แล้วก็ออกจากกลุ่มยูโรโซนในที่สุด

    สื่อกรีซที่สนับสนุนรัฐบาลได้รายงานข่าวในวันพฤหัสบดีว่า กรีซยังคงหวังที่จะหาทางรักษาข้อตกลงเอาให้ได้ ก่อนถึงวันที่ 6 มิถุนายน ซึ่งเป็นกำหนดวันชำระเงิน 302.5 ล้านยูโรคือให้แก่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) นอกจากนี้กรีซยังเตรียมที่จะประชุมรัฐมนตรีคลังของประเทศกลุ่มยูโรโซนในวันที่ 25 พฤษภาคมนี้ เพื่อให้มีการอนุมัติข้อตกลงต่างๆ

    http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000055110
     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,631
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ครม.ญี่ปุ่นอนุมัติร่างกม.ขยายบทบาท "กองทัพ" เปิดทางส่งกำลังไปรบต่างแดน
    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 14 พฤษภาคม 2558 15:36 น.

    [​IMG]

    เอเจนซีส์/ASTVผู้จัดการออนไลน์ – คณะรัฐมนตรีญี่ปุ่นมีมติรับรองชุดกฎหมายซึ่งจะเปิดทางขยายบทบาทและขอบเขตกิจกรรมทางทหารของแดนปลาดิบในวันนี้ (14 พ.ค.) ซึ่งถือเป็นความพยายามของนายกรัฐมนตรี ชินโซ อาเบะ ที่จะปรับสถานะของญี่ปุ่นให้ก้าวขึ้นมาบทบาทด้านความมั่นคงในภูมิภาคมากยิ่งขึ้น

    ร่างกฎหมายซึ่งจะถูกเสนอต่อรัฐสภาญี่ปุ่นในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าเป็นผลพวงจากมติของคณะรัฐมนตรีเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งเห็นควรให้ญี่ปุ่นขยายบทบาทกองกำลังป้องกันตนเอง ซึ่งมีพร้อมทั้งอาวุธยุทโธปกรณ์และบุคลากรที่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างดี

    การปฏิรูปกฎหมายครั้งนี้จะเปิดช่องให้โตเกียวสามารถส่งกองกำลังไปช่วยป้องกันชาติพันธมิตรในต่างแดน หรือที่เรียกว่า “การป้องกันร่วม” (collective defense) ซึ่งก่อนหน้านี้ญี่ปุ่นไม่อาจทำได้ เนื่องจากขัดต่อรัฐธรรมนูญฉบับใฝ่สันติที่ใช้มาตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่ 2

    “การรักษาสันติภาพและปกป้องชีวิตพลเรือน คือหน้าที่สำคัญที่สุดของรัฐบาลประเทศนั้นๆ” โยชิฮิเดะ สุกะ เลขาธิการคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่น ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชน

    “สถานการณ์ความมั่นคงรอบประเทศเราในเวลานี้อยู่ในภาวะตึงเครียด ดังนั้นเราจึงจำเป็นต้องกระชับความร่วมมือระหว่างญี่ปุ่นกับสหรัฐฯให้เข้มแข็งขึ้นกว่าเก่า อีกทั้งยกระดับความเชื่อมั่นและความร่วมมือกับประเทศหุ้นส่วนอื่นๆ ในภูมิภาคด้วย”

    “เราจำเป็นที่จะต้องพร้อมรับทุกสถานการณ์ วัตถุประสงค์ของชุดกฎหมายนี้ก็เพื่อการป้องกันประเทศ และหลีกเลี่ยงความขัดแย้ง”

    สหรัฐฯ ซึ่งเข้าไปยึดครองและร่างรัฐธรรมนูญฉบับใฝ่สันติให้แก่ญี่ปุ่นที่พ่ายแพ้สงครามโลกครั้งที่ 2 มีท่าทีสนับสนุนให้โตเกียวขยายบทบาททางทหารภายใต้กรอบความร่วมมือด้านความมั่นคงระหว่างทั้ง 2 ชาติ แต่พลเมืองญี่ปุ่นเองกลับรู้สึกลังเลและหวั่นวิตกเมื่อรัฐบาลจะกำหนดนโยบายที่ผิดจากกรอบรัฐธรรมนูญสันติภาพ และเห็นว่าการใช้กำลังทางทหารควรเป็นไปเพื่อปกป้องอธิปไตยของญี่ปุ่นเพียงเท่านั้น

    ผู้ที่คัดค้านเตือนว่า หากรัฐบาลออกกฎหมายที่บั่นทอนมาตรา 9 ของรัฐธรรมนูญซึ่งห้ามพฤติการณ์แห่งสงครามโดยรัฐเสียแล้ว โตเกียวอาจถูกอเมริกาดึงเข้าไปพัวพันสงครามในตะวันออกกลาง ซึ่งเรื่องนี้ฝ่ายที่ผลักดันกฎหมายชี้ว่าเป็นการคาดเดาเกินเหตุ

    เรื่องนี้ยังทำให้ อาเบะ ถูกจีนกล่าวหาว่าต้องการฟื้นลัทธิทหารนิยม และทำให้ญี่ปุ่นกลับไปเป็นชาติกระหายสงครามเหมือนในคริสต์ศตวรรษที่ 20 ซึ่ง อาเบะ และฝ่ายสนับสนุนกฎหมายใหม่ก็ยืนยันว่าไม่จริงอีกเช่นกัน

    รัฐบาลอาเบะมีแผนยกเครื่องกฎหมายความมั่นคง 10 ฉบับ เพื่อสร้างเป็นกฎหมายใหม่ฉบับเดียวที่อนุญาตให้โตเกียวส่งกองกำลังป้องกันตนเองไปปฏิบัติภารกิจต่างแดนที่มิใช่การสู้รบแนวหน้า (non-combat assignments) เช่น การบรรเทาทุกข์หลังเกิดภัยพิบัติ และภารกิจรักษาสันติภาพ เป็นต้น และยังยกเลิกข้อจำกัดทางภูมิศาสตร์ในการสนับสนุนกองกำลังสหรัฐฯ หรือชาติพันธมิตร ซึ่งแต่เดิมจะถูกตีกรอบไว้เฉพาะบริเวณคาบสมุทรเกาหลี

    กฎหมายใหม่ยังเปิดทางให้ญี่ปุ่นสามารถส่งกองกำลังไปปกป้องชาติพันธมิตร “ในสถานการณ์ที่คุกคามการดำรงอยู่ของญี่ปุ่นอย่างเห็นได้ชัด และอาจทำให้สิทธิพลเมืองญี่ปุ่นถูกล่วงละเมิด หากว่าประเทศที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับญี่ปุ่นถูกโจมตี”

