ติดตามสถานะการณ์

Thanong Fanclub



7. สงครามกำลังมา
มอสโควกับปักกิ่งจะสร้างระเบียบโลกใหม่ด้วยกันผ่านความร่วมมือกันทางทหาร เพื่อต้านอำนาจโลกแต่ฝ่ายเดียวและการใช้สองมาตรฐานของสหรัฐ
รองรมวกลาโหมรัสเซียนายพลAnatoly Antonovเป็นผู้กล่าวประโยคนี้หลังการพบปะแลกเปลี่ยนความเห็นกันในวันนี้ระหว่างSergey Shoiguรมวกลาโหมรัสเซียและ Fan Changlong ตัวแทนของCentral Military Council Generalของจีน
Antonovกล่าวว่ารัสเซียและจีนจะร่วมกันซ้อมรบทางทะเลในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน และทะเลญี่ปุ่นในอนาคตอันใกล้
ปีที่แล้วกองทัพเรือรัสเซียซ้อมรบกับกองทัพเรือจีนที่ทะเลจีนตะวันออกด้วยผลลัพธ์ที่ดี
ทั้งสองประเทศจะร่วมมือกันด้านขีปนาวุธที่ครอบคลุมทั้งโลก
ทางรัสเซียได้ให้ฝ่ายจีนชมศูนย์บัญชาการรบในช่วงสงครามของมอสโควที่มั่นคงสุดยอด
สหรัฐไล่บี้ทั้งรัสเซัยและจีน เพราะกลัวจะถูกท้าทาย ทำให้ทั้งสองประเทศกลายเป็นพันธมิตรทางทหารที่แน่นแฟ้นเพื่อคอยระวังหน้าและระวังหลังให้กัน
ญี่ปุ่นเตรียมลาดตระเวณทางทหารกับสหรัฐในทะเลจีนใต้ เพื่อสกัดจีน
จับคู่กัน4เส้าดีแท้สำหรับมวยระดับโลก
Thanong
13/5/2015

 

คิงซาอุฯเบี้ยวไม่เสด็จร่วมประชุมอ่าวอาหรับ
โดย ไทยรัฐฉบับพิมพ์ 13 พ.ค. 2558 02:43



@สมเด็จพระราชาธิบดี บิน อับดุล อาซิส อัล-ซาอุด (ขวา) และ เจ้าฟ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน นาเยฟ (ภาพ: REUTERS)

เมื่อ 11 พ.ค. รัฐบาลกรุงวอชิงตันได้รับการปฏิเสธจากกษัตริย์ซัลมาน บิน อับดุล อาซิส อัล-ซาอุด แห่งราชวงศ์ซาอุดีอาระเบีย ไม่เข้าร่วมการประชุมคณะมนตรีความร่วมมือรัฐอ่าวอาหรับ (จีซีซี) ระหว่างวันที่ 13-14 พ.ค.นี้ ที่แคมป์เดวิด ซึ่งสหรัฐฯเป็นเจ้าภาพ แต่ส่งเจ้าฟ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน นาเยฟ และเจ้าฟ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน พระโอรส ซึ่งดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมซาอุดีอาระเบีย เสด็จเข้าร่วมประชุมแทน หลังรัฐบาลสหรัฐฯประกาศว่า พระองค์จะเสด็จเข้าร่วมประชุมได้เพียง 2 วัน และมีอีก 2 ประเทศได้แก่ คูเวตกับกาตาร์ ที่เชื้อพระวงศ์เสด็จ ที่เหลือส่งเจ้าหน้าที่ระดับล่างลงมา

ด้านกลุ่มนักวิเคราะห์และนักการทูตในตะวันออกกลางและในกรุงวอชิงตัน ต่างตีความหมายของการตัดสินพระทัยไม่เสด็จร่วมประชุมของกษัตริย์ซาอุดีอาระเบียครั้งนี้ เสมือนเป็นการดูแคลนทางการทูต และหลายฝ่ายก็ตั้งข้อสงสัยถึงการรับมือของประธานาธิบดี บารัค โอบามา ของสหรัฐฯ ที่ต้องเผชิญหน้ากับอิหร่าน ซึ่งมีกองกำลังมุสลิมสายชีอะห์ให้การสนับสนุน ทำให้ทางทำเนียบขาวรีบออกมาโต้กลับที่พันธมิตรประเทศมุสลิมสายสุหนี่ลดความสำคัญเข้าร่วมประชุมครั้งนี้นั้นก็เพื่อส่งสัญญาณไม่พอใจนโยบายการทูตของโอบามากับอิหร่าน ซึ่งเป็นสายชีอะห์ ก่อนถึงวันขีดเส้นตายสิ้นเดือน มิ.ย.นี้ เกี่ยวกับการเจรจาโครงการพัฒนานิวเคลียร์อิหร่าน

ด้านนายจอห์น เคอร์รี รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ เดินทางเข้าพบทั้งประธานาธิบดี วลาดิเมียร์ ปูติน และนายเซอร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศของรัสเซีย ถือเป็นเจ้าหน้าที่รัฐระดับสูงสุดของสหรัฐฯที่เดินทางเยือนรัสเซียอย่างเป็นทางการ โดยเนื้อหาหลักใหญ่ๆ เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับยูเครนเกี่ยวกับการเจรจาหยุดยิงอย่างจริงจัง อีกทั้งยังเจรจาความขัดแย้งในซีเรีย เยเมนและลิเบีย รวมถึงสรุปการประชุมที่เกี่ยวกับโครงการพัฒนานิวเคลียร์ของอิหร่าน ซึ่งสหรัฐฯตั้งความหวังยุติการเจรจาครั้งประวัติศาสตร์ให้ปูตินรับทราบ

ขณะเดียวกัน นายฟรองซัวส์ โอลองต์ ประธานาธิบดีฝรั่งเศส เรียกร้องให้สหรัฐฯยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรทางการค้ากับคิวบา พร้อมมองเห็นศักยภาพการเพิ่มบทบาทของฝรั่งเศสให้มากขึ้นในคิวบา ระหว่างเยือนคิวบาพร้อมกับคณะผู้บริหารเอกชน ถือเป็นผู้นำประเทศตะวันตกคนแรกที่เยือนคิวบา นับแต่นายเฟลิเป กอนซาเลซ อดีตนายกรัฐมนตรีสเปนเมื่อปี 2529 ทั้งยังทำให้เห็นการแข่งกันผูกมิตรอย่างต่อเนื่องระหว่างสหรัฐฯและสหภาพยุโรป (อียู) ที่ต่างต้องการทำธุรกิจร่วมกับคิวบามากขึ้น หลังสหรัฐฯประกาศฟื้นฟูความสัมพันธ์กับคิวบาเมื่อเดือน ธ.ค.ปีกลาย.

คิงซาอุฯเบี้ยวไม่เสด็จร่วมประชุมอ่าวอาหรับ - ข่าวไทยรัฐออนไลน์

 

ปอกเปลือก ทรราช
โดนเข้าให้แล้วอเมริกา!... มอสโคว์เรียกร้องให้วอชิงตันใส่ใจเรื่องสิทธิมนุษยชนในสหรัฐฯ



------------
ฮ่าๆๆ! สหรัฐฯชอบเที่ยวอ้างเรื่องสิทธิมนุษยชนกับประเทศอื่นๆเพื่อเป็นใบเบิกทางในการแทรกแซงทางการเมืองของต่างประเทศโดยผ่านองค์ NGO ขายชาติ ตัวอยู่ไทยแต่หัวใจอยู่กับไข่เยี่ยวม้า ในขณะที่ประเทศสหรัฐฯเองนั้นเต็มไปด้วยการเหยียดผิวและการละเมิดสิทธิมนุษยชน วันนี้ก็เลยเจอสื่อฯรัสเซียพาดหัวข่าวว่า "Moscow Urges Washington to Focus on Human Rights Problems in US" เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันเดียวกับที่นายจอห์น แคร์รี่กับคณะเดินทางมาง้อปูตินถึงกรุงมอสโคว์ ลุงลาฟ (Sergei Lavrov) รมว.ต่างประเทศของรัสเซียก็เลยถือโอกาสสอนมวยนายจอห์น แคร์รี่กับพวกซะเลยด้วยการออกแถลงการณ์ที่ยูเอ็นเลยว่า "กรุงมอสโคว์หวังว่ากรุงวอชิงตันจะเลิกมองตัวเองว่าเป็นผู้กระทำที่ถูกต้องในเรื่องที่เกี่ยวกับสิทธิมนุษยชน และเริ่มลงมือแก้ไขปัญหาภายในประเทศของตนเองให้ดีซะที"
ระหว่างการประชุมของคณะมนตรีสหประชาชาติว่าด้วยเรื่องสิทธิมนุษยชน (human rights) เดือนพฤษภาคมที่กรุงเจนีวา บันทึกว่าด้วยเรื่องสิทธิมนุษยชนของสหรัฐบอกว่าสิทธิมนุษยชนในสหรัฐฯย่ำแย่ลงกว่าเดิม (the United States’ record on human rights was noted as worsening) ซึ่งรวมทั้งพฤติกรรมของตำรวจและเหยียดสีผิวและการรังเกียจชาวต่างชาติที่เพิ่มมากขึ้น (including police behavior and a growth in racism and xenophobia)
แถลงการณ์ในที่ประชุมสหประชาชาติกล่าวว่า "เราเชื่อว่าการวิจารณ์จากภาคประชาคมนานาชาติเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อบังคับให้รัฐบาลของสหรัฐฯหันความสนใจของตัวเองไปที่ปัญหาเรื่องสิทธิมนุษยชนในประเทศสหรัฐฯที่มีการขยายตัวเพิ่มขึ้น และขอให้สหรัฐฯเร่งแก้ไขปัญหาเหล่านั้นโดยด่วน เพื่อให้การแก้ไขปัญหาบรรลุผลสำเร็จจริง สหรัฐฯจะต้องละเว้นจากการให้คำปรึกษาและการแสดงตัวในฐานะผู้ได้รับยกเว้นเป็นกรณีพิเศษและการเป็นผู้ที่ไม่เคยทำอะไรผิดพลาดเลย ซึ่งห่างไกลจากความเป็นจริง"
เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาคณะผู้แทนสมาชิกสหประชาชาติหลายประเทศได้ออกมาเรียกร้องให้สหรัฐฯทำการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมทางกฎหมายอาญาของสหรัฐฯ ซึ่งเกี่ยวกับการละเว้นการกระทำบางอย่างจากรัฐบาลกลางและการลงโทษประหารชีวิตสำหรับผู้กระทำผิดกฎหมาย ตลอดถึงกรณีค่ายกักกันนักโทษของสหรัฐฯที่อ่าวกัวตานาโมซึ่งเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันมาก ยูเอ็นยังแสดงความกังวลเกี่ยวกับการใช้ความรุนแรงกับผู้ต้องโทษประหารชีวิต และตำหนิประเทศที่ทำการเฝ้าระวังอย่างผิดกฎหมาย (ล้วงข้อมูลละเมิดสิทธิ์ส่วนบุคคล) อีกด้วย
ที่ว่ามาทั้งหมดนี้ อยู่ในประเทศสหรัฐอเมริกาทั้งนั้น และนี่ก็เป็นข้อมูลที่ได้จากยูเอ็นซะด้วย แต่ที่น่าแปลกใจก็คือพวก NGO รับจ้างขี้ข้าอเมริกาและนักสิทธิมนุษยชนจอมปลอม แก๊งสาระแนไซเบอร์ คณะกรรมการสิทธิ์ฯ สารพัดองค์กรด้านสิทธิ์มนุษยชนในประเทศไทยไม่กล้าที่จะออกมาเรียกร้องเรื่องนี้กับสหรัฐฯเลย ไม่กล้าแม้กระทั่งที่จะนำเสนอข่าวนี้ด้วย ลูกจ้างจะไปทำอย่างนั้นกับนายจ้างได้อย่างไร เดี๋ยวก็พากันอดตายกันพอดีสิ เข้าใจตรงกันนะชาวโซเชียลทั้งหลาย คริๆ
The Eyes
13/05/2558
---------
Moscow Urges Washington to Focus on Human Rights Problems in US / Sputnik International

 

Chalee Na Roied

<iframe width="640" height="390" src="https://www.youtube.com/embed/zMcRnyI5C5Y" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