    สถานีโทรทัศน์เอ็นเอชเค รายงานว่า ชุดกฎหมายนี้ได้รับไฟเขียวอย่างเป็นทางการจากพรรคเสรีประชาธิปไตย (แอลดีพี) ของ อาเบะ และพรรคโกเมอิโตะซึ่งเป็นพรรคร่วมรัฐบาลฝ่ายขวา ก่อนที่การประชุมคณะรัฐมนตรีจะเริ่มขึ้นในวันนี้ (14 )

    ผลสำรวจโดยเอ็นเอชเคในสัปดาห์นี้พบว่า ชาวญี่ปุ่นร้อยละ 49 ยังมีความเข้าใจเกี่ยวกับการแก้ไขกฎหมายความมั่นคงน้อยมาก หรือไม่เข้าใจเลย ขณะที่ร้อยละ 50 ไม่เห็นด้วยที่ญี่ปุ่นจะขยายบทบาททางทหารตามแนวทางปฏิบัติใหม่ที่ตกลงกับวอชิงตัน

     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,631
    ค่าพลัง:
    +97,150
    รอดูอาทิตย์หน้ากันครับ น่าสนใจครับ

    ซับน้ำตา “อารีพงศ์” นั่ง ปธ.บอร์ดบินไทย หลังเด้งพ้นปลัดพลังงาน เหตุปีนเกลียว “ณรงค์ชัย”โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 12 พฤษภาคม 2558 15:43 น. (แก้ไขล่าสุด 12 พฤษภาคม 2558 16:05 น.)

    [​IMG]
    นายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม

    ซับน้ำตา “อารีพงศ์” นั่ง ปธ.บอร์ดบินไทย หลังเด้งพ้นปลัดพลังงาน เหตุปีนเกลียว “ณรงค์ชัย”
    นายณรงค์ชัย อัครเศรณี



    ซับน้ำตา “อารีพงศ์” นั่งประธานบอร์ดการบินไทย ควบเลขาฯ ก.พ.ร หลัง ครม.เด้งพ้นปลัดพลังงาน เหตุปีนเกลียว “ณรงค์ชัย” แต่อ้างเหตุถนัดการเงินมากกว่า เผย “คุรุจิต” รอเสียบ ครม.สัปดาห์หน้า

    วันนี้ (12 พ.ค.) ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีและปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติโยกย้ายนายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ปลัดกระทรวงพลังงาน กลับไปดำรงตำแหน่งเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.)

    มีรายงานว่า กระทรวงพลังงานจะแต่งตั้งนายคุรุจิต นาครทรรพ รองปลัดกระทรวงพลังงาน ดำรงตำแทนนายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ภายในการประชุม ครม.ครั้งหน้า เนื่องจากระยะก่อนหน้านี้มีกระแสข่าวมาอย่างต่อเนื่องว่านายอารีพงศ์ทำงานในตำแหน่งปลัดกระทรวงพลังงานไม่ค่อยถนัด

    “นายอารีพงศ์ถนัดทำงานด้านการเงินมากกว่า ขณะที่นายคุรุจิตซึ่งเป็นลูกหม้อของกระทรวงพลังงานมาก่อน”

    มีรายงานด้วยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ได้แต่งตั้งนายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ดำรงตำแหน่งประธานกรรมการบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) อีก 1 ตำแหน่ง โดยจะมีการเสนอ ครม.สัปดาห์หน้าเช่นกัน

    สำหรับนายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม พ้นตำแหน่งเลขาธิการสำนักงานพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) มาดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงพลังงาน ในช่วง คสช.บริหารประเทศ เคยดำรงตำแหน่งเป็นปลัดกระทรวงคลังในรัฐบาลยิ่งลักษณ์ แต่มีกระแสข่าวออกมาว่านายอารีพงศ์ทำงานไม่ตอบสนองนโยบายของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ในช่วงที่นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง เป็น รมว.คลัง โดยเฉพาะในกรณีการปิดบัญชีข้าว เพราะรัฐบาลยิ่งลักษณ์ต้องการปั่นยอดน้อยลง

    สำหรับนายอารีพงศ์ถือว่ามีความคุ้นเคยกับ พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รมว.คมนาคม เพราะเคยนั่งเป็นบอร์ดการบินไทยมาด้วยกัน ฝีมือการทำงานของนายอารีพงศ์จึงอยู่ในสายตาของ พล.อ.อ.ประจินตลอด

    มีรายงานด้วยว่า เมื่อช่วงการโยกย้ายในเดือนกันยายน 57 นายณรงค์ชัย อัครเศรณี รมว.พลังงาน ได้ยื่นเสนอรายชื่อโยกย้ายข้าราชการกระทรวงพลังงานระดับซี 10 ต่อ ครม.พิจารณา โดยเฉพาะตำแหน่งของนายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ปลัดกระทรวงพลังงาน ด้วยว่าอาจจะโยกย้ายในรอบนั้นหรือในอนาคตด้วย เนื่องจาก คสช.ได้มอบหมายให้นายอารีพงศ์เข้ามาดูแลงานกระทรวงพลังงานในช่วงที่ยังไม่มี ครม. และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานเกิดขึ้น

    ดังนั้น เมื่อมีการจัดตั้งรัฐบาลขึ้นในครั้งนั้น และนายณรงค์ชัยเข้ามาดำรงตำแหน่ง รมว.พลังงาน จึงทำให้มีบทบาทเชิงลึกซ้ำซ้อนกับนายอารีพงศ์ ประกอบกับทั้งสองคนยังมีความเชี่ยวชาญด้านเศรษฐศาสตร์เหมือนกัน และก่อนหน้านี้มีกระแสข่าวมาโดยตลอดว่า นายอารีพงศ์ไม่ถนัดงานด้านพลังงานมากนักและต้องการกลับไปดูแลงานด้านการคลังเช่นเดิม

     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,631
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ลองฟังกระทู้นี้น่ะครับ และเลิกเชื่อคำทำนายที่เคยได้ยินมาเถอะครับ

    <iframe width="640" height="360" src="https://www.youtube.com/embed/zfNx4Vxnphc?feature=player_detailpage" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

    https://www.youtube.com/watch?feature=player_detailpage&v=zfNx4Vxnphc
     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,631
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Mahanthanut Vithitdhiranun ได้แชร์รูปภาพของ CCTVNews

    14/05/15
    >ทำไมจึงไหวที่เนปาลซ้ำอีกครั้ง

    [​IMG]

    เหตุผลที่เนปาลเสี่ยงต่อการเกิดแผ่นดินไหว?
    Why is Nepal vulnerable to earthquakes?

    ตามที่หน่วยงานสำรวจทางธรณีวิทยาสหรัฐฯ, เนปาล ได้เกิดแผ่นดินไหวในวันที่ 25 เมษายน เป็นผลมาจากการแตกออก หรือใกล้กับแรงผลักดันจากผิวหน้าระหว่างแผ่นเปลือกโลกอินเดียที่ดันแผ่นเปลือโลกยูเรเซี่ยนไปทางทิศเหนือ
    According to U.S. Geological Survey, Nepal’s April 25 earthquake came as the result of a rupture on or near the main thrust interface between the Indian plate and the overriding Eurasian plate to the north.

    ขณะที่ทั้งสองแผ่นเบนเข้าหากัน แรงเสียดทานจะขับดันขึ้นตามแนวเทือกเขาหิมาลัย
    As the two plates converge, friction is driving an uplift along the Himalayan mountain range.

    พื้นที่นี้ยังคงรักษาอัตราสูงที่สุดในการเกิดแผ่นดินไหวในภูมิภาคเทือกเขาหิมาลัยและทำให้เกิดผลลัพธ์ในการบันทึกถึงการเกิดแผ่นดินไหวใหญ่ที่สุด
    he area maintains the highest rates of seismicity in the Himalayan region and results in some of the largest earthquakes on record.

    การนอนของภูมิภาคนี้อยู่ระหว่างแผ่นเปลือกโลกอินเดียและยูเรเซี่ยนมีประวัติของการเกิดแผ่นดินไหวขนาดใหญ่ ในศตวรรษที่ผ่านมามีอย่างน้อยเกิดแผ่นดินไหวขนาด M6 5 ครั้ง หรือแผ่นดินไหวที่มีความรุนแรงมากกว่าภายในรัศมีน 250km เมื่อวันที่ 25 เมษายน
    The regions lying between the Indian and Eurasian plates have a history of large earthquakes. In the past century there have been at least five M6 or greater earthquakes within a 250km radius of the April 25 quake.
     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,631
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ปอกเปลือก ทรราช
    รัสเซียเชิญกรีซเข้าร่วม BRICS bank

    [​IMG]

    ------------
    สหรัฐฯเปิดศึกชิงกรีซกับรัสเซีย นี่เป็นอีกหนึ่งสนามรบทางเศรษฐกิจที่น่าจับตาเช่นกัน สาเหตุก็เนื่องมาจากเรื่องโครงการท่อแก๊สสาย Turkish Stream ของรัสเซียที่กำลังก่อสร้างและเดินผ่านตุรกีไปยังกรีซเพื่อกระจายแก๊สจากรัสเซียเข้าสู่ยุโรปตะวันตก ตามที่เคยเล่าให้ฟังมาแล้วหลายครั้ง ซึ่งเมื่อเร็วๆนี้ทางสหรัฐฯรู้สึกอิจฉารัสเซีย จึงพยายามกดดันกรีซไม่ให้ร่วมมือกับโครงการนี้ของรัสเซีย โดยเสนอท่อแก๊สของตนจากอาเซอร์ไบจานแทน ทั้งๆที่กรีซกับรัสเซียได้ลงนามเซ็นสัญญากันเรียบร้อยแล้ว และรัสเซียก็ลงมือก่อสร้างในโครงการวางแนวท่อแก๊สสาย Turkish Stream แล้วด้วย นี่แหละหนึ่งในที่มาของศึกชิงกรีซ
    มีหรือที่รัสเซียจะยอมให้สหรัฐฯมาชักใบให้เรือเสียง่ายๆ หลังจากที่รัสเซียได้ยื่นข้อเสนอในการให้ความช่วยเหลือด้านการเงินทางอ้อมผ่านหลายโครงการให้แก่กรีซแบบยั่วน้ำลายที่ไม่อาจปฏิเสธได้เพื่อให้กรีซรอดพ้นจากวิกฤตภาวะหนี้สินซึ่งกำลังจะทำให้ประเทศของตัวเองเข้าสู่ภาวะล้มละลาย ล่าสุดเมื่อวันที่ 12 พ.ค.58 ที่ผ่านมาสำนักข่าว RT ของรัสเซียรายงานว่า รัสเซียเชิญกรีซเข้าร่วมในธนาคาร NDB (New Development Bank) ซึ่งเป็นชื่อใหม่ของธนาคาร BRICS ที่มีสมาชิก 5 ประเทศด้วยกันคือ Brazil Russia India China และ South Africa (ตั้งตามชื่ออักษรนำของแต่ละประเทศ)
    ธนาคารเพื่อความร่วมมือด้านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่แห่งใหม่นี้มีการลงทุนร่วมกันระหว่างประเทศสมาชิกถึง $100 billion (หนึ่งแสนล้านเหรียญสหรัฐฯ) ซึ่งเท่ากันกับธนาคาร AIIB ทั้งสองธนาคารนี้จีนเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ ตั้งขึ้นมาเพื่อแข่งกับ IMF และ World Bank ที่อยู่ภายใต้อิทธิของสหรัฐฯ และเป็นทางเลือกในการปล่อยเงินกู้ให้กับกลุ่มประเทศสมาชิกต่างๆ
    ในวันเดียวกันนี้ทางนาย Alexis Tsipras นายกรัฐมนตรีของกรีซกล่าวขอบคุณทางรัสเซียและมีแผนจะเข้าร่วมการสัมมนาทางเศรษฐกิจที่กรุงเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก (St. Petersburg Economic Forum) ประเทศรัสเซีย ร่วมกับสมาชิกของกลุ่ม BRICS ระหว่างวันที่ 18-20 มิถุนายน นี้ด้วย
    ทางรัฐสภาของกรีซบอกว่ามีความรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งต่อกรณีที่รัสเซียเชิญกรีซเข้าร่วมในธนาคารแห่งใหม่กับกลุ่ม BRICS โดยแหล่งข่าวจากภายในรัฐสภาของกรีซกล่าวว่า "พวกเรา (กรีซ) เป็นสมาชิกของสหภาพยุโรปและเป็นสมาชิกของยูโรโซน แต่ในขณะเดียวกันพวกเราก็ตระหนักดีว่ายังมีมหาอำนาจอื่นๆในโลกนี้ และเราจะตัดสินใจโดยยึดผลประโยชน์ของชาติเป็นหลัก..."
    นี่กรีซส่งสัญญาณไปถึงอียูกับสหรัฐฯเห็นๆเลยนะนี่ ปูตินมามุกนี้เล่นเอาสหรัฐฯรับมือไม่ทันจริงๆ แล้วสหรัฐฯจะแก้เกมนี้อย่างไร? ติดตามได้ในโพสต์ต่อไปนะครับผม...
    The Eyes
    15/05/2558
    -----------
    http://rt.com/busine…/257701-greece-russia-brics-invitation/
    Greek PM to Discuss Russian Proposal to Join BRICS Bank in St. Petersburg / Sputnik International
    Greece 'Pleasantly Surprised' by Russia’s Invitation to Join BRICS Bank / Sputnik International
    Russia Invites Greece to Be Sixth Member of BRICS New Development Bank / Sputnik International
     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,631
    ค่าพลัง:
    +97,150
    (คลิป) 'ปูมดแดง' นับล้านตัวโผล่เต็มหาด | เดลินิวส์
    „สถานีเดลินิวส์ (คลิป) 'ปูมดแดง' นับล้านตัวโผล่เต็มหาด ปูมดแดงนับล้านตัวเดินเต็มหาดในจังหวัดกระบี่ ประมงอำเภอระบุเป็นการออกมาหากินตามปกติ วอนอย่าตื่นตระหนก. วันศุกร์ที่ 15 พฤษภาคม 2558 เวลา 16:00 น.“