https://www.youtube.com/watch?v=zMcRnyI5C5Y&sns=fb

เมื่อวันก่อน ผมกำลังจะโพสต์เรื่องนี้นะครับ เพราะสถานการณ์โลก มันเริ่มส่อเค้าไปในทางรุนแรง มากขึ้นเรื่อยๆ ดันมาเจอข่าว แผ่นดินไหวที่เนปาลซะก่อน ก็เลยพูดถึงเหตุการณ์แผ่นดินไหวแทน เรื่องราวเริ่มเยอะนะครับ เวลาก็เริ่มไม่ค่อยจะมี ช่วงหลังก็เลยไม่ค่อยว่างเข้ามาอ่านความเห็น หรือตอบคำถามนะครับ
"ต้องกราบขออภัย สำหรับบางท่าน ที่ถามหรือทักมา แล้วผมไม่ได้ตอบ ไม่ได้หยิ่งหรือเล่นตัวอะไรนะครับ เพียงแต่เข้าเฟสแต่ละครั้ง ระหว่างอัพเดทข้อมูล กับการตอบคำถาม ผมก็ชั่งใจว่าจะทำอะไรก่อน ถึงจะเกิดประโยชน์กับ คนส่วนใหญ่มากที่สุด
..."ฝากคนที่เข้ามาทีหลัง ลองย้อนกลับไปอ่านบทความเดิมๆ ก็แล้วกันนะครับ จะได้มองเห็นภาพ และตามสิ่งที่ผมพูดได้ทัน"..
ไม่กี่วันที่ผ่านมา ทางกลาโหมสหรัฐได้มีการเพิ่มมาตรการ รักษาความปลอดภัย และยกระดับมากขึ้นนะครับ โดยโฆษกกลาโหมสหรัฐ พ.อ.สตีฟ วอร์เรน ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ เกี่ยวกับยกระดับ FPCON( Force protection condition levels) อยู่ในขั้น Bravo ซึ่งมีรายงานความเคลื่อนไหวของ เครือข่ายก่อการร้าย ที่เคลื่อนไหวในสหรัฐ จึงให้หน่วยทหารทั้งหมดในสหรัฐ เฝ้าระวังเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัย Defense.gov News Article: Force Protection Level Boosted at DoD Facilities Nationwide
การยกระดับมาตรการ รักษาความปลอดภัยดังกล่าว สอดคล้องกับการฝึกทางทหารของหน่วยรบพิเศษ ในหลายๆรัฐทางตอนใต้ของสหรัฐ ในห้วงเดือนกรกฎาคมนี้ ซึ่งชาวอเมริกันเริ่มตั้งคำถาม และผิดสังเกตกับสิ่งที่เกิดขึ้น กระทั่งผู้ว่าการรัฐเท็กซัส ก่อนหน้านั้นยังเคยออกคำสั่ง ให้กองกำลังป้องกันตนเอง ของรัฐเท็กซัส จับตาความเคลื่อนไหว และรายงานการฝึก "Jade helm" ของรัฐบาลกลางให้ทราบทุกระยะ เรียกได้ว่าผู้ว่าการรัฐกำลัง งัดข้อกับรัฐบาลกลาง เพราะไม่ไว้ใจการฝึกดังกล่าว และนอกจากนี้ยังมีความเห็นขัดแย้งกันขึ้น ระหว่างรัฐบาลและบรรดาวุฒิสมาชิกบางคน ที่ไม่เห็นด้วยกับการฝึกดังกล่าว http://www.foxnews.com/…/jade-helm-military-exercise-causi…/
แน่นอนครับว่า ในสถานการณ์เช่นนี้ มันเป็นสิ่งที่ชัดเจนว่า ยิ่งนานวันชาวอเมริกันก็ยิ่งไม่ไว้ รัฐบาลของตัวเอง โดยเฉพาะเรื่องของเศรษฐกิจและปากท้อง เพราะความเป็นจริง สวนทางกับสิ่งที่รัฐบาลกล่าวอ้าง ตัวเลขว่างงานเพิ่มมากขึ้น ซึ่งตัวเลขว่างงานที่แท้จริงอาจจะสูงมากกว่า 23% และมีผลกระทบกับชาวอเมริกันถึง 93 ล้านคน http://kingworldnews.com/with-93-million-already-unemploye…/
และยิ่งแนวโน้มที่เศรษฐกิจสหรัฐ เข้าสู่ภาวะถดถอยมากเท่าไหร่ "แนวโน้มของสงคราม" ก็ยิ่งมากขึ้น เสถียรภาพของโลก ก็จะยิ่งสั่นคลอนมากขึ้นเรื่อยๆ นอกจากนี้ยังเป็น ผลจากนโยบายอันก้าวร้าวของสหรัฐ ซึ่งกำลังผลักให้จีนและรัสเซีย กลายเป็นพันธมิตรและหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ที่สำคัญ ทั้งด้านเศรษฐกิจและความมั่นคงไปโดยปริยาย จากการดำเนินนโยบายดังกล่าว ยังไม่นับชาติยุโรปอื่นๆ ที่เริ่มลังเลใจ และเตรียมกระโดดออกจาก อิทธิพลของรัฐบาลวอชิงตัน ทันทีเริ่มไม่มั่นใจในเงินดอลลาร์ War Threat Rises As US Economy Declines | Global Research - Centre for Research on Globalization!
สถานการณ์เช่นนี้ บีบให้สหรัฐต้องเร่งเกมส์เร็วครับ เพราะตอนนี้เศรษฐกิจเริ่มไปต่อไม่ได้ จีนและรัสเซีย ตลอดจนประเทศในกลุ่มBRICS กำลังมีสมาชิกเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ การสวนสนามเนื่องในวัน แห่งชัยชนะของรัสเซีย เมื่อวันที่ 9 ที่ผ่านมา นอกจากจีนจะส่งทหารเข้าร่วม ในขบวนสวนสนามแล้ว ประเทศที่เป็นสมาชิก ในสหภาพเศรษฐกิจยูเรเชีย ที่มีพรมแดนติดกับรัสเซียและจีน ก็ได้เข้าร่วมจำนวนมาก ยังไม่นับ ผู้นำของเวียดนาม แอฟริกาใต้ ซิมบับเวย์ อียิปต์ ปาเลสไตน์ มองโกเลีย เข้าร่วมในพิธีดังกล่าว พิธีดังกล่าว จึงเป็นอะไรที่มากกว่า การสวนสนามตามที่ ผมเคยวิเคราะห์ไปก่อนหน้านั้น http://nationalinterest.org/…/russias-victory-day-celebrati…
และที่น่าจับตาที่สุดในเวลานี้ คือ กรีซ ซึ่งอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่แน่นอน เพราะกำลังถูกรัสเซียและจีน ชักชวน เข้ามาร่วมเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจ และพันธมิตรในกลุ่ม BRICS ซึ่งถ้ารัสเซียสำเร็จ กองกำลังนาโต และสหภาพยุโรป ก็ถูกตีแตกไปโดยปริยาย http://www.zerohedge.com/…/russia-asks-greece-join-brics-ba…
เพราะฉะนั้นรัฐบาลสหรัฐจะต้องเร่งเกมส์ ทำอะไรสักอย่างเพื่อจุดชนวนสงครามขึ้นให้ได้ ก็อย่าแปลกใจว่าทำไม ช่วงนี้บรรดากระแสข่าว การโจมตีสหรัฐจากเครือข่ายก่อการร้าย ISIS เริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งสอดคล้องกับการเตรียมความพร้อม รับมือการถูกโจมตีจากเครือข่ายISIS ที่โฆษก กลาโหมสหรัฐ ได้ให้สัมภาษณ์ เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา Pentagon boosts alert level at military bases following ISIS threats — RT USA
แน่นอนครับสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ก่อนฮิตเลอร์จะประกาศสงคราม เขาก็วางแผนประกาศใช้ กฎอัยการศึกในประเทศ และให้ทหารเข้าควบคุม เช่นกันก่อนที่รัฐบาลสหรัฐ จะนำประเทศเข้าสู่สงคราม ย่อมต้องมีการวางแผน ในการรับมือกับ ชาวอเมริกันในประเทศ ในกรณีเกิดหายนะทางเศรษฐกิจ นั่นคือการให้กองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิและทหาร เข้ามารักษาความสงบเรียบร้อยในประเทศ โดยอ้างการฝึก"Jade Helm" New World Order Martial Law Scenario? U.S. Government Pathological Lies Concerning “Jade Helm 15 Military Operation” | Global Research - Centre for Research on Globalization!
อย่าแปลกใจครับว่า แนวโน้มที่เกิดขึ้นในสหรัฐ และอาจจะรวมถึงในสหภาพยุโรป ไม่ต่างอะไรกับภาพยนตร์เรื่อง "Gray State" ซึ่งผู้สร้างภาพยนตร์เรื่องนี้ น่าจะถูกฆาตกรรมทั้งครอบครัว เพราะการสร้างภาพยนตร์เรื่องนี้ เมื่อต้นปีที่ผ่านมา http://www.veteranstoday.com/…/david-crowley-army-veteran-…/
เพราะฉะนั้นบทความนี้ จึงขออุทิศให้กับ เดวิด โครวเลย์ อดีตทหารผ่านศึก ผู้สร้างภาพยนตร์เรื่องนี้ เพื่อเผยแพร่ข้อเท็จจริง เปิดโปงอำนาจมืด ที่ครอบงำรัฐบาลสหรัฐ และอยู่เบื้องหลังสงคราม ในภูมิภาคต่างๆทั่วโลก และกำลังจะวางแผนเตรียมการ ประกาศใช้กฎอัยการศึกในสหรัฐ เพื่อทำให้ชาวอเมริกัน พร้อมๆกับคนทั้งโลกตกอยู่ใต้อำนาจ "ภายใต้ระเบียบโลกใหม่" ที่นำโดยสหรัฐนั่นเอง..

 

ไล่ออกซี 9 สรรพากร ชี้ทำความผิดร้ายแรง สั่งเร่งขยายผล ล้างบางทุจริตในกระทรวงการคลัง โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 14 พฤษภาคม 2558 12:18 น. (แก้ไขล่าสุด 14 พฤษภาคม 2558 12:45 น.)



“สมหมาย” เผยมติ “อ.ก.พ.” มีคำสั่งไล่ออกซี 9 สรรพากร ชี้มีความผิดร้ายแรง คืนภาษีมูลค่าเพิ่ม 3,200 ล้านบาท ลั่นเดินหน้าเอาผิดผู้บริหารระดับซี 9 ขึ้นไป และต่ำกว่าที่เกี่ยวข้องเพื่อล้างบางปัญหาการทุจริตในกระทรวงการคลัง และต้องขยายผลสอบสวนไปยังผู้ประกอบการขอคืนภาษีเท็จในที่ต่างๆ พร้อมชงดีเอสไอดำเนินการเพื่อเรียกคืนความเสียหายที่เกิดขึ้นทั้งหมด

นายสมหมาย ภาษี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ที่ประชุมอนุกรรมการข้าราชการพลเรือน (อ.ก.พ.) กระทรวงการคลัง มีมติไล่ออกจากราชการ นายสิริพงศ์ ริยะการธีรโชติ ชื่อเดิมนายศุภกิจ ริยะการ สรรพากรพื้นที่นราธิวาส ซึ่งถูกโอนย้ายจากเดิมดำรงตำแหน่งสรรพากรพื้นที่กรุงเทพฯ 22 (บางรัก) กระทำความผิดการคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม จึงได้ตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง และตั้งคณะกรรมการสอบวินัย วันที่ 22 สิงหาคม 2556 พบว่า 1.มีความผิดไม่ปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย 2.ละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ 3.กระทำการอันเชื่อได้ว่าเป็นผู้ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง 4.ละเว้นการกระทำหรือกระทำการใดๆ อันเป็นเหตุให้ราชการเสียหายร้ายแรง จึงมีมติไล่ออกจากราชการ

ทั้งนี้ เนื่องจากในช่วงปี 2556 มีกลุ่มบริษัทส่งออกโลหะ และแร่โลหะ จดทะเบียนเป็นนิติบุคคล เพื่อเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม 30 ราย ยื่นแบบขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มโดยมิชอบในเขตพื้นที่สรรพากร 22 มีชื่อกรรมการผู้ถือหุ้นซ้ำกัน และใช้ที่ตั้งจดทะเบียนบริษัทซ้ำ แต่ไม่ได้ประกอบการจริง และยังพบว่า เอกชน 30 ราย ได้มีการซื้อขายสินค้าซ้ำรายจากผู้ขายเพียง 6 ราย เพื่อแต่งบัญชี โดยนายสิริพงศ์ คืนภาษีให้แก่กลุ่มบริษัทดังกล่าว 2 ครั้ง เป็นเงิน 3,209 ล้านบาท เพื่อแจ้งส่งออกโลหะและแร่โลหะ แต่กลับไม่ได้ส่งออกจริง

นอกจากนี้ ยังเตรียมเดินหน้าเอาผิดผู้บริหารระดับซี 9 ขึ้นไป และต่ำกว่าที่เกี่ยวข้องในการกระทำความผิดดังกล่าว เนื่องจากต้องการแก้ปัญหาการทุจริตในกระทรวงการคลัง และต้องขยายผลสอบสวนไปยังผู้ประกอบการขอคืนภาษีเท็จในจังหวัดสมุทรปราการ และพื้นที่อื่น คาดว่าจะสรุปทั้งหมดเดือนมิถุนายนนี้ นอกจากนี้ ต้องทำหนังสือถึงกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) จากการพบฐานความผิดเพื่อยื่นฟ้องความผิดทางแพ่งในการเรียกคืนความเสียหายที่เกิดขึ้นจากภาครัฐ และต้องการเข้มงวดปัญหาการทุจริตคอร์รัปชันทุกส่วน และทุกหน่วยงาน หากรัฐบาลดำเนินการดังกล่าวอย่างจริงจัง ทำให้ปี 2559 การจัดเก็บภาษีเพิ่มขึ้นร้อยละ 10-12

http://manager.co.th/iBizChannel/ViewNews.aspx?NewsID=9580000054838

 

นายกฯ กรีซเรียกประชุม ครม.ฉุกเฉิน หลัง ศก. “หดตัว 2 ไตรมาสติด” ก้าวสู่ภาวะถดถอยเต็มตัว ซ้ำเติมปัญหาหนี้ โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 14 พฤษภาคม 2558 04:42 น. (แก้ไขล่าสุด 14 พฤษภาคม 2558 13:02 น.)



@อเล็กซิส ซีปราส นายกรัฐมนตรีกรีซ

เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์ - อเล็กซิส ซีปราส นายกรัฐมนตรีกรีซ ออกคำสั่งเมื่อวันพุธ (13 พ.ค.) เรียกประชุมคณะรัฐมนตรีฉุกเฉิน หลังเศรษฐกิจกรีซช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ประสบภาวะ “หดตัว 0.2%” ถือเป็นการหดตัวของจีดีพีสองไตรมาสติดต่อกันและผลักกรีซก้าวเข้าสู่ภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจเต็มตัวอีกคำรบ หลังจากเมื่อไตรมาสสุดท้ายของปีที่แล้ว กรีซก็เพิ่งประสบภาวะเศรษฐกิจหดตัวที่ 0.4%

รายงานข่าวระบุว่า นี่ถือเป็นการจัดประชุม ครม.ฉุกเฉินเป็นครั้งที่ 3 ในรอบ 4 วันของรัฐบาลฝ่ายซ้าย ภายใต้การนำของซีปราส อย่างไรก็ดี แหล่งข่าวในกรุงเอเธนส์เผยว่า แม้จะต้องเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยรอบใหม่ แต่รัฐบาลกรีซยังคงยืนยันที่จะเดินหน้าขึ้นค่าจ้างและเพิ่มเงินบำนาญให้กับกลุ่มชนชั้นล่างต่อไป

ความเคลื่อนไหวล่าสุดเกิดขึ้นท่ามกลางคำถามว่ารัฐบาลของซีปราสจะประสบความสำเร็จมากน้อยเพียงใด ในการจัดทำงบประมาณแบบ “เกินดุล” ที่ระดับ 1.2-1.5% ของจีดีพีในปีนี้ ตามเงื่อนไขของ “เจ้าหนี้ 3 ฝ่าย” ซึ่งประกอบด้วยสหภาพยุโรป (อียู) กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) และธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) เพื่อแลกกับการปลดล็อกเงินช่วยเหลือรอบใหม่และการคงอยู่ใน “ยูโรโซน” ต่อไป

ก่อนหน้านี้ ยานิส วารูฟากิส รัฐมนตรีคลังกรีซ เพิ่งออกโรงเตือนเรื่องฐานะ “สภาพคล่องของประเทศ” หลังร่วมหารือกับ “ยูโรกรุ๊ป” หรือที่ประชุมรัฐมนตรีคลังยูโรโซน ณ กรุงบรัสเซลส์ของเบลเยียมเมื่อวันจันทร์ (11) ที่ผ่านมา เกี่ยวกับเงินกู้ที่พวกเจ้าหนี้ระหว่างประเทศจะปล่อยให้เอเธนส์เป็นจำนวนอีก 7,200 ล้านยูโร อันเป็นงวดสุดท้ายของยอดเงินกู้ทั้งก้อนที่ให้แก่กรีซ 240,000 ล้านยูโร

ทั้งนี้ รัฐบาลเอเธนส์มีเวลาจนถึงสิ้นเดือนมิถุนายนนี้เท่านั้นในการบรรลุข้อตกลงกับพวกเจ้าหนี้ทรอยก้า ขณะที่เงินคงคลังของประเทศร่อยหรอลงทุกขณะ อีกทั้งยังใกล้ครบกำหนดการชำระหนี้อีก 1,500 ล้านยูโรให้แก่ไอเอ็มเอฟในเดือนหน้า และอีก 3,000 ล้านยูโรให้แก่อีซีบี ในเดือนกรกฎาคม และสิงหาคม

 

ปอกเปลือก ทรราช
จุดจบของสหภาพยุโรปใกล้จะมาถึงแล้ว อังกฤษร่นเวลาเตรียมออกจากอียูเร็วขึ้น 1 ปี