    <iframe width="854" height="510" src="https://www.youtube.com/embed/wVXP8iqd1uk" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

    https://youtu.be/wVXP8iqd1uk

    (คลิป) 'ปูมดแดง' นับล้านตัวโผล่เต็มหาด | เดลินิวส์
     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,631
    ค่าพลัง:
    +97,150
    กรุงเทพธุรกิจ
    ด่วน! "ประยุทธ์" ใช้ม.44 สั่งพักงาน "บิ๊กขรก." หลายกระทรวง และ "นายกเทศฯ-นายกอบต." เหตุพันทุจริตด้วย รวม45ราย

    ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่( 15พ.ค.) คําสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๑๖/๒๕๕๘ เรื่อง มาตรการแก้ปัญหาเจ้าหน้าที่ของรัฐที่อยู่ระหว่างการถูกตรวจสอบและการกําหนดกรอบอัตรากําลังชั่วคราว

    โดยที่เจ้าหน้าที่ของรัฐในส่วนราชการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานอื่น ๆ ของรัฐหลายรายอยู่ระหว่างการถูกตรวจสอบของ สํานักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ สํานักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ และสํานักงานการตรวจเงินแผ่นดิน มูลกรณีเป็นเรื่องกล่าวหาว่าเกี่ยวข้องกับการทุจริตหรือประพฤติมิชอบ ทําให้เสียหายแก่ทางราชการหรือทําให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อน แม้ผลการตรวจสอบยังไม่อาจสรุปความผิดได้ชัดเจนถึงขั้นชี้มูลความผิดแต่บางเรื่องมีการกระทําเป็นขบวนการ การตรวจสอบ จึงใช้เวลานานและบางเรื่องไม่ได้รับความร่วมมือจากผู้เกี่ยวข้องเท่าที่ควรดังที่หน่วยงานตรวจสอบดังกล่าวได้แจ้งให้คณะรักษาความสงบแห่งชาติและรัฐบาลทราบมาเป็นลําดับ

    อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๔๔ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ เห็นควรกําหนดมาตรการแก้ปัญหาเจ้าหน้าที่ของรัฐที่อยู่ระหว่างการถูกตรวจสอบดังกล่าวและกําหนดกรอบอัตรากําลังชั่วคราวเพื่อรองรับมาตรการเช่นว่านั้นอีกทั้งเพื่อประโยชน์ในการหมุนเวียนบุคลากรสําหรับการขับเคลื่อนการปฏิรูปและเร่งรัดติดตามการดําเนินการตามนโยบายสําคัญของคณะรักษาความสงบแห่งชาติและของรัฐบาลเพื่อประโยชน์ในการปฏิรูปราชการแผ่นดิน จึงมีคําสั่งดังต่อไปนี้

    ข้อ ๑ ให้มีกรอบอัตรากําลังชั่วคราวเป็นกรณีพิเศษในสํานักนายกรัฐมนตรีจํานวนหนึ่งร้อยอัตราเพื่อรองรับการบรรจุและแต่งตั้งบุคคลตามข้อ ๒ และตามบัญชีรายชื่อเพิ่มเติมในข้อ ๕ หรือบุคคลตามวรรคสามของข้อนี้ที่คณะรัฐมนตรี หรือผู้บังคับบัญชาผู้มีอํานาจบรรจุและแต่งตั้งแล้วแต่กรณีเห็นสมควรให้ขาดจากตําแหน่งหน้าที่และอัตราเงินเดือนเดิมเพื่อย้ายหรือโอนไปแต่งตั้งให้ดํารงตําแหน่งที่เป็นอัตรากําลังชั่วคราวดังกล่าว
    การย้ายหรือโอนบุคคลไปแต่งตั้งให้ดํารงตําแหน่งที่เป็นอัตรากําลังชั่วคราวตามวรรคหนึ่งให้ดําเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการพลเรือน ในกรณีนี้ให้สํานักงานปลัดสํานักนายกรัฐมนตรี และสํานักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน ร่วมกันกําหนดชื่อตําแหน่งหน้าที่ความรับผิดชอบ และสิทธิประโยชน์ของบุคคลดังกล่าวโดยอนุโลมตามกฎหมายและระเบียบของทางราชการ คณะรัฐมนตรีอาจให้ความเห็นชอบให้แต่งตั้งผู้ซึ่งมิได้อยู่ระหว่างการถูกตรวจสอบ มิได้มีความผิดและมีความรู้ความสามารถในการปฏิบัติราชการให้ไปดํารงตําแหน่งที่เป็นอัตรากําลังชั่วคราวตามวรรคหนึ่งในตําแหน่งผู้ตรวจราชการพิเศษหรือผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษประจําสํานักนายกรัฐมนตรีซึ่งมีฐานะและสิทธิประโยชน์เทียบเท่าตําแหน่งเดิม มีหน้าที่รับผิดชอบการปฏิรูปราชการแผ่นดินตามที่
    นายกรัฐมนตรีมอบหมายก็ได้