------------
เมื่อวันที่ 12 พ.ค.58 สำนักข่าว sputnik news ของรัสเซียรายงานว่า "สหราชอาณาจักรอาจจะทำประชามติว่าจะอยู่หรือจะออกจากการเป็นสมาชิกของสหภาพยุโรปเร็วกว่าเดิม คือราวเดือนกรกฎาคมปี 2559"
หนังสือพิมพ์ the Guardian ของอังกฤษรายงานว่า อังกฤษกำลังมีความเห็นที่แตกต่างกันในกลุ่มประชาชนเกี่ยวกับการเป็นสมาชิกของอียู ในช่วงฤดูร้อนที่จะถึงนี้ประชาชนชาวอังกฤษอาจจะมีโอกาสได้ออกเสียงลงประชามติว่าสหราชอาณาจักรยังจะอยู่เป็นสมาชิกของอียูต่อไปอีก หรือว่าจะออกจากการเป็นสมาชิกของอียูหลังพรรคอนุรักษ์นิยมของนายเดวิด คาเมรอนชนะการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 7 พ.ค.58 ที่ผ่านมา
ในช่วงที่มีการรณรงค์เลือกตั้งนั้นนายเดวิด คาเมรอนกล่าวว่าจะจัดให้มีการทำประชามติในปี 2560 (2517) หากเขาได้รับเลือกให้เป็นนายกรัฐมนตรีของอังกฤษอีกสมัยหนึ่ง แต่แหล่งข่าวภายในรัฐบาลของอังกฤษบอกว่าอาจจะร่นระยะเวลาในการทำประชามติออกจากอียูให้เร็วขึ้นกว่านั้นคือในปี 2559 (2016)
แหล่งข่าวภายในรัฐบาลอังกฤษกล่าวว่า "ก่อนจะทำการลงประชามตินั้น สหราชอาณาจักรจะขอต่อรองเงื่อนไขบางอย่างเกี่ยวกับสถานะของสมาชิกอียูอีกครั้ง หวังว่าจะได้รับข้อเสอนที่ดีกว่าจากยุโรป จากนั้นก็จะทำการลงคะแนนเสียงตัดสินใจว่าสหราชอาณาจักรยังต้องการจะอยู่ในอียูต่อไปอีกหรือไม่"
หนึ่งในเหตุผลที่รัฐบาลอังกฤษตัดสินใจทำประชามติเร็วกว่าที่กำหนดไว้ในตอนแรกก็เนื่องจากทั้งฝรั่งเศสและเยอรมันนีซึ่งเป็นผู้เล่นรายใหญ่ในอียูจะยุ่งอยู่กับการเลือกตั้งภายในประเทศในปี 2017 ทั้งฝรั่งเศสและเยอรมันนีอาจจะมีคำตอบที่น่าพอใจให้กับอังกฤษ หากอังกฤษเลือกที่จะอยู่ในอียูต่อไป ดังนั้นรัฐบาลของนายเดวิด คาเมรอนจึงคิดว่าจะเป็นการฉลาดมาก หากอังกฤษเริ่มทำให้ฝรั่งเศสและเยอรมันเกิดความรำคาญใจ (รบกวน) ด้วยการทำประชามติก่อนที่ฝรั่งเศสและเยอรมันจะจมลงสู่ปัญหาการเมืองภายในของพวกเขาเอง
และที่ขาดไม่ได้ก็คือ "สก็อตแลนด์" แน่นอนหอกข้างแคร่และก้างขวางคอของรัฐบาลนายคาเมรอนก็คือเรื่องสก็อตแลนด์ต้องการจะแยกตัวออกจากอังกฤษเช่นกัน แม้ว่าในการทำประชามติในอังกฤษเมื่อปีที่แล้ว ผลจะออกมาเป็นสก็อตแลนด์จะยังคงอยู่ในสหราชอาณาจักร และนายเดวิด คาเมรอนบอกว่าชาวสก็อตแลนด์ไม่อาจจะทำการลงประชามติได้อีกครั้ง แต่เสียงจากพรรคชาตินิยมสก็อตแลนด์ (Scottish National Party - SNP) ไม่ได้พูดอย่างนายเดวิด คาเมรอนเลย พรรค SNP ยังมุ่งมั่นที่จะจัดทำประชามติแยกสก็อตแลนด์ออกจากอังกฤษอีกครั้ง
สื่อฯรัสเซียแสดงความคิดเห็นว่า หากเสียงส่วนมากของชาวอังกฤษเลือกที่จะออกจากอียู สก็อตแลนด์ซึ่งเป็นโปร-อียูก็อาจจะต้องการที่จะอยู่ในอียูต่อไป ดังนั้นสก็อตแลนด์ก็จะออกจากสหราชอาณาจักรด้วยเช่นกัน
เกมนี้เป็นการขับเคี่ยวกันระหว่างอังกฤษกับเยอรมันและฝรั่งเศส ถ้าอังกฤษเลือกที่จะเอาตัวรอดจากวิกฤตเศรษฐกิจในยุโรปโดยทิ้งให้อียูจมน้ำตาย ฝั่งโปร-อียูก็จะสนับสนุนให้สก็อตแลนด์ออกจากสหราชอาณาจักรเช่นกัน ดูซิว่าอังกฤษจะเลือกแบบไหน? ขนาดในยุโรปเองก็ยังสู้กันยิบตาไม่มีใครยอมใครเหมือนกัน ในยามที่อียูมีอำนาจก็รวมมือกันดี แต่พอเศรษฐกิจอียูเข้าสู่ภาวะวิกฤต อังกฤษบอกว่า "ตัวใครตัวเผือกนะอียูจ๋า อังกฤษขอโดดก่อนหละ" อ่ะฮ้า.... งี้กรีซก็ยิ้มสิครับมีพวกแล้วนี่
จาก "Grexit" (Greece Exit) (ตอนนี้กรีซยังไม่ได้ออกจากอียู และยังไม่ล้มละลาย แต่สภาพความเป็นจริงก็แทบจะไม่ต่างกัน) ก็ลามมาเป็น "Brexit" (Britain Exit) แล้วอียูจะอยู่ต่ออย่างไร? ด้วยเหตุนี้อียูจึงพยายามที่จะเอายูเครนเข้ามาเป็นสมาชิกของอียูให้ได้ แต่ก็โดนรัสเซียสกัดแผนนี้ไว้ซะก่อนจนนำมาสู่วิกฤตยูเครนในทุกวันนี้ ส่วนท่าทีของสหรัฐฯต่อกรณี Brexit นั้นดูเหมือนว่าเฉยๆ คำว่า "เฉยๆ" ในที่นี้ก็คือชอบใจ เพราะสามารถทำให้มหาอำนาจของอียูถูกลดทอนลงได้ในระดับหนึ่ง
เพราะว่าหากอียูรวมตัวกันได้แข็งแกร่งขึ้นและมีอำนาจต่อรองสูง อิทธิพลของจักรวรรดิอเมริกาก็จะถูกบดบังจากอียูและพันธมิตรใหม่ของอียูก็ได้ สิ่งที่สหรัฐฯกลัวที่สุดก็คืออียูร่วมมือกับรัสเซียและเอเซียที่นำโดยจีน (ยูเรเซีย) ถ้าเป็นอย่างนั้นฝันร้ายของจักรวรรดิอเมริกาเกิดขึ้นแน่นอน เพราะตอนนี้อังกฤษและยุโรปเริ่มหันมาสร้างความร่วมมือทางเศรษฐกิจกับจีนมากขึ้น แน่หละว่ารัสเซียกับจีนนั้นก็เหมือนปาท่องโก๋อยู่แล้ว มีจีนที่ไหนต้องมีรัสเซียที่นั่น หรือมีรัสเซียที่ไหนต้องมีจีนที่นั่น แม้ว่าสื่อฯตะวันตกพยายามจะนำเสนอข่าวในทางลบว่าความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับรัสเซียนั้นดูจะขึ้นๆลงๆ เดี๋ยวกับคบกัน เดี๋ยวก็แยกกัน ประมาณนี้ในยามที่รัสเซียกับจีนหันมาสนิทกันมากขึ้นในช่วงนี้
แม้ว่าสหรัฐฯจะพยายามทำให้รัสเซียกับจีนแตกคอกันอย่างไร ก็ไม่เป็นผล เพราะว่ารัสเซียตระหนักดีว่าผลของการสนิทและเชื่อใจอเมริกามากเกินไปคือการล่มสลายของสหภาพโซเวียตที่ยิ่งใหญ่ในอดีตนั่นเอง ในขณะที่จักรวรรดิอเมริกากลับแข็งแกร่งขยายอำนาจของตนในยุโรปและทั่วโลกมากขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้ชาวรัสเซียทุกระดับได้เรียนรู้แล้วว่าไม่อาจจะไว้ใจสหรัฐฯได้เลย การคบกับสหรัฐฯในเรื่องการค้าขายนั้นดี แต่ต้องไม่ให้ตัวเองถูกเอารัดเอาเปรียบ และต้องระวังไม่ให้ถูกบ่อนทำลายจากภายในเหมือนในอดีต บทเรียนนี้รัสเซียตอกย้ำให้กับประชาชนของเขาได้รับรู้มาเป็นอย่างดี จึงยากที่สหรัฐฯจะเสี้ยมให้ชาวรัสเซียส่วนมากหันมาเป็นโปรอเมริกาได้
The Eyes
14/05/2558
----------
UK Might Leave EU in 2016 – Government Source / Sputnik International

 

เจาะใจ "นักแผ่นดินไหว" ผ่าความจริงมหาธรณีพิบัติเขย่าไทย!
โดย ASTVผู้จัดการรายวัน 13 พฤษภาคม 2558 21:59 น. (แก้ไขล่าสุด 13 พฤษภาคม 2558 22:12 น.)



แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ที่ประเทศเนปาล ตามมาด้วยแผ่นดินไหวที่ปาปัวนิวกินี ล่าสุดเมื่อวันที่ 6 พ.ค. เกิดแผ่นดินไหวในทะเล ขนาด 4.6 ความลึก 10 กิโลเมตร บริเวณตอนใต้เกาะยาว จ.พังงา แถมยังไหวซ้ำอีกในเนปาลด้วยขนาด 7.4 กลายเป็นภัยพิบัติที่ใครหลายคนกำลังหวั่นวิตก ทีมข่าว ASTVผู้จัดการ Live จึงต่อสายตรงเพื่อเคลียร์ทุกข้อสงสัยเกี่ยวกับแผ่นดินไหว-สึนามิในไทยกับนักวิชาการที่ได้ชื่อว่าเป็นนักแผ่นดินไหวคนแรกของไทย

"ดร.ไพบูลย์ นวลนิล" คือนักแผ่นดินไหววิทยาหนึ่งเดียวของประเทศไทย เจ้าของผลงานเขียน "แผ่นดินไหว! พิบัติภัยที่คนไทยต้องพร้อมรับมือ" โดยการให้สัมภาษณ์ในครั้งนี้ ถือเป็นข้อมูลอีกด้านที่ทีมข่าวนำมาให้พิจารณา ไม่ได้มีเจตนาหักล้างข้อมูลของใครว่าถูก หรือผิด

ไหวเนปาล สะเทือนถึงไทย?

เหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ที่ประเทศเนปาล แถมยังเขย่าซ้ำด้วยขนาด 7.4 แมกนิจูด ทำให้หลายคนกังวลว่าอาจกระทบถึงไทย เรื่องนี้ นักแผ่นดินไหววิทยา บอกว่า ไม่กระทบอย่างแน่นอน ก่อนจะอธิบายข้อมูลตามหลักวิชาการให้ฟังต่อไปว่า "แผ่นดินไหวใหญ่ที่จะสามารถกระตุ้นให้เกิดแผ่นดินไหวรุนแรงที่อื่นได้จะต้องอยู่ในรัศมีไม่เกิน 1,000 กิโลเมตร นั่นหมายความว่า ไทยห่างจากเนปาลประมาณ 1,800 กิโลเมตร ดังนั้นจึงไม่กระทบไทยแน่นอน แต่บางคนไม่เข้าใจจึงเอาไปโยงโน่นนี่นั่น บวกกับความวิตกกังวล ทำให้เกิดอาการอกสั่นขวัญแขวนเพิ่มขึ้นไปอีก"

แน่นอนว่า พักหลังๆ มานี้ มักจะได้ยินข่าวแผ่นดินไหวบ่อยขึ้น นั่นอาจเป็นสัญญาณเตือนว่าโลกจะวิบัติหรือไม่ นักวิชาการคนเดียวกันบอกว่า มันไหวของมันตามปกติ แต่บังเอิญว่าปัจจุบันมีสถานีตรวจวัดแผ่นดินไหวมากขึ้น และไวขึ้นทั่วโลก ทำให้สามารถวัดแผ่นดินไหวขนาดปานกลางได้เพิ่มขึ้น

"อย่างในอดีตที่ผ่านมาต้องขนาด 6 ขึ้นไปถึงจะตรวจวัดรายงานได้ แต่สมัยนี้ขนาด 1 เครื่องมันยังวัดได้เลย นอกจากนั้นประชาชนให้ความสนใจ แถมสื่อต่างๆ เข้าถึงชาวบ้านได้มากขึ้น แผ่นดินไหวจึงเป็นเรื่องใกล้ตัว และได้ยินกันบ่อยขึ้น" นักวิชาการด้านแผ่นดินไหวบอก ก่อนจะยืนยันว่า โลกไม่วิบัติแบบในภาพยนตร์อย่างแน่นอน

ส่วนอีกหนึ่งเรื่องที่ถูกถาม และกังวลกันมาก คงหนีไม่พ้น "แผ่นดินไหวรุนแรง" ในประเทศไทย ซึ่งตามหลักวิชาแผ่นดินไหวแล้ว ดร.ไพบูลย์ บอกว่า แผ่นดินไหวรุนแรงคือแผ่นดินไหวที่มีขนาด M=6.0-6.9 แต่หากย้อนไปดูประวัติการเกิดแผ่นดินไหวขนาดนี้ในประเทศไทยแล้ว พบว่าเคยเกิดเมื่อปี พ.ศ. 2478 ขนาด 6.5 และปี 2554 เกิดแผ่นดินไหวขนาด 6.3 ที่อ.แม่สรวย จ.เชียงราย หรือในรอบ 77 ปี เกิดแผ่นดินไหวรุนแรง 2 ครั้ง อาคารและโบราณสถานเสียหายบ้าง แต่ไม่มีรายงานผู้เสียชีวิต เนื่องจากศูนย์กลางแผ่นดินไหวไม่ได้อยู่ในเมืองที่มีผู้คนอาศัยหนาแน่น

"บ้านเรา ถ้าจะมีแผ่นดินไหวรุนแรงคงจะไม่ถึงขนาด 7 เหมือนอย่างที่เนปาล หรือปาปัวนิวกินี ขนาด 5 ผมว่าเยอะแล้วสำหรับประเทศไทย เพราะว่ารอยเลื่อนที่มีพลัง 14 รอยเลื่อนตอนนี้ มันเป็นรอยเลื่อนขนาดเล็ก ความสามารถในการสะสมพลังงานของมันจึงไม่มาก

เพราะฉะนั้น แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นจะเป็นแผ่นดินไหวที่ไม่รุนแรง ถามว่ามีโอกาสเกิดแผ่นดินไหวรุนแรงขนาด 6.5 ในประเทศไทยได้อีกไหม มันมีโอกาสเกิดขึ้นได้ เพียงแต่ไม่รู้ว่าจะเกิดขึ้นเมื่อไรจนกว่าจะมีข้อมูลที่มากพอ และสามารถคาดการณ์ได้ว่า ขนาดสูงสุดในแต่ละรอยเลื่อนมีขนาดเท่าไร แต่ตอนนี้บ้านเรายังไม่มีข้อมูลการตรวจวัดแผ่นดินไหวในแต่ละรอยเลื่อน เนื่องจากไม่มีเครื่องมือการตรวจวัดที่มากพอ" นักวิชาการแผ่นดินไหวอธิบาย

อีกนาน! สึนามิถล่มไทยรอบ 2

เมื่อถามถึงความเป็นไปได้ที่จะเกิดสึนามิถล่มฝั่งอันดามันรอบ 2 นักวิชาการแผ่นดินไหว บอกว่า ต้องเกิดแผ่นดินไหวขนาดยักษ์ ซึ่งคงต้องใช้เวลาอีกยาวนาน

"เหมือนกับ 26 ธ.ค.2547 เราถือว่าเป็นแผ่นดินไหวขนาดยักษ์ หรือขนาด 9 ซึ่งแผ่นดินไหวขนาด 9 มันไม่ใช่เกิดกันง่ายๆ ขนาดที่ญี่ปุ่น เมื่อครั้งเกิดแผ่นดินไหวใต้ทะเลขนาด 9 จนทำให้เกิดสึนามิขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นความรุนแรงที่สุด 5 ครั้งในรอบ 100 ปี และเป็นครั้งรุนแรงที่สุดที่ญี่ปุ่นเคยประสบ ของเราก็เหมือนกัน แผ่นดินไหวขนาด 9 ที่นักวิจัย หรือว่านักวิชาการได้ประเมินมา มีโอกาสเกิดขึ้นได้ในช่วง 100-200 ปีด้วยซ้ำ นั่นหมายความว่าจากปี 2547 ถ้ามันจะเกิดอีก มันคงต้องใช้เวลาอีกนาน

หรือบางคนบอกว่า อาจจะไม่ถึงขนาด 9 แต่สึนามิจะแรงกว่าเดิม อันนี้เป็นไปไม่ได้เลย เอาง่ายๆ แผ่นดินไหวขนาด 8 ซึ่งน้อยกว่า 9 หนึ่งหน่วย พลังงานมันน้อยกว่าอยู่ 33 เท่านะครับ ถ้าขนาด 7 กับขนาด 9 พลังงานต่างกันเป็น 1,000 เท่า ดังนั้นถ้าเกิดแผ่นดินไหวขนาด 7 การจะเกิดคลื่นสึนามิมันจะมากกว่าขนาด 9 ไปได้อย่างไร ในเมื่อพลังงานมันน้อยกว่าตั้ง 1,000 เท่า" นักวิชาการขยายความ

ส่วนโอกาสที่จะเกิดสึนามิขนาดใหญ่ในอ่าวไทย นักวิชาการท่านนี้ฟันธงว่า เป็นไปไม่ได้เลย เนื่องจากในอ่าวไทยไม่มีแนวมุดตัวที่จะเกิดแผ่นดินไหวขนาดยักษ์ได้เลย สำหรับสึนามิจากฟิลิปปินส์หรือญี่ปุ่นก็ไม่ส่งผลกระทบต่อชายฝั่งอ่าวไทยดังเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่ญี่ปุ่นจึงไม่ต้องกังวล และอย่าเชื่อข่าวลือ

"ในการตรวจวัดแผ่นดินไหว ตั้งแต่เริ่มมีการวัด ในอ่าวไทยจะมีแผ่นดินไหวที่เกิดในรอยเลื่อนระนองขนาด 5.0 นอกนั้นจะไม่มีแผ่นดินไหวเกิดขึ้นในอ่าวไทยเลย ดังนั้นรอยเลื่อนดังกล่าวจะเกิดแผ่นดินไหวขนาดปานกลางไม่ถึงกับขนาดรุนแรงที่มีผลกระทบมาก" นักวิชาการเผย

ทั้งนี้ ในทัศนะของนักแผ่นดินไหว "พายุ" คือภัยพิบัติที่น่ากลัวที่สุดในไทย

"พายุ ไม่ว่าจะเป็นพายุหมุนงวงช้าง พายุฤดูร้อน มันน่ากลัวนะ แต่น้ำท่วมไม่ค่อยน่ากลัว เพราะก่อนน้ำท่วมฝนก็ต้องตกลงมาก่อน พอฝนมันตก มันมีเวลาเตรียมตัว แต่น้ำท่วมใหญ่คราวที่แล้ว ทั้งๆ ที่รู้ล่วงหน้าว่าฝนมันตก เขื่อนจะต้องปล่อยน้ำ และน้ำจะต้องท่วมพื้นที่ไหน เพียงแต่ว่าเราไม่ได้ใช้วิชาการมาแก้ปัญหาเท่านั้นเอง ใช้แต่ความรู้สึกมาแก้ปัญหา กลายเป็นลิงแก้แห ท้ายที่สุดก็ท่วมกันถ้วนหน้า"

"คนไทย" พร้อมรับมือภัยพิบัติแค่ไหน

ปฏิเสธไม่ได้ว่า ภัยพิบัติธรรมชาติ นับวันยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ และสร้างความเสียหายหลายๆ ด้าน ถามว่าประเทศไทยมีความพร้อมแค่ไหนในการรับมือแผ่นดินไหวและสึนามิที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต ดร.ไพบูลย์ ในฐานะนักแผ่นดินไหวที่ศึกษาเกี่ยวกับการลดความเสียหายจากภัยแผ่นดินไหว และสึนามิ เขามองว่า หลังเหตุการณ์สึนามิเมื่อปี 2547 สำนักเฝ้าระวังแผ่นดินไหว กรมอุตุนิยมวิทยาได้มีการติดตั้งสถานีตรวจวัดแผ่นดินไหวเพิ่มขึ้นทั่วประเทศ รวมทั้งการติดตั้งทุ่นตรวจวัดคลื่นสึนามิโดยศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติเพิ่มขึ้นอีก 3 ทุ่น ทำให้สามารถที่จะเตือนภัยสึนามิได้ทัน

แต่สำหรับกรณีแผ่นดินไหวที่ยังไม่สามารถเตือนภัยได้นั้นก็ยังน่าเป็นห่วง เพราะการบังคับใช้กฎหมายเรื่องการออกแบบอาคารต้านแผ่นดินไหว รวมทั้งการซักซ้อมก็ไม่จริงจัง ส่วนหนึ่งมาจากการคาดการณ์ว่าประเทศไทยไม่น่าจะเกิดแผ่นดินไหวรุนแรงนั่นเอง

"ส่วนตัวคิดว่าตอนนี้บ้านเรายังไม่พร้อมกับสถานการณ์ใหญ่ หรือสถานการณ์ที่มีความเสียหายร้ายแรงเหมือนเหตุแผ่นดินไหวที่ประเทศเนปาล ซึ่งเราก็ไม่ได้อยากให้มันเกิดขึ้นอยู่แล้ว แต่พอกลับมาดูการเตรียมพร้อมในประเทศไทย เรายังไม่พร้อมในภาคของการบริหารจัดการภายใต้สภาวะฉุกเฉินในกรณีที่มีภัยพิบัติ และสร้างความเสียหาย เนื่องจากเรายังไม่เคยซ้อมในภาคใหญ่

อย่างเทศบาลเมืองป่าตอง จ.ภูเก็ต มีผู้อยู่อาศัยประมาณ 2 แสนคน ประชากรแฝงประมาณหนึ่ง แต่เวลาซ้อมสึนามิกลับมีไม่ถึง 1,000 คน แล้วถามว่าการบริหารจัดการคน 1,000 คนกับคนเป็นแสน เป็นหมื่นคนมันต่างกันเยอะมาก ซึ่งเราไม่เคยจำลองสถานการณ์ใหญ่แบบนั้นเลย ดังนั้น เราก็ไม่รู้ว่า ถ้ามันมีการเตือนภัย และต้องอพยพกันจริงๆ การจะอพยพคนเป็นหมื่นๆ คนภายใน 5 นาที 10 นาที หรือ 20 นาที เราทำได้ไหม"

เมื่อเป็นเช่นนี้ "กระทรวงภัยพิบัติธรรมชาติ" คือหน่วยงานที่นักแผ่นดินไหวท่านนี้ยืนยันว่าจำเป็นต้องมี เนื่องจากที่ผ่านมาๆ ยังคงมีความล่าช้าในการเยียวยาอยู่มาก หากปล่อยให้แต่ละหน่วยงานต่างคนต่างทำเหมือนในอดีต ก็ไม่มีทางที่จะสำเร็จในเวลาที่กำหนด หรืออาจจะล้มเหลวก็ได้

"เอาง่ายๆ วันนี้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย สังกัดกระทรวงมหาดไทย สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติอยู่กระทรวงสาธารณสุข สำนักเฝ้าระวังแผ่นดินไหวอยู่กระทรวงไอซีที ศูนย์เตือนภัยพิบัติก็เหมือนกัน ผมถามว่าเวลาสถานการณ์มันเกิดต้องให้นายกฯ มาจัดการ หรือให้ใครมาสั่งการ เพราะว่ากระทรวงสาธารณสุขจะไปสั่งกระทรวงมหาดไทยก็สั่งไม่ได้

แต่ประเด็นไม่ได้อยู่ตรงนั้น ที่ต้องตั้งกระทรวงภัยพิบัติธรรมชาติขึ้นมา ส่วนหนึ่งไม่ใช่กู้ชีพ กู้ภัย รักษา บรรเทา หรือเยียวยาผู้ประสบภัยอย่างเดียว แต่หมายถึงต้องทำหน้าที่ศึกษาวิจัยเพื่อหาแนวทางป้องกันบรรเทาภัยพิบัติธรรมชาติควบคู่กับการช่วยเหลือเยียวยาความเดือดร้อนของประชาชน รวมไปถึงการนำองค์ความรู้มาใช้ในการแก้ปัญหาภัยพิบัติธรรมชาติด้วย" นักแผ่นดินไหวเสนอแนะทิ้งท้าย

ข่าวโดย ASTVผู้จัดการ Live

 

นายช่างสำรวจส.ป.ก.โคราช โวยถูกจ้องอายัด 100 ล้าน! | เดลินิวส์



„นายช่างสำรวจส.ป.ก.โคราช โวยถูกจ้องอายัด 100 ล้าน! นายช่างสำรวจ ส.ป.ก.โคราชโวยถูกจ้องอายัดทรัพย์ 100 ล้าน ชี้ยังไม่ถูกชี้มูลความผิด ยืนยันถ้าผิดต้องผิดทั้งกระบวนการเผยถูกฝ่ายตรงข้ามเล่นงานพร้อมข่มขู่เอาชีวิต ขณะที่ทหารสนับสนุน จนท. เอกซเรย์พื้นที่ ส.ป.ก.ปากช่อง สัปดาห์นี้ 4.3 หมื่นไร่ใน อ.ปากช่อง อ.วังน้ำเขียว ถูกนายทุนบุกรุก วันศุกร์ที่ 15 พฤษภาคม 2558 เวลา
2:03 น.
เมื่อวันที่ 14 พ.ค. มีรายงานว่าคณะทำงานหลายหน่วยงานเตรียมลงพื้นที่ภายในสัปดาห์นี้เพื่อตรวจสอบพื้นที่ล่อแหลมมีสิ่งปลูกสร้างบุกรุกพื้นที่ ส.ป.ก.ใน อ.ปากช่อง และอ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา ตามนโยบายของปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยเร่งให้ตรวจสภาพปัญหาให้เสร็จภายในเดือนสิงหาคมนี้ ทั้งนี้ มีเป้าหมายดำเนินการตรวจเอกเรยส์พื้นที่เป็นรายแปลงในเขตส.ป.ก. ปากช่อง ตามแนวตะเข็บเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ เส้นถนนธนรัชต์และเส้นถนนเขาใหญ่-วังน้ำเขียว พื้นที่ 4.3 หมื่นไร่ ที่ยังไม่สามารถรังวัดออก ส.ป.ก. 4-01 ได้ซึ่งต้องใช้ภาพถ่ายทางอากาศเป็นตัวชี้เป้าสิ่งก่อสร้างของนายทุนที่บุกรุก เขตส.ป.ก. หากแปลงใดมีการพิสูจน์สิทธิ์การถือครองโดยมิชอบด้วยกฎหมายก็ต้องถูกดำเนินการฟ้องขับไล่ให้รื้อถอนตามกฎหมาย ด้าน พ.อ.สมหมาย บุษบา ที่ปรึกษาด้านกฎหมาย กองทัพภาคที่ 2 เผยว่า ได้เตรียมกำลังพลทหารให้การสนับสนุนเจ้าหน้าที่ในปฏิบัติการเอกซเรย์เขาใหญ่ปากช่องและวังน้ำเขียวแล้วทหารพร้อมให้การสนับสนุนในฐานะกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย กองทัพภาคที่ 2ซึ่งอยู่ในแผนงานที่พร้อมปฏิบัติ อย่างไรก็ตาม ในพื้นที่ ต.หนองสาหร่าย อ.ปากช่อง ทุกวันนี้มีปัญหาที่ดินของทหารหลายหน่วยทั้งคลังแสง กรมพลาธิการ กองการสัตว์และแปลงเกษตรของทหาร พื้นที่กว่า 1 แสนไร่ ถูกกลุ่มชาวบ้านและนายทุนบุกรุกนำไปใช้ประโยชน์ไม่น้อยกว่า 30,000 ไร่ จนไม่เหลือสภาพพื้นที่ดั้งเดิม ซึ่งในฐานะหน่วยปฏิบัติการทวงคืนผืนป่าสาธารณะได้เตรียมเดินหน้าสะสางปัญหาทั้งหมดแล้วส่วนกรณีตรวจสอบที่ดินโครงการมูนแดนซ์และคีรีมายา ได้ส่งมอบหลักฐานให้หน่วยงานเจ้าภาพทั้งที่ดินป่าไม้ และ ส.ป.ก. ดำเนินการตามขั้นตอนทางกฎหมายไปแล้ว ส่วนกรณีของนางพรทวี สุตันติราษฎร์ อายุ 52 ปี นายช่างสำรวจ ส.ป.ก.โคราชที่ถูกตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัย หลังมีส่วนพัวพันกับการออกโฉนดที่ดิน 9 แปลง 155 ไร่ ทับที่ ส.ป.ก. 130 ไร่ ในพื้นที่บ้านท่ามะปรางค์ หมู่ 3 ต.หมูสี อ.ปากช่อง ก่อนนำไปขายให้ลูกค้าไร่ละ 10 ล้านบาท กระทั่งมีข่าวทางสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ได้อายัดทรัพย์สินต่างๆ ร่วม 100 ล้านบาทของนางพรทวี ไว้ตรวจสอบทั้งหมด ล่าสุด นางพรทวีเปิดเผยว่า มีความพยายามของฝ่ายตรงข้ามที่จะนำกรณีบ้านพัก 3 หลังบนเนื้อที่ 7 ไร่ ของ น.ส.ภัคมล กิจศิริกุล อายุ 34 ปี ที่ถูกแจ้งความบุกรุกที่ ส.ป.ก. มาเชื่อมโยงกล่าวหาว่าเป็นนอมินีของตนนั้น ตนยืนยันมาตลอดว่าไม่เกี่ยวข้องกัน ที่ดินอยู่คนละแปลงกับ 155 ไร่ ตอนนี้ตนได้เข้าสู่กระบวนการสอบสวนของคณะกรรมการ ตนได้ชี้แจงไปหมดแล้ว ยืนยันการออกโฉนดที่ดินทับที่ ส.ป.ก. ดำเนินการตามหน้าที่ ถ้าผิดจริง ก็ต้องผิดทั้งกระบวนการ ส่วนจะถูก ปปง. อายัดทรัพย์สิน 100 ล้านบาทนั้น ตนจะมีทรัพย์สินที่ไหนเป็น 100 ล้าน ตอนนี้เหลือเงินติดบัญชีเพียง 40,000 กว่าบาท ทางคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ(ป.ป.ท.) ก็ยังไม่มีการชี้มูลความผิดใดๆ รวมทั้งทาง ส.ป.ก.ก็ยังไม่กล้าแจ้งความเพราะรู้อยู่แล้วว่าไม่ใช่ที่ดินของตน หากมีการแจ้งความเอาผิดตนก็ต้องฟ้องกลับ ตอนนี้ได้เตรียมทีมทนายความไว้ต่อสู้ในฐานความผิดทุกด้านเอาไว้แล้ว อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เกิดขึ้นมีที่มาจากสาเหตุความขัดแย้งกับฝ่ายตรงข้ามที่จ้องจะเล่นงานตนอยู่ตลอดเวลา เพราะขัดแย้งเรื่องผลประโยชน์ที่ดินส.ป.ก.ในหลายพื้นที่ จนทำให้ปัญหาบานปลาย ตอนนี้ตนไม่กล้าออกไปไหน เพราะกลัวถูกตามล่าเอาชีวิตตอนนี้มีการข่มขู่มาว่าถ้าตนตายเรื่องก็จบ และฝากให้ตนระมัดระวังตัวเอาไว้.“
อ่านต่อที่ : นายช่างสำรวจส.ป.ก.โคราช โวยถูกจ้องอายัด 100 ล้าน! | เดลินิวส์