    ในกรณีที่ปรากฏว่าผู้ดํารงตําแหน่งที่เป็นอัตรากําลังชั่วคราวไม่มีเหตุ ถูกตรวจสอบหรือไม่จําเป็นต้องดํารงตําแหน่งที่เป็นอัตรากําลังชั่วคราวต่อไปและผู้นั้นยังไม่ออกจากราชการ ให้นายกรัฐมนตรีดําเนินการเพื่อแต่งตั้งผู้นั้นไปดํารงตําแหน่งตามเดิมหรือตําแหน่งอื่นในประเภทเดียวกนและระดับเดียวกันให้สํานักงบประมาณจัดงบประมาณแก่สํานักนายกรัฐมนตรีเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายตามข้อนี้

    ข้อ ๒ ให้ผู้มีรายชื่อในกลุ่มที่ ๑ และกลุ่มที่ ๒ ตามบัญชีแนบท้ายคําสั่งนี้ระงับการปฏิบัติราชการในตําแหน่งเดิมเป็นการชั่วคราวและไปปฏิบัติราชการในตําแหน่งประจําสํานักงานปลัดกระทรวงในกระทรวงที่สังกัดโดยไม่ขาดจากอัตราเงินเดือนทางสังกัดเดิมและให้ปฏิบัติหน้าที่ตามที่รัฐมนตรีเจ้าสังกัดมอบหมาย ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีจะมีคําสั่งให้ผู้นั้นไปปฏิบัติหน้าที่ในส่วนราชการหรือหน่วยงานอื่นของรัฐเป็นการชั่วคราวก็ได้ นายกรัฐมนตรีอาจมีคําสั่งเปลี่ยนแปลงคําสั่งข้อนี้ได้ตามที่เห็นสมควร

    ข้อ ๓ ให้ผู้มีรายชื่อในกลุ่มที่ ๓ และกลุ่มที่ ๔ ตามบัญชีแนบท้ายคําสั่งนี้ระงับการปฏิบัติราชการในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ดํารงตําแหน่งอยู่เป็นการชั่วคราวโดยไม่ได้รับค่าตอบแทนจนกว่านายกรัฐมนตรีจะมีคําสั่งเป็นอย่างอื่น

    ข้อ ๔ ให้ผู้มีรายชื่อในกลุ่มที่ ๕ ตามบัญชีแนบท้ายคําสั่งนี้ไปช่วยราชการที่ศาลากลางจังหวัดที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นนั้นตั้งอยู่หรือสถานที่ราชการอื่นตามที่ผู้ว่าราชการจังหวัดกําหนดแต่ต้องมิใช่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ผู้นั้นปฏิบัติหน้าที่ โดยไม่ต้องมีคําร้องขอ และให้ผู้ว่าราชการจังหวัดหรือผู้ที่ผู้ว่าราชการจังหวัดมอบหมายเป็นผู้บังคับบัญชามีอํานาจมอบหมายให้ผู้นั้นปฏิบัติงานตามความเหมาะสมจนกว่านายกรัฐมนตรีจะมีคําสั่งเป็นอย่างอื่น ในกรณีนี้ มิให้บุคคลดังกล่าวได้รับเงินประจําตําแหน่งและสิทธิเบิกค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการชั่วคราว ตามระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการของเจ้าหน้าที่ท้องถิ่น พ.ศ. ๒๕๕๕ อันเนื่องจากการไปช่วยราชการตามคําสั่งนี้

    ข้อ ๕ หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ อาจประกาศบัญชีรายชื่อบุคคลเพิ่มเติมจากรายชื่อตามบัญชีแนบท้ายคําสั่งนี้ก็ได้ ในกรณีนี้ให้นําความในข้อ ๒ ขอ้ ๓ และข้อ ๔ มาใช้บังคับโดยอนุโลม

    ข้อ ๖ ในกรณีมีปัญหาเกี่ยวกับการปฏิบัติตามคําสั่งนี้ ให้สํานักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือนหรือกระทรวงมหาดไทยแล้วแต่กรณีเสนอปัญหาและแนวทางแก้ไขให้นายกรัฐมนตรีวินิจฉัยคําวินิจฉัยของนายกรัฐมนตรีให้เป็นที่สุด

    คําสั่งนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
    สั่ง ณ วันที่ ๑๕ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๕๘
    พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา
    หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ


    ...................

    บัญชีแนบท้ายคําสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
    ที่ ๑๖/๒๕๕๘
    ---------------------------------
    กลุ่มที่ ๑ ข้าราชการ (๒๔ ราย)
    ๑. กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา (๔ ราย)
    (๑) นายสุวัตร สิทธิหล่อ ปลัดกระทรวง
    (๒) ว่าที่ร้อยตรีอานุภาพ เกษรสุวรรณ์ อธิบดีกรมการท่องเที่ยว
    (๓) นายพัฒนา ชาติกฤติบวร อธิบดีกรมพลศึกษา
    (๔) นายนิวัตน์ลิ้มสุขนิรันดร์ รองอธิบดีกรมพลศึกษา

    ๒. กระทรวงการคลัง (๖ ราย)
    (๑) นายสาธิต รังคศิริ หัวหน้าผู้ตรวจราชการกระทรวง
    (๒) นายราฆพ ศรีศุภอรรถ ผู้ตรวจราชการกระทรวง
    (๓) นายป้อมเพชร วิทยารักษ์ ผู้เชี่ยวชาญประจําภาค ๗
    (๔) นายศุภกิจ ริยะการ สรรพากรพื้นที่นราธิวาส จังหวัดนราธิวาส
    (นายสิริพงษ์ รยะการธีโชติ)
    (๕) นายพายุสุขสดเขียว สรรพากรพื้นที่ปัตตานีจังหวัดปัตตานี
    (๖) นายมานิตย์พลรัตน์ สรรพากรอําเภอ สํานักงานสรรพากรพื้นที่สาขาเมืองตาก จังหวัดตาก

    ๓. กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (๒ ราย)
    (๑) นายปัญญา ศิลปะ เกษตรจังหวัดนครราชสีมา
    (๒) นายอุดร ชมาฤกษ์ เกษตรจังหวัดอุบลราชธานี
    ๔. กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (๑ ราย)
    (๑) นายบุญชอบ สุทธมนัสวงษ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวง

    ๕. กระทรวงมหาดไทย (๑๐ ราย)
    (๑) นายแก่นเพชร ช่วงรังษี รองปลัดกระทรวง
    (๒) นายกิตติภพ ตราชูวณิช ผู้ตรวจราชการกรมการปกครอง
    (๓) นายนพวัชร สิงห์ศักดา ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี
    (๔) นายเวชสุวรรณ อาจวิชัย หัวหน้าสํานักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จังหวัดมุกดาหาร
    (๕) นายนิรันดร์บุญสิงห์ หัวหน้าสํานักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จังหวัดสุรินทร์
    (๖) นายพรต ภูภักดิ์ นายอําเภอเชียงยืน จังหวัดมหาสารคาม
    (๗) นายภัลลพ พิลา นายอําเภอเมืองสระบุรีจังหวัดสระบุรี

    (๘) นายสมภพ ร่วมญาติ นายอําเภอโนนสะอาด จังหวัดอุดรธานี
    (๙) นายอรรณพ อกอุ่น นายอําเภอเมืองอุบลราชธานี จังหวัดอุบลราชธานี
    (๑๐) นายวีรชาติผ่องโชติ นายอําเภอตระการพืชผล จังหวัดอุบลราชธานี

    ๖. สํานักงานตํารวจแห่งชาติ (๑ ราย)
    (๑) พลตํารวจโท สุรพล ทวนทอง จเรตํารวจ

    กลุ่มที่ ๒ หน่วยงานอื่นของรัฐ (๑ ราย)
    (๑) นายประเสริฐ อภิปุญญา กรรมการติดตามและประเมนผลการปฏิบัติงานของ สํานักงาน กสทช.

    กลุ่มที่ ๓ นายกและรองนายกองค์การบริหารส่วนตําบล (จํานวน ๑๔ ราย)
    (๑) นายชาติ กันล้อม นายกองค์การบริหารส่วนตําบลท่าตําหนัก อําเภอนครชัยศรีจังหวัดนครปฐม
    (๒) นายเดชาวุธ เสนยะ นายกองค์การบริหารส่วนตําบลน้ําตก อําเภอนาน้อย จังหวัดน่าน
    (๓) นายสนธยา มีสถิตย์ นายกองค์การบริหารส่วนตําบลลําเลียง อําเภอกระบุรี จังหวัดระนอง
    (๔) นายมนตรี ถ้ำเล็บมือ นายกองค์การบริหารส่วนตําบลหนองเดิ่น อําเภอบุ่งคล้าจังหวัดบึงกาฬ
    (๕) นายสริภพ ภูนิสัย นายกองค์การบริหารส่วนตําบลทองเอน อําเภออินทร์บุรี จังหวัดสิงห์บุรี
    (๖) นายวรวุฒิ ยิ้มจันทร์ รองนายกองค์การบริหารส่วนตําบลทองเอน อําเภออินทร์บุรีจังหวัดสิงห์บุรี
    (๗) นายประทีป ยั่งยืน นายกองค์การบริหารส่วนตําบลบางเมือง อําเภอเมืองสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรปราการ
    (๘) นายภัทรพล จำปารัตน์ นายกองค์การบริหารส่วนตําบลบางแก้ว อําเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ
    (๙) นายทรงชัย นกขมิ้น นายกองค์การบริหารส่วนตําบลราชาเทวะ อําเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ
    (๑๐) นายมนตรีบุญสุยา นายกองค์การบริหารส่วนตําบลแกใหญ่ อําเภอเมืองสุรินทร์ จังหวัดสุรินทร์
    (๑๑) นายสมภาร เคนหาญ นายกองค์การบริหารส่วนตําบลกุดจิก อําเภอเมืองหนองบัวลําภู จังหวัดหนองบัวลําภู
    (๑๒) นายทนงทรัพย์ถนอมจิตต์ นายกองค์การบริหารส่วนตําบลจิกเทิง อําเภอตาลสุม จังหวัดอุบลราชธานี
    (๑๓) นายสุวรรณ เมฆบุตร นายกองค์การบริหารส่วนตําบลคันไร่อําเภอสิรินธร จังหวัดอุบลราชธานี
    (๑๔) นายวงศ์พิสุทธิ์ดํารงค์สิทธิ์ นายกองค์การบริหารส่วนตําบลช่องเม็ก อําเภอสิรินธร จังหวัดอุบลราชธานี

    กลุ่มที่ ๔ นายกเทศมนตรี (จํานวน ๓ ราย)
    (๑) นางสาวสุนีปูนกลาง นายกเทศมนตรีตําบลใหม่อําเภอโนนสูง จังหวัดนครราชสีมา
    (๒) นายปัญญา เขียวธง นายกเทศมนตรีตําบลต้นธง อําเภอเมืองลําพูน จังหวัดลําพูน
    (๓) นายรัชนาท ภูผินผา นายกเทศมนตรีตําบลทุ่งฝน อําเภอทุ่งฝน จังหวัดอุดรธานี

    กลุ่มที่ ๕ ปลัดและรองปลัดองค์กรปกครองส่วนท้องถนิ่ (จํานวน ๓ ราย)
    (๑) นางสาวมณีรัตน์ดวงกุณา ปลัดองค์การบริหารส่วนตําบลหนองเดิ่น อําเภอบุ่งคล้า จังหวัดบึงกาฬ
    (๒) นายฟ้าใส เสนาธรรม ปลัดเทศบาลตําบลบ้านแปะ อําเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่
    (นายชยพล เสนาธรรม)
    (๓) นายนพคุณ พรหมพุทธา รองปลัดเทศบาลตําบลต้นธง อําเภอเมืองลําพนู จังหวัดลําพูน


    ด่วน! 'ประยุทธ์' เด็ดขาด ใช้ม.44 สั่งพักงาน 'ขรก.'45ราย - กรุงเทพธุรกิจ Mobile
     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,631
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ผมว่าถ้ารัฐบาลชุดนี้อยูยาวสงสัยข้าราชการโดนเยอะ แค่นี้ก็เยอะแล้ว
     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,631
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ผงะ!! ชาวประมงจับปลาไหลยักษ์ ตัวยาวกว่า 2 เมตร หนัก 59 กก.
    วันที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2558 เวลา 18:51 น.