 

ปอกเปลือก ทรราช
รัสเซียตอบโต้การแซงชั่นของสหรัฐฯและอียูสั่งยกเลิกออร์เดอร์เครื่องบินโบอิ้งและแอร์บัสหลายลำ



------------
ว้าววว! การเล่นเกมแซงชั่นกันนี่มันจริงๆ เกมนี้จะโทษรัสเซียไม่ได้นะเพราะสหรัฐฯกับอียูมาหาเรื่องรัสเซียก่อน คิดว่าตัวเองแน่จะเที่ยวออกมาตรการกดดันและแซงชั่นใครตามอำเภอใจก็ได้หละสิ เมื่อวานนี้ (14 พ.ค.58) สำนักข่าว sputnik news ของรัสเซียรายงานว่า "การแซงชั่นต่อต้านรัสเซียคราวนี้ย้อนกลับไปที่อุตสาหกรรมการบินของตะวันตกบ้าง เนื่องจากรัสเซียกำลังจะส่งเครื่องบินเจ็ตที่เช่ามาจากบริษัทโบอิ้งและจากแอร์บัสคืนให้สหรัฐฯและยุโรป และยกเลิกการสั่งซื้อเครื่องบินชุดใหม่ด้วย"
Sergey Izvolskiy โฆษกองค์การด้านการบินแห่งชาติของรัสเซียรายงานว่าตั้งแต่เดือนสิงหาคมปีที่แล้วจนถึงวันที่ 1 เมษายนที่ผ่านมารัสเซียได้ปรับลดจำนวนเครื่องบินโบอิ้ง (Boeing) ของสหรัฐฯ และแอร์บัส (Airbus) ที่นำมาใช้งานในรัสเซียลงไปแล้วถึง 11 ลำ
ตอนนี้รัสเซียได้สั่งลดเครื่องบินโดยสารจากค่ายโบอ้ิงลงไปแล้ว 10 ลำเหลือใช้งนอยู่ 332 ลำ และลดจากค่ายแอร์บัสลง 1 ลำเหลือใช้งานอยู่ 281 ลำ สำนักข่าวบูมเบิร์กของสหรัฐฯพยายามพูดปลอบใจสหรัฐฯกับอียูว่าเหตุผลหลักที่รัสเซียลดจำนวนเครื่องบินโดยสารลงนั้นก็เพราะว่าค่าเงินรูเบิ้ลของรัสเซียต่ำลงถึง 50 เปอร์เซ็นต์ตั้งแต่ปลายปี 2014 ซึ่งมีสาเหตุมาจากการแซงชั่นจากตะวันตก และความตกต่ำในมูลค่าการส่งออกน้ำมัน (สื่อฯสหรัฐฯนี่ฉลาดพูดนะ เวลาจะโทษก็โทษที่ตะวันตกซึ่งก็คือยุโรป ทั้งๆที่สหรัฐฯนั่นแหละเป็นตัวการในการทำแซงชั่นรัสเซียก่อน อย่างนี้ไม่เรียกว่าชาตินิยมแล้วจะเรียกว่าอะไรดีหละนี่?)
รัสเซียนั้นให้เหตุผลว่าตอนนี้การบินของรัสเซียมีต้นทุนสูงมาก จำนวนผู้โดยสารลดลง 2.3% ถึง 17 ล้านในไตรมาสแรก การลดลงนั้นเริ่มตั้งแต่ปี 2009 (ก็ฟังดูมีเหตุผลที่จะลดยอดสั่งซื้อและเช่าเครื่องบินจากสหรัฐฯและยุโรปลง)
บูมเบิร์กอ้างว่าการลดลงของผู้โดยสารเป็นตัวสะท้อนสาเหตุที่รัสเซียปรับลดยอดเช่าเครื่องบินโดยสาร ซึ่งเครื่องบินเช่ามักจะเก่าและไม่ประหยัดเชื้อเพลิง และก็จะถูกกำจัดออกไปโดยเร็วเมื่อถึงคราวจำเป็น (รัสเซียบอกว่านี่แหละถึงคราวจำเป็นแล้ว)
ฝ่ายผู้บริหารของแอร์บัสออกมากล่าวว่าทางบริษัทกำลังจะหาทางเจรจากับผู้ให้บริการเกี่ยวกับเรื่องเลื่อนการรับเครื่องบินตามที่ได้มีออร์เดอร์มาก่อนหน้านี้ (ฟังคำพูดคำจาของพวกนักธุรกิจสิช่างต่างกันกับพวกนักการเมืองที่ชอบวางกล้ามวางอำนาจจริงๆ ปูตินบอกว่าไอ้พวกปากหวานก้นเปรี้ยวพวกนี้เชื่อถือไม่ได้หรอก รัฐบาลเขาสั่งให้มาพูดแทนหละสิ รู้ทันหรอกน่า ไม่หลงกลหรอก ถ้าจริงใจกันจริงๆก็ยกเลิกแซงชั่นรัสเซียให้ได้ก่อนสิ)
ทำไมรัสเซียถึงลดเครื่องบินจากสหรัฐฯและอียูลง นอกจากเหตุผลที่บูมเบิร์กกล่าวมาแล้วนั้น ยังมีอีกเหตุผลหนึ่งก็คือรัสเซียเองก็ผลิตเครื่องบินโดยสารของตัวเองเชิงพาณิชย์เช่นกัน ซึ่งก็คือ Sukhoi Superjet 100 มีหลายรุ่น ขนาด 108 ที่นั่งผู้โดยสาร ราคาประมาณ 35 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 1.1 พันล้านบาท) เนื่องจากประสบปัญหาด้านการเงิน เมื่อปลายเดือนเมษายนที่ผ่านมามีข่าวว่าบริษัทร่วมทุนระหว่างรัสเซียกับอิตาลีทั้งสองบริษัทคือ Sukhoi Civil Aircraft Company (SCAC) และ SuperJet International (SJI) ซึ่งเป็นผู้ผลิตเครื่องบินโดยสารรุ่นนี้ของรัสเซีย กำลังจะรวมกิจการเข้าด้วยกัน และเมื่อรวมกันแล้วรัสเซียก็ยังถือหุ้นมากกว่าอิตาลีด้วย ลูกค้าที่ซื้อเครื่องบินโดยสารจากรัสเซียนี้ก็ประกอบด้วยสายการบินในประเทศของรัสเซียเอง CIS จีน อินเดีย ตะวันออกกลาง เอเซียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งก็รวมถึงไทยและลาวด้วย ข้อมูลเบื้องต้นจากต่างประเทศบอกว่าซื้อในนามกองทัพอากาศไทยจำนวน 3 ลำ (2014-2015) สำหรับใช้ในรัฐบาลไทย
The Eyes
15/05/2558
----------
Anti-Russian Sanctions Backfire Against Western Aerospace Industry / Sputnik International
Financial Problems With Sukhoi Superjet-100 to Lead to New Company Merger / Sputnik International
Sukhoi Superjet 100 - Wikipedia, the free encyclopedia

 

ปอกเปลือก ทรราช
ชาวอเมริกันมากกว่าครึ่งเชื่อว่าระบบเศรษฐกิจของสหรัฐฯเอื้อประโยชน์คนรวย (นักการเมืองสหรัฐฯชอบระบบสังคมนิยม)



------------
คำเตือน! โปรอเมริกาอ่านข่าวนี้แล้วอาจจะยอมรับความจริงไม่ได้ อาจจะเกิดอาการคลุ้มคลั่ง ตีอกชกตัว ไล่งับหางตัวเองก็ได้ ดังนั้น... แอ็ดมินขอแนะวิธีง่ายๆในการระงับอารมณ์ของตัวเองก่อนจะเป็นอันตรายต่อตัวเองหรือผู้ใกล้ชิด ให้หลับตา สูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วค่อยๆปล่อยลมหายใจออกเบาๆ ซักสามรอบ ตั้งสติทำสมาธิให้ดี แล้วค่อยๆอ่านและพิจารณาไปนะ เพราะมันยากที่จะทำใจยอมรับได้ว่าในประเทศสหรัฐฯที่เชิดชูตัวเองนักหนาว่าเป็นประชาธิปไตยนั้น จะมีนักการเมืองระดับชาติเป็นพวกชอบ "สังคมนิยม" (Socialism) นั่งอยู่ในสภาคองเกรสในปัจจุบันนี้ และได้ประกาศลงสมัครเป็นแข่งขันเป็นตัวแทนเลือกตั้งประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกาแล้วด้วย
วันนี้ (14 พ.ค.58) สำนักข่าว sputnik news พาดหัวข่าวตามที่แอ็ดมินได้ตั้งชื่อเรื่องของโพสต์นี้ไว้นั่นแหละ เห็นว่าน่าสนใจดีจึงนำมาเล่าสู่กันฟัง โดยสื่อฯรัสเซียขยายความต่อว่า "ระบบสังคมนิยม (Socialism) ถูกตราหน้าในสหรัฐฯมาเป็นเวลาหลายทศวรรษ (หลายสิบปี) มันจึงยากที่จะจินตนาการถึงคำว่า "นักสังคมนิยมประชาธิปไตย" (Democrat Socialist) อย่างเบอร์นี่ แซนเดอร์ (Bernie Sanders) ใช้เรียกตัวเอง ซึ่งเขาได้รับการสนับสนุนให้เป็นหนึ่งในผู้สมัครแข่งขันลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดี [ของสหรัฐฯ] ในปี 2016 โพลล์และการสำรวจความคิดเห็นเมื่อเร็วๆนี้แสดงให้เห็นว่า คำพูดของแซนเดอร์เหมือนสะท้อนให้เห็นถึงผู้มีสิทธิ์ออกเสียงเลือกตั้งในสหรัฐฯที่เพิ่มมากขึ้น" (ในทางที่สนับสนุนความคิดของแซนเดอร์?)
เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมาเบอร์นี่ แซนเดอร์ได้ประกาศตัวลงแข่งขันเป็นแคนดิเดทตัวแทนผู้สมัครเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯท้าทายกับนางฮิลลารี่ คลินตันในปี 2016 ในนามของพรรคดิโมแครท ปัจจุบันเบอร์นี่ แซนเดอร์เป็นวุฒิสมาชิกจากรัฐเวอร์ม้อนท์ (Vermont) ซึ่งชนะการเลือกตั้งในปี 2012 ด้วยคะแนนเสียง 71% พวกเกจิทางการเมืองทั้งหลายต่างก็มองว่าโอกาสที่เขาจะชนะฮิลลารี่ คลินตันนั้นมีน้อย เนื่องจากดูเหมือนว่าคลิตันจะอาจจะทุ่มเงินหลายล้านดอลล่าร์ในการทำการรณรงค์หาเสียงของเธอ
สื่อรัสเซียบอกว่ามันความผิดปรกติในทางการเมือง (political anomaly) ที่วุฒิสมาชิกแซนเดอร์ปฏิเสธในการขอความร่วมมือจากผู้บริจาครายใหญ่ อันที่จริงวุฒิสมาชิกแซนเดอร์ได้กล่าวเอาไว้ว่า "หนึ่งในจุดมุ่งหมายหลักของเขาก็คือเอาเงินออกจากการเมือง" (มันจะเป็นไปได้รึ?) คำพูดนี้และความล้มเหลวทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯจะเป็นเครื่องมือและเวทีในการหาเสียงของเขา (ฝันนี้ยังไกลไปหรือเปล่าในสังคมประชาธิปไตยแบบหลอกๆอย่างสหรัฐฯ? ต้องอ่านต่อ)
ท่านวุฒิสมาชิกเชื่อว่าระบบเศรษฐกิจของสหรัฐฯนั้นรับใช้เฉพาะผลประโยชน์ของเหล่าคนรวยซึ่งเป็นเพียงคนกลุ่มน้อยในสังคมอเมริกาเท่านั้น ในทางกลับกันคนกลุ่มน้อยเหล่านี้ก็กุมความมั่นคงและอำนาจของพวกเขาเพื่อที่จะรักษาสถานภาพนั้นให้คงอยู่ตลอดไป กล่าวคือคนเหล่านี้มีเพียงแค่ 1% เท่านั้นที่เป็นผู้กำหนดเกมตามอำเภอใจของพวกเขา
การขึ้นภาษีกับบริษัทมหาชนและพวกคนรวย การรับประกันค่าแรงงาน การขยายสิทธิประโยชน์ประกันสังคมและการให้สถานบันทางการศึกษาปลอดหนี้เป็นสิ่งที่แซนเดอร์ได้กล่าวเอาไว้เมื่อหลายปีก่อน ดูเหมือนว่าคำพูดเหล่านี้จะถูกนำไปเป็นวาทกรรมในการหาเสียงทางการเมืองของพวกรีพับลิกันด้วย และมุมมองแบบนี้ของแซนเดอร์ได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นในสังคมอเมริกัน
จากการสำรวจความคิดเห็นในปี 2014 โดย Pew พบว่าชาวอเมริกัน 60% มีความเห็นร่วมกันว่าระบบเศรษฐกิจของสหรัฐฯเอื้อประโยชน์ให้เฉพาะกลุ่มคนรวยอย่างไม่เป็นธรรม ส่วนโพลล์จากค่าย AP/GfK บอกว่าชาวอเมริกันสองในสามคิดว่าพวกคนรวยจ่ายภาษีน้อย (กว่าประชากรส่วนใหญ่ของอเมริกา) ในขณะที่โพลล์จากค่าย HuffPost/YouGov เปิดเผยข้อมูลว่าสองในสามของพลเมืองชาวอเมริกันมีความเห็นว่าพวก CEO (ผู้บริหารระดับสูงของบริษัทเอกชน) ได้รับผลตอบแทนที่สูงมาก
นอกจากนี้แล้วยังมีกลุ่มเคลื่อนไหว นักกิจกรรมและองค์กรต่างๆอีกมากมายที่สนับสนุนความคิดเห็นของแซนเดอร์ Paul Krugman และ Joseph Stiglitz เจ้าของรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพกล่าวว่านโยบายด้านการค้าขายของสหรัฐฯนำไปสู่ความไม่เท่าเทียมกัน (US trade policies contribute to inequality)
สหรัฐฯนั้นใช้ระบบเศรษฐกิจแบบ "ทุนนิยม" (Capitalism) และใช้ระบบการเมืองการปกครองแบบประชาธิปไตย (Democracy) ซึ่งเป็นของคู่กัน ใครมีเงินมากก็ซื้อมาก เงินเป็นใหญ่ ใครมีเงินมากก็กุมอำนาจทุกอย่างในประเทศ เพราะทุกอย่างอยู่ภายใต้อำนาจเงินทั้งนั้น ซื้อได้แม้แต่คะแนนเสียงเลือกตั้งแล้วประกาศความชอบธรรมในการปกครองประเทศให้กับกลุ่มของตัวเอง
นักวิเคราะห์มองว่าท่าทีการเปลี่ยนทัศนคติไปสู่ระบบการปกครองแบบสังคมนิยมขนาดใหญ่ในสังคมอเมริกานั้นดูเหมือนว่าจะเกี่ยวข้องกับตัวเลขของประชากรสหรัฐฯที่เพิ่มขึ้นประจวบกับค่าจ้างแรงงานที่ต่ำและอัตราการว่างงาน (ที่เพิ่มขึ้น)
MarketWatch และ Darrel Delamaide คอลัมนิสต์ชาวอเมริกันมองว่า ชาวอเมริกันไม่เชื่อต่อไปอีกแล้วว่าระบบเศรษฐกิจของพวเขาเหนือกว่ากลุ่มประเทศยุโรป ส่งผลให้การรับรู้ระบบที่ครั้งหนึ่งถูกมองว่าเป็นสิ่งต้องห้าม (ถูกปิดหูปิดตา) มีการเปลี่ยนแปลงไป (อ่านคำพูดของพวกนักวิจารณ์ชาวสหรัฐฯนี่ต้องทำใจ เพราะสำนวนโวหารของเขานี่ตีลังกาแปดตลบถึงจะเขียนได้ ทำให้แอ็ดมินต้องตีลังกากลับหลังหันแปลเช่นกัน)
นักวิเคราะห์มองว่าหากสถานการณ์ในสหรัฐฯยังคงดำเนินต่อไปอยู่อย่างนี้ ดูเหมือนว่าแซนเดอร์จะเลือกช่วงเวลาได้อย่างเหมาะสมที่จะเล่น หากไม่คำนึงถึงโอกาสที่เขาจะชนะการเลือกตั้งในการรณรงค์หาเสียงหรือไม่นั้น กระแสนี้ไม่เพียงแต่จะส่งผลกระทบเป็นอย่างมากในสมัยการเลือกตั้งที่กำลังจะมา แต่ยังรวมถึงการเคลื่อนไหวทั้งภายในและภายนอกพรรคดิโมแครทของสหรัฐฯอีกด้วย
จุดที่สื่อฯรัสเซียสนใจเป็นพิเศษก็คือว่า ทำไมนักการเมืองระดับชาติที่เป็นถึงวุฒิสมาชิกสภาคองเกรสของสหรัฐฯถึงหันมานิยมระบบเศรษฐกิจแบบสังคมนิยมและการเมืองแบบประชาธิปไตย (Democratic Socialism) ซึ่งระบบโซเชียลลิสม์นี้ต้นตำหรับมาจาก Marxism–Leninism ในระบอบสังคมนิยมแบบคอมมิวนิสต์เลยนะ แต่พักหลังลงมาก็แตกออกไปหลายสำนักเหมือนกันมีการพัฒนาและขยายแนวความคิดออกไปเรื่อยๆตามยุคสมัย แต่สังคมนิยมยังไงซะก็ยังคงเป็นสังคมนิยมอยู่ดี เพราะพวก Capitalism (ทุนนิยม) มองว่าสังคมนิยมคือศัตรูตัวฉกาจของทุนนิยม หากสามารถกำจัดสังคมนิยมออกไปได้พวกอีลิททางด้านเศรษฐกิจก็จะกุมอำนาจทุกอย่างในประเทศได้อย่างเบ็ดเสร็จ ปัจจุบันนี้ระบบ Democratic socialism กำลังได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆทั้งในแวดวงการศึกษาระดับสูงรวมถึงนักการเมืองทั้งในสหรัฐฯและตะวันตกด้วย หรือว่าจุดจบของระบบทุนนิยม รวยกระจุกจนกระจายใกล้จะมาถึงแล้ว? เอ… ไม่รู้ว่าคุณบรรยงฯ แกรู้เรื่องนี้ด้วยหรือเปล่านะ เห็นวันก่อนแกบอกว่าระวังน๊าาาปฏิรูปพลังงานไทยจะเป็นสังคมนิยมโดยไม่รู้ตัว อ้าวนี่... สหรัฐฯตัวเป้งๆกับสนับสนุนระบบสังคมนิยมอยู่นะนั่นหนะโปรอเมริกาอย่างนายบรรยงฯ จะว่าอย่างไรบ้างหละคราวนี้?
The Eyes
14/05/2558
----------
More Than Half of Americans Agree With Bernie: US Economics Favor the Rich / Sputnik International
Hillary’s ‘Socialist’ Challenger Raises $1.5 Mln in One Day / Sputnik International
Democratic socialism - Wikipedia, the free encyclopedia
Social democracy - Wikipedia, the free encyclopedia

 

Thanong Fanclub

8. สงครามกำลังมา
นักวิเคราะห์ทางเศรษฐศาสตร์และการเมืองชั้นนำต่างลงความเห็นเหมือนกันว่าโลกกำลังเคลื่อนเข้าสู่ภาวะสงครามโลกครั้งที่ 3
ต่อไปนี้คือความเห็นของพวกเขา :
Dr Philippa Malmgren อดีตที่ปรึกษาประธานาธิบดีสหรัฐและสมาชิกของ U.S. President's Working Group on Financial Markets พูดเมื่อเดือนธันวาคมนี้ว่า สหรัฐฯทำสงครามกับรัสเซียและจีนแล้ว แต่เป็นสงครามไซเบอร์
Scott Borg ซีอีโอของ US Cyber Consequences Unit และที่ปรึกษาของรัฐบาลสหรัฐบอกว่าสหรัฐได้ก่อสงครามไซเบอร์กับรัสเซีย จีนและอิหร่านอย่างกว้างขวาง สหรัฐยอมรับว่าได้โจมตีโรงงานนิวเคลียร์ของอิหร่านด้วยไซเบอร์
Paul Craig Roberts รองรมวคลังสมัยประธานาธิบดีเรแกนบอกว่าสหรัฐได้เร่ิมก่อสงครามกับรัสเซียแล้ว
Mark Galeotti อาจารย์ด้าน Global Affairs ที่ the Center for Global Affairs ของ New York University บอกว่าโลกตะวันตกและรัสเซียได้ทำสงครามกันแล้ว
Ron Paul อดีตสส จากพรรครีพับรีกันจากรัฐเท็กซัสบอกว่า การแซงชั่นเป็นการทำสงคราม และสหรัฐได้ทำการแซงชั่นรัสเซียและอิหร่านมาระยะหนึ่งแล้ว
สหรัฐได้ขู่จะเผชิญหน้าทางทหารกับจีนในทะเลจีนใต้ และจีนกำลังจริงจังมากกับคำขู่นี้
ทั้งรัสเซียและจีนมีอาวุธนิวเคลียร์มากพอที่จะถล่มโลกให้ล่มสลาย และผู้เชี่ยวชาญจากสหรัฐ อังกฤษ โปแลนด์และรัสเซียเชื่อว่า สงครามในยูเครนจะนำไปสู่สงครามนิวเคลียร์ในที่สุด
เพนตากอนรายงานว่าจีนมีขีปนาวุธที่ทรงพลังพอที่จะโจมตีสหรัฐได้ทุกจุด
รัสเซียและจีนได้ทำการซ้อมรบทางทหารร่วมกัน
จีนได้เตือนสหรัฐให้หยุดทำสงครามตัวแทนในยูเครน
จีนและรัสเซียเตือนสหรัฐว่าการโจมตีอิหร่านหรือซีเรียจะถือว่าเป็นการก่อสงครามกับรัสเซียและจีน ขณะนี้สหรัฐกำลังก่อสงครามในซีเรียเพื่อล้มรัฐบาลอัสสาด และได้หนุนการก่อการร้ายในอิหร่านเป็นเวลาหลายปีแล้ว
อะไรจะผิดพลาดไปได้มากกว่านี้
thanong
14/5/2015
http://www.zerohedge.com/news/2015-...ment-official-us-already-war-china-and-russia

 

เบื้องหลังซาอุดิอาระเบีย โจมตีเยเมน หวังสร้างสงครามชีอะห์ –ซุนนี
เรื่องเด่นประเด็นร้อนby อิบรอฮีม อาแว - พ.ค. 14, 2015



เจ้าหน้าที่ที่ปรึกษาระดับสูง ของกลุ่มอันศอรุลเลาะฮ์ เยเมน ได้กล่าวว่า “เป้าหมายหลักของ ราชวงศ์ซาอูดและพันธมิตรของมัน ในการโจมตีเยเมน คือ การสร้างความแตกแยก และความร้าวฉาน ระหว่าง ซุนนี – ชีอะฮ์ ซึ่งแน่นอนยิ่งพวกเขาจะไม่มีวันสมหวังในแผนการอันชั่วร้ายนี้

farsnews – ชัรฟุดดีน ชัมซุดดีนีย์ ได้กล่าวปราศรัย ในช่วงบ่ายวานนี้ (จันทร์ ที่ 11 ) ในมหาวิทยาลัยอิสลาม ออซอด เมือง อัรเดบิล ว่า “การโจมตีเยเมนอย่างเปิดเผย โดยซาอุดิอาระเบียนั้น มีจุดประสงค์ และเหตุผลเฉพาะ ซึ่งผู้คนบางส่วน ไม่อาจรับรู้ถึงแผนการเหล่านี้ และยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่า เยเมน เป็นประเทศจุดยุทธศาสตร์ในภูมิภาค ซึ่งนับตั้งแต่ปี 2004 ประเทศนี้ได้เริ่มต้นขบวนการเคลื่อนไหว โดยมีผู้นำการปฏิวัติ คนแรก ชื่อ ซัยยิด ฮูเซน บัดรุดดีน ใช้เมืองศออดาห์ เป็นสถานที่แห่งแรกในการขับเคลื่อน จนเป็นภัยอันตรายต่ออาลีซาอูด ทำให้มีการสกัดกั้นขบวนการปฏิวัติของประชาชนชาวเยเมน ที่ได้แผ่กระจายปกคลุมทุกพื้นที่ เพื่อคงไว้ซึ่งหุนเชิดของตนเอง

เขากล่าวเสริมว่า นับตั้งแต่ปีแรกที่ ซัยยิด ฮูเซน บัดรุดดีน ได้จัดตั้งขบวนการอันศอรุลเลาะฮ์ขึ้น มา ท่านได้รวบรวมบรรดามุญาฮีดีน นักต่อสู้ทั้งหลาย ให้อยู่ ภายใต้อุดมการณ์อันเดียวกัน พร้อมได้ประกาศจุดยืนโดยการแสดงออกในการสนับสนุน ขจัดระบอบการกดขี่ และการละเมิด ที่เกิดขึ้นในประเทศนี้ ซึ่ง การโจมตีซาอุดิอาระเบีย ก็ มีเป้าหมายเพื่อยับยั้ง เสรีภาพและเอกราชที่แท้จริงของประเทศนี้


แก่นแท้ของการปฏิวัติประชาชนชาวเยเมน มีความคล้ายคลึงกับ การปฏิวัติของอิหร่าน

ที่ปรึกษา อันศอรุลเลาะฮ์ ได้กล่าวว่า ” สื่อต่างๆของตะวันตกต่างพยายามที่จะปกปิดความเป็นจริงเกี่ยวกับการปฏิวัติของประชาชนชาวเยเมน ซึ่งนั่นเป็นหนึ่งในความคล้ายคลึงกับการปฏิวัติอิหร่าน เพราะ ในด้านหนึ่ง กลุ่มที่เกี่ยวข้องกับระบบการปกครองเก่า ต่างก็ละทิ้งแผ่นดินของตนไปเช่นกัน และประชาชนต่างก็มีเสรีภาพ และอิสรภาพในการตัดสินใจ เพื่อที่พวกเขาจะสามารถเคลื่อนไหวก้าวไปข้างหน้าอย่างจริงจังด้วยตัวเอง

ชัมซุดดีน ได้กล่าวเสริมในครั้งนี้อีก ว่า “ในอีกประเด็นหนึ่ง การสร้างวัฒนธรรมแห่งอัลกุรอาน ก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่อยู่ในคำบรรยาย ที่บัดรุดดีน ได้เคยปฏิวัติและกำชับไว้ โดยถือว่า การอบรม ขัดเกลาจิตวิญญาณ เป็นเนื้อหาในลำดับต้นๆของการบรรยายเขา

เขากล่าวเสริมว่า ร้อยกว่าคำบรรยาย ที่เขาได้มีการเน้นย้ำถึงความสำคัญของ ประเด็นศาสนา และจิตวิญญาณ เพื่อส่งเสริมให้อันศอรุลลอฮ สามารถสร้างความเข้มแข็งด้านจิตวิญญาณให้กับพี่น้องประชาชนในประเทศ ด้วยการพึ่งพายังอำนาจของพระผู้เป็นเจ้าเป็นหลัก

ชัมซุดดีน กล่าวเสริมว่า ในส่วนที่สอง คือ การเคลื่อนไหวที่ดำเนินไปสู่เส้นทางเพื่อให้ประชาชน สามารถก้าวไปข้างหน้า โดยได้รับการบันดาลใจ หรือ ชี้นำจากอัลกุรอาน และ แนวทางของอะฮลุลบัยต์(อ) จนกระทั่งพวกเขาสามารถเคลื่อนไหว และสามารถทำให้การปฏิวัติประสบความสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรม
ในส่วนที่สาม คือ การเคลื่อนไหวของอันศอรุลลอฮ ที่มีโลกทัศน์ในการรู้จักศัตรูโดยสามารถประจักษ์เห็นชัดเจน อีกทั้งประชาชนชาวเยเมน ต่างได้ข้อสรุปที่ว่า ปัญหาต่างๆ ที่พี่น้องมุสลิมกำลังประสบอยู่นี้ ล้วนมาจากน้ำมือของ สหรัฐ และยิวไซออนิสต์ทั้งสิ้น

ที่ปรึกษาอันศอรรุลเลาะฮ์ ยังได้กล่าวว่า การส่งเสริมสโลแกนแห่งศาสนา และอิสลาม ที่ขับเคลื่อนด้วย ประโยค ” อเมริกาจงพินาศ อิสราเอล จงพินาศ !! ชัยชนะเป็นของอิสลามนั้น ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว !! และใน คำบรรยายของ ซัยยิด ฮูเซน บัดรุดดีน ท่านยังได้กล่าวระลึกถึงอิมามโคมัยนี(รฮ) ผู้ล่วงลับว่าเป็น ผู้นำ ที่แท้จริงของขบวนการปฏิวัติในครั้งนี้
ศออดะฮ คือศูนย์กลางแห่งความรู้ และแหล่งผลิตอุลามาอ์ นักวิชาการ ในเยเมน ซึ่งมีความคล้ายคลึงกับเมืองกุมของอิหร่าน

เขาได้อีกกล่าวว่า “เราสามารถมองเห็นการขับเคลื่อนขบวนการอันยิ่งใหญ่นี้ จากพลังรัศมีแห่งการปฏิวัติอิสลาม ที่อยู่ในการเคลื่อนไหวของประชาชนชาวเยเมน ซึ่ง ซัยยิด ฮูซัยนี ที่ได้เริ่มการปฏิวัติในยุคสมัยของเขาจากเมือง ศออดะฮ์ นั้น ได้เน้นย้ำถึงหลักการนี้ว่า เมืองศออ์ดะฮ เป็นศูนย์กลางแหล่งความรู้ และเป็นศูนย์กลางผลิตบรรดาอุลามาอ์ในเยเมน ซึ่งมีความคล้ายคลึงกับเมืองกุมของอิหร่านยิ่งนัก
ซัมซุดดีนได้อธิบาย ว่า ตั้งแต่ปี 2004 ซัยยิด ฮูซัยนี ได้เริ่มต้นการปฏิวัติด้วยจำนวนสมาชิก 300 คน และการปฏิวัติอันนี้ กลายเป็นระฆังที่ส่งสัญญาณอันตรายแก่สหรัฐอเมริกา จนทำให้พวกเขาต้องออกมาส่งเสียงเพื่อบิดเบือน และทำลายการปฏิวัติในครั้งนั้น