    เว็บไซต์บีบีซีรายงานว่า ชาวประมงจับปลาไหลที่มีขนาดยักษ์จนเกือบทำลายสถิติ ได้ที่ชายฝั่งของเมืองเดวอน ประเทศอังกฤษ

    [​IMG]

    ปลาไหลขนาดยักษ์ตัวนี้มีความยาวถึง 2.1 เมตร หนัก 59 ก.ก. ซึ่งใกล้เคียงกับสถิติของอังกฤษที่เคยจับปลาไหลขนาด 60 ก.ก.ได้ โดยปลาไหลยักษ์ตัวนี้ถูกชาวประมงจับได้โดยบังเอิญและตายระหว่างถูกลากขึ้นมา ทำให้ชาวประมงขายออกไปในราคาเพียง 40 ปอนด์ หรือราว 2,100 บาทเท่านั้น

    นายพีท บอมลีย์ ผู้จัดการของบริษัทประมงกล่าวว่า ปลาไหลตัวนี้มีขนาดใหญ่ผิดปกติ และโดยทั่วไปมันจะอาศัยในน้ำลึกไม่ใช่ผิวน้ำเช่นนี้

    บีบีซียังรายงานอีกว่าปลาไหลชนิดนี้ถึงแม้จะมีขนาดใหญ่ แต่ว่ายน้ำไม่เก่ง กินสัตว์น้ำเป็นอาหารเช่น ปลา ปู และปลาหมึก และอาจมีขนาดความยาวได้มากถึง 3 เมตร


    ผงะ!! ชาวประมงจับปลาไหลยักษ์ ตัวยาวกว่า 2 เมตร หนัก 59 กก. : ข่าวสดออนไลน์
     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,631
    ค่าพลัง:
    +97,150
    กองทัพสหรัฐฯ สร้าง"สไปเนล" วัสดุเกราะกันกระสุนโปร่งใส จากดินเหนียว
    updated: 15 พ.ค. 2558 เวลา 18:43:01 น. ประชาชาติธุรกิจออนไลน์

    [​IMG]

    ห้องปฏิบัติการวิจัยกองทัพเรือสหรัฐอเมริกา หรือ เอ็นอาร์แอล ประสบความสำเร็จในการสร้างวัสดุสำหรับใช้ทำเกราะกันกระสุนแบบใหม่ ที่ผ่านมาวิจัยและพัฒนามานานหลายสิบปี สามารถสร้างเกราะกันกระสุนแบบใหม่ที่โปร่งใส และสามารถหล่อขึ้นรูปเป็นลักษณะต่างๆ ได้ตามต้องการ

    ทีมวิจัยที่นำโดย ดร.แจส แซงเกรา ขนานนามวัสดุกันกระสุนแบบใหม่นี้ว่า "สไปเนล" ได้จากการนำผงดินเหนียวสังเคราะห์มาให้ความร้อนและบีบอัดในสภาวะสุญญากาศ จนเปลี่ยนสภาพเป็นแผ่นวัสดุโปร่งแสง ซึ่งแตกต่างจากวัสดุกันกระสุนเป็นแก้วที่มีอยู่ในปัจจุบันจะใช้วิธีการนำแผ่นแก้วบางและแผ่นพลาสติกมาบีบอัดเป็นชั้นๆ ให้เป็นแผ่นก่อนนำไปใช้

    ข้อดีของสไปเนลก็คือมีความแข็งแกร่งกว่า เหนียวกว่า แข็งกว่ากระจกทั่วไป เอื้อต่อการป้องกันของผู้สวมใส่ในสภาวะแวดล้อมที่เป็นปรปักษ์ได้มากกว่า นอกจากนั้นยังมีความทนทาน ไม่มีรอยขีดข่วนหรือถูกกัดกร่อนอีกด้วย

    ข้อดีอีกอย่างของสไปเนลก็คือ มันไม่ปิดกั้นแสงในคลื่นความถี่อินฟราเรด ทำให้สามารถนำไปใช้ป้องกันอุปกรณ์ อาทิ กล้องตรวจการณ์ของโดรน หรือเลนส์ของเครื่องยิงแสงเลเซอร์โดยไม่จำเป็นต้องปรับแต่งอุปกรณ์ใหม่แต่อย่างใด สุดท้ายสไปเนลยังมีน้ำหนักน้อยกว่ากระจกที่ใช้กันกระสุนในปัจจุบันถึงอย่างน้อยครึ่งหนึ่งเลยทีเดียว

    ดร.แซงเกรา ระบุว่า ทางเอ็นอาร์แอลเตรียมเผยแพร่กระบวนการผลิตสไปเนลให้กับอุตสาหกรรมของกองทัพอเมริกันทุกหน่วยในเร็วๆ นี้

    ที่มา นสพ.มติชนรายวัน

    กองทัพสหรัฐฯ สร้าง"สไปเนล" วัสดุเกราะกันกระสุนโปร่งใส จากดินเหนียว : ประชาชาติธุรกิจออนไ
     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,631
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เนปาล เกิดอาฟเตอร์ช็อก 4.9 แมกนิจูด เขย่าอีกวันนี้ !
    updated: 15 พ.ค. 2558 เวลา 11:27:51 น.ประชาชาติธุรกิจออนไลน์

    [​IMG]

    15 พ.ค.2558- สำนักธรณีวิทยาสหรัฐฯ แจ้งว่า เกิดอาฟเตอร์ช็อกขนาด 4.9 แมกนิจูด ลึก 10 กิโลเมตร ที่ประเทศเนปาล - ไร้เตือนความเสียหาย

    สำนักข่าววอยซ์ทีวี รายงานว่า วันนี้ (15 พ.ค. 58) เวลา 08.42 น. ตามเวลาในประเทศไทย ทาง สำนักธรณีวิทยาสหรัฐฯ หรือ USGS แจ้งว่า เกิดอาฟเตอร์ช็อกขนาด 4.9 แมกนิจูด ความลึก 10 กิโลเมตร โดยจุดศูนย์กลางห่างจากกรุงกาฐมาณฑุ ประเทศเนปาล ไปทางตะวันตกเฉียงเหนือ 65 กิโลเมตร ซึ่งเบื้องต้น ยังไม่มีการแจ้งเตือนความเสียหายจากเหตุดังกล่าว

    เนปาล เกิดอาฟเตอร์ช็อก 4.9 แมกนิจูด เขย่าอีกวันนี้ ! : ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,631
    ค่าพลัง:
    +97,150
    มอง 2 มหาอำนาจเอเชีย จีนซบเซา - ญี่ปุ่นโตแผ่ว
    updated: 14 พ.ค. 2558 เวลา 14:30:42 น.ประชาชาติธุรกิจออนไลน์

    [​IMG]

    ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจที่สัปดาห์ก่อน กองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือ IMF ชี้ว่า ปีนี้เอเชีย-แปซิฟิกจะเป็นแกนนำในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลก ด้วยอัตราการขยายตัว 5.6% และ 5.5% ในปีหน้า แต่เขตเศรษฐกิจใหญ่อันดับ 1 และ 2 ของภูมิภาคอย่างจีนและญี่ปุ่น ซึ่งเคยเป็นแรงหนุนการเติบโตกลับมีแนวโน้มจะกลายร่างเป็นจุดอ่อน