เขากล่าวเสริมว่า ในปี 2004-2010 เกิดสงครามโจมตีเยเมน 6 ครั้งด้วยกัน และวันนี้ เราสามารถประจักษ์เห็นการโจมตีของซาอุดิอาระเบียที่มีต่อเยเมน ซึ่งแน่นอน สงครามครั้งนี้ เกิดขึ้นก็เพื่อทำลายเจตนารมณ์และความมุ่งมั่นแห่งชาติ ทำลายกลยุทธ์และยุทธศาสตร์ในภูมิภาคของเยเมน ทั้งนี้ในทางภูมิศาสตร์แล้ว เยเมนตั้งอยู่ บนช่องแคบมันเดบ เป็นจุดยุทธ์ศาสตร์ที่พิเศษและสำคัญอันมีอานาเขตติดทะเลที่มีความสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจต่างๆของประเทศ

เขายังได้ระบุว่า เยเมนมีความมั่งคั่งทางทรัพยากรธรรมชาติ โดยมี 34% ของน้ำมันสำรองในโลกมีก๊าซนับพันล้านลูกบาศก์เมตรและทรัพยากรแร่ธาตุอื่น ๆอีกมากมาย พร้อมกับชี้ว่า หลังจากที่ อับดุลลอฮ์ ซาเลห์ ถูกโค่นล้มจากอำนาจ ซาอุดิอาระเบียมีความละโมบในทรัยพากรเหล่านี้จึงมีการโจมตีเยเมน ด้วยการสร้างสงครามภายในในรูปแบบต่างๆเพื่อให้เกิดความไม่ปลอดภัย และเป็นการเปิดทางให้กับกลุ่มก่อการร้ายไอซิสและอัลกออิดะห์

พลเรือนเยเมนได้เสียชีวิตและบาดเจ็บ 10,000 กว่าคนแล้ว

ชัมซุดดีน ได้กล่าวในช่วงท้ายว่า ในช่วงเดือนล่าสุด ภายหลังจากการโจมตีของซาอุดิอาระเบีย อันศอรุลลอฮ สามารถกวาดล้างกลุ่มตักฟีรีย์ และไอซิส มากถึง 90 เปอร์เซ็นต์ และวันนี้เราจะประจักษ์เห็นในกวาดล้าง กลุ่มตักฟีรีย์ วะฮาบี และไอเซิส จำนวน 12,000 กว่าคน และเราจะพยายามให้พวกเขาเหลานี้ออกไปจากประเทศนี้ให้ได้

เขาได้กล่าวว่า ถ้าหากวันนี้ ซาอุได้ร่วมกับหลายประเทศในการโจมตีเยเมน อย่างเปิดเผย ทำลายอาคารบ้านเรือนของประเทศนี้ การที่เยเมนไม่ได้บุกโจมตีประเทศซาอุ นั่นก็เพราะพวกเราต่างรู้ดีว่า ในสภาวะที่ละเอียดอ่อนเช่นนี้ เหล่าบรรดามหาอำนาจผู้ยโสโอหัง ต่างรอคอยจังหวะในการโจมตีเยเมน และเป็นการเปิดทางให้เกิดสงครามระหว่างซุนนี่-ชีอะฮ และยังจะทำให้ยิวไซออนิสต์ประสบความสำเร็จตามเป้าหมาย และอันที่จริงแล้ว ซาอุดิอาระเบียต้องการให้เยเมนทำการตอบโต้โดยการบุกแผ่นดินของซาอุฯ เสียด้วยซ้ำ และการเข้าสู่แผ่นดินฮารอมัยน (เมืองมักกะห์ และมะดีนะห์) จะกลายเป็นข้ออ้างที่สวยหรูที่สุดในการก่อสงครามระหว่างซุนนี่-ชีอะฮ และยังสามารถกระตุ้นกลุ่มต่างๆได้ในอีกด้านหนึ่ง แต่เราจะไม่มีวันตกอยู่ในหลุมพรางเหล่านี้ แม้ว่าเราจะมีอาวุธที่ไม่มากนัก แต่เรามีความเข้มแข็ง และความปรารถนาอันแรงกล้า ด้านจิตวิญญาณ เราได้พยายามทำลายแผนการและเป้าหมายต่างๆของศัตรูมาโดยตลอด ซึ่งในจำนวนประชากร 25 ล้านคนในตอนนี้ มี 10,000 คนแล้ว ที่เป็นชะฮีด และได้รับบาดเจ็บ ทั้งนี้ก็เพื่อการยืนหยัด โดยถือว่า การยืนหยัด คือ กุญแจแห่งชัยชนะที่จะสูญเสียไปไม่ได้

เขาได้กล่าวทิ้งท้ายว่า หาก กองทัพอียิปต์และปากีสถานเข้าร่วมกับซาอุดิอาระเบีย วันนี้ พวกเขาจะต้องเป็นหนึ่งในผู้มีส่วนร่วมในการกดขี่ประชาชนชาวเยเมน และเป็นผู้รุกรานประเทศนี้ ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว ไม่มีใครอยากมีส่วนร่วมในการก่ออาชญากรรมนี้ทั้งนั้นเว้นแต่ เพื่อผลประโยชน์อันมหาศาลเท่านั้น ….

تحلیل مشاور ارشد انصارالله یمن از تجاوز آل سعود ‌شعاع نور انقلاب اسلامی ایران ‌را در ‌یمن مشاهده ‌می‌کنیم/تاکنون 10 هزار شهید و مجروح دا
http://iqna.ir/fa/News/3292084

เบื้องหลังซาอุดิอาระเบีย โจมตีเยเมน หวังสร้างสงครามชีอะห์ –ซุนนี | abnewstoday

 

อิหร่านเตือน หาก “เรือบรรเทาทุกข์อิหร่าน” ถูกโจมตี ภูมิภาคนี้จะต้องลุกเป็นไฟ
ตะวันออกกลางเกาะติดสถานการณ์เยเมนby เอบีนิวส์ทูเดย์ - พ.ค. 14, 2015



เพรสทีวี – รองหัวหน้ากองกำลังติดอาวุธอิหร่าน ย้ำ หาก “เรือบรรเทาทุกข์อิหร่าน” ถูกโจมตี ภูมิภาคนี้จะต้องลุกเป็นไฟ

ซัยยิด มัสอูด ญะซาอิรีย์ รองหัวหน้ากองกำลังติดอาวุธอิหร่าน ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว อัลอาลัม เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (12 ) โดยชี้ยังเจ้าหน้าที่ซาอุดิอาระเบีย ว่า “หยุดการก่อกวนเรือบรรเทาทุกข์ด้านมนุษยธรรมของสาธารณรัฐอิสลามอิหร่านได้แล้ว ที่กำลังมุ่งหน้ายังเยเมนเพื่อช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม ”

นายพล ญะซาอิรีย์ ย้ำว่า ซาอุดิอาระเบียและอเมริกา ควรหยุดการก่อกวนและคุกคามเรือบรรเทาทุกข์ของอิหร่านได้แล้ว

เขาได้ตอบคำถาม “หากซาอุดิอาระเบียสกัดกั้นไม่ให้เรือบรรเทาทุกข์อิหร่าน ไปถึงท่าเรือเยเมนแล้ว ทางอิหร่านจะมีการตอบโต้เรื่องนี้อย่างไร” ว่า ซาอุดิอาระเบีย ผู้ปกครองคนใหม่ที่อ่อนหัดของซาอุฯ อเมริกาและชาติอื่นๆ พึงรู้และตระหนักว่า หากมีการรบกวนเรือบรรเทาทุกข์ช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมของอิหร่านยังประเทศในภูมิภาคนี้มากไปกว่านี้อีก มันอาจจะเกิดไฟสงครามขึ้นมาได้ ซึ่งพวกคุณทั้งหลายไม่อาจยับยั้งและควบคุมมันได้อย่างแน่นอน

เขายังได้กำชับยังซาอุดิอาระเบียว่า อย่างน้อยที่สุดควรให้สาธารณรัฐอิสลามอิหร่านและประเทศอื่นๆ เข้าไปช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่ชาวเยเมนผู้ถูกกดขี่ “และหากเป็นการดีไปกว่านี้ ประเทศที่อ้างตนว่าเป็นชาติอิสลาม ควรยุติการโจมตีและเข่นฆ่ามุสลิมได้แล้ว”

รองหัวหน้ากองกำลังติดอาวุธอิหร่าน กล่าวว่า เราหวังว่าประชมคมระหว่างประเทศ องค์กรระหว่างประเทศ และผู้อ้างตนเป็นนักสิทธิมนุษยชน ควรตื่นจากการหลับใหล ต่อการกระทำของซาอุดิอาระเบียที่มีต่อพลเรือนชาวเยเมน ที่ได้ก่ออาชญากรรมฆ่าพี่น้องผู้บริสุทธิ์ ที่มีความคล้ายคลึงกับการก่ออาชญากรรมของยิวไซออนิสตที่มีต่อพี่น้องผู้ถูกกดขี่ในกาซ่า

เขาได้ชี้ถึงการประกาศหยุดยิงของซาอุดิอาระเบียต่อเยเมน ว่า การประกาศหยุดยิงของซาอุฯ ครั้งนี้ ถือเป็นครั้งที่สองแล้ว โดยครั้งแรก ซาอุฯ ก็ได้ละเมิดและไม่ปฏิบัติตามคำประกาศดังกล่าวมาแล้ว

เขาได้ชี้ถึง การโจมตีที่รุนแรงขึ้นหลังการประกาศหยุดยิงครั้งแรก ว่า ดูแล้วปัญหานี้เริ่มเข้าสู่ประเด็นที่ซับซ้อนและละเอียดอ่อนมากขึ้น โดยอาศัยพื้นฐานการดำเนินการตามกลไกและนโยบายหลักของอเมริกาและยิวไซออนิสต์ ที่วางไว้ในเขตพื้นที่ขนาดใหญ่ และเต็มไปด้วยทรัพยากรในตะวันออกกลาง เอเชียตะวันตก และแอฟริกาเหนือ


สงครามตัวแทนสำหรับอเมริกา

นายพล ญะซาอิรีย์ ได้ชี้ถึงแผนการของอเมริกาที่มีต่อเยเมน ว่า ขณะนี้ซาอุดิอาระเบียกำลังสร้างสงครามตัวแทนในนามของอเมริกา และบางชาติมหาอำนาจในยุโรป และยิวไซออนิสต์ ในเยเมน ด้วยเหตุนี้จึงไม่มีความหวังมากเท่าไหร่นัก ที่จะเห็นซาอุดิอาระเบียจะปฏิบัติตามคำประกาศหยุดโจมตีเยเมน นอกเสียจากว่า จะเกิดเหตุการณ์และการเปลี่ยนแปลงอื่นๆในอนาคต

เขาได้ชี้ถึงการนิ่งเฉยและไม่ตอบโต้ของเยเมนต่อการถูกโจมตีจากซาอุดิอาระเบีย ว่า ตามความคิดของเราแล้ว การนิ่งเงียบของเยมนต่อการถูกโจมตีครั้งนี้ ถือเป็นกลยุทธ์หนึ่งของเยเมน และคิดว่า ชาวเยเมนคงทราบดีว่า ทำไมจึงต้องนิ่งเงียบ ไม่มีการตอบโต้ และการนิ่งเงียบของเยเมนนั้น ถือเป็นกลยุทธ์ที่สำคัญอันหนึ่งและสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับประชาคมโลก


การกล่าวหาอิหร่านเข้าไปแทรกแซงในเยเมน

เขาได้ชี้ถึงข้อกล่าวหา ว่าอิหร่านเข้าไปแทรกแซงในเยเมนว่า นี่เป็นความขัดแย้งทางประวัติศาสตร์อย่างสิ้นเชิง เพราะขณะที่อเมริกาส่งจรวดขีปนาวุธโจมตีเยเมนอย่างเปิดเผย หลายชาติในภูมิภาคเข้าร่วมกับซาอุดิอาระเบียในการโจมตีเยเมนทางอากาศ โจมตีพลเมืองชาวเยเมนที่ไร้ทางสู้ แม้กระทั้งมีการใช้อาวุธเคมีในการโจมตีด้วย และทั่วโลกก็ได้ประจักษ์เห็นการก่ออาชญากรรมของซาอุดิอาระเบีย สิ่งต่างๆเหล่านี้ล้วนเป็นพยานทั้งสิ้น แต่พวกเขากลับกล่าวหาอิหร่านว่าเข้าไปแทรกแซงในเยเมน ส่งกองกำลังทหารเข้าไปในเยเมน โดยปราศจากพยานหลักฐานใดๆ สิ่งนี้ถือเป็นการกล่าวหาและใส่ร้ายป้ายสีอิหร่านชัดๆ

อิหร่านเตือน หาก “เรือบรรเทาทุกข์อิหร่าน” ถูกโจมตี ภูมิภาคนี้จะต้องลุกเป็นไฟ | abnewstoday

 

การสะท้อนคำเตือนของอิหร่านต่ออเมริกาในสื่อต่างๆ ของโลก
Category: News & Event Published on Thursday, 14 May 2015 18:20 Written by Islamicstudiesth Team.



"ผู้นำทางทหารของอิหร่านได้เตือนว่า ทุกความพยายามที่จะสกัดกั้นไม่ให้เรือบรรเทาทุกข์ของอิหร่านไปถึงเยเมนนั้น จะเป็นตัวจุดไฟสงครามขึ้นในภูมิภาค..."

ญอมนิวส์รายงาน : ในวันอังคาร รองเสนาธิการของกองทัพอิหร่านได้เตือนว่า หากมีการรบกวนเรือบรรทุกความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมของสาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่านที่จะนำไปยังเยเมนแล้วไฟสงครามจะลุกโชนขึ้น ซึ่งทั้งอเมริกาและซาอุดีอาระเบียจะไม่อาจหยุดยั้งมันได้

เว็บไซต์อเมริกัน "วอชิงตันเฟอร์รี่เบคอน" (Freebeacon) ภายใต้หัวข้อข่าวว่า "อิหร่าน : การโจมตีเรืออิหร่านที่มุ่งหน้าสู่เยเมนจะจุดไฟสงครามขึ้นในภูมิภาค" ได้เขียนในเรื่องนี้ว่า : "ผู้นำด้านทหารของอิหร่านเตือนว่า ทุกความพยายามที่จะสกัดกั้นการเดินทางผ่านของเรือบรรเทาทุกข์จากอิหร่านไปยังเยเมนนั้นจะเป็นการจุดไฟสงครามขึ้นในภูมิภาค"

นิตยสารอเมริกัน "Politico" ก็ได้เขียนภายใต้หัวข้อข่าวว่า "อิหร่านเตือนสหรัฐเกี่ยวกับเรือบรรทุกความช่วยเหลือไปยังเยเมน" เช่นกันว่า เจ้าหน้าที่ทหารระดับสูงของอิหร่านเตือนสหรัฐและพันธมิตรอ่าวว่า อย่าได้สกัดกั้นเรือบรรเทาทุกข์ของอิหร่านที่จะไปให้เยเมน และกล่าวว่าการดำเนินการดังกล่าวจะนำไปสู่การปะทุของไฟสงคราม เขากล่าวว่า : "ผมขอประกาศอย่างชัดเจนว่าการควบคุมตนเองของสาธารณรัฐอิสลามนั้นมีขอบเขตจำกัด"

เว็บไซต์ไซออนิสต์ "Times Of Israel" ได้เขียนในเรื่องนี้ว่า : "อิหร่านได้ขู่ว่า หากเรือบรรทุกความช่วยเหลือไปยังเยเมนถูกโจมตี สงครามจะเกิดขึ้น"

สำนักข่าว "Sputniknews" ก็ได้สะท้อนข่าวนี้เช่นกัน โดยเขียนว่า : "รองเสนาธิการของกองทัพอิหร่านได้เตือนในวันอังคารว่า อิหร่านจะตอบโต้อย่างเต็มกำลังต่อทุกประเทศที่โจมตีเรือบรรทุกความช่วยเหลือทางด้านมนุษยธรรมของอิหร่าน"

เว็บไซต์ไซออนิสต์ "Ynetnews" สำนักข่าวรอยเตอร์ (Reuters) ของอังกฤษ เว็บไซต์ต่างๆ ขออเมริกา อย่างเช่น "Foxnews" "Yahoo News" "CBSnews" และอื่นๆ ก็ได้สะท้อนเกี่ยวกับเรื่องนี้เช่นกันในข่าวของตนภายใต้หัวข้อต่างๆ

ที่มา : jamnews

การสะท้อนคำเตือนของอิหร่านต่ออเมริกาในสื่อต่างๆ ของโลก

 

เตือนภัย พิบัติโลก



14/5/2015 เกิดเหตุการณ์ประหลาดขึ้น ในสระน้ำสาธารณะแห่งหนึ่ง หมู่ที่ ๑๒ ต.ม่วงสามสิบ อ.ม่วงสามสิบ จ. อุบลราชธานี มีน้ำไหลลงไปในหลุมตลอดเวลา ไม่รู้ไหลไปไหนไม่เต็มซักที จนน้ำในสระลดลงไปเกือบหมด ชาวบ้านเชื่อกันว่าเป็นถ้ำพญานาคอยู่ข้างใน

ล่าสุดสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดอุบลราชธานีขอรายงานเพิ่มเติมเหตุการณ์ดินทรุดที่อำเภอม่วงสามสิบ จังหวัดอุบลราชธานี 13/5/2015 เมื่อเวลา 16.30 น. เจ้าหน้าที่ทรัพยากรธรณีเขต 2 ขอนแก่น. ได้แก่ นายทรงกลด ประเสริฐทรง. และ ดร.น้ำฝน คำพิลัง ได้มาตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุ. สรุปได้ว่า สาเหตุเกิดจาก กลุ่มรอยแตกของหิน ซึ่งด้านล่างประกอบด้วยชั้นเกลือหินที่ละลายน้ำได้ง่าย เมื่อชั้นเกลือละลายน้ำ ประกอบกับการสูบน้ำบาดาลทำให้น้ำเสียสมดุล. และน้ำหน้าชั้นดินด้านบนกดทับทำให้เกิดรอยแยกที่มีอยู่แล้วถ่างกว้างขึ้น. จึงเกิดช่องโพรงตามแรงดันน้ำ
การแก้ไขปัญหาเบื้องต้น. ให้นำกระสอบทรายหรือดินไปปิดกั้นลดแรงดันของน้ำปิดกั้นการไหลของน้ำและไม่ให้ลอยแตกแยกกว้างขึ้น
การแก้ปัญหาระยะยาว. ต้องทำการ ศึกษาลักษณะของโพรงที่น้ำไหลผ่านแล้วสร้างกำแพงคอนกรีตกั้น
cr. ศูนย์ปฏิบัติการ อำเภอม่วงสามสิบ

 

Kaokala Fc
14 พ.ค. หวั่นธารน้ำแข็งขั้วโลกใต้ไร้กันชน หลัง “หิ้งน้ำแข็ง” ใหญ่สุดในคาบสมุทรบางลง


(..ภาพถ่ายดาวเทียมเมื่อครั้งหิ้งน้ำแข็งลาร์สันบีเริ่มแตกสู่ทะเลเมื่อปี 2002 : MODIS, NASA's Earth Observatory)

หลัง “คาบสมุทรแอนตาร์กติก” สูญเสีย “หิ้งน้ำแข็ง” ไปแล้ว 2 ส่วน เหลือส่วนที่ใหญ่ที่สุดที่กำลังบางลงเรื่อยๆ จากน้ำและอากาศที่ร้อนขึ้น นักวิทยาศาสตร์คาดภายในศตวรรษนี้หรือเร็วกว่านั้น เราอาจสูญเสียหิ้งน้ำแข็งที่เป็นกันชนให้ธารน้ำแข็งที่ขั้วโลกใต้ และจะเป็นเหตุให้ระดับน้ำทะเลทั่วโลกเพิ่มสูงขึ้น

รายงานจากเอเอฟพีอ้างถึงการศึกษาของนักวิทยาศาสตร์ว่า หิ้งน้ำแข็งลาร์สันซี (Larsen C) ซึ่งเป็นหนึ่งใน 3 หิ้งน้ำแข็ง (Ice shelf) ในคาบสมุทรแอนตาร์กติกและเป็นหิ้งน้ำแข็งขนาดใหญ่ที่สุดของคาบสมุทรดังกล่าวกำลังบางลง และอาจหลุดสู่ทะเลภายในศตวรรษนี้

ด้าน พอล ฮอลแลนด์ (Paul Holland) จากสำนักสำรวจแอนตาร์กติกอังกฤษ (British Antarctic Survey: BAS) หัวหน้าทีมวิจัยที่ค้นพบใหม่นี้ กล่าวว่าพวกเขาทราบว่ามี 2 กระบวนการที่เป็นเหตุให้หิ้งน้ำแข็งลาร์สัน ซี บางลงและมีเสถียรภาพลดลง และหากหิ้งน้ำแข็งขนาดใหญ่นี้พังทลายลง จะทำให้ธารน้ำแข็ง (glaciers) ที่อยู่ด้านหลังไหลลงสู่ทะเลเร็วขึ้น ซึ่งจะนำไปสู่ระดับทะเลที่สูงขึ้นด้วย

ก่อนหน้านี้ 2 หิ้งน้ำแข็งขนาดเล็กกว่าทางฝั่งตะวันออกของคาบสมุทรที่ยื่นออกจากทวีปแอนตาร์กติกาไปทางอเมริกาใต้ได้ทลายลงในช่วง 2 ทศวรรษที่ผ่านมา โดยครั้งแรกเป็นการทลายของหิ้งน้ำแข็งลาร์สันเอ (Larsen A) ในปี 1995 ตามมาด้วยการทลายของหิ้งน้ำแข็งลาร์สันบี (Larsen B) ที่มีพื้นที่ประมาณ 3,250 ตารางกิโลเมตรในปี 2002

หิ้งน้ำแข็งเป็นแผ่นน้ำแข็งขนาดมหึมาที่ลอยอยู่ในทะเลและเชื่อมต่อกับชายฝั่งของทวีปแอนตาร์กติกา โดยมีความหนาหลายร้อยเมตรและเชื่อมต่อกับแผ่นน้ำแข็งที่อยู่บนพื้นทวีป และถูกเติมโดยธารน้ำแข็ง สำหรับหิ้งน้ำแข็งลาร์สันบีนั้น นักธารน้ำแข็งวิทยาระบุว่า ไม่เคยมีมาก่อนสิ้นสุดยุคน้ำแข็งครั้งสุดท้ายหรือเมื่อประมาณ 12,000 ปีก่อน

การค้นพบว่าคาบสมุทรดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของโลกที่ร้อนขึ้นเร็วที่สุดนั้นได้สร้างความตกตะลึงอย่างยิ่ง โดยอุณหภูมิในแถบนั้นได้เพิ่มขึ้นเฉลี่ยประมาณ 2.5 องศาเซลเซียสในช่วง 50 ปีที่ผ่านมา ซึ่งมากกว่าอุณหภูมิโลกเฉลี่ยหลายเท่า

นักวิจัยเชื่อว่า น้ำทะเลที่ร้อนขึ้นได้เซาะน้ำแข็งจากด้านใต้ ขณะที่อากาศซึ่งอุ่นขึ้นได้ขับพื้นผิวหิมะอ่อนๆ ที่เรียกว่า “หิมะน้ำแข็ง” (firn) ออกไป เป็นผลให้น้ำแข็งบนพื้นผิวบีบอัดและแน่นขึ้น ซึ่งสร้างความเครียดและเปราะบางให้แก่โครงสร้างภายในของหิ้งน้ำแข็ง

ขณะที่รายงานจากคณะกรรมการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ (Intergovernmental Panel on Climate Change) หรือไอพีซีซี (IPCC) ของสหประชาชาติ เมื่อปี 2013 ระบุว่า การสูญเสียน้ำแข็งจากทวีปแอนตาร์กติกาอาจเพิ่มขึ้นจากปีละ 3 หมื่นล้านตันในทศวรรษนี้เป็น 1.47 แสนล้านตันในทศวรรษถัดไป และยังคาดการณ์ด้วยว่า น้ำทะเลที่ร้อนขึ้นและการสูญเสียน้ำแข็งนั้นจะผลักดันให้ระดับน้ำทะเลเฉลี่ยสูงขึ้น 40-63 เซ็นติเมตร แต่อาจมากถึง 82 เซ็นติเมตรจากเพดานสูงสุดตามภาพฉายของการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก

 

นายกฯเนปาลไม่ได้เตรียมรับแผ่นดินไหว | เดลินิวส์



„นายกฯเนปาลไม่ได้เตรียมรับแผ่นดินไหว นายกรัฐมนตรีเนปาลกล่าวยอมรับว่า รัฐบาลของเขาไม่ได้เตรียมสำหรับรับการเกิดเหตุแผ่นดินไหวรุนแรงครั้งใหม่ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 12 พ.ค.ที่ผ่านมา ขณะเดินทางไปตรวจเยี่ยมพื้นที่ประสบภัย วันศุกร์ที่ 15 พฤษภาคม 2558 เวลา 1:57 น.

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงกาฐมาณฑุประเทศเนปาล เมื่อวันที่15พ.ค.ว่าเหตุแผ่นดินไหวรุนแรง7.3แมกนิจูดทางตะวันออกของเนปาลติดกับพรมแดนประเทศจีนเมื่อวันอังคารที่ 12พ.ค.ที่ผ่านมาก่อให้เกิดเหตุดินถล่มบ้านเรือนพังถล่มเสียหาย สร้างความเสียหายซ้ำเติมให้กับเนปาลที่เพิ่งจะเผชิญกับแผ่นดินไหวรุนแรง7.8แมกนิจูดเมื่อวันที่ 25เม.ย.ที่ผ่านมาทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่า8,000ศพแล้วและบ้านเรือนราษฎรเสียหายกว่า500,000หลังคาเรือน นายซูชิลคอยราลา นายกรัฐมนตรีเนปาลเปิดเผยต่อผู้สื่อข่าวขณะเดินทางไปตรวจเยี่ยมพื้นที่ประสบภัยที่เมืองชาริโกฏทางตะวันออกเฉียงเหนือของเนปาลติดกับทิเบต จีนว่าหากเราร่วมมือกันเราก็จะผ่านเหตุการณ์เลวร้ายนี้ไปได้แต่เราไม่ได้เตรียมตัวเพื่อรับมือกับแผ่นดินไหวรุนแรงและจะต้องเดินหน้าต่อไป ทั้งนี้รัฐบาลเนปาลของนายกรัฐมนตรีคอยราลาถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักเรื่องความล่าช้าในการรับมือกับแผ่นดินไหวรุนแรงถึงสองครั้งด้วยกัน สำหรับเมืองชาริโกฏเป็นเมืองสำคัญอยู่ในเขตโดลากาซึ่งทางกำลังตำรวจยังคงค้นหาผู้สูญหายจากเหตุแผ่นดินไหวและดินถล่มทำให้บ้านเรือนพังทลาย ส่วนโฆษกตำรวจเนปาลแถลงว่า แผ่นดินไหว 7.3แมกนิจูดเมื่อวันอังคารที่ 12พ.ค.ที่ผ่านมามีจุดศูนย์กลางอยู่ห่าง 76กิโลเมตรทางตะวันออกของกรุงกาฐมาณฑุมีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นเป็น110ศพและบาดเจ็บ2,609คน “

อ่านต่อที่ : นายกฯเนปาลไม่ได้เตรียมรับแผ่นดินไหว | เดลินิวส์

 

ชาร์ป!กู้แบงก์พยุงกิจการ ปลดพนักงานเพิ่ม5พันคน | เดลินิวส์

„ชาร์ป!กู้แบงก์พยุงกิจการ ปลดพนักงานเพิ่ม5พันคน สั่งปลดพนักงานเพิ่มอีกเกือบ 5,000 คน บริษัท "ชาร์ป" ผู้ผลิต-จำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้าชื่อดังระดับโลกจากญี่ปุ่น ประกาศกู้เงินจากธนาคาร 200,000 ล้านเยนรักษากิจการของบริษัทที่ขาดทุนอย่างหนัก วันศุกร์ที่ 15 พฤษภาคม 2558 เวลา 11:19 น.



สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 15 พ.ค. ว่านายโคโซ ทาคาฮาชิ ประธานบริษัทชาร์ป ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์รายใหญ่ของโลกจากญี่ปุ่น แถลงเกี่ยวกับผลประกอบการของบริษัทประจำปีที่แล้ว ว่าขาดทุนมากถึง 222,000 ล้านเยน ( ราว 61,380 ล้านบาท ) มากกว่าที่มีการคาดการณ์เอาไว้ก่อนหน้านี้ ส่งผลให้ที่ประชุมคณะกรรมการบริการมีมติเตรียมเลิกจ้างพนักงานราว 4,900 คน ร้อยละ 10 จากที่มีอยู่ทั้งหมดทั่วโลกราว 49,000 คน โดยในจำนวนผู้ที่จะต้องออกจากงานในครั้งนี้นั้น จะเป็นพนักงานในญี่ปุ่น 3,500 คน นอกจากนี้ ทาคาฮาชิยังประกาศการกู้เงินครั้งที่ 2 ในรอบ 3 ปี มูลค่า 100,000 ล้านเยน ( ราว 28,300 ล้านบาท ) จากธนาคารมิซูโฮ และจากธนาคารมิตซูบิชิ ยูเอฟเจในจำนวนเท่ากัน เพื่อนำมาใช้เสริมสภาพคล่องทางการเงินให้แก่บริษัท และเพื่อปฏิรูปโครงสร้างการทำงานให้มี "วิสัยทัศน์" มากขึ้น ขณะที่ราคาหุ้นของชาร์ปตกลงมากถึงร้อยละ 25 ตั้งแต่ต้นสัปดาห์นี้ ปัจจุบัน ชาร์ปถือเป็นผู้จัดจำหน่ายหน้าจอสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตรายใหญ่ของแอปเปิ้ล ทั้งนี้ บริษัทก่อตั้งเมื่อปี 2455 โดยนายโทคูจิ ฮายากาวะ และมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่เมืองโอซากา“

อ่านต่อที่ : ชาร์ป!กู้แบงก์พยุงกิจการ ปลดพนักงานเพิ่ม5พันคน | เดลินิวส์