    วอลล์สตรีต เจอร์นัล อ้างรายงานของไอเอ็มเอฟว่า ภาวะชะลอตัวในจีนรวมถึงความอ่อนแอของเศรษฐกิจญี่ปุ่นเป็นปัจจัยเสี่ยงที่อาจทำให้เอเชีย-แปซิฟิกโตต่ำกว่าที่คาดไว้ ขณะที่การแข็งค่าของเงินดอลลาร์จะทำให้ประเทศที่มีหนี้สินต่างประเทศในระดับสูงต้องแบกภาระหนักขึ้น

    การประเมินของไอเอ็มเอฟสอดคล้องกับความกังวลของรัฐบาลจีน เห็นได้จากการตัดสินใจหั่นอัตราดอกเบี้ยนโยบายเป็นครั้งที่ 3 ในรอบ 6 เดือน มีผลเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา หวังกระตุ้นเศรษฐกิจที่ซบเซาเกินคาด แม้นักวิเคราะห์จะคาดการณ์ไว้แล้วว่า ธนาคารกลางจีน จะลดดอกเบี้ยอีกครั้งในไม่ช้า แต่ก็ถือว่าเร็วกว่าที่เก็งกันไว้ตัวเลขเศรษฐกิจของแดนมังกรที่ทยอยออกมาในช่วงหลายวันมานี้ไม่ค่อยน่าพอใจนัก อาทิ อัตราเงินเฟ้อเดือนเมษายนอยู่ที่ 1.5% แม้จะเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากเดือนมีนาคมซึ่งอยู่ที่ 1.4% แต่ยังถือว่าต่ำกว่าเป้าที่รัฐบาลจีนวางไว้ "ดัชนีราคาผู้บริโภคยังคงแผ่วและความเสี่ยงที่จะเกิดเงินฝืดยังคงมีอยู่"

    นักวิเคราะห์จากไห่ทง ซีเคียวริตีส์ ให้ความเห็น ยิ่งไปกว่านั้น ดัชนีราคาผู้ผลิตของเดือนที่แล้วก็ลดลงเป็นเดือนที่ 37 ติดต่อกัน ส่วนมูลค่าการส่งออกและนำเข้าในเดือนเมษายนก็ต่ำลงเช่นเดียวกัน

    ข้อมูลข้างต้นที่ออกมาสร้างความกังวลว่า อัตราการขยายตัวทั้งปีของปี 2558 อาจไปไม่ถึง 7% ที่นายกรัฐมนตรี หลี่
    เค่อเฉียง ประกาศไว้ โดยปัญหาหลัก ๆ ในขณะนี้ที่รัฐบาลจีนต้องเร่งสะสาง ได้แก่ กระแสเงินทุนไหลออก หนี้เน่าที่รัฐบาลท้องถิ่นก่อไว้ และถึงความซบเซาในภาคอสังหาริมทรัพย์

    อย่างไรก็ตาม นักเศรษฐศาสตร์มองว่า นโยบายการเงินเพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอที่จะสร้างชีวิตชีวาให้เศรษฐกิจจีน "จีนต้องการมาตรการกระตุ้นขนานใหญ่เพื่อกลับมายืนหยัดอีกครั้ง แต่การผ่อนคลายนโยบายการเงินเป็นยาที่อ่อนไป

    เศรษฐกิจต้องการมาตรการด้านการคลังเพื่อกระทุ้งดีมานด์" นายเฟดเดอริก นิวแมนน์ ผู้หน้าฝ่ายวิจัยเศรษฐกิจเอเชียจากเอชเอสบีซี โฮลดิ้งระบุฟากญี่ปุ่น แม้รัฐบาลภายใต้การนำของ นายชินโสะ อาเบะ นายกรัฐมนตรี กำลังเดินหน้าขับเคลื่อนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ "อาเบะโนมิกส์" อย่างเต็มที่ ทั้งการเพิ่มรายจ่ายภาครัฐและการอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบผ่านมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ แต่ดูเหมือนเศรษฐกิจจะยังไม่ตอบสนองต่อยาเท่าไรนัก โดยเฉพาะหลังการปรับขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่มจาก 5% เป็น 8% เมื่อ 1 เมษายนปีกลาย จนทำให้เศรษฐกิจหดตัวติดต่อกัน 2 ไตรมาส ก่อนกลับมาเติบโต 1.5% ในไตรมาสสุดท้ายของปีที่แล้ว และจากการสำรวจความคิดเห็นนักเศรษฐศาสตร์ 22 คน โดย รอยเตอร์สคาดว่าการเติบโตในไตรมาสแรกของปีนี้จะอยู่ที่ราว 1.5% เช่นกัน

    บอร์ดบริหารของธนาคารกลางญี่ปุ่น ตลอดจนนักเศรษฐศาสตร์หลายสำนักแสดงความกังวลในทิศทางเดียวกันเกี่ยวกับการบริโภคภาคครัวเรือนที่ยังซบเซา ทั้ง ๆ ที่มีการปรับเพิ่มค่าจ้างแรงงาน คาดว่าการบริโภคของเอกชนซึ่งครองสัดส่วน 60% ของจีดีพีญี่ปุ่นจะขยายตัวเพียง 0.2% ในไตรมาสที่แล้ว ลดลงจากไตรมาสสุดท้ายของปี 2557 ที่เติบโต 0.5%

    ขณะนี้ความหวังถูกฝากไว้ที่ "ลูกศรดอกที่ 3" ของอาเบะโนมิกส์ ซึ่งมุ่งเน้นการปฏิรูปเศรษฐกิจ โดยเฉพาะการยกเครื่องภาคการเกษตรที่ได้รับการปกป้องจากภาครัฐมาอย่างยาวนาน รวมถึงการเพิ่มบทบาทของสตรีในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ จากเดิมที่ผู้หญิงญี่ปุ่นไม่ค่อยได้รับโอกาสให้ดำรงตำแหน่งในระดับสูง

    ในฐานะยักษ์ใหญ่ของเอเชียและของโลกนานาชาติต่างอยากเห็นพญามังกรและซามูไรฟื้นตัวโดยเร็ว เพื่อช่วยผลักดันเศรษฐกิจโลกให้กลับมาคึกคักอีกครั้ง

    มอง 2 มหาอำนาจเอเชีย จีนซบเซา - ญี่ปุ่นโตแผ่ว : ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
     

แชร์หน้านี้

Loading...